JJNY : วิโรจน์อัดดูเบาฝุ่น PM2.5│วิโรจน์-มานะแท็กทีม รับฟังปัญหาช้างป่า│PM 2.5 คนไม่กินข้าวนอกบ้าน│เกาหลีเหนือขู่ตอบโต้

วิโรจน์ อัดรบ.ดูเบาปัญหาฝุ่น PM2.5 แนะวิธีเอาจริง ชี้อย่าตระหนี่หากจำเป็น ก็ดึงงบกลางมาเพิ่ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5017795
  
‘วิโรจน์’ มอง มาตรการแก้ PM2.5 ของ ‘รัฐบาล’ เป็นการคลี่คลายปัญหาระยะสั้น ควรจริงใจได้มากกว่านี้ ลั่น อย่าตระหนี่ถี่เหนียว หากมีความจำเป็น ก็ต้องดึงงบกลางมาเพิ่ม ทำหลายอย่างควบคู่กัน ชี้ ควรมีการเก็บค่าธรรมเนียมกับโรงงานน้ำตาลซื้ออ้อยไฟไหม้แพงขึ้น เพื่อจูงใจให้เกษตรกรอยากขายอ้อยสด
 
เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ จ.จันทบุรี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ของรัฐบาลในขณะนี้ ว่า เป็นมาตรการคลี่คลายปัญหาในระยะสั้น หากมองถึงเรื่องปัญหามลพิษทางอากาศ ยังมีเรื่องของสารอินทรีย์ระเหยง่ายด้วย ซึ่งเราไม่พบมาตรการการแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาว
 
นายวิโรจน์ ตั้งข้อสังเกตจากการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ว่า ตั้งแต่ที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นประธาน และไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยซ้ำ มีการประชุมเพียง 3 ครั้ง ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็มีการประชุมไปแค่ 2 ครั้ง ยิ่งเมื่อดูในรายงานการประชุม ก็จะพบเรื่องของโรงไฟฟ้าถ่านหิน เรื่องถนน ส่วนที่ใกล้เคียงกับปัญหา PM2.5 มากที่สุดคือ น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 และ ยูโร 6 เท่านั้น ซึ่งแสดงว่า รัฐบาลสามารถจริงจังกับปัญหานี้ได้มากกว่านี้
 
เนื่องจากหากไปดูมติคณะรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ ก็พบว่ารัฐบาลดูเบาต่อสถานการณ์ในเรื่องนี้เกินไปจริงๆ “เราไม่อยากมองว่า PM2.5 เป็นเรื่องปกติไปแล้ว ไม่อยากให้มันเป็นความปกติใหม่ของประเทศไทย”
 
เมื่อถามถึงมาตรการรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน ที่ใช้งบประมาณไปถึง 140 ล้านบาท ซึ่งมีนักวิชาการมองว่า ควรนำไปซื้อเครื่องฟอกอากาศให้นักเรียนมากกว่า นายวิโรจน์ระบุว่า เรื่องนี้คงจะต้องทำหลายๆ อย่าง ไม่ใช่เรื่องการนำจำนวนเงิน 140 ล้านบาทนี้ มาใช้อย่างจำกัดจำเขี่ย รถไฟฟ้ารถเมล์ฟรี อาจจะต้องทำไป แต่หากจำเป็นต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศให้กับเด็ก ก็ต้องอนุมัติงบกลางมาอีกหนึ่งก้อน ไม่ใช่ใช้เงินเพียงก้อนเดียว แล้วแบ่งกันไปกันมา สุดท้าย ตรงนั้นก็ได้ไม่เต็มที่ ตรงนี้ก็ได้ไม่เต็มที่
 
“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งตระหนี่ถี่เหนียว นาทีนี้เป็นปัญหาที่เข้าถึงคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกสถานะ ยากดีมีจน คุณก็ต้องใช้อากาศหายใจเหมือนกัน”
 
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เคยมีนโยบายระบุ จะกำจัดต้นตอ PM2.5 เมื่อได้เป็นรัฐบาล แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ จะถือว่าทำไม่ได้ตามที่หาเสียงไว้หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า การประชุมที่ผ่านมา ไม่มีครั้งใดที่พูดถึงเรื่อง PM2.5 เลย ก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า รัฐบาลไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ ตนมองว่า มาตรการนี้ คงต้องใช้ทั้งการรณรงค์ กฎหมาย และการชดเชยเยียวยาด้วย
 
เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะถูกนำไปเป็นเรื่องหลักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า นายภัทรพงศ์ ลีลาภัทร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน เตรียมเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นคนที่พรรคมอบหมายให้ดูแลในเรื่องนี้ รวมถึงได้ติดตามความคืบหน้า ความจริงจัง จริงใจของรัฐบาลชุดนี้ มาโดยตลอด
 
เมื่อถามถึงกรณีมีประชาชน โพสต์ภาพเผาอ้อย จนถูกวิจารณ์ นายวิโรจน์ระบุว่า อย่าเพิ่งไปโทษประชาชนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องที่การรณรงค์ ทำความเข้าใจของรัฐบาล และหน่วยงานต่างๆ น้อยเกินไป และเข้าไม่ถึง ทำให้เขายังไม่ได้ตระหนักว่า สิ่งที่เขาทำลงไป เป็นผลร้ายในระดับชาติ
 
นายวิโรจน์กล่าวว่า เรื่องอ้อย ควรมีการเก็บค่าธรรมเนียมกับโรงงานน้ำตาลที่ซื้ออ้อยไฟไหม้ให้แพงขึ้น เพื่อนำค่าธรรมเนียมตรงนี้ ไปอุดหนุนกับเกษตรที่ขายอ้อยสด ให้ได้ราคาดี เพื่อจูงใจให้มีคนอยากขายอ้อยสดมากขึ้น เพราะอย่าลืมว่า การขายอ้อยสด มีต้นทุนการดำเนินการที่แพงกว่าการเผาอ้อย เนื่องจากมีเรื่องต้นทุนสาธารณสุขที่สูงกว่า
 
นอกจากนี้ ยังควรมีการส่งเสริมเรื่องการเกษตรแปลงใหญ่ และลงทุนในเรื่องของรถตัดอ้อย เพื่อให้เกษตรกรสามารถหยิบยืมไปใช้ได้ ควบคู่กันไป ต้องทำหลายมิติร่วมกัน ปัญหานี้จึงจะแก้ไขได้ ภายใต้การสร้างความเข้าใจร่วมกัน หากใช้กฎหมายอย่างเดียว ความเข้าใจก็ไม่มี จะเกิดข้อผิดพลาดกันอีก หรือหากใช้แต่มาตรการทางเศรษฐศาสตร์ ไม่มีมาตรการทางกฎหมาย ก็จะไม่เข้มงวด ไม่รัดกุม ทุกอย่างต้องทำควบคู่กัน
 


วิโรจน์-มานะ แท็กทีม รับฟังปัญหาช้างป่า รุกรานพื้นที่เกษตร ขอโดรนใช้ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวัง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5017796
 
วิโรจน์-มานะ แท็กทีม รับฟังปัญหาช้างป่า ด้านอาสาขอโครนตัว 3 แสน ผลักดันช้างแลกชีวิต ชาวบ้าน เผยเคยนำเรื่องหารือกับอบจ.จันทบุรี แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
 
เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 ที่จุดเฝ้าระวังช่างป่า เครือข่ายอาสาเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า (หมาในTeam) ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน , น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี พรรคประชาชน และนายมานะ ชนะสิทธิ์ ผู้สมัครนายก อบจ.พรรคประชาชน เบอร์ 1 พรรคประชาชน ลงพื้นที่พูดคุยกับทีมเครือข่ายอาสาเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า (หมาในTeam)
 
นายจารุเดช แสนสุข ผู้สมัครส.อบจ.โป่งน้ำร้อนเขต 1 หนึ่งในอาสาผลักดันช้างป่า กล่าวว่า พื้นที่จ.จันทบุรี ได้รับผลกระทบช้างป่าออกมาทำลายพืชผลทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นต้นยางพารา ต้นทุเรียน ต้นลำไย เป็นต้น อาสาสมัครที่ปฏิบัติงานทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำ เสี่ยงทุกครั้งที่ลงพื้นที่ อาสาเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในรับการเยียวจากหลายหน่วยงานประมาณ 2 แสนบาท ซึ่งไม่คุ้มกับการเอาชีวิตเข้าแลก
 
ทางอาสาสมัครได้รับงบประมาณจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชปีละ 50,000 บาท และงบจากอำเภออีก 5,000 บาท เท่านั้นซึ่งไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการ ค่าน้ำมันรถที่ใช้ออกไปปฏิบัติงาน รวมถึงอุปกรณ์ในการปฏิบัติงานทั้งหมด ทางอาสาต้องจัดซื้อกันเอง ลำพังงบประมาณที่มีอยู่ไม่เพียงพอ มีแค่ใจแต่บางครั้งใจก็ไม่ปลอดภัย จึงอยากวิงวอนให้ภาครัฐเห็นใจ
 
