พิธา ทวงผลงานแก้ฝุ่น ซัด เพื่อไทย ไม่ตรงปกเหมือนที่หาเสียงไว้ ชี้ วาระอาเซียนเรื่องมลพิษมีตั้งแต่ปี2002
https://www.matichon.co.th/politics/news_5016973
พิธา ทวงผลงานแก้ฝุ่น รัฐบาลเพื่อไทยอยู่ไหนหลังมีนายกฯแล้ว 2 คน เหน็บข้อสั่งการสมัย ’เศรษฐา’กลายเป็นฝุ่นหมดแล้ว สอนมวย’อุ๊งอิ๊ง‘วาระอาเซียนเรื่องมลพิษข้ามแดนมีมาตั้งแต่ปี 2002 ชี้พ.ร.บ.อากาศสะอาดอืดทั้งที่ควรเร่งด่วน แนะพรรคการเมืองเสนอกฎหมายแก้ฝุ่นข้ามชาติ ใช้กฎเหล็กลงโทษ บริษัทต่างชาติได้ ซัด‘เพื่อไทย‘ไม่ตรงปกตอนหาเสียง
เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่จ.ระยอง นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ฝากไปถึง น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า เท่าที่นายกฯ ระบุว่าจะให้เป็นวาระอาเซียนนั้น ต้องเรียนกับนายกรัฐมนตรี ว่า Asean Agreement ในการตกลงเรื่องมลพิษข้ามแดน มีมาตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งในสิงคโปร์ ปี 2013 มีค่าฝุ่นอยู่ที่ 400 กว่า มาจากการเผาที่อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมปาล์มและอุตสาหกรรมกระดาษ เมื่อเปรียบเทียบกันก็จะเห็นว่าประเทศไทยก็มีอะไรคล้ายกัน ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านและจากการเผาการเกษตรเหมือนกัน ทั้งนี้ ที่สิงคโปร์ทำ 2 อย่าง คือ พ.ร.บ.อากาศสะอาด และ พ.ร.บ.ฝุ่นข้ามชาติ โดยสภาของสิงคโปร์ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี ในการผลักดันกฎหมายนี้ แต่ พ.ร.บ.อากาศสะอาดของไทย ใช้เวลานานพอสมควร ทั้งที่ควรจะเป็นวาระเร่งด่วน
นาย
พิธา กล่าวต่อว่า เมื่อ พ.ร.บ.อากาศสะอาดเสร็จ ควรจะจะต้องมีพรรคการเมืองเสนอ พ.ร.บ.ฝุ่นข้ามชาติ ที่ให้อำนาจรัฐบาลลงโทษบริษัทต่างชาติ ที่ทำธุรกรรมในไทย ถือเป็นกฎเหล็กที่สามารถใช้บังคับกฎหมายได้ ส่วนในระดับประเทศก็ต้องมีกฎหมาย โครงสร้างทางอำนาจมากำกับดูแล และในท้องถิ่นควรมีงบประมาณเข้ามาบริหารจัดการเยอะๆ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้วย
“
มันมีทั้งมิติในระดับอาเซียน ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น นายกฯ ต้องทำให้ได้ เพราะเรื่องพวกนี้ป้องกันง่ายกว่าการรักษา PM 2.5 มันทำนายได้ คิดว่าวันที่ 1 ก.พ. บางพื้นที่ก็ยังจมฝุ่นอยู่ คราวนี้คุณมาแก้ปัญหาครึ่งทางแล้ว เผลอๆ รอเวลาไปเรื่อยๆ ลมมันพัดไปคุณก็มาเคลมว่า ฉันแก้ได้แล้ว อย่างที่เคยพูดไว้ว่าใครที่จะมาเป็นรัฐบาลในปี 70 ต้องแก้ฝุ่นไฟฝน แล้วกลับมาฝุ่นอีกรอบหนึ่ง” นาย
พิธา กล่าว
นาย
