ปอดสะเทือน เห็นแล้วสยอง สภาพอากาศ 10 เมือง ในประเทศไทย ม่วงเข้มเกือบทุกพื้นที่
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_5014699
ปอดสะเทือน เห็นแล้วสยอง สภาพอากาศ 10 เมือง ในประเทศไทย ม่วงเข้มเกือบทุกพื้นที่
นอกจากค่าฝุ่นพิษในกรุงเทพมหานคร และเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้ ติดอันดับ 5 และ 21 ของโลกตามลำดับแล้ว และเมื่อดู 10 เขต ในประเทศไทยที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุด จะพบว่า ค่าฝุ่นมีสีม่วงทุกพื้นที่ ณ เวลา 08.40 ของวันที่ 24 มกราคม อันได้แก่
• สมุทรสาคร มีฝุ่นระดับ 247
• ลำลูกกา-ปทุมธานี มีฝุ่นระดับ 239
• อยุธยา มีฝุ่นระดับ 233
• คลองหลวง-ปทุมธานี มีฝุ่นระดับ 230
• ปทุมธานี มีฝุ่นระดับ 223
• นครชัยศรี-นครปฐม มีฝุ่นระดับ 220
• ปากเกร็ด-นนทบุรี มีฝุ่นระดับ 218
• บางเสาธง-สมุทรปราการ มีฝุ่นระดับ 217
• คลองหนึ่ง-ปทุมธานี มีฝุ่นระดับ 217
• คานนายาว-กรงเทพฯ มีฝุ่นระดับ 214
ทั้งนี้ สำหรับค่าฝุ่นที่เกินค่ามาตรฐานในระดับสีม่วง หมายถึงเป็นอันตรายและกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังเป็นต้นตอมะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งไต หลอดเลือดในสมองอุดตัน หัวใจล้มเหลว สมองเสื่อม หอบหืด อีกด้วย
นอกจากนี้ ข้อมูลจากโรงพยาบาลบางปะกอก 3 ระบุผลกระทบของฝุ่นพิษ PM2.5 เอาไว้ด้วยว่า ฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งขนาดที่เล็กมากนี้จะสามารถหลุดรอดการกรองของขนจมูก ผ่านเข้าสู่ทางเดินหายใจเข้าไปยังถุงลมฝอยและแทรกซึม ผ่านเข้าไปยังหลอดเลือดฝอย และเข้าสู่กระแสเลือดได้ ทำให้เกิดโรคในหลายระบบต่างๆของร่างกาย
ด้วยขนาดที่เล็กมาก ทำให้ฝุ่นละอองพิษ PM2.5 สามารถถูกสูดเข้าลึกถึงทางเดินหายใจและปอด บางอนุภาคยังอาจเข้าสู่กระแสเลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย
สำหรับกลุ่มเสี่ยงอันตรายจากฝุ่นพิษ
- เด็ก อาจกล่าวได้ว่ายิ่งอายุน้อย ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากเด็กเล็กมีภูมิคุ้มกันโรคน้อยกว่าผู้ใหญ่ อวัยวะต่างๆ ในร่างกายยังอยู่ในระยะที่กำลังพัฒนา ทั้งนี้ฝุ่นพิษในอากาศที่สามารถเข้าสู่ระทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้ง่ายจะไปขัดขวางการเจริญเติบโตของระบบต่างๆ หรือทำให้เกิดโรคร้ายแรงในที่สุด
- หญิงมีครรภ์ นอกจากภัยร้ายส่งผลต่อตัวคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สูดฝุ่นละอองโดยตรงแล้ว ทารกในครรภ์ยังเป็นอันตรายด้วยเช่นกัน มีการศึกษาพบว่ามลพิษในอากาศมีผลต่อการคลอดก่อนกำหนด เสี่ยงแท้งบุตร และเพิ่มอัตราการตายของทารกในครรภ์ได้
- ผู้สูงอายุ เมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะเริ่มเสื่อมถอย ระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายลดลง ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันลงดลง หากต้องเผชิญกับฝุ่นละออง อาจมีแนวโน้มเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหอบหืด โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญฝุ่นพิษให้มากที่สุด
- ผู้ป่วยหรือมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ โรคปอด และโรคหัวใจชนิดต่างๆ การสูดฝุ่นผงเข้าสู่ร่างกายโดยตรงส่งผลให้โรคกำเริบ อาจถึงกับชีวิตได้
กทม. อ่วม! ค่าฝุ่นพุ่งแดง 67 พื้นที่ สูงสุดหนองแขม
https://innnews.co.th/news/criminal/news_832141/
กรุงเทพฯ อ่วมหนัก! ฝุ่น PM2.5 พุ่งระดับสีแดง 67 พื้นที่ กระทบต่อสุขภาพ งดทําการกิจกรรมกลางแจ้ง แนะ WFH
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 24 มกราคม 2568 เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 88.4 มคก./ลบ.ม. ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบกับสุขภาพ 67 พื้นที่ โดย 5 อันดับแรก ได้ 1.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 มีค่าเท่ากับ 109.6 มคก./ลบ.ม. 2.เขตทวีวัฒนา
ทางเข้าสนามหลวง 2 มีค่าเท่ากับ 109.1 มคก./ลบ.ม. 3.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา มีค่าเท่ากับ 108.5 มคก./ลบ.ม. 4.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ มีค่าเท่ากับ 107.1 มคก./ลบ.ม. 5.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี มีค่าเท่ากับ 104.9 มคก./ลบ.ม.
