JJNY : 6in1 พวงทองเปิดข้อมูล│พิธาแนะหาเครื่องจักร│เท้ง-ไหมลุยหาดใหญ่│สวนน้ำสวนสนุกเจอฝุ่น│อสังหาฯมึนฝุ่น│ทรัมป์ขอเข้าWHO

พวงทอง เปิดข้อมูลอาชญากรรมกองกำลัง BGF สงสัยทำไมไทยหยุดขายไฟพม่าไม่ได้ ทั้งที่เป็นภัยความมั่นคง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5018344
 
 
พวงทอง เปิดข้อมูลอาชญากรรม สงสัยทำไมไทยหยุดขายไฟพม่าไม่ได้ ทั้งที่เป็นภัยความมั่นคง หรือกลัวนายทุนไทยได้รับผลกระทบด้วย?
 
จากกรณี นพ.อิราวัต อารีกิจ หรือ หมออั้ม อดีตศิลปิน ระบุทาง X กรณีข้อเสนอให้ไทยตัดไฟเมียนมา ยืนยันว่านึกจะตัดไฟเมื่อไหร่ก็ได้ โดย นพ.อิราวัตเผยว่า 
 
เราผลิตไฟฟ้า ขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ได้หมายความว่านึกจะตัดไฟเขาเมื่อไหร่ก็ได้
 
มันมี MOU มีข้อตกลงระหว่างประเทศมากมาย โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน ทรัพยากร ความสัมพันธ์ ที่ไม่ใช่คิดแบบไร้ประสบการณ์ คิดแบบเด็กน้อย
เห็นว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ไฟฟ้า ที่เพื่อนบ้านซื้อเรา แล้วจะให้รัฐบาลไทย สั่งตัดไฟ
 
หน้าที่ การตัดสินใจตัดไฟหรืออะไร ในประเทศของเขา ก็ต้องโดยรัฐบาลเขา เราขายไฟฟ้าไปแล้ว ไม่ใช่แค่โจรที่ใช้ โรงพยาบาล โรงเรียน เพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ เขาก็ต้องใช้ไฟฟ้า เป็นปัจจัย 4
 
นี่โคตรจะแบเบาะ เบาปัญญามากๆ
 
มีปาก ก็สักแต่แอ็คอาร์ต เอาแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักการทูต ไม่รู้จักความ
เหมือนเด็กน้อย พยายามโต แต่โง่ไปหน่อย ปล่อยให้มาเป็นรัฐบาล ประเทศ-ิบหายแน่
 
โชดดีของประเทศไทยแล้ว
 
กรณีนี้ เมื่อวันที่ 26 มกราคม รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงทรรศนะทางเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมแนบข้อมูลอ้างอิงประกอบ ความว่า 
 
ทำไมไทยจะตัดไฟฟ้าที่ส่งไปขายเมียนมาไม่ได้? ในเมื่ออาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ ถูกบรรจุไว้เป็น “ภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ” ของทุกหน่วยงานความมั่นคงของไทยมานานแล้ว
 
บริษัทคู่สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ.ของไทยคือ บริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Co.Ltd (SMTY) บริษัทนี้มีเจ้าของชื่อ พันตรี ซอ ติน วิน (Saw Tin Win) ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพ Karen Border Guard Force (Karen BGF) เป็นลูกน้องคนสนิทของพันเอก ซอ ชิตตู (Saw Chit Tu) และ BGF เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลทหารนายพลมิน อ่อง ลาย และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลมิน อ่อง ลาย จึงยินยอมให้ กฟภ.ขายไฟฟ้าให้ SMTY
 
มีหลักฐานมากมายที่ชี้ว่ากลุ่ม Karen BGF คือกองกำลังที่ควบคุมพื้นที่บริเวณชเวก๊กโก และ KK Park ที่กลุ่มทุนจีนสีเทาตั้งอยู่ ค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ สนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บ่อนกาสิโนผิดกฎหมาย กองกำลังพวกนี้อยู่ได้ก็ด้วยรายได้จากธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้
 