พิธา กล่าวว่า เรื่องพวกนี้ต้องแก้ปัญหาล่วงหน้า ถ้ามาคิดตอนนี้มันก็สายไป ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเตรียมการมาแล้ว นายพิธา กล่าวว่า จริงๆ รัฐบาลเพื่อไทยก็มีนายกฯ 2 คน ก่อนที่มันเป็นน.ส.แพทองธาร ก็เป็นนายเศรษฐา ทวีสิน ข้อสั่งการที่สั่งการไว้มันกลายเป็นฝุ่นไปหมดแล้ว
“
ผมก็ไปนั่งไล่ดู ให้ อว. ไปติดตาม ให้คนทำอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วตอนนี้ผลงานมันอยู่ที่ไหน ถ้าคุณจะมีข้อสั่งการผมไม่ว่า แต่ถามว่าผลงาน ที่ต่อเนื่องมาจากข้อสั่งการเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา มันอยู่ที่ไหน เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูว่าพูดแล้วทำจริงหรือไม่” นาย
พิธา กล่าว
เมื่อถามว่ามาตรการเร่งด่วนให้ขึ้นรถไฟฟ้า-รถสาธารณะ ฟรี โดยเอาเงิน 140 ล้านบาทไปอุดหนุน นาย
พิธา กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอ ต้องไปดูว่าในกทม. มาจากการคมนาคม หรือ การเผาไหม้มาจากที่อื่น จะรู้เลยว่า 80% มาจากต้นตออะไร คราวนี้เรื่องคมนาคมก็จะเป็นแค่เรื่องเดียว ซึ่งไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ เพราะรถเมล์ก็ยังมีปัญหาเรื่องฝุ่นควันเยอะพอสมควร ซึ่ง ส.ก. พรรคประชาชนก็ได้ผ่านข้อบัญญัติเรื่องรถเมล์ไฟฟ้าไปแล้ว ต้องไปดู ขสมก. ที่เป็นแบบเก่า พร้อมแนะนำว่า มาตรการนี้อาจบังคับใช้ช่วงเช้าและช่วงเย็นก็ได้ เป็นช่วงที่คนใช้ขนส่งมวลชน ดังนั้น ควรเกาให้ถูกที่คัน ตนยังไม่มีข้อมูลในมือว่า ฝุ่นในกทม.70% มาจากการเผา ไม่ได้มาจากการคมนาคมสักเท่าไร อาจจะแก้ไขปัญหาได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไร
เมื่อถามว่าเมื่อวานมีคนชี้เป้าเรื่องการเผา นาย
พิธา ยกตัวอย่างเพจพรรคประชาชนจ.ระยอง ที่เป็นคนชี้เป้าเหมือนกัน นาย
พิธายังกล่าวว่า จุดความร้อนทั้งหมดสามารถทำ Geolocation ได้ หรือระบุพิกัดย้อนหลังได้เช่นกัน ดังนั้นไม่ต้องแอบเผาตอนกลางคืน เพราะสามารถดูไปได้ว่าจุดนั้นเป็นที่ดินของใคร ดีกว่าเอาจุดความร้อนมาโชว์กันว่าแดงแค่ไหน
เมื่อถามว่ามองในมุมการเมืองพรรคเพื่อไทยไม่กล้าฟัน มาตรการเพราะเกี่ยวข้องกับฐานเสียงใช่หรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า ที่ฟันได้คือ ยังไม่ตรงปกเหมือนตอนที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ตอนนั้นที่อภิปรายรัฐบาลพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ พูดชัดเจนจนได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด แต่ตอนนี้ไม่ได้ตรงกับตอนนั้น หรือแม้กระทั่งการขึ้นเวทีดีเบตที่ช่อง 3 น.ส.