นอกจากนี้มีอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 3 พื้นที่ คือ 1.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย มีค่าเท่ากับ 73.5 มคก./ลบ.ม. 2.เขตราชเทวี ภายในสำนักงานเขตราชเทวี มีค่าเท่ากับ 73.1 มคก./ลบ.ม. และ 3.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน มีค่าเท่ากับ 68.7 มคก./ลบ.ม.
แนะนำประชาชนทุกคนงดกิจกรรมกลางแจ้งหากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองทุกครั้ง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ ให้เตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
วันที่ 24-26 ม.ค. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ “
อ่อน” ประกอบกับเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การแพร่กระจายของมลพิษทางอากาศเป็นไปได้อย่างจำกัด คาดว่าความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลงเพียงเล็กน้อย จากนั้นในวันที่ 27-28 ม.ค. จะมีแนวโน้มลดลงมากขึ้น เนื่องจากการระบายอากาศ “
ดี” ก่อนจะกลับมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
"
ไพศาล" เปิด 5 ประเด็น! การอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจทำ "นายกฯอิ๊งค์" ตกเก้าอี้
https://siamrath.co.th/n/596156
เมื่อวันที่ 24 ม.ค.68 นาย
ไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "Paisal Puechmongkol" ระบุว่า
เพื่อไทยกิ่งใจ การอภิปรายทั่วไป นายกอุ๊งอิ๊งครั้งนี้ บรรยากาศภายในพรรคร่วมอึมครึม ในขณะที่
1. ในขณะที่พรรคประชาชนประกาศจะยื่นเปิดขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ บรรยากาศภายในพรรคฝ่ายค้านร่วม คือพรรคประชาชน กับพรรคพลังประชารัฐ และพรรคไทยสร้างไทยปีกที่เหลืออยู่ มีความเป็นเอกภาพ และกระชับความร่วมมือด้วยการประกาศท่าทีทางการเมืองที่จะร่วมกันอย่างแข็งขันมากขึ้น แต่ในพรรคร่วมรัฐบาลกับมีความอึมครึม ส่อว่าสถานการณ์ภายในพรรคร่วมรัฐบาลอาจสุกงอมถึงขั้นแตกหัก ในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ได้
2. พรรคประชาธิปัตย์ ปีกที่ร่วมรัฐบาล ก็แกว่งไปแกว่งมา ในขณะปีกที่ไม่เอารัฐบาลก็ฟาดฟันทุกกระบวนท่า อย่างไม่ยั้งมือ จนพรรคเพื่อไทยต้องออกมาตอบโต้หลายครั้ง ใครจะรู้ว่าปีกที่ร่วมรัฐบาล เมื่อถูกกดดันจากปีกที่ไม่เอารัฐบาลและมวลชนหลักของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว จะทำให้ปีกที่ร่วมรัฐบาลจะเปลี่ยนใจวันไหน สภาพเช่นนี้ มีหรือที่พรรคเพื่อไทยจะวางใจได้สนิท
3. พรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้รู้สถานการณ์เต็มอก ว่าจะถูกถีบออกจากการร่วมรัฐบาลไม่วันใดก็วันหนึ่ง จึงตั้งป้อมรับมือพร้อมอยู่แล้ว ประกาศจุดยืนพร้อมพัง หรือพังเป็นพัง แล้วจะพังอะไร ก็คือพังรัฐบาลผสมใช่หรือไม่ ก็จะได้เห็นในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
