JJNY : ปชน.ปราศรัยใหญ่เลือกตั้งอบจ.│โรมนำกมธ. รุดตรวจว้าแดง│กกต.สุราษฎร์ โต้กระแสซื้อเสียง│รัสเซียเปิดตัวหนังสือเรียน

ปชน. ปราศรัยใหญ่เลือกตั้ง อบจ. ผนึกกำลัง จักรพันธ์ พานครนายกไปต่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5020533
 
 
ปชน. ปราศรัยใหญ่เลือกตั้ง อบจ.นครนายก ผนึกกำลัง “จักรพันธ์ จินตนาพากานนท์” พานครนายกไปต่อ ขอนายจ้างอนุญาตแรงงานใช้สิทธิเลือกตั้ง 1 กุมภาพันธ์ ไม่ถือเป็นวันลาวันหยุด

เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 ที่ตลาดนัดศรีเมือง ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.นครนายก พรรคประชาชนเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงสำหรับการเลือกตั้ง อบจ.นครนายก ซึ่งพรรคประชาชนได้ส่ง นายจักรพันธ์ จินตนาพากานนท์ หรือ “จิม” เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.นครนายก เบอร์ 2 พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.อบจ. ทั้ง 19 คน โดยกิจกรรมในวันนี้มีทั้งแกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมการปราศรัยและพบปะประชาชนที่มารับฟังปราศรัยอย่างคึกคัก

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ระบุว่าตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่มาจนถึงพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน หนึ่งในนโยบายหลักที่เรารณรงค์คือการกระจายอำนาจ และเราเชื่อว่าจะพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ประชาชนได้ การเมืองระดับชาติอย่างเดียวไม่พอแต่การเมืองท้องถิ่นต้องเปลี่ยนแปลงด้วย

พรรคประชาชนเป็นพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในระดับ อบจ. และระดับตำบล ได้รณรงค์ให้คนเห็นถึงความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น วันนี้หลายพรรคการเมืองส่งผู้สมัครในนามพรรคเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่ใดที่มีการดีเบตนโยบาย นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนตื่นตัวและเห็นความสำคัญของการเลือกตั้งท้องถิ่นมากขึ้น

นายธนาธรกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาเรามีโอกาสทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในหลายพื้นที่ ทั้งเรื่องการพัฒนาน้ำประปาให้มีคุณภาพถึงขั้นดื่มได้ การพัฒนาระบบการแพทย์ทางไกล การนำทราฟฟี่ฟองดูว์มาใช้บริหารจัดการข้อร้องเรียนของประชาชนก่อน กทม. นำมาใช้เสียอีก การจัดการขยะแบบแยกวันแยกประเภท เป็นต้น

และนั่นทำให้การเลือกตั้งนายก อบจ.นครนายกรอบนี้เป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างความรู้ความสามารถของพรรคประชาชน กับความรู้ความสามารถของนายก อบจ. คนปัจจุบัน ที่มีความรู้ทั้งด้านวิศวกรรมศาสตร์ การบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ มีประสบการณ์ในการทำงานทั้งด้านวิศวกรรมและการสอนหนังสือก่อนมาเป็นนายก อบจ. จักรพันธ์ซึ่งติดตามการเมืองและชื่นชมการทำงานของพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชนมาตลอดจึงได้มาร่วมกันในรอบนี้
นายธนาธร กล่าวต่อไปว่าเราเชื่อว่าการร่วมมือกันครั้งนี้ชาวนครนายกคือผู้ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด ทั้งเรื่องการศึกษา การจัดการไฟป่าอย่างมีความรู้ความเชี่ยวชาญ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว รัฐบาลดิจิทัล และการกระจายอำนาจ จากนี้จักรพันธ์จะไม่เดินทางอย่างโดดเดียว แต่จะเดินทางโดยมีข้างหลังที่เป็นปึกแผ่น คือแกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ อดีตพรรคก้าวไกล และแกนนำ สส. และสมาชิกพรรคประชาชน นี่คือศักราชใหม่ที่จะเป็นการประสานระหว่างความเป็นผู้นำและความเข้าใจในพื้นที่ของจักรพันธ์ ร่วมกับความรู้ความสามารถในบุคลากรของพรรคประชาชน
 
ต่อมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ปราศรัยเป็นคนสุดท้าย โดยระบุว่าการตัดสินใจที่จักรพันธ์จะมาอยู่กับพรรคประชาชนเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะนี่คือการประสานพลังระหว่างคนรุ่นใหม่ที่จะทำให้นครนายกได้ไปต่อแน่นอน จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่นได้อย่างไร้รอยต่อ
 