แพทองธาร ก็มีการพูดเกี่ยวกับผู้นำอาเซียน ตอนนั้นก็ยังตอบได้ดี แต่พอมาบริหารจัดการเอง ก็น่าเสียดาย ที่ไม่ตรงกับการอภิปรายและหาเสียงไว้ หากทำตามที่เคยพูดไว้ก็น่าจะทุเลาลงได้
พิธา ช่วยหาเสียงอบจ.ระยอง โวได้คนถูกฝาถูกตัว เมิน ‘ทักษิณ’ บอกปชน.ไม่ใช่คู่แข่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5016984
พิธา โว ได้คนถูกฝาถูกตัว อบจ. ปชน. เชื่อแก้ปัญหา “ฝุ่น-ไฟ-ฝน” ได้ เมิน ‘ทักษิณ’ ที่บอก ปชน. ไม่ใช่คู่แข่ง ยันพร้อมแข่งกับทุกพรรค ย้ำ เอาประชาชนเป็นตัวตั้งอยู่แล้ว
เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่จ.ระยอง นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการหาเสียงช่วยนายกอบจ.ระยอง ว่า ยังดีใจที่ชาวระยองไม่ลืมกัน และก่อนหน้าได้ลงพื้นที่อ.แกลง และอ.เขาชะเมา เป็นพื้นที่ของนาย
พงศธร ศรเพชรนรินทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาชน ที่เคยมีการเลือกตั้งซ่อม และได้รับความไว้วางใจ กลับมาครั้งก็ยังได้พบปะประชาชน ส่วนอีกพื้นที่ไปยังวัดหนองพะวา พื้นที่ของนาย
ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ส.ส.ระยอง พรรคประชาชน ที่มีปัญหาเรื่องกากอุตสาหกรรมของโรงงานวินโพสเสส ซึ่งนอกจากจะมาหาเสียง ยังมาฟังเสียงของประชาชนว่า มีการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมแล้วหรือไม่
ส่วนความคาดหวังในเก้าอี้นายก อบจ.ระยองนั้น นาย
พิธา กล่าวว่า พื้นที่ตั้งแต่ตราด ไปจนถึงถนนบางนา – ตราด ยกเว้นที่พลาดเก้าอี้ สส.ชลบุรี ไป 3 เขต ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลพยายามทำงานมาอย่างเต็มที่ ตนในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นอกจากมาฟังหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ. ยังมาฟังเสียงประชาชนว่า ตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา ส.ส.ที่ได้รับเลือกมาทำงานเป็นอย่างไร และได้ให้กำลังใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ ทั้งในระดับประเทศ และระยองที่อยู้ในภาคตะวันออก และมีพื้นที่ใกล้กับประเทศเพื่อนบ้าน ก็รู้สึกดีใจที่มีนายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้สมัครนายกอบจ.ระยอง พรรคประชาชน อดีตข้าราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และเรียนจบด้านนี้มาโดยตรง ในเรื่องฝุ่น ไฟ ฝน
นาย
พิธา กล่างต่อว่า ฝุ่นคือ PM 2.5 ที่มาจากโรงงานในระยอง ไฟคือ ไฟที่เกืดขึ้นในพื้นที่ที่ทำให้เกิดฝุ่น ฝน คือ เรื่องน้ำท่วมระยองบ่อยๆ ก็รู้สึกว่า ได้คนที่มีโอกาสจะได้เป็นผู้สมัครนายกอบจ. ที่เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมดีที่สุด เท่าที่ไทยจะหาได้สำหรับจังหวัด ซึ่งก็จะทำให้เห็นว่า การแก้ไขเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ได้ขึ้นอยู่กับจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง แต่มีตั้งแต่ระดับนานาชาติอย่างอาเซียน ระดับประเทศอย่างเรื่องนโยบาย กฎหมายต่างๆ และระดับท้องถิ่น ซึ่งท้องถิ่นนั้นก็มีภาระหน้าที่ งบประมาณในการแก้ไขปัญหานี้ได้ พร้อมยกตัวอย่าง เช่น การขนย้ายสารเคมีที่อาจจะทำให้ฝุ่นฟุ้ง สส.พรรคประชาชน จึงมีการขับเคลื่อน กฎหมายปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ หรือ PRTR ในสภา ซึ่งจะส่งผ่านอำนาจกลับมาให้ท้องถิ่น ได้บริหารจัดการ และต่างคนต่างทำหน้าที่ แต่สามารถบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมร่วมกันได้ จึงเห็นว่า มาถูกที่ถูกทางมาในพื้นที่ระยอง ที่มีอุตสาหกรรมเยอะ แต่อยู่ไกลกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเผาเยอะ จะได้เป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งตนก็มองว่า ระยองเป็นพื้นที่เหมาะสมจะลงพื้นที่ในวันนี้แล้ว