4. พรรคภูมิใจไทย ที่เจ้าสำนักเขากระโดง เคยประกาศก้อง จะให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คุมเชิงตั้งการ์ดสูงอยู่ตลอดเวลา ใช้ความได้เปรียบที่ครองกระทรวงมหาดไทย ขยายพื้นที่การเมืองทั่วประเทศ อย่างรวดเร็วและซึมลึก ถึงขนาดมุ่งจะกวาดการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อเป็นฐานเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อก้าวเป็นพรรคลำดับที่ 1 ในขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวทั้งหลายก็ออกอาการชัดเจนว่า มีการแอบเสียบเพื่อบั่นทอนพรรคเพื่อไทยอย่างเลือดเย็น ในแทบทุกเรื่องราว เช่น กรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ และที่ดินเขากระโดงเป็นต้น ที่ยังยิ้มเข้าหากันได้บ้าง ก็เป็นเรื่องอาการใช้ผ้าขาวห่อคลุมศพ หรือยื้อยุดอำนาจและผลประโยชน์ให้นานที่สุดเท่านั้น ทั้งที่ความจริงอาการภายใน จะแตกหักเละตุ้มเป๊ะขนาดไหน ก็พอมองเห็นกันอยู่
5. ภายในพรรคเพื่อไทยเอง ความแตกแยกภายใน และความผิดหวังของแกนหลักหลายคน ที่เคยได้รับคำมั่นสัญญา ว่าให้ตำแหน่งแหล่งที่สำคัญแต่พอเอาเข้าจริง ก็ถูกถีบหัวทิ้ง เพราะเขาเอาแต่คนวงในเท่านั้น ดังนั้นหลายคนจึงถอยออกมา และอีกหลายคนก็กลืนเลือดอยู่ จะไม่ยกมือไว้วางใจ หรือไม่ จึงเป็นเรื่องน่าระทึกใจ
การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน แม้เป็นกระบวนการในการกำกับควบคุมรัฐบาล แต่ก็คือการเปิดสถานการณ์เอาคืนกันในทุกรูปแบบ และในทุกฝ่ายสถานการณ์นี้จะสุกงอมมากขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์
ดังนั้น จึงย่อมเป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงว่า นายกรัฐมนตรีอาจตกเก้าอี้โดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรอบ 50 ปีก็ได้
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/pfbid0132dzURS7AJ6iazVj3VGWQyqubN64khVfhcEKnZ9uBYfRLvro3UgSf8coLqP117wl
JJNY : ปอดสะเทือน เห็นแล้วสยอง│กทม. อ่วม! ค่าฝุ่นพุ่งแดง 67 พื้นที่│"ไพศาล" เปิด 5 ประเด็น!│“ทรัมป์” เรียกร้อง คุยปูติน
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_5014699
ปอดสะเทือน เห็นแล้วสยอง สภาพอากาศ 10 เมือง ในประเทศไทย ม่วงเข้มเกือบทุกพื้นที่
นอกจากค่าฝุ่นพิษในกรุงเทพมหานคร และเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้ ติดอันดับ 5 และ 21 ของโลกตามลำดับแล้ว และเมื่อดู 10 เขต ในประเทศไทยที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุด จะพบว่า ค่าฝุ่นมีสีม่วงทุกพื้นที่ ณ เวลา 08.40 ของวันที่ 24 มกราคม อันได้แก่
• สมุทรสาคร มีฝุ่นระดับ 247
• ลำลูกกา-ปทุมธานี มีฝุ่นระดับ 239
• อยุธยา มีฝุ่นระดับ 233
• คลองหลวง-ปทุมธานี มีฝุ่นระดับ 230
• ปทุมธานี มีฝุ่นระดับ 223
• นครชัยศรี-นครปฐม มีฝุ่นระดับ 220
• ปากเกร็ด-นนทบุรี มีฝุ่นระดับ 218
• บางเสาธง-สมุทรปราการ มีฝุ่นระดับ 217
• คลองหนึ่ง-ปทุมธานี มีฝุ่นระดับ 217
• คานนายาว-กรงเทพฯ มีฝุ่นระดับ 214
ทั้งนี้ สำหรับค่าฝุ่นที่เกินค่ามาตรฐานในระดับสีม่วง หมายถึงเป็นอันตรายและกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังเป็นต้นตอมะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งไต หลอดเลือดในสมองอุดตัน หัวใจล้มเหลว สมองเสื่อม หอบหืด อีกด้วย
นอกจากนี้ ข้อมูลจากโรงพยาบาลบางปะกอก 3 ระบุผลกระทบของฝุ่นพิษ PM2.5 เอาไว้ด้วยว่า ฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งขนาดที่เล็กมากนี้จะสามารถหลุดรอดการกรองของขนจมูก ผ่านเข้าสู่ทางเดินหายใจเข้าไปยังถุงลมฝอยและแทรกซึม ผ่านเข้าไปยังหลอดเลือดฝอย และเข้าสู่กระแสเลือดได้ ทำให้เกิดโรคในหลายระบบต่างๆของร่างกาย