มีกรณีที่ นายวรวัฒน์ วังศพ่าห์ และพวก ถูกทางการไทยจับกุมข้อหาเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดขนาดใหญ่ และนำเงินจากการค้ายาไปฟอกเงินในธุรกิจส่งน้ำมันปิโตรเลียมไปขายให้กลุ่ม Karen BGF มีเอกสารลงนามโดยนายวรวัฒน์ และพันเอกติน วิน แต่ไม่มีการซื้อขายกันจริง คดีนี้ในปลายปี 2565 ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตนายวรวัฒน์ และพวก 5 คน
 
ฉะนั้น เป็นที่ชัดเจนว่าไฟฟ้าและการค้าอื่นๆ ที่ กฟภ.ขายให้กลุ่ม Karen BGF ถูกใช้เพื่อธุรกิจผิดกฎหมาย ที่ทำให้คนไทยสูญเสียมหาศาล และยังทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงไปทั่วโลก – โปรดรับรู้ด้วยว่า เกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศ ถือเป็นหนึ่งในผลประโยชน์ของชาติ ที่รัฐบาลต้องปกป้อง
แล้วเราจะยกเลิกสัญญาที่ กฟภ.ทำกับ Karen BGF ได้หรือไม่ ในแง่กฎหมาย กระทำได้แน่นอน และทำฝ่ายเดียวได้เลย เพราะ
 
1. BGF ไม่ใช่หน่วยงานรัฐ ไม่มีสถานะทางกฎหมายในเมียนมา สัญญาซื้อขายไฟฟ้าไม่มีสถานะเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ใช่สนธิสัญญา จะยกเลิกเมื่อไรก็ได้
 
2. ด้วยข้อมูลที่ยืนยันได้ว่า Karen BGF เกี่ยวข้องกับกลุ่มผิดกฎหมาย และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของไทยในทุกระดับ ไทยมีเหตุผลเพียงพอที่จะยกเลิก ถ้า Karen BGF อยากฟ้อง ก็ให้หาทางดู อยากรู้ว่าจะมีศาลใดในโลกนี้ที่จะรับฟ้องบ้าง
 
3. ไทยต้องเกรงใจความสัมพันธ์กับรัฐบาลเผด็จการทหารมิน อ่อง ลาย หรือไม่? ก็มีแต่รัฐบาลไทย-ทั้งประยุทธ์ และแพทองธาร-นี่แหละที่ยังเกรงใจ ขณะที่อาเซียนเคยมีมติตั้งแต่ปี 2566 ว่าจะไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงร่วมประชุมเจรจากับระบอบมิน อ่อง ลาย จนกว่าจะหยุดความรุนแรงต่อประชาชน และฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย
 
ฉะนั้น จึงไม่ใช่ปัญหาว่าไทยไม่มีความชอบธรรมที่จะยุติการขายไฟฟ้าให้ Karen BGF แต่เป็นปัญหาว่าไทยกล้าที่จะตัดหรือไม่ หรือกลัวว่าผลประโยชน์ของทุนขนาดใหญ่ของไทยในเมียนมาจะได้รับผลกระทบไปด้วย ขณะที่ผลกระทบต่อประชาชนตัวเล็กๆ ก็ถือเป็นเรื่องโชคชะตาของใครของมันต่อไป ชื่อเสียงของประเทศก็จับต้องไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องสนใจต่อไป
 
#แบกจนเสียสติ
 
ข้อมูลอาชญากรรมโดยกลุ่ม Karen BGF (1) (2) (3)

https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/9396810270369648?ref=embed_post
 
https://www.justiceformyanmar.org/stories/the-karen-border-guard-force-karen-national-army-criminal-business-network-exposed?utm_source=justiceformyanmar&utm_medium=email&utm_campaign=karen-bgfkna-regional-criminal-network-exposed
 
https://www.usip.org/publications/2024/04/china-forces-myanmar-scam-syndicates-move-thai-border

https://globalchinapulse.net/militia-as-a-coercive-broker-border-guard-forces-and-crime-cities-in-myanmars-karen-borderland/
 

