ธนาธร แฉภาพที่สมุทรปราการ โวยไม่ยุติธรรม จัดการเลือกตั้งอบจ. ยันเอาเรื่องถึงที่สุด
https://www.matichon.co.th/politics/news_5016222
‘ธนาธร’ เผยภาพเอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร อบจ.ปชน. เลือกตั้ง อบจ.สมุทรปราการ ไม่ติดเอกสารแนะนำตัว ผู้สมัคร มองการจัดการที่ไม่ยุติธรรม สะท้อนการเมืองแบบเดิมๆ ขอ 1 ก.พ.กาเพื่อเปลี่ยน
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 24 มกราคม นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก
Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เปิดเผยภาพป้ายแนะนำตัวผู้สมัคร อบจ.สมุทรปราการ พรรคประชาชนมีปัญหาหลายจุด คือ หน่วยเลือกตั้งที่ 24 ต.บางปูใหม่ หมู่ 9 ไม่มีการติดเอกสารแนะนำตัวเบอร์ 3 ผู้สมัครนายก อบจ.พรรค ปชน. หน่วยเลือกตั้งที่ 35 ต.ปากคลองบางปลากด ผู้สมัคร ส.จ. พรรค ปชน.เบอร์ 3 แต่เอกสารแนะนำตัว แปะเบอร์ 1-2-1-4 โดยไม่ได้ติดเบอร์ 3 รวมถึง ต.บางพลีใหญ่ ติดเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครเป็นปึก โดยมีผู้สมัครเบอร์ 1 อยู่ เป็นแผ่นแรก
นาย
ธนาธรยังระบุว่า การจัดการเลือกตั้งที่ไม่ยุติธรรม สะท้อนการเมืองแบบเดิมๆ เอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.จ.สมุทรปราการ
พรรค ปชน.ที่ติดอยู่หน้าหน่วยเลือกตั้ง บางหน่วยติดไม่ครบ ข้ามเบอร์ของผู้สมัครพรรคประชาชนไปเฉยๆ การทำแบบนี้ผิดกฎหมาย ผมได้สอบถามไปยังผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.จ. พรรค ปชน.สมุทรปราการ ได้รับการยืนยันว่า พวกเขาจะดำเนินการอย่างถึงที่สุดตามกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย โดยผ่านทาง กกต. นี่คืออนาคตที่คุณอยากเห็นหรือไม่? นี่คือสมุทรปราการ ที่คุณอยากให้ลูกหลานเติบโตมาและใช้ชีวิตอยู่หรือ? เสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ไปเลือกตั้งกันครับ เลือกเพื่อเปลี่ยนสมุทรปราการ ให้ดีกว่านี้\
https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/pfbid02W2KQEZJkmAoz9qkbvDnRC8EByYdiH87nFNHnHbNLA7oacGDFbMsJUBhhzHPj4Vxil
พริษฐ์ มั่นใจ เมืองจันทน์ฯ ส้มขายดี ปลุกเหยียบคันเร่ง ตั้งรัฐบาลพรรคส้มในจันทบุรี
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5016278
‘พริษฐ์’ มั่นใจ เมืองจันทน์ฯ ส้มขายดี ปลุก 1 ก.พ.ตั้งรัฐบาลพรรคส้มในจันทบุรี เหยียบคันเร่งการเปลี่ยนแปลง ด้าน ‘วิโรจน์’เปรียบชาวสวนทุเรียนถูกกระชากสร้อยวันละ 2 สลึง เหตุหน้าแล้งต้องซื้อน้ำวันละ 2 หมื่น ช้างเหยียบคนตายทุก 40 วัน ชวนกานายกอบจ.ด้วยความหวัง ไม่เชื่อวลี ‘จันทบุรีดีอยู่แล้ว’
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ลานเอ็กซ์ตรีม สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย อ.เมือง จันทบุรี นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาชน อาทิ รองหัวหน้าพรรคประชาชน นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาชน ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายม
านะ ชนะสิทธิ์ ผู้สมัครนายก อบจ.พรรคประชาชน เบอร์ 1 พรรคประชาชนหาเสียง
โดยนาย
พริษฐ์ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่าจันทบุรีเป็นเมืองผลไม้ ระหว่างเดินทางจาก กทม.ตนเปิดโทรศัพท์หาข้อมูลว่าผลไม้ที่ขายดีที่สุดในจันทบุรีคืออะไร 3 อันดับแรก น่าจะเป็น ทุเรียน ลำไย เงาะ แต่วันนี้เห็นพี่น้องมาแล้ว คิดว่าผลไม้ที่ขายดีที่สุดน่าจะเป็นส้มมากมากกว่า และขายดีนานมาแล้วย้อนไปตั้งแต่ปี 62 และปี 66 ที่ส.ส.พรรคส้มชนะยกจังหวัดทั้ง 3 คน
