พริษฐ์ ไม่กังวล กรณีปาถุงขยะใส่เวทีทักษิณปราศรัย จะบานปลาย เชื่อมาตรการปลอดภัย ชวนปชช.ไปใช้สิทธิ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5009612
‘พริษฐ์’ ชวนปชช.ใช้สิทธิ์เลือกตั้งอบจ. บอกปากกาในมือมีมูลค่าหลักพันถึงหมื่นล้านบาท ลั่น ไม่อยากเห็นอะไรที่ปานปลายกระทบต่อความปลอดภัยไม่ว่ากรณีไหน หลัง ’ทักษิณ‘ ถูกปาถุงขยะใส่บนเวทีปราศรัย ถาม กกต.ตรวจสอบข้อเท็จ ปมมือปาแฉโดนโกงไม่ได้ 2 ร้อย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 มกราคม ที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา มีประชาชนคนหนึ่งปาถุงขยะขึ้นไปบนเวทีปราศรัยนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มหาสารคาม ขณะที่นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังปราศรัยอยู่นั้น ว่า ตนยังไม่แน่ใจว่าวัตถุที่ถูกขว้างนั้นเป็นอะไร ในอีกมุมก็เข้าใจ ซึ่งไม่ได้พูดถึงแค่กรณีนี้เท่านั้นว่าประชาชนย่อมีสิทธิ์ที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย และเข้าใจว่าวัตถุไม่ได้ไปโดนนาย
ทักษิณ ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย ซึ่งหากจะพูดในภาพใหญ่ที่ไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้แม้ประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับฝ่ายการเมืองแต่ละฝ่าย แต่เราก็ไม่อยากเห็นอะไรที่มันบานปลายที่ไปกระทบต่อความปลอดภัย
นาย
พริษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การที่เรามีบุคลากรทางการเมืองที่อาจจะเป็นที่รู้จักของสังคมออกไปรณรงค์เรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นเยอะๆ นั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะสิ่งหนึ่งที่เรากังวลใจพอสมควรคือสัดส่วนการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่ถูกกำหนดให้ตรงกับวันเสาร์ ฉะนั้น จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งอบจ. และอยากชวนคิดว่าปากกาในมือของทุกคนมีมูลค่าสูงมาก ซึ่งหากเราเอาจังหวัดที่อาจจะมีขนาดเล็กที่สุด เช่น ที่จังหวัดสมุทรสงครามที่มีงบประมาณปีละ 250 ล้านบาท 4 ปีก็ 1 พันล้านบาท แต่จังหวัดที่ใหญ่ขึ้นมา
นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า เช่น จังหวัดนนทบุรีที่มีงบประมาณปีละ 2,500 ล้านบาท 4 ปีก็ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ปากกาในมือพี่น้องแต่ละคนมีมูลค่าสูงถึงหลักพันหลักหมื่นล้านบาท เราอยากให้งบประมาณหลักพันหลักหมื่นล้านบาทนั้น ถูกใช้ไปกับนโยบายแบบใด ถูกใช้อย่างโปร่งใสหรือไม่ คนที่กำหนดได้ดีที่สุดคือประชาชนเอง ฉะนั้น จึงต้องออกมาใช้สิทธิ์และใช้ปากกาในมือของเราเพื่อเลือกคนที่คิดว่าจะเข้าไปทำนโยบายที่ตอบโจทย์เรา
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่ากรณีดังกล่าวอาจจะบานปลายไปถึงเวทีอื่นหรือบานปลายไปถึงเวทีของพรรคปชน.ด้วย นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า ต้องไปดูว่าวัตถุคืออะไร แต่ย้ำว่าไม่ว่าประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับนักการเมืองคนใดก็ตามมีสิทธิ์ที่จะแสดงออกโดยสันติ แต่ไม่อยากให้บานปลายลามไปสู่การกระทำที่กระทบต่อความปลอดภัย ซึ่งเข้าใจว่ากรณีนี้ยังไม่กระทบ แต่พูดไว้ในกรณีอื่นที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนฝ่ายการเมืองต่างๆ ตนคิดว่าแต่ละฝ่ายคงจะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้วเช่นกัน
“
เข้าใจว่าประเด็นหนึ่งที่สังคมอาจจะตั้งคำถามเช่นกันในกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมานั้น คือประเด็นที่ประชาชนคนนั้นให้สัมภาษณ์ว่าตอนแรกบอกจะได้ 200 บาท แต่มาแล้วบอกมันเกิน ซึ่งเป็นประเด็นคือควรไปสืบค้นต่อว่ามันคืออะไร และไม่ทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.ได้ทราบเรื่องนี้แล้วหรือไม่ และมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้วหรือไม่” นาย
