กทม.เสี่ยงสูง 
วันที่ 23 ม.ค. 2568 ท้องฟ้ากรุงเทพฯ และปริมณฑลเต็มไปด้วยฝุ่น PM2.5 จนมองไม่เห็นยอดตึก บรรยากาศขมุกขมัวตั้งแต่เช้ามืด
วันที่ 26 ม.ค. 2568 คาดการณ์ว่าฝุ่นจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสภาพแวดล้อม

10 อันดับ จังหวัดทั่วประเทศ ค่าฝุ่นวิกฤติ

คือ 1.เทศบาลนคร พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา 2.คันนายาว กทม. 3.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 4.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 5.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 6.ระยอง จ.ระยอง 7.คลองหนึ่ง จ.ปทุมธานี 8.นครชัยศรี จ.นครปฐม 9.ทวีวัฒนา กทม. 10.ขอนแก่น จ.ขอนแก่น

สรุปสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 วันที่ 26 มกราคม 2568

สถานการณ์ทั่วไป:
วันที่ 26 ม.ค. 2568 คาดว่าฝุ่น PM2.5 จะเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และพื้นที่ภาคเหนือ
กรุงเทพมหานครเตรียมขยายเวลา Work from Home และปิดโรงเรียนในบางพื้นที่เพื่อป้องกันผลกระทบ
กรมอนามัยและกระทรวงสาธารณสุขเตรียมมาตรการป้องกันฝุ่นให้กับประชาชน

มาตรการเร่งด่วน:
การตรวจสอบและระงับการใช้งานรถยนต์ที่ปล่อยควันดำโดยกรมการขนส่งทางบกและตำรวจจราจร
ห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าเขตเมืองใหญ่ในช่วงวิกฤติฝุ่น

มาตรการระยะยาวปี 2568:
ควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น:ลดการเผาในพื้นที่เกษตร โดยส่งเสริมการนำวัสดุเหลือใช้ไปใช้ประโยชน์ เช่น เปลือกข้าวโพดเพาะเห็ด
จัดการพื้นที่เผาไหม้ในป่าและเขตเกษตร โดยเฉพาะในจังหวัดกาญจนบุรีและภาคตะวันตก
บริหารจัดการไฟป่า:มุ่งเน้นควบคุมพื้นที่เผาไหม้ในกลุ่มป่า 14 แห่ง และจัดการไฟในพื้นที่เกษตรด้วยระบบลงทะเบียน
ลดมลพิษในเมือง:ควบคุมการปล่อยฝุ่นจากยานพาหนะและโรงงาน 100% ผ่านกฎหมายและกฎระเบียบ

ข้อมูลสุขภาพประชาชน:
คาดการณ์ว่าผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ในเดือน ม.ค. 2568 จะมากถึง 500,000 ราย
กลุ่มโรคที่พบมากที่สุด ได้แก่ โรคผิวหนังอักเสบ ตาอักเสบ และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
ภาคเหนือมีผู้รับบริการรักษาในเดือน ม.ค. 2568 ประมาณ 118,721 ครั้ง โดยเชียงรายมีจำนวนผู้ป่วยสูงสุด

แนวทางในอนาคต:
เตรียมวางแผนรับมือหมอกควันข้ามแดน และเสริมความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน
ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลวิเคราะห์จัดทำแผนที่พื้นที่เสี่ยง (Risk Map) เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา https://www.thairath.co.th/news/local/2837891
ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/environment/1163456