นายจารุเดช กล่าวว่า อุปกรณ์ที่ตนมองว่ามีความจำเป็นต่อการปฎิบัติงานคือ โดรน ซึ่งสามารถหาพิกัดได้ว่าช้างอยู่จุดไหนของป่า รวมทั้งสามารถผลักดันช้างป่า ได้อีกด้วยเนื่องจากโดรนมีเสียงที่คล้ายกับผึ้ง เดิมที่มีการใช้ประทัดในการผลักดัน แต่ด้วยความเคยชินวิธีดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้แล้ว ปัจจุบันมีการขอยืมโดรนจากหน่วยงานทหาร ของกองทัพเรือในพื้นที่มาใช้ปฏิบัติงาน ซึ่งไม่ทันต่อสถานการณ์บางครั้งไปยืมก็ไม่มีคนขับโดรนให้ เนื่องจากไม่ได้เข้าเวร ปัจจุบันมีจุดเฝ้าระวังช้างป่า 34 จุดทั่วจังหวัดจันทบุรี งบจัดซื้อโดรนใช้เพียงแค่ 10 ล้านบาทเท่านั้น โดยตกตัวละประมาณ 3 แสนบาท ตนมองว่าคุ้มค่าถ้าทำให้ชีวิตของประชาชน และผู้ปฏิบัติงานปลอดภัยมากขึ้น
 
นายจารุเดช กล่าวต่อว่า ตนเคยนำเรื่องดังกล่าวหารือกับอบจ. จันทบุรี แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง โดยได้รับคำชี้แจงว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาหลักเท่าปัญหาภัยแล้ง
 
เรายืนยันว่าเราก็รักช้างเช่นกัน ไม่ได้มองช้างเป็นศัตรู ไม่ได้อยากจะสู้รบกับช้าง แต่เราต้องปกป้องทรัพย์สินและชีวิตของพวกเราด้วย และรักษาชีวิตของช้างด้วย ปัญหาช้างเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากเกษตรกร เพราะมีความแค้นกับช้างที่ทำลายสวน มีทั้งการยิง ไฟช็อต รวมถึงโรยปุ๋ยเคมีที่มีสารพิษให้ช้างกิน พวกตนก็ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น
 
ด้านนายมานะ เรื่องนี้เป็นนโยบายของตน โดยจะจัดหาโครนและกล้องเอไอ เพื่อเฝ้าระวังช้างป่า ในจุดเสี่ยงทุกแห่ง เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนต่อไป รวมกับสส.ของพรรคอย่างไร้รอยต่อ


 
พิษเศรษฐกิจ ฝุ่นPM 2.5 คนไม่กินข้าวนอกบ้าน ฉุดยอดขายสตรีทฟู้ดซบเซา 30-40%
https://www.matichon.co.th/economy/news_5017472

พิษเศรษฐกิจ ฝุ่นPM 2.5 คนไม่กินข้าวนอกบ้าน ฉุดยอดขายสตรีทฟู้ดซบเซา 30-40%
 
เมื่อวันที่ 25 มกราคม น.ส.ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นPM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลที่เริ่มหนักขึ้นนั้น มีผลต่อยอดขายร้านอาหารบ้าง เนื่องจากด้วยสภาพอากาศที่ปิด ทำให้คนไม่อยากออกมากินข้าวนอกบ้าน ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่เพิ่มเข้ามากระทบต่อกำลังซื้อร้านอาหารที่ปัจจุบันซบเซาอยู่แล้ว 30-40% ให้ซบเซามากขึ้น
 
กำลังซื้อร้านอาหารซบเซาต่อเนื่องจากปี 2567 ตามสถานการณ์เศรษฐกิจ รายได้ของคน มาเจอเรื่องของสภาพอากาศ เลยทำให้ธุรกิจมีความยากลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะร้านที่เป็นเอาท์ดอร์ แต่น่าจะกระทบแค่ระยะสั้นๆ

ซึ่งคาดหวังว่าหลังจากที่รัฐแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุ ในวันที่ 27 มกราคมนี้ จะทำให้มีความคักคักมากขึ้น ขณะที่บรรยากาศเทศกาลตรุษจีน คาดว่าจะมีความคักคักในช่วงวันแรกๆที่เป็นวันจ่าย” น.ส.ประภัสสรกล่าว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่