แต่ในระบอบประชาธิปไตย เราต้องไม่มองประชาชนเป็นของตาย แม้จะชนะเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะชนะรอบนี้ และไม่ได้หมายความว่าชนะมา 20-30 ปีแล้วจะชนะพรรคส้มเสมอไป พี่น้องที่ลังเลใจขอให้ถามใจตัวเองว่าเลือกพรรคส้ม 2 ครั้งที่ผ่านมาคุ้มค่าหรือไม่ ส.ส.พรรคส้มทำงานได้คุ้มค่าหรือไม่ แม้พวกเราพรรคส้มยังไม่เคยมีโอกาสเข้าไปมีอำนาจบริหาร แต่ตนยืนยันว่าการกาพรรคส้มคือการเหยียบคันเร่งให้กับการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม การมีอยู่ของพรรคส้มและ ส.ส.ที่เกี่ยวข้องมีส่วนในการช่วยเร่งรัดการเปลี่ยนแปลง ให้คู่รักทุกคู่ทุกเพศมีสิทธิ์สมรสอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน รวมทั้งการปลดล็อกสุราก้าวหน้า และร่างกฎหมายไม่ตีเด็ก เป็นต้น
นาย
พริษฐ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่า การเหยียบคันเร่งพวกตนไม่ได้เป็นเด็กวัยรุ่นใจร้อน แต่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของจันทบุรีที่เกินมาตรฐานมา 4 วันทำให้เห็นความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง ท้องถิ่นของบ 1,000 ล้านบาทเพื่อแก้ปัญหาไฟป่า แต่รัฐบาลอนุมัติแค่ 120 ล้านบาทเท่านั้น หลายเงื่อนไขรัฐบาลทำได้โดยไม่ต้องรอ ทั้งในเรื่องการอนุมัติงบกลางเพื่อแก้ปัญหานี้ อยากฝากชาว จ.จันทบุรี โอกาสในการเปลี่ยนจังหวัดของท่านมาถึงแล้ว วันที่ 1 ก.พ. ปากกาด้ามละ 10 บาทในมือท่านจะมีมูลค่าถึง 3,000 ล้านบาท เพราะปากกาในมือท่านจะเป็นตัวกำหนดว่านายก อบจ. และส.อบจ จะผลักดันนโยบายและการใช้งบ 700 ล้านบาทใน 4 ปีข้างหน้าอย่างไร วันเสาร์ที่ 1 ก.พ.นี้ จึงไม่ใช่เวลาโยนปากกาทิ้ง แต่เป็นเวลาที่หยิบปากการขึ้นมาขีดเขียนอนาคตไปด้วยกัน และเพื่อใช้ปากกาตั้งรัฐบาลพรรคส้มในจันทบุรีไปด้วยกัน
ด้านนาย
วิโรจน์ ปราศรัยความตอนหนึ่งว่า ตนบอกกับพรรคว่า การเลือกตั้งท้องถิ่น หากเราต้องการได้ใจคนจันทบุรีต้องแสดงความตั้งใจที่อยากจะทำให้จังหวัดจันทบุรีดีขึ้นกว่านี้จริงๆ แกนนำพรรคคนอื่นๆ อาจจะหมุนเวียนกันไปที่จังหวัดอื่น แต่ตนขอปักหลักอยู่ที่นี่ ตนไม่ได้สู้กับใครแต่สู้กับวลีหนึ่งที่ระบุว่า “
จันทบุรีดีอยู่แล้ว” ในช่วงฤดูแล้งที่ชาวสวนทุเรียนขาดน้ำต้องซื้อน้ำวันละ 20,000 บาท เหมือนถูกกระชากสร้อยวันละ 2 สลึง ปัญหาช้างป่า ที่บุกรุกสวนทุเรียนทำให้ชาวสวนสิ้นเนื้อประดาตัว ทุก 40 วันมีผู้ถูกช้างเหยียบเสียชีวิต1 คน นี่หรือจันทบุรีที่ดีอยู่แล้วไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ต้องเดินหน้าไม่ต้องแก้ปัญหาแล้ว
นาย
วิโรจน์ กล่าวว่า ส่วนแรงงานชาวสวนลำไยขาดแคลนต้องไปขึ้นทะเบียนแรงงาน ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเกือบ 6,000 บาท ล่าสุดปัญหาการนำทุเรียนไปจุ่มเบสิค เยลโล่ทู ที่จีนระงับการนำเข้าทุเรียน ทุเรียนไม่ใช่แค่ผลไม้แต่คือชีวิตความหวังอนาคตของคนจันทบุรี แต่ตนไม่เห็นการทำงานของ อบจ. ที่กระตือรือร้นประสานงานกับ ส.ส. ในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจจริงจังเลย 1 ก.พ. ที่จะถึงหลายคนกำลังจะกาด้วยความกลัวแต่ตนยืนยันว่าได้เวลากาด้วยความหวังแล้ว
ศูนย์วิจัยกสิกร ชี้ พิษฝุ่นทำคนกรุงป่วยพุ่ง 1 เดือนค่าเสียโอกาสไม่ต่ำกว่า 3 พันล้าน
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_5016416
ศูนย์วิจัยกสิกรชี้พิษฝุ่นกทม.ป่วยพุ่ง 1เดือนค่าเสียโอกาสไม่ต่ำกว่า3พันล้าน
