JJNY : พิธาขี้นเวทีวอนเลือกปชน.│สุดารัตน์ชี้แก้ PM2.5 ควรมีแผนยั่งยืน│PM2.5 กท.เกิน 23 ที่│สงสัยเกาหลีเหนือเตรียมส่งทหาร

พิธา ขึ้นเวที อ้อน เจอหน้าคนจันทบุรี หายเมาฝุ่นเลย วอนเลือก ปชน. ให้กำลังใจผู้นำฝ่ายค้าน แก้ PM2.5
https://www.matichon.co.th/politics/local-election/news_5016298
 
 
พิธา เมาฝุ่น ลั่นไม่กลัวคู่แข่ง ย้ำเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญ วอนคนจันท์ เลือกปชน. ให้กำลังใจ เท้ง ใช้ตำแหน่ง ผู้นำฝ่ายค้าน หาทางออก PM2.5
 
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 มกราคม ที่ จ.จันทบุรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ขึ้นปราศรัย ปรากฏว่ามีชาวจันทบุรีนำดอกไม้สีส้ม พวงมาลัยดอกดาวเรืองมามอบให้ รวมถึงส่งเสียงกรี๊ด ตะโกนเชียร์ โดยนายพิธากล่าวว่า “นานแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน คิดถึงมากๆ เลย พอพี่มานะชวนมา มาเลยทันที”

นายพิธากล่าวต่อว่า วันนี้ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนจันทบุรีอีกครั้ง จันทบุรีสีส้ม ตอนปี 2566 พี่น้องชาวจันทบุรีให้ความไว้วางใจพวกเรา อดีตพรรคก้าวไกล 3 เขต มาเป็นอันดับ 1 แต่ที่มากไปกว่านั้นคือการเข้าพื้นที่จันทบุรีมาก็เจอฝุ่น
 
ถ้าวันนี้ปราศรัยไม่ค่อยรู้เรื่องแสดงว่าเมาฝุ่นอยู่ แต่พอเจอหน้าพ่อแม่พี่น้อง หายเมาเลย” นายพิธากล่าว
 
นายพิธากล่าวอีกว่า นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน มาเป็นแมสคอตให้จันทบุรี ไม่ยอมกลับ กทม. ตนจึงถามว่าจันทบุรีมีดีอะไร แกบอกว่าบอกไม่ได้จริงๆ ต้องมาอยู่ประจำ หาเสียงแบบแนวลึก เพื่อจะได้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงจันทบุรี ดังนั้น ต้องกาหมายเลข 1 เท่านั้น หมายเลขอื่นลืมไปได้เลย
 
ก่อนมาถึงที่นี่พิธาทำการบ้านมาแล้ว ทั้งประเทศไทย GDP ที่มาจากการเกษตร จันทบุรีตัวเลขไปแล้ว 50% ขอทั้ง อบจ.ตราด และจันทบุรี 2 จังหวัดได้หรือไม่” นายพิธากล่าว
 
นายพิธาระบุว่า ที่นี่ทุเรียนไม่เป็นรองใคร อบจ.มีหน้าที่เปิดตลาดค้าขาย เลือกวันที่ 1 ก.พ.นี้ วันที่ 2 ก.พ.ทำงานได้เลย เรียกว่าคนรุ่นใหญ่และคนรุ่นใหม่รวมตัวกัน มีประสบการณ์ ทำงานการเมืองมานาน จันทบุรีไม่เปลี่ยนตอนนี้ก็ไม่รู้จะเปลี่ยนตอนไหนแล้ว การเลือกตั้งท้องถิ่นมีความสำคัญมาก พร้อมย้ำแนวคิดเดิมว่า อบจ. ครู คลัง ช่าง หมอของจังหวัด
 
นายพิธาระบุว่า ผู้สมัคร อบจ.จันทบุรีมีแนวคิด 1 หมู่บ้าน 1 แหล่งน้ำ เพื่อจะให้ปลูกต้นไม้ ปลูกผักได้ แต่ปัญหายังมีอยู่ เลือกตั้งแบบท้องถิ่นเลือกล่วงหน้าไม่ได้ เลือกข้ามเขตไม่ได้ เลือกข้ามประเทศไม่ได้ พี่น้องจะต้องอยู่จันทบุรีแล้วมาเลือกตั้ง ต้องวางแผนล่วงหน้าเดินทางกลับมาที่จันทบุรี
 