นาย
พิธา ยังระบุถึงการตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งว่า เมื่อดูตัวเลข การเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 และ 2566 มีผู้มาใช้สิทธิ์ประมาณ 75 – 76 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อมาเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งอาจจะอนุมานไม่ได้ เพราะมีนายก อบจ.ชิงลาออกก่อน แต่บางพื้นที่ เช่นชัยภูมิ ผู้มาใช้สิทธิ์ 30 เปอร์เซนต์ อุทัยธานี ผู้มาใช้สิทธิ์ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ หรือเยอะที่สุดที่ราชบุรี ผู้มาใช้สิทธิ์ 66 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ 30-50 เปอร์เซ็นต์ ก็คงจะไม่เป็นผลดีกับระบบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง และหากในทุกพื้นที่มีผู้มาใช้สิทธิ์น้อยก็อาจจะทำให้ มีโอกาสในการควบคุมการเลือก หรือมีการขนคนไปได้ ซึ่งก็อาจจะมีความเป็นไปได้ในการเมืองไทยแบบนั้น มองว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัว ถือเป็นแรงเฉื่อยทางการเมืองที่รู้สึกว่า การเมืองท้องถิ่นไม่ได้มีสมรรถนะในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้
ซึ่งในเชิงรัฐศาสตร์นั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัว และถูกพูดถึงในหลายประเทศเพราะคนไปใช้สิทธิ์น้อยลง ซึ่งเป็นมีเทรนด์ที่น่ากังวล ได้รับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ใช้สิทธิ์ล่วงหน้าไม่ได้ และการใช้สิทธิ์นอกเขตไม่ได้ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ก็อาจจะไม่คึกคักเท่าที่ควร ทั้งที่การเลือกตั้งนายกอบจ.ถือว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง และมีงบประมาณมากมายมหาศาลจากภาษีประชาชน จึงขอให้พ่อเมืองที่มีความใกล้ชิดกับปัญหาได้แก้ไข อย่างพื้นที่ระยองได้เลือกผู้สมัครที่มีความเชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นเรื่องฝุ่น ไฟ ฝน ที่รบกวนจิตใจชาวระยองมาเป็นเวลานาน ก็หวังจะได้นายก อบจ. สิ่งแวดล้อมตัวจริงเสียงจริงได้เข้ามาแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่า กกต.จะมีการจัดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอบจ.ใหญ่ในวันที่ 28 มกราคมนี้ จะสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนได้ทันหรือไม่ นายพิธา เห็นว่า กกต. น่าจะลงพื้นที่ซ้ำๆ ย้ำๆ ทุกสัปดาห์ 3-4 สัปดาห์ในช่วงโค้งสุดท้าย ควรจะมีการประชาสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ และเน้นให้เห็นความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น
พร้อมทั้งขอย้ำไปกับทางกกต. เรื่องของความเท่าเทียมและชัดเจน รวมทั้งการลงรายละเอียดของบางพื้นที่ ที่หมึกดันมาหมดที่ผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง หมายเลขไม่ชัด ประวัติไม่ชัด หรือของคนอื่นชัดกว่า จึงขอให้กกต.ต้อง ลงรายละเอียดให้มาก และทำงานให้เร็วกว่านี้
ทั้งนี้ที่นาย
ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวถึงพรรคประชาชน ขณะลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครนายกอบจ.พรรคเพื่อไทยว่า พรรคประชาชนไม่ได้เป็นคู่แข่งนั้น นาย
พิธา บอกว่า พรรคประชาชนก็ลงแข่งในแนวทางของพรรคประชาชน ซึ่งในมุมที่นาย
ทักษิณพูดนั้น เป็นเรื่องศรีสะเกษไม่มีคนของพรรคประชาชนลงสมัครมากกว่า ไม่ได้พาดพิงไปถึงทุกจังหวัด แต่ที่ศรีสะเกษนั้น นาย