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ศูนย์วิจัย กสิกรไทย รายงานว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน1 ปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวัน สะท้อนจาก ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เฉลี่ยสูงกว่าระดับ 100 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องติดต่อกันเกิน 1 สัปดาห์ (18-26 มกราคม 2568) ทำให้คนบางกลุ่มต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะด้านสุขภาพ คนไทยป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับมลพิศทางอากาศเพิ่มขึ้น หนึ่งในปัจจัยกระตุ้นคือ มลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM 2.5 จากสถิติ พบว่า ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศทั้งหมด 13 โรค ทั่วประเทศมีอยู่ราว 12 ล้านคน คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เกิดถี่และรุนแรงขึ้น ความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยดังกล่าวอาจทำให้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของคนไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตาม
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจในมิติของค่าเสียโอกาสโดยเฉพาะประเด็นด้านสุขภาพของคนกรุงเทพฯ เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน จะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน PM 2.5 ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ทั้งในมิติของการรักษาอาการเจ็บป่วย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในมิติของการดูแลป้องกันสุขภาพ เช่น หน้ากากอนามัย เครื่องฟอกอากาศ แม้ว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะถูกส่งผ่านไปยังภาคธุรกิจ แต่ก็ถือเป็นค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้น เพราะผู้บริโภคไม่สามารถนำเงินนี้ไปใช้จ่ายเพื่อการอื่น ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจเบื้องต้น โดยใช้สมมติฐานว่า คนกรุงเทพฯ ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้/ระบบทางเดินหายใจไม่ต่ำกว่า 2.4 ล้านคน และประมาณ 50% ของจำนวนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ อาจมีอาการเจ็บป่วยจนจำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์ในช่วงนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง/เดือน และมีค่ารักษา ค่าเดินทาง เฉลี่ยต่อคน 1,800-2,000 บาท
รวมถึงประชาชนทั่วไปอาจมีค่าใช้จ่ายในการดูแลป้องกันสุขภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าเสียโอกาสจากประเด็นด้านสุขภาพทั้งการรักษาและการป้องกันอยู่ที่ราว 3,000 ล้านบาท ขณะที่หากรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น เช่น การหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง การทำงานที่บ้าน การหยุดเรียน การท่องเที่ยว เป็นต้น รวมถึงผลกระทบที่เกิดในพื้นที่อื่นๆ ค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจะสูงกว่านี้
การประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจข้างต้นเป็นเพียงการชี้ให้เห็นถึงเม็ดเงินผลกระทบที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่ยังประเมินออกมาเป็นมูลค่าผลกระทบอย่างชัดเจนได้ยากยังคงมีอยู่ ที่สำคัญคือ ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว หรือความเสี่ยงเกิดโรคภัยไข้เจ็บเรื้อรัง ตลอดจนผลต่อภาพรวมของประเทศที่ทางการมุ่งหวังจะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ ทั้งการท่องเที่ยว การแพทย์ และอื่นๆ ในเวทีโลก