ด้วยขนาดที่เล็กมาก ทำให้ฝุ่นละอองพิษ PM2.5 สามารถถูกสูดเข้าลึกถึงทางเดินหายใจและปอด บางอนุภาคยังอาจเข้าสู่กระแสเลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย
สำหรับกลุ่มเสี่ยงอันตรายจากฝุ่นพิษ
- เด็ก อาจกล่าวได้ว่ายิ่งอายุน้อย ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากเด็กเล็กมีภูมิคุ้มกันโรคน้อยกว่าผู้ใหญ่ อวัยวะต่างๆ ในร่างกายยังอยู่ในระยะที่กำลังพัฒนา ทั้งนี้ฝุ่นพิษในอากาศที่สามารถเข้าสู่ระทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้ง่ายจะไปขัดขวางการเจริญเติบโตของระบบต่างๆ หรือทำให้เกิดโรคร้ายแรงในที่สุด
- หญิงมีครรภ์ นอกจากภัยร้ายส่งผลต่อตัวคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สูดฝุ่นละอองโดยตรงแล้ว ทารกในครรภ์ยังเป็นอันตรายด้วยเช่นกัน มีการศึกษาพบว่ามลพิษในอากาศมีผลต่อการคลอดก่อนกำหนด เสี่ยงแท้งบุตร และเพิ่มอัตราการตายของทารกในครรภ์ได้
- ผู้สูงอายุ เมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะเริ่มเสื่อมถอย ระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายลดลง ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันลงดลง หากต้องเผชิญกับฝุ่นละออง อาจมีแนวโน้มเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหอบหืด โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญฝุ่นพิษให้มากที่สุด
- ผู้ป่วยหรือมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ โรคปอด และโรคหัวใจชนิดต่างๆ การสูดฝุ่นผงเข้าสู่ร่างกายโดยตรงส่งผลให้โรคกำเริบ อาจถึงกับชีวิตได้
กทม. อ่วม! ค่าฝุ่นพุ่งแดง 67 พื้นที่ สูงสุดหนองแขม
https://innnews.co.th/news/criminal/news_832141/
กรุงเทพฯ อ่วมหนัก! ฝุ่น PM2.5 พุ่งระดับสีแดง 67 พื้นที่ กระทบต่อสุขภาพ งดทําการกิจกรรมกลางแจ้ง แนะ WFH
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 24 มกราคม 2568 เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 88.4 มคก./ลบ.ม. ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบกับสุขภาพ 67 พื้นที่ โดย 5 อันดับแรก ได้ 1.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 มีค่าเท่ากับ 109.6 มคก./ลบ.ม. 2.เขตทวีวัฒนา
ทางเข้าสนามหลวง 2 มีค่าเท่ากับ 109.1 มคก./ลบ.ม. 3.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา มีค่าเท่ากับ 108.5 มคก./ลบ.ม. 4.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ มีค่าเท่ากับ 107.1 มคก./ลบ.ม. 5.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี มีค่าเท่ากับ 104.9 มคก./ลบ.ม.
นอกจากนี้มีอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 3 พื้นที่ คือ 1.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย มีค่าเท่ากับ 73.5 มคก./ลบ.ม. 2.เขตราชเทวี ภายในสำนักงานเขตราชเทวี มีค่าเท่ากับ 73.1 มคก./ลบ.ม. และ 3.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน มีค่าเท่ากับ 68.7 มคก./ลบ.ม.