ทักษิณก็พูดถูก เพราะพรรคประชาชนไม่ได้ส่ง ผู้สมัคร ก็เลยเป็นการแข่งระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย แต่ส่วนตัวในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้ช่วยหาเสียง ยืนยันว่า พรรคประชาชนพร้อมที่จะแข่งกับทุกพรรค และจะเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว
ณัฐชา แย้มศึกซักฟอก มี รมต.เอี่ยวทุจริต-ใช้อํานาจในทางที่ผิด อภิปราย PM 2.5-แก๊งคอล
https://www.matichon.co.th/politics/news_5017099
“ณัฐชา” แย้มศึกซักฟอก ชี้มี รมต.เอี่ยวทุจริต-ใช้อํานาจในทางที่ผิด ยํ้า ปชน.อภิปรายทุกประเด็น pm 2.5-แก๊งคอลด้วย
วันที่ 25 มกราคม นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่า ส่วนตัวมีข้อมูลเตรียมไว้ 3-4 เรื่อง กําลังปรึกษาทางพรรคว่าจะพูดเองในเรื่องใด หรือมอบหมายเรื่องใดให้คนอื่นพูด ซึ่งข้อมูลแต่ละด้าน เรารวบรวมจากข้าราชการภายในที่ส่งต่อมาให้ และจากประชาชนทั่วไป
JJNY : 5in1 พิธาซัดพท.ไม่ตรงปก│พิธาเมิน‘ทักษิณ’│ณัฐชาแย้มศึกซักฟอก│ค้าขายไม่ดี ตรุษจีนเหงา│เซเลนสกีเตือนทรัมป์ระวังปูติน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5016973
พิธา ทวงผลงานแก้ฝุ่น รัฐบาลเพื่อไทยอยู่ไหนหลังมีนายกฯแล้ว 2 คน เหน็บข้อสั่งการสมัย ’เศรษฐา’กลายเป็นฝุ่นหมดแล้ว สอนมวย’อุ๊งอิ๊ง‘วาระอาเซียนเรื่องมลพิษข้ามแดนมีมาตั้งแต่ปี 2002 ชี้พ.ร.บ.อากาศสะอาดอืดทั้งที่ควรเร่งด่วน แนะพรรคการเมืองเสนอกฎหมายแก้ฝุ่นข้ามชาติ ใช้กฎเหล็กลงโทษ บริษัทต่างชาติได้ ซัด‘เพื่อไทย‘ไม่ตรงปกตอนหาเสียง
เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่จ.ระยอง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ฝากไปถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า เท่าที่นายกฯ ระบุว่าจะให้เป็นวาระอาเซียนนั้น ต้องเรียนกับนายกรัฐมนตรี ว่า Asean Agreement ในการตกลงเรื่องมลพิษข้ามแดน มีมาตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งในสิงคโปร์ ปี 2013 มีค่าฝุ่นอยู่ที่ 400 กว่า มาจากการเผาที่อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมปาล์มและอุตสาหกรรมกระดาษ เมื่อเปรียบเทียบกันก็จะเห็นว่าประเทศไทยก็มีอะไรคล้ายกัน ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านและจากการเผาการเกษตรเหมือนกัน ทั้งนี้ ที่สิงคโปร์ทำ 2 อย่าง คือ พ.ร.บ.อากาศสะอาด และ พ.ร.บ.ฝุ่นข้ามชาติ โดยสภาของสิงคโปร์ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี ในการผลักดันกฎหมายนี้ แต่ พ.ร.บ.อากาศสะอาดของไทย ใช้เวลานานพอสมควร ทั้งที่ควรจะเป็นวาระเร่งด่วน
นายพิธา กล่าวต่อว่า เมื่อ พ.ร.บ.อากาศสะอาดเสร็จ ควรจะจะต้องมีพรรคการเมืองเสนอ พ.ร.บ.ฝุ่นข้ามชาติ ที่ให้อำนาจรัฐบาลลงโทษบริษัทต่างชาติ ที่ทำธุรกรรมในไทย ถือเป็นกฎเหล็กที่สามารถใช้บังคับกฎหมายได้ ส่วนในระดับประเทศก็ต้องมีกฎหมาย โครงสร้างทางอำนาจมากำกับดูแล และในท้องถิ่นควรมีงบประมาณเข้ามาบริหารจัดการเยอะๆ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้วย
“มันมีทั้งมิติในระดับอาเซียน ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น นายกฯ ต้องทำให้ได้ เพราะเรื่องพวกนี้ป้องกันง่ายกว่าการรักษา PM 2.5 มันทำนายได้ คิดว่าวันที่ 1 ก.พ. บางพื้นที่ก็ยังจมฝุ่นอยู่ คราวนี้คุณมาแก้ปัญหาครึ่งทางแล้ว เผลอๆ รอเวลาไปเรื่อยๆ ลมมันพัดไปคุณก็มาเคลมว่า ฉันแก้ได้แล้ว อย่างที่เคยพูดไว้ว่าใครที่จะมาเป็นรัฐบาลในปี 70 ต้องแก้ฝุ่นไฟฝน แล้วกลับมาฝุ่นอีกรอบหนึ่ง” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวว่า เรื่องพวกนี้ต้องแก้ปัญหาล่วงหน้า ถ้ามาคิดตอนนี้มันก็สายไป ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเตรียมการมาแล้ว นายพิธา กล่าวว่า จริงๆ รัฐบาลเพื่อไทยก็มีนายกฯ 2 คน ก่อนที่มันเป็นน.ส.แพทองธาร ก็เป็นนายเศรษฐา ทวีสิน ข้อสั่งการที่สั่งการไว้มันกลายเป็นฝุ่นไปหมดแล้ว