JJNY : ธนาธร แฉภาพ โวยไม่ยุติธรรม│พริษฐ์มั่นใจเมืองจันทน์ฯ ส้มขายดี│กสิกรชี้ฝุ่นทำคนกรุงป่วยพุ่ง│จีนพร้อมตรุษจีนแม้กังวล
https://www.matichon.co.th/politics/news_5016222
‘ธนาธร’ เผยภาพเอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร อบจ.ปชน. เลือกตั้ง อบจ.สมุทรปราการ ไม่ติดเอกสารแนะนำตัว ผู้สมัคร มองการจัดการที่ไม่ยุติธรรม สะท้อนการเมืองแบบเดิมๆ ขอ 1 ก.พ.กาเพื่อเปลี่ยน
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 24 มกราคม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เปิดเผยภาพป้ายแนะนำตัวผู้สมัคร อบจ.สมุทรปราการ พรรคประชาชนมีปัญหาหลายจุด คือ หน่วยเลือกตั้งที่ 24 ต.บางปูใหม่ หมู่ 9 ไม่มีการติดเอกสารแนะนำตัวเบอร์ 3 ผู้สมัครนายก อบจ.พรรค ปชน. หน่วยเลือกตั้งที่ 35 ต.ปากคลองบางปลากด ผู้สมัคร ส.จ. พรรค ปชน.เบอร์ 3 แต่เอกสารแนะนำตัว แปะเบอร์ 1-2-1-4 โดยไม่ได้ติดเบอร์ 3 รวมถึง ต.บางพลีใหญ่ ติดเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครเป็นปึก โดยมีผู้สมัครเบอร์ 1 อยู่ เป็นแผ่นแรก
นายธนาธรยังระบุว่า การจัดการเลือกตั้งที่ไม่ยุติธรรม สะท้อนการเมืองแบบเดิมๆ เอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.จ.สมุทรปราการ
พรรค ปชน.ที่ติดอยู่หน้าหน่วยเลือกตั้ง บางหน่วยติดไม่ครบ ข้ามเบอร์ของผู้สมัครพรรคประชาชนไปเฉยๆ การทำแบบนี้ผิดกฎหมาย ผมได้สอบถามไปยังผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.จ. พรรค ปชน.สมุทรปราการ ได้รับการยืนยันว่า พวกเขาจะดำเนินการอย่างถึงที่สุดตามกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย โดยผ่านทาง กกต. นี่คืออนาคตที่คุณอยากเห็นหรือไม่? นี่คือสมุทรปราการ ที่คุณอยากให้ลูกหลานเติบโตมาและใช้ชีวิตอยู่หรือ? เสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ไปเลือกตั้งกันครับ เลือกเพื่อเปลี่ยนสมุทรปราการ ให้ดีกว่านี้\
https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/pfbid02W2KQEZJkmAoz9qkbvDnRC8EByYdiH87nFNHnHbNLA7oacGDFbMsJUBhhzHPj4Vxil
พริษฐ์ มั่นใจ เมืองจันทน์ฯ ส้มขายดี ปลุกเหยียบคันเร่ง ตั้งรัฐบาลพรรคส้มในจันทบุรี
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5016278
‘พริษฐ์’ มั่นใจ เมืองจันทน์ฯ ส้มขายดี ปลุก 1 ก.พ.ตั้งรัฐบาลพรรคส้มในจันทบุรี เหยียบคันเร่งการเปลี่ยนแปลง ด้าน ‘วิโรจน์’เปรียบชาวสวนทุเรียนถูกกระชากสร้อยวันละ 2 สลึง เหตุหน้าแล้งต้องซื้อน้ำวันละ 2 หมื่น ช้างเหยียบคนตายทุก 40 วัน ชวนกานายกอบจ.ด้วยความหวัง ไม่เชื่อวลี ‘จันทบุรีดีอยู่แล้ว’
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ลานเอ็กซ์ตรีม สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย อ.เมือง จันทบุรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาชน อาทิ รองหัวหน้าพรรคประชาชน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาชน ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายมานะ ชนะสิทธิ์ ผู้สมัครนายก อบจ.พรรคประชาชน เบอร์ 1 พรรคประชาชนหาเสียง
โดยนายพริษฐ์ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่าจันทบุรีเป็นเมืองผลไม้ ระหว่างเดินทางจาก กทม.ตนเปิดโทรศัพท์หาข้อมูลว่าผลไม้ที่ขายดีที่สุดในจันทบุรีคืออะไร 3 อันดับแรก น่าจะเป็น ทุเรียน ลำไย เงาะ แต่วันนี้เห็นพี่น้องมาแล้ว คิดว่าผลไม้ที่ขายดีที่สุดน่าจะเป็นส้มมากมากกว่า และขายดีนานมาแล้วย้อนไปตั้งแต่ปี 62 และปี 66 ที่ส.ส.พรรคส้มชนะยกจังหวัดทั้ง 3 คน