แนะนำประชาชนทุกคนงดกิจกรรมกลางแจ้งหากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองทุกครั้ง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ ให้เตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
วันที่ 24-26 ม.ค. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ “อ่อน” ประกอบกับเกิดอินเวอร์ชั่นใกล้ผิวพื้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การแพร่กระจายของมลพิษทางอากาศเป็นไปได้อย่างจำกัด คาดว่าความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลงเพียงเล็กน้อย จากนั้นในวันที่ 27-28 ม.ค. จะมีแนวโน้มลดลงมากขึ้น เนื่องจากการระบายอากาศ “ดี” ก่อนจะกลับมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
"ไพศาล" เปิด 5 ประเด็น! การอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจทำ "นายกฯอิ๊งค์" ตกเก้าอี้
https://siamrath.co.th/n/596156
เมื่อวันที่ 24 ม.ค.68 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "Paisal Puechmongkol" ระบุว่า
เพื่อไทยกิ่งใจ การอภิปรายทั่วไป นายกอุ๊งอิ๊งครั้งนี้ บรรยากาศภายในพรรคร่วมอึมครึม ในขณะที่
1. ในขณะที่พรรคประชาชนประกาศจะยื่นเปิดขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ บรรยากาศภายในพรรคฝ่ายค้านร่วม คือพรรคประชาชน กับพรรคพลังประชารัฐ และพรรคไทยสร้างไทยปีกที่เหลืออยู่ มีความเป็นเอกภาพ และกระชับความร่วมมือด้วยการประกาศท่าทีทางการเมืองที่จะร่วมกันอย่างแข็งขันมากขึ้น แต่ในพรรคร่วมรัฐบาลกับมีความอึมครึม ส่อว่าสถานการณ์ภายในพรรคร่วมรัฐบาลอาจสุกงอมถึงขั้นแตกหัก ในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ได้
2. พรรคประชาธิปัตย์ ปีกที่ร่วมรัฐบาล ก็แกว่งไปแกว่งมา ในขณะปีกที่ไม่เอารัฐบาลก็ฟาดฟันทุกกระบวนท่า อย่างไม่ยั้งมือ จนพรรคเพื่อไทยต้องออกมาตอบโต้หลายครั้ง ใครจะรู้ว่าปีกที่ร่วมรัฐบาล เมื่อถูกกดดันจากปีกที่ไม่เอารัฐบาลและมวลชนหลักของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว จะทำให้ปีกที่ร่วมรัฐบาลจะเปลี่ยนใจวันไหน สภาพเช่นนี้ มีหรือที่พรรคเพื่อไทยจะวางใจได้สนิท
3. พรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้รู้สถานการณ์เต็มอก ว่าจะถูกถีบออกจากการร่วมรัฐบาลไม่วันใดก็วันหนึ่ง จึงตั้งป้อมรับมือพร้อมอยู่แล้ว ประกาศจุดยืนพร้อมพัง หรือพังเป็นพัง แล้วจะพังอะไร ก็คือพังรัฐบาลผสมใช่หรือไม่ ก็จะได้เห็นในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
4. พรรคภูมิใจไทย ที่เจ้าสำนักเขากระโดง เคยประกาศก้อง จะให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คุมเชิงตั้งการ์ดสูงอยู่ตลอดเวลา ใช้ความได้เปรียบที่ครองกระทรวงมหาดไทย ขยายพื้นที่การเมืองทั่วประเทศ อย่างรวดเร็วและซึมลึก ถึงขนาดมุ่งจะกวาดการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อเป็นฐานเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อก้าวเป็นพรรคลำดับที่ 1 ในขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวทั้งหลายก็ออกอาการชัดเจนว่า มีการแอบเสียบเพื่อบั่นทอนพรรคเพื่อไทยอย่างเลือดเย็น ในแทบทุกเรื่องราว เช่น กรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ และที่ดินเขากระโดงเป็นต้น ที่ยังยิ้มเข้าหากันได้บ้าง ก็เป็นเรื่องอาการใช้ผ้าขาวห่อคลุมศพ หรือยื้อยุดอำนาจและผลประโยชน์ให้นานที่สุดเท่านั้น ทั้งที่ความจริงอาการภายใน จะแตกหักเละตุ้มเป๊ะขนาดไหน ก็พอมองเห็นกันอยู่
5. ภายในพรรคเพื่อไทยเอง ความแตกแยกภายใน และความผิดหวังของแกนหลักหลายคน ที่เคยได้รับคำมั่นสัญญา ว่าให้ตำแหน่งแหล่งที่สำคัญแต่พอเอาเข้าจริง ก็ถูกถีบหัวทิ้ง เพราะเขาเอาแต่คนวงในเท่านั้น ดังนั้นหลายคนจึงถอยออกมา และอีกหลายคนก็กลืนเลือดอยู่ จะไม่ยกมือไว้วางใจ หรือไม่ จึงเป็นเรื่องน่าระทึกใจ
การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน แม้เป็นกระบวนการในการกำกับควบคุมรัฐบาล แต่ก็คือการเปิดสถานการณ์เอาคืนกันในทุกรูปแบบ และในทุกฝ่ายสถานการณ์นี้จะสุกงอมมากขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์
ดังนั้น จึงย่อมเป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงว่า นายกรัฐมนตรีอาจตกเก้าอี้โดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรอบ 50 ปีก็ได้
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/pfbid0132dzURS7AJ6iazVj3VGWQyqubN64khVfhcEKnZ9uBYfRLvro3UgSf8coLqP117wl