 
“พิธา” ร่ายยาวถึงว่าที่นายก อบจ. แก้ฝุ่น แนะจัดหาเครื่องจักรการเกษตรให้ชาวบ้านเช่า-ยืม
https://ch3plus.com/news/political/morning/431690

“พิธา” ฝากไว้ให้คิด ร่ายยาวถึงว่าที่นายก อบจ. ทั่วประเทศแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เชื่อท้องถิ่นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้ แนะลงทุนจัดหาเครื่องจักรการเกษตรให้ชาวบ้านเช่า-ยืม มองได้ผลประโยชน์อบรมความรู้-สร้างงานให้อาชีวะ
 
วันที่ 26 ม.ค. 2568 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า 
 
เช้าวันอาทิตย์ได้พักหน่อย ขอสื่อสารในฐานะที่ผมก็เป็นประชาชนคนนึงนะครับ

ย้อนไปช่วงเวลานี้เมื่อสองปีที่แล้วผมมีโอกาสได้ไปดูงานที่นครสวรรค์เป็นบริษัทขายเครื่องจักรการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตลดต้นทุนและลดการเผาวัสดุการเกษตรให้ชาวไร่อ้อย
 
วันนี้… กฏหมายอากาศสะอาดกำลังจะผ่าน นายก อบจ. จะเป็นประธานการแก้ไขฝุ่น PM 2.5 ในจังหวัด อบจ. เกือบทุกจังหวัดมีงบการเกษตรมีงบเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว
 
ขณะที่กำลังการเลือกนายก อบจ. ในอีก 1 อาทิตย์ในวันอากาศแย่เพราะฝุ่น PM 2.5 ที่มาจากการเผาวัสดุการเกษตรจำนวนมาก ภาพในวันนั้นก็ย้อนกลับมาในหัว ผมยังคงเชื่อว่า อบจ. สามารถเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้ โดยการลงทุนจัดหาเครื่องจักรการเกษตรตั้งแต่ก่อนปลูก ระหว่างปลูก และหลังปลูก มาให้เกษตรกรในพื้นที่เช่าหรือยืมใช้งานในราคาที่เข้าถึงได้ เป็น “กองบริการเครื่องจักรการเกษตรเพื่อเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม”

แนวคิดนี้จะช่วยได้อย่างไร?

1. ก่อนปลูก
• ใช้รถไถปรับดินและผานยกร่องเพื่อเตรียมดินให้เหมาะสม
• ใช้เครื่องหยอดปุ๋ยช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยและเพิ่มความแม่นยำ

2. ระหว่างปลูก
• ใช้เครื่องปลูกอ้อย (Planter) ทำให้การปลูกอ้อยเร็วขึ้นและลดการใช้แรงงาน
• ใช้ระบบน้ำหยด (Drip Irrigation) เพื่อลดการสิ้นเปลืองน้ำและช่วยให้อ้อยเติบโตดีขึ้น

3. หลังปลูก
• รถตัดอ้อย (Harvester) ลดการเผาใบอ้อยก่อนเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของฝุ่น PM 2.5
• ใบอ้อยและเศษวัสดุสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานชีวมวลหรือทำปุ๋ยอินทรีย์
 
ทุกวันนี้ก็มึบริษัทเอกชนรับซื้อตันละพันอยู่ มากน้อยยังไง ก็เจรจากัน

เรียนรู้จากออสเตรเลีย ออสเตรเลียเป็นตัวอย่างที่ดีของการทำเกษตรกรรมยั่งยืน พวกเขาใช้ระบบ Green Harvesting หรือการเก็บเกี่ยวอ้อยสด โดยไม่เผาใบอ้อยเลย เศษใบอ้อยถูกนำไปใช้เป็นวัสดุคลุมดิน (Mulching) หรือนำไปผลิตพลังงานชีวมวล ผลผลิตต่อไร่ของออสเตรเลียอยู่ที่ 75-87 ตัน/ไร่ ในขณะที่ไทยผลิตได้เพียง 10-12 ตัน/ไร่ นั่นหมายความว่าพวกเขาทำได้มากกว่าเราถึง 6-7 เท่า!
 