นครนายกมีโรงงานหลายร้อยโรงงาน มีประชากรแรงงานถึง 1.2 แสนคน ซึ่งตามกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น หากนายจ้างไม่อนุญาตให้ลูกจ้างไปใช้สิทธิในวันเสาร์นี้จะเป็นการผิดกฎหมาย ซึ่งตนเชื่อว่าเจ้าของโรงงานและเจ้าของธุรกิจในนครนายกย่อมรู้และมีจิตใจเป็นประชาธิปไตย คงไม่ขัดขวางไม่ให้ลูกจ้างไปใช้สิทธิ์แน่นอน ไม่ถือเป็นวันลาวันหยุด แรงงานทุกคนจะไปใช้สิทธิและนายจ้างจะอนุญาตให้ไป

ที่สำคัญคือคนนครนายกซื้อไม่ได้ด้วยเงิน 200-300 บาทแน่ๆ เงินจำนวนนี้ที่ซื้อไปเพื่อให้ได้เข้าสู่อำนาจได้อีก 1,400 กว่าวัน หากคำนวณเร็วๆ คิดได้เป็นวันละ 12 สตางค์ ตนเชื่อว่าชาวนครนายกไม่ยอมให้ใครมาซื้อเสียงซื้อศักดิ์ศรีด้วยเงินแค่ไม่กี่สิบสตางค์ต่อวันแน่นอน และหากมีใครจะมาซื้อก็ขอให้ทุกคนคิดให้ดี เพราะมันคืออนาคตของทุกคนในอีกกว่า 1,400 กว่าวันข้างหน้า คุณค่าของคนนครนายกมีมากกว่าแค่วันละสิบกว่าสตางค์แน่นอน
 
ทั้งนี้ในวันเดียวกัน พรรคประชาชนยังมีเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง อบจ.ปราจีนบุรี ที่ลานกิจกรรมนิคมอุตสาหกรรม 304 อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี โดยพรรคประชาชนส่ง “จำรูญ สวยดี” เป็นผู้สมัครนายก อบจ.ปราจีนบุรี หมายเลข 2 และผู้สมัคร ส.อบจ. จำนวน 18 คน พร้อมกับชุดนโยบาย 
อบจ. 5 ดี เพื่อปราจีนบุรี” ประกอบด้วย เศรษฐกิจดี คุณภาพชีวิตดี สิ่งแวดล้อมดี ท่องเที่ยวดี และ อบจ.โปร่งใสดี



โรม นำกมธ.มั่นคง รุดตรวจจุด ว้าแดงล้ำแดนไทย ยันเห็นชัดในบริเวณสันปันน้ำ-ไร้วี่แววถอน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5020226

โรม นำกมธ.มั่นคง รุดตรวจจุด ว้าแดงล้ำแดนไทย ยันเห็นชัดในบริเวณสันปันน้ำ-ไร้วี่แววถอน
 
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ได้เผยผ่านเฟซบุ๊กหลังได้นำกมธ. ตรวจสอบพื้นที่จุดว้าแดงล้ำเส้น โดยระบุว่า
 
ผมได้นำ กมธ.มั่นคงฯ เดินทางไปที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ร่วมกับ ส.ส.อรพรรณ จันตาเรือง ไปยังฐานปฏิบัติการบ้านแปกแซม เพื่อดูพื้นที่กรณีฐานทัพว้า ล้ำเข้ามาในเขตแดนอธิปไตยของไทย ซึ่งเห็นชัดเจนในบริเวณสันปันน้ำที่มองเห็นฐานกองกำลังว้าตั้งอยู่ ซึ่งเราได้รับข้อมูลว่า ที่ผ่านมาได้มีการใช้กลไกชายแดนต่างๆ ในการประท้วง แต่ยังไม่มีการการันตีได้ว่า ทางกลุ่มว้าจะถอนฐานทัพออกจากเขตแดนไทย
 