แต่ในระบอบประชาธิปไตย เราต้องไม่มองประชาชนเป็นของตาย แม้จะชนะเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะชนะรอบนี้ และไม่ได้หมายความว่าชนะมา 20-30 ปีแล้วจะชนะพรรคส้มเสมอไป พี่น้องที่ลังเลใจขอให้ถามใจตัวเองว่าเลือกพรรคส้ม 2 ครั้งที่ผ่านมาคุ้มค่าหรือไม่ ส.ส.พรรคส้มทำงานได้คุ้มค่าหรือไม่ แม้พวกเราพรรคส้มยังไม่เคยมีโอกาสเข้าไปมีอำนาจบริหาร แต่ตนยืนยันว่าการกาพรรคส้มคือการเหยียบคันเร่งให้กับการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม การมีอยู่ของพรรคส้มและ ส.ส.ที่เกี่ยวข้องมีส่วนในการช่วยเร่งรัดการเปลี่ยนแปลง ให้คู่รักทุกคู่ทุกเพศมีสิทธิ์สมรสอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน รวมทั้งการปลดล็อกสุราก้าวหน้า และร่างกฎหมายไม่ตีเด็ก เป็นต้น
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่า การเหยียบคันเร่งพวกตนไม่ได้เป็นเด็กวัยรุ่นใจร้อน แต่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของจันทบุรีที่เกินมาตรฐานมา 4 วันทำให้เห็นความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง ท้องถิ่นของบ 1,000 ล้านบาทเพื่อแก้ปัญหาไฟป่า แต่รัฐบาลอนุมัติแค่ 120 ล้านบาทเท่านั้น หลายเงื่อนไขรัฐบาลทำได้โดยไม่ต้องรอ ทั้งในเรื่องการอนุมัติงบกลางเพื่อแก้ปัญหานี้ อยากฝากชาว จ.จันทบุรี โอกาสในการเปลี่ยนจังหวัดของท่านมาถึงแล้ว วันที่ 1 ก.พ. ปากกาด้ามละ 10 บาทในมือท่านจะมีมูลค่าถึง 3,000 ล้านบาท เพราะปากกาในมือท่านจะเป็นตัวกำหนดว่านายก อบจ. และส.อบจ จะผลักดันนโยบายและการใช้งบ 700 ล้านบาทใน 4 ปีข้างหน้าอย่างไร วันเสาร์ที่ 1 ก.พ.นี้ จึงไม่ใช่เวลาโยนปากกาทิ้ง แต่เป็นเวลาที่หยิบปากการขึ้นมาขีดเขียนอนาคตไปด้วยกัน และเพื่อใช้ปากกาตั้งรัฐบาลพรรคส้มในจันทบุรีไปด้วยกัน
ด้านนายวิโรจน์ ปราศรัยความตอนหนึ่งว่า ตนบอกกับพรรคว่า การเลือกตั้งท้องถิ่น หากเราต้องการได้ใจคนจันทบุรีต้องแสดงความตั้งใจที่อยากจะทำให้จังหวัดจันทบุรีดีขึ้นกว่านี้จริงๆ แกนนำพรรคคนอื่นๆ อาจจะหมุนเวียนกันไปที่จังหวัดอื่น แต่ตนขอปักหลักอยู่ที่นี่ ตนไม่ได้สู้กับใครแต่สู้กับวลีหนึ่งที่ระบุว่า “จันทบุรีดีอยู่แล้ว” ในช่วงฤดูแล้งที่ชาวสวนทุเรียนขาดน้ำต้องซื้อน้ำวันละ 20,000 บาท เหมือนถูกกระชากสร้อยวันละ 2 สลึง ปัญหาช้างป่า ที่บุกรุกสวนทุเรียนทำให้ชาวสวนสิ้นเนื้อประดาตัว ทุก 40 วันมีผู้ถูกช้างเหยียบเสียชีวิต1 คน นี่หรือจันทบุรีที่ดีอยู่แล้วไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ต้องเดินหน้าไม่ต้องแก้ปัญหาแล้ว
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ส่วนแรงงานชาวสวนลำไยขาดแคลนต้องไปขึ้นทะเบียนแรงงาน ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเกือบ 6,000 บาท ล่าสุดปัญหาการนำทุเรียนไปจุ่มเบสิค เยลโล่ทู ที่จีนระงับการนำเข้าทุเรียน ทุเรียนไม่ใช่แค่ผลไม้แต่คือชีวิตความหวังอนาคตของคนจันทบุรี แต่ตนไม่เห็นการทำงานของ อบจ. ที่กระตือรือร้นประสานงานกับ ส.ส. ในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจจริงจังเลย 1 ก.พ. ที่จะถึงหลายคนกำลังจะกาด้วยความกลัวแต่ตนยืนยันว่าได้เวลากาด้วยความหวังแล้ว
ศูนย์วิจัยกสิกร ชี้ พิษฝุ่นทำคนกรุงป่วยพุ่ง 1 เดือนค่าเสียโอกาสไม่ต่ำกว่า 3 พันล้าน
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_5016416
ศูนย์วิจัยกสิกรชี้พิษฝุ่นกทม.ป่วยพุ่ง 1เดือนค่าเสียโอกาสไม่ต่ำกว่า3พันล้าน
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ศูนย์วิจัย กสิกรไทย รายงานว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน1 ปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวัน สะท้อนจาก ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เฉลี่ยสูงกว่าระดับ 100 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องติดต่อกันเกิน 1 สัปดาห์ (18-26 มกราคม 2568) ทำให้คนบางกลุ่มต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะด้านสุขภาพ คนไทยป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับมลพิศทางอากาศเพิ่มขึ้น หนึ่งในปัจจัยกระตุ้นคือ มลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM 2.5 จากสถิติ พบว่า ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศทั้งหมด 13 โรค ทั่วประเทศมีอยู่ราว 12 ล้านคน คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เกิดถี่และรุนแรงขึ้น ความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยดังกล่าวอาจทำให้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของคนไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตาม
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจในมิติของค่าเสียโอกาสโดยเฉพาะประเด็นด้านสุขภาพของคนกรุงเทพฯ เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน จะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน PM 2.5 ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ทั้งในมิติของการรักษาอาการเจ็บป่วย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในมิติของการดูแลป้องกันสุขภาพ เช่น หน้ากากอนามัย เครื่องฟอกอากาศ แม้ว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะถูกส่งผ่านไปยังภาคธุรกิจ แต่ก็ถือเป็นค่าเสียโอกาสที่เกิดขึ้น เพราะผู้บริโภคไม่สามารถนำเงินนี้ไปใช้จ่ายเพื่อการอื่น ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจเบื้องต้น โดยใช้สมมติฐานว่า คนกรุงเทพฯ ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้/ระบบทางเดินหายใจไม่ต่ำกว่า 2.4 ล้านคน และประมาณ 50% ของจำนวนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ อาจมีอาการเจ็บป่วยจนจำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์ในช่วงนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง/เดือน และมีค่ารักษา ค่าเดินทาง เฉลี่ยต่อคน 1,800-2,000 บาท
รวมถึงประชาชนทั่วไปอาจมีค่าใช้จ่ายในการดูแลป้องกันสุขภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าเสียโอกาสจากประเด็นด้านสุขภาพทั้งการรักษาและการป้องกันอยู่ที่ราว 3,000 ล้านบาท ขณะที่หากรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น เช่น การหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง การทำงานที่บ้าน การหยุดเรียน การท่องเที่ยว เป็นต้น รวมถึงผลกระทบที่เกิดในพื้นที่อื่นๆ ค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจะสูงกว่านี้
การประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจข้างต้นเป็นเพียงการชี้ให้เห็นถึงเม็ดเงินผลกระทบที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่ยังประเมินออกมาเป็นมูลค่าผลกระทบอย่างชัดเจนได้ยากยังคงมีอยู่ ที่สำคัญคือ ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว หรือความเสี่ยงเกิดโรคภัยไข้เจ็บเรื้อรัง ตลอดจนผลต่อภาพรวมของประเทศที่ทางการมุ่งหวังจะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ ทั้งการท่องเที่ยว การแพทย์ และอื่นๆ ในเวทีโลก