POLITICS: ‘ก้าวไกล’ แถลงพร้อมทำงานในฐานะฝ่ายค้าน มุ่งทำงานเชิงรุก - สร้างสรรค์ ชี้ สิ่งที่ล้มรัฐบาลชุดนี้ได้ คือศรัทธาของประชาชน
จี้ ศาลรัฐธรรมนูญ เคลียร์คดี ‘พิธา’ ให้ชัดเจน
วันนี้ (22 ส.ค. 66) เวลา 18:00 น. ที่อาคารรัฐสภา พรรคก้าวไกล นำโดยนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กล่าวถึงทิศทางของพรรคหลังจากนี้ว่า
วันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ และการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้ มิได้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนส่วนใหญ่ ที่ได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง
พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้มิใช่การสลายขั้วความขัดแย้ง โดยเอาวาระของประชาชน และวาระของประเทศเป็นตัวตั้ง แต่นี่กลับเป็นการสยบยอม และต่อลมหายใจให้กับระบบการเมืองที่คณะรัฐประหารเมื่อปี 2557 ที่พยายามทจะสถาปนาขึ้นมา
เป็นการทำลายความหวัง ความฝัน และอำนาจของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย
ต่อจากนี้ พรรคก้าวไกลจะทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน โดยเราจะทำงานเชิงรุก ทุกเสียงของพี่น้องประชาชนที่ให้กับพรรคก้าวไกล จะต้องมีความหมาย
ผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลทุกคนจะทำงานอย่างสุดความสามารถ ทั้งในด้านการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ทั้งในด้านการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า ทั้งในด้านการผลักดันวาระของประชาชน ผ่านกลไกต่างๆ ของสภา
รวมทั้งการทำงานกับประชาชนนอกสภา เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมร่วมกันอย่างไม่ท้อถอย
แม้ว่าวันนี้ผู้มีอำนาจพยายามทำให้อำนาจของประชาชนไม่มีความหมาย แต่พรรคก้าวไกลยังยืนอยู่ข้างประชาชนอย่างมั่นคง ด้วยความเชื่อมั่นว่าพลังของพี่น้องประชาชนจะสามารถสร้างอนาคตแบบใหม่ให้กับสังคมไทยได้ในที่สุด
“สักวันนึงเราจะมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง สักวันนึงเราจะมีระบบเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าเท่าทันโลกและเป็นธรรม สักวันนึงเราจะมีสังคมที่เคารพความแตกต่างหลากหลาย เคารพสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ยึดถือความมั่นคงของประชาชนเป็นความมั่นคงของชาติ”
ด้วยความเคารพในประชาชนที่มีอำนาจสูงสุดของประเทศ ” นายชัยธวัชกล่าว
ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงทิศทางของพรรคก้าวไกล ผู้สื่อข่าวถามถึงพรรคก้าวไกลจะเป็นแกนนำฝ่ายค้านหรือไม่ เนื่องจากเป็นพรรคที่มีเสียงมากที่สุดในฝ่ายค้าน นายชัยธวัช ระบุว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณากันในพรรค ยังมีเวลาอยู่ ส่วนกำหนดเวลาในช่วงไหนนั้น ในรัฐธรรมนูญมีการกำหนดเวลาไว้ว่าตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตนไม่แน่ใจว่าจะต้องแต่งตั้งหลังมีคณะรัฐมนตรีกี่สัปดาห์
เมื่อถามว่าเงื่อนไขการโดนสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะเป็นปัญหาหรือไม่ เพราะผู้นำฝ่ายค้านต้องไป สส. จากพรรคที่มีคะแนนมากที่สุด นายชัยธวัช กล่าวว่า มีปัญหาแน่นอน
จึงอยากเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพราะคณะกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในส่วนของคดีอาญา เห็นว่า ไอทีวี ไม่ใช่บริษัทสื่อแล้ว จึงหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินการพิจารณาไต่สวนเรื่องนี้หลังจากที่พักก้าวไกลได้ยื่นเอกสารชี้แจงไปแล้วโดยเร็วที่สุด เพื่อคืนความยุติธรรมให้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้นายพิธา
ผู้สื่อข่าวถามถามว่าคิดอย่างไรกับคำพูดของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่าหากไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ไม่จับมือกับพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็เป็นความคิดเห็นของพรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีแผนจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วที่สุดเมื่อไหร่ นายชัยธวัช กล่าวว่า การทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ต้องทำอย่างสร้างสรรค์ นึกถึงหลักการ และเหตุผลเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ว่า จะคัดค้าน และจ้องล้มรัฐบาลอยู่ทุกวัน
ตนคิดว่ารัฐบาลชุดนี้ สิ่งที่จะล้มได้คือศรัทธาของประชาชน
แม้เราจะเป็นฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลจะเดินหน้าทำงานเตรียมความพร้อมการบริหารประเทศการบริหารประเทศให้ดีที่สุด ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
สำหรับข้อมูลของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกมาแฉนายเศรษฐา จะเอาเรื่องนี้มาตรวจสอบหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็ต้องดูข้อเท็จจริง ถ้ามีประเด็นที่เห็นสมควรว่าจะต้องถูกตรวจสอบ เราก็ทำอย่างตรงไปตรงมา แต่ต้องดูเนื้อหาให้ชัดเจน
เมื่อถามว่าจะผลักดันการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ต่อหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า กฎหมายที่เราได้เคยหาเสียงไว้กับประชาชน เราจะดำเนินการทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ก็ทยอยเสนอไปแล้วหลายชุด