ไม่ได้กลัวคู่แข่ง กลัวแรงเฉื่อยทางการเมือง ประชาชนรู้สึกสิ้นหวัง ประชาชนรู้สึกว่าเบื่อจำเจ ซ้ำซาก ยิ่งถ้ารู้สึกเบื่อ รู้สึกเหนื่อยง่าย รู้สึกท้อแท้กับการเมือง เลือกไปกี่ครั้งก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญที่สุดที่ท่านจะต้องออกไปเข้าคูหาและเลือกตั้ง ถ้าเกิดมีคนไปใช้สิทธิน้อย การควบคุมการเลือกตั้งย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย” นายพิธากล่าว
 
นายพิธาย้ำว่า จะชนะหรือแพ้อยู่ที่พี่น้องประชาชนชาวจันทบุรี ไม่ต้องเชื่อในตัวของตน แต่เชื่อในตัวพวกท่านเอง ถ้าประชาชนไม่ทิ้งพรรคประชาชน ตนเชื่อว่าพรรคประชาชนก็จะไม่ทิ้งพวกท่านเช่นเดียวกัน
 
ขอส่งกำลังใจให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่กำลังจมฝุ่นและเมาฝุ่นอยู่ตอนนี้ ขอส่งกำลังใจให้กับเพื่อนของผมทุกคน ขอส่งกำลังใจให้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ขอให้เขาใช้ความสามารถและตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในการแก้ไขปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 ที่มันซ้ำซากจำเจ วนมาอย่างนี้ 4-5 ปีตลอดเวลา เพื่อสุขภาพ เพื่อเศรษฐกิจ เพื่อสังคมที่ดีกว่าของคนไทย” นายพิธากล่าว



“สุดารัตน์” ชี้แก้ PM2.5 ควรมีแผนยั่งยืน ไม่ใช่เฉพาะหน้า
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_832645/

“สุดารัตน์” ชี้ แก้ PM2.5 ควรมีแผนงานยั่งยืน ไม่ใช่แก้เฉพาะหน้า พร้อมบังคับใช้กฎหมายจริงจัง เพื่อลดควันดำ ลดการเผาซากพืช แหล่งก่อฝุ่นพิษ พร้อมหนุนพลังงานสะอาด เพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างเป็นรูปธรรม
 
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี กระทบพี่น้องประชาชน 45 จังหวัดกว่า 38 ล้านคน World Bank รายงานว่ามีคนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากปัญหาฝุ่นพิษกว่าปีละ 50,000 คน สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ เดือนละหลายพันล้านบาทยังไม่รวมถึงผลกระทบในมิติของการท่องเที่ยวและการรักษาพยาบาล
 
จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมดำเนินมาตรการแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ไม่ใช่ออกเพียงมาตรการระยะสั้นที่เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตที่ค่าฝุ่นสูงเท่านั้น แต่ต้องมีแผนแก้ไขระยะยาว ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การลดระดับฝุ่นภายใน 2-3 ปี
 
คุณหญิงสุดารัตน์ เห็นว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กและผู้สูงอายุ หลายคนมีอาการเลือดกำเดาไหล ผื่นคัน และเสี่ยงต่อโรคร้ายแรง เช่นโรคมะเร็งปอดและโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง จึงขอให้รัฐบาลเร่งทำงาน และวางแผนงานในการแก้ไขปัญหา ฝุ่น PM 2.5 อย่างยั่งยืนดังต่อไปนี้
 
1. รัฐบาลต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับแหล่งกำเนิดมลพิษ เช่น การลดควันดำจากยานพาหนะ การควบคุมการปล่อยมลพิษจากการก่อสร้าง และการเผาซากพืช ทั้งพื้นราบและบนภูเขา
2. ขอให้รัฐบาลเร่ง การเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการควบคุมการเผาไหม้
3. เพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและต่างจังหวัด เพื่อให้ต้นไม้สามารถช่วยดูดซับมลพิษและฟอกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. รัฐบาลต้องส่งเสริมการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และสนับสนุนประชาชนให้หันมาใช้พลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม
 
ดังนั้น ขอให้รัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อสุขภาพของคนไทย และเพื่อเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว พร้อมระบุว่าการเพิกเฉยต่อปัญหานี้เท่ากับการปล่อยให้เด็กๆ และประชาชนสะสมโรคร้ายที่ส่งผลเสียต่อชีวิต และอนาคตของพวกคนไทยทุกคน



ฝุ่น PM2.5 ล่าสุด กรุงเทพฯ เกินมาตรฐานเตือนระดับสีแดง 23 พื้นที่
https://www.tnnthailand.com/social/187305/

ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครสรุปผลการตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ประจำวันที่ 25 มกราคม 2568 ช่วงเวลา 05.00-07.00 น. (3 ชั่วโมงล่าสุด) ตรวจวัดค่าได้ในช่วง 55.5-96.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โดยมีค่าเฉลี่ยในกรุงเทพมหานครอยู่ที่ 73.5 มคก./ลบ.ม. แม้จะพบว่าแนวโน้มค่าฝุ่นละอองลดลง แต่ยังเกินมาตรฐานและอยู่ในระดับสีแดง (มีผลกระทบต่อสุขภาพ) ใน 23 พื้นที่
 
สรุปข่าว
 
กรุงเทพมหานครสรุปผลการตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ประจำวันที่ 25 มกราคม 2568 ช่วงเวลา 05.00-07.00 น. (3 ชั่วโมงล่าสุด) ตรวจวัดค่าได้ในช่วง 55.5-96.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โดยมีค่าเฉลี่ยในกรุงเทพมหานครอยู่ที่ 73.5 มคก./ลบ.ม. แม้จะพบว่าแนวโน้มค่าฝุ่นละอองลดลง แต่ยังเกินมาตรฐานและอยู่ในระดับสีแดง (มีผลกระทบต่อสุขภาพ) ใน 23 พื้นที่
ค่าฝุ่น PM2.5 ที่ตรวจวัดได้ในระดับสีแดง (เกินมาตรฐาน 75.1 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 23 พื้นที่ ได้แก่:
 
1. สวนหนองจอก เขตหนองจอก: 96.1 มคก./ลบ.ม.
2. เขตลาดกระบัง (ด้านหน้าโรงพยาบาลนคราภิบาล): 94.0 มคก./ลบ.ม.
3. เขตบึงกุ่ม (ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม): 93.4 มคก./ลบ.ม.
4. เขตหนองจอก (หน้าสำนักงานเขตหนองจอก): 93.1 มคก./ลบ.ม.
5. เขตคันนายาว (ปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา): 92.2 มคก./ลบ.ม.
6. เขตมีนบุรี (สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขต): 91.9 มคก./ลบ.ม.
7. เขตคลองสามวา (ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา): 89.5 มคก./ลบ.ม.
8. เขตบางนา (หน้าห้างบิ๊กซี บางนา): 86.4 มคก./ลบ.ม.
9. เขตหนองแขม (สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81): 86.2 มคก./ลบ.ม.
10.เขตทวีวัฒนา (ทางเข้าสนามหลวง 2): 84.9 มคก./ลบ.ม.
11. เขตสะพานสูง (ภายในสำนักงานเขตสะพานสูง): 84.2 มคก./ลบ.ม.
12. เขตบางกอกน้อย (หน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย): 83.8 มคก./ลบ.ม.
13. สวน 60 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง: 83.5 มคก./ลบ.ม.
14. สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม: 82.0 มคก./ลบ.ม.
15. เขตวังทองหลาง (ด้านหน้าปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95): 81.2 มคก./ลบ.ม.
16. เขตลาดพร้าว (ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว): 80.8 มคก./ลบ.ม.
17. เขตภาษีเจริญ (หน้ามหาวิทยาลัยสยาม ซ.เพชรเกษม 36): 80.3 มคก./ลบ.ม.
18. สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง: 79.5 มคก./ลบ.ม.
19. เขตสายไหม (ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขต): 79.2 มคก./ลบ.ม.
20. เขตสวนหลวง (ด้านหน้าสำนักงานเขต): 77.9 มคก./ลบ.ม.
21. เขตคลองเตย (ภายในสำนักงานเขต): 77.9 มคก./ลบ.ม.
22. เขตหลักสี่ (ภายในสำนักงานเขต): 77.2 มคก./ลบ.ม.
23. เขตบางเขน (ภายในสำนักงานเขต): 76.6 มคก./ลบ.ม.
 
สำหรับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง(คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา) ในช่วงวันที่ 25 ม.ค. - 2 ก.พ. 2568
ในวันที่ 25-26 ม.ค.: การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "อ่อน" และมีอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้น ทำให้มลพิษทางอากาศกระจายตัวได้น้อย ค่าฝุ่น PM2.5 จึงมีแนวโน้มทรงตัว สำหรับ วันที่ 27-28 ม.ค.: การระบายอากาศดีขึ้น ค่าฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย ก่อนจะเพิ่มขึ้นอีกในระยะถัดไป ทั้งนี้ จากข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) โดยดาวเทียมของ NASA ไม่พบค่าความร้อนสูงผิดปกติในกรุงเทพมหานคร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่