ถ้า เอกชน รัฐ เกษตรกร ไม่คำนึงถึง สิ่งแวดลัอม คิดในแง่เศรษฐกิจ ในแง่ productivity ในแง่ต้นทุน ก็คุ้มนะครับ เอกชนหลายรายที่ผมก็ทราบว่ามีศูนย์วิศวกรรมการเกษตรที่ทันสมัยอยู่หลายบริษัทเพียงแต่ยังหาเจ้าภาพในระดับพื้นที่ระดับท้องถิ่นทำให้มันเป็นจริงไม่ได้
 
อบจ. ทำอะไรได้?
 
• ลงทุนจัดหาเครื่องจักรเหล่านี้ให้เกษตรกรในพื้นที่เช่าหรือยืมใช้งาน
• จัดอบรมและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการเผาและเพิ่มผลผลิต
• สร้างแรงจูงใจ เช่น ส่วนลดค่าเช่า หรือเงินอุดหนุนสำหรับผู้ที่เลิกเผา
. ดึงอาชีวะ ในพื้นที่ เข้าช่วย ซ่อมแซม พัฒนา เครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพ
 
เรามีทางเลือกที่ดีกว่า หากเราเริ่มเปลี่ยนวันนี้ ชาวไร่อ้อยจะมีโอกาสเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และช่วยลดมลพิษทางอากาศไปพร้อมกัน อนาคตของการเกษตรไทยอยู่ในมือของเรา และผมเชื่อว่า อบจ. สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้
 
ผมได้ต้นทุนการลงทุน สำหรับ 10,000 ไร่ 50,000 ไร่มาแล้วจาก ที่อื่นว่า CAPEX ใช้กี่ล้าน งบ อบจ.รายจังหวัดทำได้ครับ ฝากไว้ให้คิด เพื่อปีหน้า หลังท่านรับตำแหน่ง
 
นายพิธา ยังโพสต์อีกว่า 
 
ฝากไว้ให้คิดอีกเรื่องหนึ่งครับ ถึงท่านนายก อบจ. ภาคเหนือคนต่อไปครับ ผมอาจจะเลือกท่านไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ขอในฐานะนักท่องเที่ยวละกันครับ ก่อนจะกลับไปทำ หน้าที่ผู้ช่วยหาเสียงบ่ายนี้
 
จริงๆ ใกล้กลับไป Boston เร็วๆ นี้ แต่ช่วงที่ลูกปิดเทอม ตั้งใจจะพาลูกไปเดินป่าประจำปีที่ภาคเหนือสักหน่อยครับ
เลยมีคำถามและข้อสังเกตไว้ให้ท่านครับ:

ถ้าลองพิจารณาข้อมูลเร็วๆ นี้จากสถิติของหน่วยงานรัฐที่มีย้อนหลังไป 5 ปี จะเห็นได้ว่าช่วงพีคของฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ มักจะอยู่ในช่วง“อาทิตย์แรกของเดือนมีนาคม” ผมคิดแบบสมมติฐานเร็วๆ Peak ค่าเฉลี่ย อยู่ประมาณ 10-11 มีนาคมซึ่งหมายความว่า ถ้าการเลือกตั้งนายก อบจ. เกิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประเด็นเรื่องฝุ่น PM 2.5 และไฟป่า ก็น่าจะเป็นวาระเร่งด่วนที่ท่านจะต้องจัดการเป็นอันดับแรก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่