พริษฐ์ กล่าว
กมธ.ทหาร จ่อชงเรื่องถึง ทบ. สอบปมกระสุนยิงสลุตระเบิด
https://www.thairath.co.th/news/politic/2837310
“วิโรจน์” เผย กมธ.ทหาร เตรียมทำหนังสือถึงกองทัพบก ขอให้สืบสวนตรงไปตรงมา กรณีกระสุนยิงสลุตระเบิด ขยายผลถึงการบำรุงรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น
วันที่ 21 มกราคม 2568 นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเหตุการณ์กระสุนปืนใหญ่ระเบิดระหว่างยิงสลุตงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์และมีพลประจำปืนใหญ่ 2 นายได้รับบาดเจ็บว่า เบื้องต้นทราบว่าทาง ผบ.ทบ. ได้สั่งการให้ระงับการใช้กระสุนล็อตเดียวกับที่เกิดเหตุ และให้ตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างเร่งด่วน รวมถึงมีการกำชับให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยดูแลพลประจำปืนใหญ่ทั้ง 2 นายเป็นอย่างดี
แต่เพื่อให้กำลังพลและประชาชนคนไทยมีความมั่นใจ ทาง กมธ.ทหารจะทำหนังสือเพื่อขอทราบรายละเอียดในการดูแลกำลังพลทั้ง 2 นายอย่างเป็นทางการจากกองทัพบก ซึ่งครอบคลุมการรักษาพยาบาลและการดูแลเรื่องอนาคตการทำงาน เนื่องจากมีกำลังพลนายหนึ่งต้องสูญเสียแขนขวาท่อนล่างจากอุบัติเหตุครั้งนี้
นอกจากนี้ กมธ.ทหาร จะขอให้กองทัพบกสืบสวนสอบสวนอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างตรงไปตรงมา โดยให้ครอบคลุมถึงคุณภาพของกระสุนปืนใหญ่ว่าเป็นไปตามกำหนดการในการบำรุงรักษาและได้บำรุงรักษาตามระเบียบวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ รวมทั้งอาจต้องสอบสวนขยายผลไปถึงการบำรุงรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์ประเภทอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของกำลังพลที่ต้องปฏิบัติหน้าที่และประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ โดย กมธ.ทหาร จะเร่งทำหนังสือถึง ผบ.ทบ. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต่อไป
หุ้นไทยพุ่ง 13 จุด รับโดนัลด์ ทรัมป์ นั่งปธน.สหรัฐเต็มเก้าอี้ แต่ไร้สัญญาณสงครามภาษี
https://www.matichon.co.th/economy/news_5009752
หุ้นไทยพุ่ง 13 จุด รับโดนัลด์ ทรัมป์ นั่งปธน.สหรัฐเต็มเก้าอี้ แต่ไร้สัญญาณสงครามภาษี
เมื่อวันที่ 21 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทันทีที่เปิดตลาดเช้านี้ ดัชนีหุ้นปรับลดลงทันที โดยอยู่ที่ระดับ 1,340.50 จุด เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,354.00 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 13.50 จุด หรือบวก 1.01% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,356.72 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,343.23 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 17,872.77 ล้านบาท
นาย
รักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้บ้าง โดยต้องติดตามแนวนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐต่อไป หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยเทรดในกรอบแคบตามที่คาดไว้ ดัชนีหุ้นไทยปิดแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากนักลงทุนชะลอตัวเพื่อติดตามการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับสงครามการค้า รวมทั้งประเด็นทางสังคมภายในสหรัฐเอง ตลาดหุ้นไทยจึงมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่
1. สัญญาณบวกจากดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่บวกค่อนข้างแรง
2. ดัชนีค่าเงินสหรัฐที่อ่อนลงค่อนข้างแรง หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อสนับสนุนให้เพิ่มปริมาณผลิตน้ำมันดิบและก๊าซแอลเอ็นจีในสหรัฐ ซึ่งน่าจะช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อในสหรัฐได้
“
ในการแถลงนโยบายวันแรกของโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ได้ระบุถึงแนวทางการเก็บภาษีนำเข้าแต่อย่างใด และทางเรายังคงมุมมองว่าโดนัลด์ ทรัมป์ น่าจะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนไม่รุนแรงในรอบนี้ นักลงทุนจึงให้ความสนใจว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีนโยบายพิเศษอะไรออกมาบ้างหลังจากเมื่อคืน ไม่มีรายงานดัชนีเศรษฐกิจสหรัฐออกมาคืนนี้ และหลังจากวันเสาร์ที่ 18 มกราคม จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม จะไม่มีเจ้าหน้าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาให้ความเห็นต่อภาวะ เศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงิน เนื่องจากอยู่ในช่วง Blackout Period” นาย
รักพงศ์ กล่าว
นาย
รักพงศ์ กล่าวว่า ค่าเงินในภูมิภาคแข็งค่าขึ้นเทียบกับเหรียญสหรัฐ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ อาทิ เงินเยน ญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น 0.3% และเมื่อคืนที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ไม่ได้พูดถึงการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน ส่งผลให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.71% ซึ่งหากไม่มีมาตรการที่เข้มข้นต่อจีนมากไปกว่าที่ตลาดคาด จะส่งผลให้เงินหยวนอาจลงมาซื้อขายที่ 7.20 ได้
นาย
รักพงศ์ กล่าวว่า ฝั่งในประเทศ นักลงทุนควรติดตามงบการเงินประจำไตรมาส 4/2567 ของธนาคารพาณิชย์ตัวหลักๆ ซึ่งคาดว่าจะทยอยรายงานในวันนี้ ภาพรวมสัญญาณของงบแบงก์ที่ออกมาแล้วนั้นค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นทีทีบี หรือเคเคพี ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำสัปดาห์ในวันนี้ ไม่น่าจะมีประเด็นที่สำคัญ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเดินทางไปประชุม WEF ระหว่างวันที่ 20-25 มกราคม 2568 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส
JJNY : พริษฐ์ไม่กังวล กรณีปาถุงขยะใส่เวทีทักษิณ│กมธ.ทหารจ่อชงเรื่อง│หุ้นพุ่ง 13 จุด รับทรัมป์│ประท้วงต้าน“ทรัมป์”หลายที่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5009612
‘พริษฐ์’ ชวนปชช.ใช้สิทธิ์เลือกตั้งอบจ. บอกปากกาในมือมีมูลค่าหลักพันถึงหมื่นล้านบาท ลั่น ไม่อยากเห็นอะไรที่ปานปลายกระทบต่อความปลอดภัยไม่ว่ากรณีไหน หลัง ’ทักษิณ‘ ถูกปาถุงขยะใส่บนเวทีปราศรัย ถาม กกต.ตรวจสอบข้อเท็จ ปมมือปาแฉโดนโกงไม่ได้ 2 ร้อย
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 มกราคม ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา มีประชาชนคนหนึ่งปาถุงขยะขึ้นไปบนเวทีปราศรัยนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มหาสารคาม ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังปราศรัยอยู่นั้น ว่า ตนยังไม่แน่ใจว่าวัตถุที่ถูกขว้างนั้นเป็นอะไร ในอีกมุมก็เข้าใจ ซึ่งไม่ได้พูดถึงแค่กรณีนี้เท่านั้นว่าประชาชนย่อมีสิทธิ์ที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย และเข้าใจว่าวัตถุไม่ได้ไปโดนนายทักษิณ ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตราย ซึ่งหากจะพูดในภาพใหญ่ที่ไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้แม้ประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับฝ่ายการเมืองแต่ละฝ่าย แต่เราก็ไม่อยากเห็นอะไรที่มันบานปลายที่ไปกระทบต่อความปลอดภัย
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การที่เรามีบุคลากรทางการเมืองที่อาจจะเป็นที่รู้จักของสังคมออกไปรณรงค์เรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นเยอะๆ นั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะสิ่งหนึ่งที่เรากังวลใจพอสมควรคือสัดส่วนการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่ถูกกำหนดให้ตรงกับวันเสาร์ ฉะนั้น จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งอบจ. และอยากชวนคิดว่าปากกาในมือของทุกคนมีมูลค่าสูงมาก ซึ่งหากเราเอาจังหวัดที่อาจจะมีขนาดเล็กที่สุด เช่น ที่จังหวัดสมุทรสงครามที่มีงบประมาณปีละ 250 ล้านบาท 4 ปีก็ 1 พันล้านบาท แต่จังหวัดที่ใหญ่ขึ้นมา