ในส่วนของพรรคการเมืองที่จะมาเป็นพันธมิตรในการทำงานเป็นพรรคฝ่ายค้าน นายชัยธวัช ระบุว่า พรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตรในการเป็นฝ่ายค้านนั้น ก็ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าพรรคฝ่ายค้านไม่มีการไปจับมือกัน เพราะทุกคนทุกพรรคที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ต้องถูกเป็นฝ่ายค้านทั้งหมดโดยภาระหน้าที่อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะมีการแบ่งงานระหว่างพรรคฝ่ายค้านหรือยัง นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่มีการแบ่งงานกันเพียงแต่บางวาระที่จะต้องทำร่วมกัน เช่น ในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร และในวาระอื่นๆ ก็จำเป็นต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมชาติ หลังจากที่มีการแต่งตั้งวิปทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลแล้ว
ก็คงได้เริ่มพูดคุยกันเป็นเรื่องปกติของกลไกรัฐสภา
สำหรับประเด็นของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 จะต้องลาออกหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรายังมีเวลาเหลืออยู่ ต้องดูตามกรอบของรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะมีการกดดันจากฝ่ายบริหารให้ลาออกหรือไม่ นายชัยธวัช ระบุว่า เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของพรรคก้าวไกลเพียงอย่างเดียว คงไม่มีเหตุผลอะไรที่ฝ่ายบริหารจะมากดดันในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคก้าวไกลจะยอมยกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และยังคงรั้งตำแหน่งประธานสภาคนที่ 1 ของนายปดิพัทธ์ไว้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า หากเราไม่ยึดติดเรื่องของตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน
โดยกลไกก็ต้องถือว่าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการตามรัฐธรรมนูญที่มีจำนวนสส. มากที่สุด
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามเรื่องการเดินทางกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามีความเห็นอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ได้ติดตามเรื่องของนายทักษิณ อยู่ในสภาทั้งวัน ทราบเพียงแค่ว่านายทักษิณได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้วแค่นี้จริงๆ
เรื่อง: กิตติธัช วิทยาเดชขจร
ภาพ: นันทกร วรกา
#TheReporters
ล่าสุด พรรคก้าวไกล แถลงพร้อมทำงานในฐานะฝ่ายค้าน เผย พรรคประชาธิปัตย์ อาจเป็น ผู้นำฝ่ายค้าน
จี้ ศาลรัฐธรรมนูญ เคลียร์คดี ‘พิธา’ ให้ชัดเจน
วันนี้ (22 ส.ค. 66) เวลา 18:00 น. ที่อาคารรัฐสภา พรรคก้าวไกล นำโดยนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กล่าวถึงทิศทางของพรรคหลังจากนี้ว่า
วันนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ และการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้ มิได้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนส่วนใหญ่ ที่ได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง
พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้มิใช่การสลายขั้วความขัดแย้ง โดยเอาวาระของประชาชน และวาระของประเทศเป็นตัวตั้ง แต่นี่กลับเป็นการสยบยอม และต่อลมหายใจให้กับระบบการเมืองที่คณะรัฐประหารเมื่อปี 2557 ที่พยายามทจะสถาปนาขึ้นมา
เป็นการทำลายความหวัง ความฝัน และอำนาจของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย
ต่อจากนี้ พรรคก้าวไกลจะทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน โดยเราจะทำงานเชิงรุก ทุกเสียงของพี่น้องประชาชนที่ให้กับพรรคก้าวไกล จะต้องมีความหมาย
ผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลทุกคนจะทำงานอย่างสุดความสามารถ ทั้งในด้านการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ทั้งในด้านการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า ทั้งในด้านการผลักดันวาระของประชาชน ผ่านกลไกต่างๆ ของสภา
รวมทั้งการทำงานกับประชาชนนอกสภา เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมร่วมกันอย่างไม่ท้อถอย
แม้ว่าวันนี้ผู้มีอำนาจพยายามทำให้อำนาจของประชาชนไม่มีความหมาย แต่พรรคก้าวไกลยังยืนอยู่ข้างประชาชนอย่างมั่นคง ด้วยความเชื่อมั่นว่าพลังของพี่น้องประชาชนจะสามารถสร้างอนาคตแบบใหม่ให้กับสังคมไทยได้ในที่สุด
“สักวันนึงเราจะมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง สักวันนึงเราจะมีระบบเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าเท่าทันโลกและเป็นธรรม สักวันนึงเราจะมีสังคมที่เคารพความแตกต่างหลากหลาย เคารพสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ยึดถือความมั่นคงของประชาชนเป็นความมั่นคงของชาติ”
ด้วยความเคารพในประชาชนที่มีอำนาจสูงสุดของประเทศ ” นายชัยธวัชกล่าว
ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงทิศทางของพรรคก้าวไกล ผู้สื่อข่าวถามถึงพรรคก้าวไกลจะเป็นแกนนำฝ่ายค้านหรือไม่ เนื่องจากเป็นพรรคที่มีเสียงมากที่สุดในฝ่ายค้าน นายชัยธวัช ระบุว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณากันในพรรค ยังมีเวลาอยู่ ส่วนกำหนดเวลาในช่วงไหนนั้น ในรัฐธรรมนูญมีการกำหนดเวลาไว้ว่าตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตนไม่แน่ใจว่าจะต้องแต่งตั้งหลังมีคณะรัฐมนตรีกี่สัปดาห์
เมื่อถามว่าเงื่อนไขการโดนสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะเป็นปัญหาหรือไม่ เพราะผู้นำฝ่ายค้านต้องไป สส. จากพรรคที่มีคะแนนมากที่สุด นายชัยธวัช กล่าวว่า มีปัญหาแน่นอน
จึงอยากเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพราะคณะกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในส่วนของคดีอาญา เห็นว่า ไอทีวี ไม่ใช่บริษัทสื่อแล้ว จึงหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินการพิจารณาไต่สวนเรื่องนี้หลังจากที่พักก้าวไกลได้ยื่นเอกสารชี้แจงไปแล้วโดยเร็วที่สุด เพื่อคืนความยุติธรรมให้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้นายพิธา
ผู้สื่อข่าวถามถามว่าคิดอย่างไรกับคำพูดของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่าหากไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ไม่จับมือกับพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็เป็นความคิดเห็นของพรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีแผนจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วที่สุดเมื่อไหร่ นายชัยธวัช กล่าวว่า การทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ต้องทำอย่างสร้างสรรค์ นึกถึงหลักการ และเหตุผลเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ว่า จะคัดค้าน และจ้องล้มรัฐบาลอยู่ทุกวัน
ตนคิดว่ารัฐบาลชุดนี้ สิ่งที่จะล้มได้คือศรัทธาของประชาชน
แม้เราจะเป็นฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลจะเดินหน้าทำงานเตรียมความพร้อมการบริหารประเทศการบริหารประเทศให้ดีที่สุด ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
สำหรับข้อมูลของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกมาแฉนายเศรษฐา จะเอาเรื่องนี้มาตรวจสอบหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็ต้องดูข้อเท็จจริง ถ้ามีประเด็นที่เห็นสมควรว่าจะต้องถูกตรวจสอบ เราก็ทำอย่างตรงไปตรงมา แต่ต้องดูเนื้อหาให้ชัดเจน
เมื่อถามว่าจะผลักดันการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ต่อหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า กฎหมายที่เราได้เคยหาเสียงไว้กับประชาชน เราจะดำเนินการทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ก็ทยอยเสนอไปแล้วหลายชุด
ในส่วนของพรรคการเมืองที่จะมาเป็นพันธมิตรในการทำงานเป็นพรรคฝ่ายค้าน นายชัยธวัช ระบุว่า พรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตรในการเป็นฝ่ายค้านนั้น ก็ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าพรรคฝ่ายค้านไม่มีการไปจับมือกัน เพราะทุกคนทุกพรรคที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ต้องถูกเป็นฝ่ายค้านทั้งหมดโดยภาระหน้าที่อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะมีการแบ่งงานระหว่างพรรคฝ่ายค้านหรือยัง นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่มีการแบ่งงานกันเพียงแต่บางวาระที่จะต้องทำร่วมกัน เช่น ในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร และในวาระอื่นๆ ก็จำเป็นต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมชาติ หลังจากที่มีการแต่งตั้งวิปทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลแล้ว
ก็คงได้เริ่มพูดคุยกันเป็นเรื่องปกติของกลไกรัฐสภา
สำหรับประเด็นของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 จะต้องลาออกหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรายังมีเวลาเหลืออยู่ ต้องดูตามกรอบของรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะมีการกดดันจากฝ่ายบริหารให้ลาออกหรือไม่ นายชัยธวัช ระบุว่า เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของพรรคก้าวไกลเพียงอย่างเดียว คงไม่มีเหตุผลอะไรที่ฝ่ายบริหารจะมากดดันในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคก้าวไกลจะยอมยกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และยังคงรั้งตำแหน่งประธานสภาคนที่ 1 ของนายปดิพัทธ์ไว้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า หากเราไม่ยึดติดเรื่องของตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน
โดยกลไกก็ต้องถือว่าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการตามรัฐธรรมนูญที่มีจำนวนสส. มากที่สุด
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามเรื่องการเดินทางกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามีความเห็นอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ได้ติดตามเรื่องของนายทักษิณ อยู่ในสภาทั้งวัน ทราบเพียงแค่ว่านายทักษิณได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้วแค่นี้จริงๆ
เรื่อง: กิตติธัช วิทยาเดชขจร
ภาพ: นันทกร วรกา
#TheReporters