“ผมก็ไปนั่งไล่ดู ให้ อว. ไปติดตาม ให้คนทำอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วตอนนี้ผลงานมันอยู่ที่ไหน ถ้าคุณจะมีข้อสั่งการผมไม่ว่า แต่ถามว่าผลงาน ที่ต่อเนื่องมาจากข้อสั่งการเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา มันอยู่ที่ไหน เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูว่าพูดแล้วทำจริงหรือไม่” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่ามาตรการเร่งด่วนให้ขึ้นรถไฟฟ้า-รถสาธารณะ ฟรี โดยเอาเงิน 140 ล้านบาทไปอุดหนุน นายพิธา กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอ ต้องไปดูว่าในกทม. มาจากการคมนาคม หรือ การเผาไหม้มาจากที่อื่น จะรู้เลยว่า 80% มาจากต้นตออะไร คราวนี้เรื่องคมนาคมก็จะเป็นแค่เรื่องเดียว ซึ่งไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ เพราะรถเมล์ก็ยังมีปัญหาเรื่องฝุ่นควันเยอะพอสมควร ซึ่ง ส.ก. พรรคประชาชนก็ได้ผ่านข้อบัญญัติเรื่องรถเมล์ไฟฟ้าไปแล้ว ต้องไปดู ขสมก. ที่เป็นแบบเก่า พร้อมแนะนำว่า มาตรการนี้อาจบังคับใช้ช่วงเช้าและช่วงเย็นก็ได้ เป็นช่วงที่คนใช้ขนส่งมวลชน ดังนั้น ควรเกาให้ถูกที่คัน ตนยังไม่มีข้อมูลในมือว่า ฝุ่นในกทม.70% มาจากการเผา ไม่ได้มาจากการคมนาคมสักเท่าไร อาจจะแก้ไขปัญหาได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไร
เมื่อถามว่าเมื่อวานมีคนชี้เป้าเรื่องการเผา นายพิธา ยกตัวอย่างเพจพรรคประชาชนจ.ระยอง ที่เป็นคนชี้เป้าเหมือนกัน นายพิธายังกล่าวว่า จุดความร้อนทั้งหมดสามารถทำ Geolocation ได้ หรือระบุพิกัดย้อนหลังได้เช่นกัน ดังนั้นไม่ต้องแอบเผาตอนกลางคืน เพราะสามารถดูไปได้ว่าจุดนั้นเป็นที่ดินของใคร ดีกว่าเอาจุดความร้อนมาโชว์กันว่าแดงแค่ไหน
เมื่อถามว่ามองในมุมการเมืองพรรคเพื่อไทยไม่กล้าฟัน มาตรการเพราะเกี่ยวข้องกับฐานเสียงใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ที่ฟันได้คือ ยังไม่ตรงปกเหมือนตอนที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ตอนนั้นที่อภิปรายรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ พูดชัดเจนจนได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด แต่ตอนนี้ไม่ได้ตรงกับตอนนั้น หรือแม้กระทั่งการขึ้นเวทีดีเบตที่ช่อง 3 น.ส.แพทองธาร ก็มีการพูดเกี่ยวกับผู้นำอาเซียน ตอนนั้นก็ยังตอบได้ดี แต่พอมาบริหารจัดการเอง ก็น่าเสียดาย ที่ไม่ตรงกับการอภิปรายและหาเสียงไว้ หากทำตามที่เคยพูดไว้ก็น่าจะทุเลาลงได้
พิธา ช่วยหาเสียงอบจ.ระยอง โวได้คนถูกฝาถูกตัว เมิน ‘ทักษิณ’ บอกปชน.ไม่ใช่คู่แข่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5016984
พิธา โว ได้คนถูกฝาถูกตัว อบจ. ปชน. เชื่อแก้ปัญหา “ฝุ่น-ไฟ-ฝน” ได้ เมิน ‘ทักษิณ’ ที่บอก ปชน. ไม่ใช่คู่แข่ง ยันพร้อมแข่งกับทุกพรรค ย้ำ เอาประชาชนเป็นตัวตั้งอยู่แล้ว
เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่จ.ระยอง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการหาเสียงช่วยนายกอบจ.ระยอง ว่า ยังดีใจที่ชาวระยองไม่ลืมกัน และก่อนหน้าได้ลงพื้นที่อ.แกลง และอ.เขาชะเมา เป็นพื้นที่ของนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาชน ที่เคยมีการเลือกตั้งซ่อม และได้รับความไว้วางใจ กลับมาครั้งก็ยังได้พบปะประชาชน ส่วนอีกพื้นที่ไปยังวัดหนองพะวา พื้นที่ของนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ส.ส.ระยอง พรรคประชาชน ที่มีปัญหาเรื่องกากอุตสาหกรรมของโรงงานวินโพสเสส ซึ่งนอกจากจะมาหาเสียง ยังมาฟังเสียงของประชาชนว่า มีการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมแล้วหรือไม่
ส่วนความคาดหวังในเก้าอี้นายก อบจ.ระยองนั้น นายพิธา กล่าวว่า พื้นที่ตั้งแต่ตราด ไปจนถึงถนนบางนา – ตราด ยกเว้นที่พลาดเก้าอี้ สส.ชลบุรี ไป 3 เขต ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลพยายามทำงานมาอย่างเต็มที่ ตนในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นอกจากมาฟังหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ. ยังมาฟังเสียงประชาชนว่า ตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา ส.ส.ที่ได้รับเลือกมาทำงานเป็นอย่างไร และได้ให้กำลังใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ ทั้งในระดับประเทศ และระยองที่อยู้ในภาคตะวันออก และมีพื้นที่ใกล้กับประเทศเพื่อนบ้าน ก็รู้สึกดีใจที่มีนายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้สมัครนายกอบจ.ระยอง พรรคประชาชน อดีตข้าราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และเรียนจบด้านนี้มาโดยตรง ในเรื่องฝุ่น ไฟ ฝน
นายพิธา กล่างต่อว่า ฝุ่นคือ PM 2.5 ที่มาจากโรงงานในระยอง ไฟคือ ไฟที่เกืดขึ้นในพื้นที่ที่ทำให้เกิดฝุ่น ฝน คือ เรื่องน้ำท่วมระยองบ่อยๆ ก็รู้สึกว่า ได้คนที่มีโอกาสจะได้เป็นผู้สมัครนายกอบจ. ที่เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมดีที่สุด เท่าที่ไทยจะหาได้สำหรับจังหวัด ซึ่งก็จะทำให้เห็นว่า การแก้ไขเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ได้ขึ้นอยู่กับจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง แต่มีตั้งแต่ระดับนานาชาติอย่างอาเซียน ระดับประเทศอย่างเรื่องนโยบาย กฎหมายต่างๆ และระดับท้องถิ่น ซึ่งท้องถิ่นนั้นก็มีภาระหน้าที่ งบประมาณในการแก้ไขปัญหานี้ได้ พร้อมยกตัวอย่าง เช่น การขนย้ายสารเคมีที่อาจจะทำให้ฝุ่นฟุ้ง สส.พรรคประชาชน จึงมีการขับเคลื่อน กฎหมายปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ หรือ PRTR ในสภา ซึ่งจะส่งผ่านอำนาจกลับมาให้ท้องถิ่น ได้บริหารจัดการ และต่างคนต่างทำหน้าที่ แต่สามารถบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมร่วมกันได้ จึงเห็นว่า มาถูกที่ถูกทางมาในพื้นที่ระยอง ที่มีอุตสาหกรรมเยอะ แต่อยู่ไกลกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเผาเยอะ จะได้เป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งตนก็มองว่า ระยองเป็นพื้นที่เหมาะสมจะลงพื้นที่ในวันนี้แล้ว
นายพิธา ยังระบุถึงการตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งว่า เมื่อดูตัวเลข การเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 และ 2566 มีผู้มาใช้สิทธิ์ประมาณ 75 – 76 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อมาเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งอาจจะอนุมานไม่ได้ เพราะมีนายก อบจ.ชิงลาออกก่อน แต่บางพื้นที่ เช่นชัยภูมิ ผู้มาใช้สิทธิ์ 30 เปอร์เซนต์ อุทัยธานี ผู้มาใช้สิทธิ์ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ หรือเยอะที่สุดที่ราชบุรี ผู้มาใช้สิทธิ์ 66 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ 30-50 เปอร์เซ็นต์ ก็คงจะไม่เป็นผลดีกับระบบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง และหากในทุกพื้นที่มีผู้มาใช้สิทธิ์น้อยก็อาจจะทำให้ มีโอกาสในการควบคุมการเลือก หรือมีการขนคนไปได้ ซึ่งก็อาจจะมีความเป็นไปได้ในการเมืองไทยแบบนั้น มองว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัว ถือเป็นแรงเฉื่อยทางการเมืองที่รู้สึกว่า การเมืองท้องถิ่นไม่ได้มีสมรรถนะในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้
ซึ่งในเชิงรัฐศาสตร์นั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัว และถูกพูดถึงในหลายประเทศเพราะคนไปใช้สิทธิ์น้อยลง ซึ่งเป็นมีเทรนด์ที่น่ากังวล ได้รับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ใช้สิทธิ์ล่วงหน้าไม่ได้ และการใช้สิทธิ์นอกเขตไม่ได้ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ก็อาจจะไม่คึกคักเท่าที่ควร ทั้งที่การเลือกตั้งนายกอบจ.ถือว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง และมีงบประมาณมากมายมหาศาลจากภาษีประชาชน จึงขอให้พ่อเมืองที่มีความใกล้ชิดกับปัญหาได้แก้ไข อย่างพื้นที่ระยองได้เลือกผู้สมัครที่มีความเชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นเรื่องฝุ่น ไฟ ฝน ที่รบกวนจิตใจชาวระยองมาเป็นเวลานาน ก็หวังจะได้นายก อบจ. สิ่งแวดล้อมตัวจริงเสียงจริงได้เข้ามาแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่า กกต.จะมีการจัดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอบจ.ใหญ่ในวันที่ 28 มกราคมนี้ จะสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนได้ทันหรือไม่ นายพิธา เห็นว่า กกต. น่าจะลงพื้นที่ซ้ำๆ ย้ำๆ ทุกสัปดาห์ 3-4 สัปดาห์ในช่วงโค้งสุดท้าย ควรจะมีการประชาสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ และเน้นให้เห็นความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น
พร้อมทั้งขอย้ำไปกับทางกกต. เรื่องของความเท่าเทียมและชัดเจน รวมทั้งการลงรายละเอียดของบางพื้นที่ ที่หมึกดันมาหมดที่ผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง หมายเลขไม่ชัด ประวัติไม่ชัด หรือของคนอื่นชัดกว่า จึงขอให้กกต.ต้อง ลงรายละเอียดให้มาก และทำงานให้เร็วกว่านี้
ทั้งนี้ที่นายทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวถึงพรรคประชาชน ขณะลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครนายกอบจ.พรรคเพื่อไทยว่า พรรคประชาชนไม่ได้เป็นคู่แข่งนั้น นายพิธา บอกว่า พรรคประชาชนก็ลงแข่งในแนวทางของพรรคประชาชน ซึ่งในมุมที่นายทักษิณพูดนั้น เป็นเรื่องศรีสะเกษไม่มีคนของพรรคประชาชนลงสมัครมากกว่า ไม่ได้พาดพิงไปถึงทุกจังหวัด แต่ที่ศรีสะเกษนั้น นายทักษิณก็พูดถูก เพราะพรรคประชาชนไม่ได้ส่ง ผู้สมัคร ก็เลยเป็นการแข่งระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย แต่ส่วนตัวในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้ช่วยหาเสียง ยืนยันว่า พรรคประชาชนพร้อมที่จะแข่งกับทุกพรรค และจะเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว
ณัฐชา แย้มศึกซักฟอก มี รมต.เอี่ยวทุจริต-ใช้อํานาจในทางที่ผิด อภิปราย PM 2.5-แก๊งคอล
https://www.matichon.co.th/politics/news_5017099
“ณัฐชา” แย้มศึกซักฟอก ชี้มี รมต.เอี่ยวทุจริต-ใช้อํานาจในทางที่ผิด ยํ้า ปชน.อภิปรายทุกประเด็น pm 2.5-แก๊งคอลด้วย
วันที่ 25 มกราคม นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่า ส่วนตัวมีข้อมูลเตรียมไว้ 3-4 เรื่อง กําลังปรึกษาทางพรรคว่าจะพูดเองในเรื่องใด หรือมอบหมายเรื่องใดให้คนอื่นพูด ซึ่งข้อมูลแต่ละด้าน เรารวบรวมจากข้าราชการภายในที่ส่งต่อมาให้ และจากประชาชนทั่วไป