นายพริษฐ์ กล่าวว่า เช่น จังหวัดนนทบุรีที่มีงบประมาณปีละ 2,500 ล้านบาท 4 ปีก็ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ปากกาในมือพี่น้องแต่ละคนมีมูลค่าสูงถึงหลักพันหลักหมื่นล้านบาท เราอยากให้งบประมาณหลักพันหลักหมื่นล้านบาทนั้น ถูกใช้ไปกับนโยบายแบบใด ถูกใช้อย่างโปร่งใสหรือไม่ คนที่กำหนดได้ดีที่สุดคือประชาชนเอง ฉะนั้น จึงต้องออกมาใช้สิทธิ์และใช้ปากกาในมือของเราเพื่อเลือกคนที่คิดว่าจะเข้าไปทำนโยบายที่ตอบโจทย์เรา
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่ากรณีดังกล่าวอาจจะบานปลายไปถึงเวทีอื่นหรือบานปลายไปถึงเวทีของพรรคปชน.ด้วย นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องไปดูว่าวัตถุคืออะไร แต่ย้ำว่าไม่ว่าประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับนักการเมืองคนใดก็ตามมีสิทธิ์ที่จะแสดงออกโดยสันติ แต่ไม่อยากให้บานปลายลามไปสู่การกระทำที่กระทบต่อความปลอดภัย ซึ่งเข้าใจว่ากรณีนี้ยังไม่กระทบ แต่พูดไว้ในกรณีอื่นที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนฝ่ายการเมืองต่างๆ ตนคิดว่าแต่ละฝ่ายคงจะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้วเช่นกัน
“เข้าใจว่าประเด็นหนึ่งที่สังคมอาจจะตั้งคำถามเช่นกันในกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมานั้น คือประเด็นที่ประชาชนคนนั้นให้สัมภาษณ์ว่าตอนแรกบอกจะได้ 200 บาท แต่มาแล้วบอกมันเกิน ซึ่งเป็นประเด็นคือควรไปสืบค้นต่อว่ามันคืออะไร และไม่ทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.ได้ทราบเรื่องนี้แล้วหรือไม่ และมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้วหรือไม่” นายพริษฐ์ กล่าว
กมธ.ทหาร จ่อชงเรื่องถึง ทบ. สอบปมกระสุนยิงสลุตระเบิด
https://www.thairath.co.th/news/politic/2837310
“วิโรจน์” เผย กมธ.ทหาร เตรียมทำหนังสือถึงกองทัพบก ขอให้สืบสวนตรงไปตรงมา กรณีกระสุนยิงสลุตระเบิด ขยายผลถึงการบำรุงรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น
วันที่ 21 มกราคม 2568 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเหตุการณ์กระสุนปืนใหญ่ระเบิดระหว่างยิงสลุตงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์และมีพลประจำปืนใหญ่ 2 นายได้รับบาดเจ็บว่า เบื้องต้นทราบว่าทาง ผบ.ทบ. ได้สั่งการให้ระงับการใช้กระสุนล็อตเดียวกับที่เกิดเหตุ และให้ตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างเร่งด่วน รวมถึงมีการกำชับให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยดูแลพลประจำปืนใหญ่ทั้ง 2 นายเป็นอย่างดี
แต่เพื่อให้กำลังพลและประชาชนคนไทยมีความมั่นใจ ทาง กมธ.ทหารจะทำหนังสือเพื่อขอทราบรายละเอียดในการดูแลกำลังพลทั้ง 2 นายอย่างเป็นทางการจากกองทัพบก ซึ่งครอบคลุมการรักษาพยาบาลและการดูแลเรื่องอนาคตการทำงาน เนื่องจากมีกำลังพลนายหนึ่งต้องสูญเสียแขนขวาท่อนล่างจากอุบัติเหตุครั้งนี้
นอกจากนี้ กมธ.ทหาร จะขอให้กองทัพบกสืบสวนสอบสวนอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างตรงไปตรงมา โดยให้ครอบคลุมถึงคุณภาพของกระสุนปืนใหญ่ว่าเป็นไปตามกำหนดการในการบำรุงรักษาและได้บำรุงรักษาตามระเบียบวิธีที่ถูกต้องหรือไม่ รวมทั้งอาจต้องสอบสวนขยายผลไปถึงการบำรุงรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์ประเภทอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของกำลังพลที่ต้องปฏิบัติหน้าที่และประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ โดย กมธ.ทหาร จะเร่งทำหนังสือถึง ผบ.ทบ. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต่อไป