นอกจากนี้ ในจุดผ่อนปรนช่องทางกิ่วผาวอก อ.เชียงดาว เป็นจุดที่ภาคเอกชน และท้องถิ่นให้ข้อมูลว่ามีศักยภาพด้านการค้าและการท่องเที่ยว ที่จะทำให้เกิดการนำเข้า – ส่งออกสินค้า เป็นช่องทางทำมาค้าขายของคนในพื้นที่ แต่เนื่องจากเมียนมายังประสบปัญหาด้านความมั่นคง และปัจจุบันรัฐบาลเมียนมายังไม่สามารถเจรจากับว้าด้วยตนเองได้ ทำให้การดำเนินการยกระดับจุดผ่อนปรนยังไม่มีความคืบหน้า อย่างไรก็ดีทางคณะฯ ยังมีความกังวลต่อปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด จากชนกลุ่มน้อยและการหลบหนีเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ และเราได้รับทราบถึงข้อจำกัดทั้งในการด้านบริหารจัดการการขึ้นทะเบียน และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสำรวจและป้องกันชายแดนอย่างครอบคลุมมากขึ้น
 
การลงพื้นที่ครั้งนี้ เราเห็นถึงผลกระทบจากการไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองของเมียนมา และการขยายพื้นที่ของกองกำลังว้า ที่ส่งผลต่อพื้นที่ชายแดนไทย เป็นภัยคุกคามทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ ซึ่งทางกมธ. จะนำข้อมูลปัญหา และอุปสรรคจากผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ไปเสนอ แนะเชิงนโยบายต่อไป
สุดท้ายนี้ ทางกมธ. ขอส่งกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาดินแดน และสร้างความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ของเราด้วยความมุ่งมั่นเสียสละ และต้องขอขอบคุณนายอำเภอเวียงแหง และตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ที่ให้การต้อนรับและนำ กมธ. ลงพื้นที่ในครั้งนี้ครับ
  
https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/pfbid0etNaJgJVPZC3LsbGQYZH5NBDvqN7tish485pFsZASXzmqScuVzogdigadS3Nfmnvl
 


กกต.สุราษฎร์ โต้กระแสซื้อเสียงเลือกตั้ง 200 ล้าน เผยยังไม่มีมูลร้องเรียน
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5020352

ผอ.กกต.สุราษฎร์ โต้กระแสซื้อเสียง 500 ยังไม่มีมูลร้องเรียน ตำรวจภาค 8 ส่งกำลังตั้งจุดตรวจ
 
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 มกราคม ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายพลัฏฐ์ นิลเนาวรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อม พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประชุมร่วมตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่ กกต.เพื่อวางมาตรการป้องกันการการกระทำผิดชื้อสิทธิ์ขายเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี (นายก อบจ.)และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ. )ที่จะมีขึ้นในที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 นี้
 
หลัง พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ออกมาแฉมีการทุ่มเงินร่วม 200 ล้านบาท ซื้อเสียงหัวละ 500 บาท 4 วันๆละ 100,000 หัว รวม 400,000 หัว ซึ่งที่ประชุมได้มีการวางแนวทางในการสืบสวนหาข่าว และการตั้งจุดตรวจในพื้นที่ต่างๆ
 
นายพลัฏฐ์ เนาวรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากกระแสข่าวที่ออกโซเชียล ทาง กกต.สุราษฎร์ธานี ได้รับฟังมามาตลอด และไม่ได้ตระหนกกับกระแสข่าวดังกล่าวซึ่ง กกต.ได้จัดชุดสืบสวนหาข่าว ทั้งชุด กกต.จังหวัดและชุด กกต.ส่วนกลาง พร้อมตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจชุดสันติบาล ซึ่งจากการลงพื้นที่ยังไม่มีข้อมูลการแจกเงินคนละ 500 ตามที่เป็นข่าว หลังจากนี้ได้วางมาตรการเข้มกว่าเดิมโดยร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจะประสานกับฝ่ายปกครองโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนายอำเภอ จัดทำแผนป้องกัน
 
ขณะนี้มีเพียงการร้องเรียนว่ามีการจดรายชื่อของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งได้สั่งการพนักงานสืบสวนไต่สวน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่า คนที่แจ้งเป็นคนของใครและแจ้งเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ถ้าหากว่ามีมูลความจริงก็จะนำไปสู่เรื่องคัดค้านในการเลือกตั้งต่อไป” นายพลัฏฐ์ กล่าว
 
ด้าน พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังการประชุมจากนี้จะร่วมกับ กกต.สุราษฎร์ธานี และฝ่ายปกครองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งด้านการข่าวของตำรวจภูธรจังหวัดร่วมกับตำรวจสันติบาล ได้ออกไปตรวจเยี่ยมผู้ช่วยหาเสียงของผู้สมัครนายก อบจ.ทุกฝ่าย ซึ่งตำรวจภูธรภาค 8 ได้ส่งกำลังสนับสนุนในการตั้งจุดตรวจและหาข่าวด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่