หุ้นไทยพุ่ง 13 จุด รับโดนัลด์ ทรัมป์ นั่งปธน.สหรัฐเต็มเก้าอี้ แต่ไร้สัญญาณสงครามภาษี
https://www.matichon.co.th/economy/news_5009752
หุ้นไทยพุ่ง 13 จุด รับโดนัลด์ ทรัมป์ นั่งปธน.สหรัฐเต็มเก้าอี้ แต่ไร้สัญญาณสงครามภาษี
เมื่อวันที่ 21 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทันทีที่เปิดตลาดเช้านี้ ดัชนีหุ้นปรับลดลงทันที โดยอยู่ที่ระดับ 1,340.50 จุด เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,354.00 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 13.50 จุด หรือบวก 1.01% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,356.72 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,343.23 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 17,872.77 ล้านบาท
นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้บ้าง โดยต้องติดตามแนวนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐต่อไป หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยเทรดในกรอบแคบตามที่คาดไว้ ดัชนีหุ้นไทยปิดแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากนักลงทุนชะลอตัวเพื่อติดตามการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับสงครามการค้า รวมทั้งประเด็นทางสังคมภายในสหรัฐเอง ตลาดหุ้นไทยจึงมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่
1. สัญญาณบวกจากดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่บวกค่อนข้างแรง
2. ดัชนีค่าเงินสหรัฐที่อ่อนลงค่อนข้างแรง หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อสนับสนุนให้เพิ่มปริมาณผลิตน้ำมันดิบและก๊าซแอลเอ็นจีในสหรัฐ ซึ่งน่าจะช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อในสหรัฐได้
“ในการแถลงนโยบายวันแรกของโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ได้ระบุถึงแนวทางการเก็บภาษีนำเข้าแต่อย่างใด และทางเรายังคงมุมมองว่าโดนัลด์ ทรัมป์ น่าจะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนไม่รุนแรงในรอบนี้ นักลงทุนจึงให้ความสนใจว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีนโยบายพิเศษอะไรออกมาบ้างหลังจากเมื่อคืน ไม่มีรายงานดัชนีเศรษฐกิจสหรัฐออกมาคืนนี้ และหลังจากวันเสาร์ที่ 18 มกราคม จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม จะไม่มีเจ้าหน้าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาให้ความเห็นต่อภาวะ เศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงิน เนื่องจากอยู่ในช่วง Blackout Period” นายรักพงศ์ กล่าว
นายรักพงศ์ กล่าวว่า ค่าเงินในภูมิภาคแข็งค่าขึ้นเทียบกับเหรียญสหรัฐ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ อาทิ เงินเยน ญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น 0.3% และเมื่อคืนที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ไม่ได้พูดถึงการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน ส่งผลให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.71% ซึ่งหากไม่มีมาตรการที่เข้มข้นต่อจีนมากไปกว่าที่ตลาดคาด จะส่งผลให้เงินหยวนอาจลงมาซื้อขายที่ 7.20 ได้
นายรักพงศ์ กล่าวว่า ฝั่งในประเทศ นักลงทุนควรติดตามงบการเงินประจำไตรมาส 4/2567 ของธนาคารพาณิชย์ตัวหลักๆ ซึ่งคาดว่าจะทยอยรายงานในวันนี้ ภาพรวมสัญญาณของงบแบงก์ที่ออกมาแล้วนั้นค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นทีทีบี หรือเคเคพี ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำสัปดาห์ในวันนี้ ไม่น่าจะมีประเด็นที่สำคัญ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเดินทางไปประชุม WEF ระหว่างวันที่ 20-25 มกราคม 2568 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส