JJNY : ร้านค้าโอด! ตรุษจีนเงียบเหงา│หืดขึ้นคอ! ททท.วิ่งตามเป้า│“พิธา”นำทัพขอคะแนนเลือกตั้ง│ทรัมป์ขู่คว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม

ร้านค้าโอด! ตรุษจีน เงียบเหงา ชุดกี่เพ้า-เสื้อแดง บางวันขายไม่ได้สักตัว
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9599519
 
 
ร้านค้าโอด! ตรุษจีน เงียบเหงา ชุดกี่เพ้า-เสื้อแดง บางวันขายไม่ได้สักตัว คาดประชาชนเลือกซื้อสินค้าเท่าที่จำเป็น จากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
 
21 ม.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านนครรัตน์ ภายในเขตเทศบาลนครตรัง ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเสื้อผ้า เช่น ชุดนักเรียน และช่วงเทศกาลก็นำเสื้อผ้าตามเทศกาลมาจำหน่าย โดยช่วงนี้อยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทางร้านนำเสื้อผ้าสีแดงมาจำหน่ายให้ประชาชนสวมใส่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทว่าปีนี้กลับพบว่าบรรยากาศจับจ่ายค่อนข้างเงียบเหงา
 
นางยุพา เพ็ชรคง เจ้าของร้านนครรัตน์ เปิดเผยว่า ประชาชนมาหาซื้อเสื้อผ้ากันน้อยมาก ตนได้ลงทุนนำเสื้อสีแดงมาจำหน่ายกว่าหลายหมื่นบาท แต่มีประชาชนมาซื้อกันน้อยมาก บางวันขายไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว
 
ส่วนสาเหตุที่การค้าขายเงียบเหงานั้นไม่สามารถบอกได้ว่ามาจากสาเหตุใด เป็นไปได้ว่าประชาชนได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ รายได้มีไม่เพียงพอต่อรายจ่าย จึงเลือกซื้อสินค้าเท่าที่จำเป็น หรือไม่ก็เก็บเงินไว้ซื้อเครื่องเซ่นไหว้ในวันจ่ายตลาด วันที่ 27 ม.ค. ที่จะถึงนี้
 
อย่างไรก็ตามทางร้านได้นำเสื้อผ้าที่มีรูปแบบหลากหลายมาจำหน่ายเพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้า ทางร้านจำหน่ายเสื้อ ชาย-หญิง ชุดกี่เพ้า เสื้อผ้าเด็กก็มีจำหน่าย โดยจำหน่ายในราคาหลักร้อยไปจนถึงราคาพันบาท โดยยังคาดหวังว่าในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะมีประชาชนมาหาซื้อเสื้อสีแดงไปสวมใส่ช่วงเทศกาลตรุษจีน หากยอดขายไม่กระเตื้องขึ้น คงขาดทุนหนักอย่างแน่นอน


 
หืดขึ้นคอ! ททท. วิ่งตามเป้าดึงต่างชาติเที่ยวไทย 40 ล้านคน กางปัจจัยท้าทาย-น่ากังวล
https://www.matichon.co.th/economy/news_5010855

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปี 2568 ททท.ตั้งเป้าหมายในการสร้างรายได้รวมของภาคการท่องเที่ยวไว้อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายในกรณีดีที่สุด (Best Case) จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจำนวน 38 ล้านคน แต่จะพยายามขยายให้ได้ 39-40 ล้านคนตามเป้าหมายเชิงนโยบายของรัฐบาล หรือเป็นการเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10% จากฐาน 35.54 ล้านคนเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา ส่วนรายได้ของตลาดไทยเที่ยวไทย ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้ไว้ที่ 1 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทาง 200-220 ล้านคน-ครั้ง
 
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท. วางเป้าหมายสร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวในปีนี้ที่ 3 ล้านล้านบาท เท่ากับจะต้องสร้างการเติบโตให้ได้ถึง 17% เมื่อเทียบกับรายได้รวมการท่องเที่ยวของปีที่ผ่านมา ซึ่งปิดที่ 2.57 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.32% เทียบกับปี 2566 ถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าเป้าหมายก่อนหน้านี้ที่ต้องเติบโต 7.5% เทียบกับฐานรายได้จริงของปี 2567 โดย 5 อันดับแรกของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มเดินทางเข้าไทยสูงสุดในปีนี้ อันดับ 1 ยังเป็นจีน คาดการณ์ไว้ที่จำนวน 8 ล้านคน อันดับ 2 มาเลเซีย 5.5 ล้านคน อันดับ 3 อินเดีย 2.5 ล้านคน ซึ่งมีปัจจัยบวกจากการเติบโตของปริมาณเที่ยวบิน อันดับ 4 เกาหลีใต้ 2 ล้านคน และอันดับ 5 รัสเซีย ประมาณ 1.92 ล้านคน
 
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ปัจจัยที่น่ากังวลของภาคการท่องเที่ยวไทย คือปัจจัยที่ไม่สามารถป้องกันหรือควบคุมได้ อาทิ ภัยพิบัติ สภาพอากาศ โรคระบาด ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์จากความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งต้องคอยบริหารความเสี่ยงในแต่ละตลาดเพื่อให้ได้จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ไปถึงเป้าหมายปีนี้ พร้อมกระจายความหลากหลายของตลาดมากขึ้น อย่างการขยายฐานนักท่องเที่ยวอาเซียน ซึ่งปัจจุบันครองสัดส่วน 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด โดยเฉพาะตลาดอินโดนีเซียที่มีขนาดประชากรมากกว่า 277 ล้านคน ต้องดึงนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียเข้าไทยให้ได้มากกว่านี้ รวมถึงตลาดมาเลเซียที่ต้องรุกต่อเนื่อง ทั้งการเดินทางด้วยเครื่องบินและทางบกข้ามด่านชายแดน
 
ปัจจัยท้าทายที่ต้องคำถึงถึงตลอดเวลาเป็นเรื่องการแข่งขันสูงจากประเทศคู่แข่งต่างๆ อย่างในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดปีที่แล้วจำนวน 36.86 ล้านคน ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากอานิสงส์ค่าเงินเยนอ่อนค่า ซึ่งส่วนนี้มองว่าหากวัดกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ ไม่มีปัจจัยเรื่องค่าเงินเข้ามาเสริม ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าญี่ปุ่น รั้งอันดับ 1 ในเอเชียไว้ได้ อย่างแน่นอน” นางสาวฐาปนีย์ กล่าว
 
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า สำหรับการเข้าร่วมงาน ไอทีบี เบอร์ลิน 2025 ระหว่างวันที่ 4-6 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นงานเทรดโชว์ส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปี 2568 นี้ ททท.ได้จัดโครงสร้างใหม่สำหรับการออกบูธ เข้าบริหารจัดการพาวิลเลียนของประเทศไทยทั้งหมด เพื่อให้นำเสนอธีมไปในทิศทางเดียวกัน และสอดรับกับการประชาสัมพันธ์ ภายใต้แนวคิดปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬา 2568”(Amazing Thailand 
Grand Tourism and Sport Year 2025) โดย ททท.ได้สำรองพื้นที่คูหาประเทศไทยขนาด 1,820 ตารางเมตร ภายในฮอลล์ 26B
 
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ได้แบ่งพื้นที่เป็น 5 ประเภท ได้แก่ 1.พื้นที่เจรจาธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยในฐานะผู้ซื้อและผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากต่างประเทศในฐานะผู้ขาย สามารถรองรับผู้ประกอบการภาคเอกชนไทยเข้าร่วมจำนวน 160 ราย ปัจจุบันมีผู้สมัครเข้ามาแล้ว 135 ราย 2.พื้นที่จังหวัดและพันธมิตรต่างๆ 3.พื้นที่ซอฟต์พาวเวอร์เสน่ห์ไทย 4.พื้นที่เมืองน่าเที่ยว ซึ่งจะมีการจัดพื้นที่โซนโอกาส (Opportunity)
 ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งต้องการให้จัดสรรพื้นที่แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากเมืองรอง 12-20 รายที่ไม่เคยมางานไอทีบี เบอร์ลิน มาก่อน และ 5.พื้นที่การท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยคาดการณ์ว่า งานไอทีบี เบอร์ลินครั้งนี้ จะทำให้มีพื้นที่ออกบูธมากขึ้นเป็นเกือบ 2,000 ตารางเมตร จากปีก่อนหน้า ททท.บริหารพื้นที่ 500 ตารางเมตร สร้างเงินสะพัดภายในงานเติบโต 2 เท่า เป็น 5,000-6,000 ล้านบาท เพิ่มจาก 3,000 ล้านบาทในงานปีที่แล้ว



“พิธา” นำทัพขอคะแนนเลือกตั้ง อบจ.สมุทรปราการ พรรคประชาชนขอเปิดใจเลือกสิ่งใหม่
https://www.thairath.co.th/news/politic/2837431

“พิธา” นำทัพพรรคประชาชน หาเสียงขอคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ. - ส.อบจ.สมุทรปราการ “ณัฐชา” ขอเปิดใจเลือกสิ่งใหม่ หากแบบเก่าไม่ใช่คำตอบ เตรียมปราศรัยใหญ่ 25 ม.ค.นี้
 
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 21 มกราคม 2568 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นำทีมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน ลงหาเสียงช่วย นายนพดล สมยานนทนากุล ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และช่วยผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ขึ้นปราศรัยแนะนำตัวผู้สมัครในแต่ละเขต โดยมีชาวสมุทรปราการต่างสวมเสื้อสีส้ม เดินทางมาร่วมฟังการปราศรัยที่ตลาดแบล็คมาเก็ต ถนนสุขุมวิท ต.ท้ายบ้าน อ.เมืองสมุทรปราการ ก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568
 
ทั้งนี้ก่อนขึ้นเวที ช่วงเวลา 15.00 น. นายพิธา ได้เดินทางไปบริเวณตลาดปากน้ำ เพื่อพบปะชาวสมุทรปราการ ขอคะแนนเสียงจากพ่อค้าแม่ค้าและผู้มาจับจ่ายในตลาด ซึ่งระหว่างลงพื้นที่มีบรรดาแฟนคลับเข้ามาขอถ่ายรูปและมอบดอกไม้ให้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น
  
ส่วนบรรยากาศบนเวทีปราศรัย สส.พรรคประชาชนแต่ละเขต ได้นำผู้สมัคร ส.อบจ.สมุทรปราการ ขึ้นแนะนำตัวและเบอร์ประจำตัวของผู้สมัคร เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทราบ พร้อมกับอ้อนขอคะแนนเสียงจากพี่น้องชาวสมุทรปราการ จนเวลา 18.30 น. นางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.พรรคก้าวไกล ได้ขึ้นปราศรัยเชิญชวนให้ออกไปใช้สิทธิใช้เสียงให้มาก ก่อนที่จะกล่าวถึงนโยบายของพรรค หากนายนพดลได้เข้าไปเป็นนายก อบจ.สมุทรปราการ  จะทำให้สมุทรปราการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ยังได้พูดแซวกับผู้มาฟังปราศรัย ตนอยู่บนเวทีนานแล้ว คงไม่มีใครเขวี้ยงถุงขึ้นมาให้ จากนั้น นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน ขึ้นปราศรัยและกล่าวถึงนโยบายของพรรค โดยสัญญาว่าหากสนามเลือกตั้งนายก อบจ.สมุทรปราการ
 ชนะ เราจะทำงานด้วยความโปร่งใส และงบประมาณทั้งหมดจะส่งต่อให้ชาวสมุทรปราการให้คุ้มค่า ขอให้เปิดใจเลือกสิ่งใหม่ๆ เข้ามา หากแบบเก่าไม่ใช่คำตอบ
  
กระทั่งเวลา 19.00 น. นายนพดล หรือ หมอเอ็กซ์ ผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ขึ้นปราศรัยและขอคะแนนเสียง โดยกล่าวถึงนโยบายด้านต่างๆ ทั้งด้านสาธารณสุข สังคมและสิ่งแวดล้อม ผลักดันด้านการศึกษาให้เท่าเทียม ส่งมอบความปลอดภัยจากยาเสพติด ตลอดจนด้านเศรษฐกิจ และส่งเสริมให้คนมีอาชีพ การทำงานโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้อีกด้วย การเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้เป็นการเปลี่ยนครั้งสำคัญ หากเลือกกลุ่มเดิมก็จะได้แบบเดิม แต่หากต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงให้เลือกพรรคประชาชนยกทีม
 
จากนั้นเวลา 19.10 น. นายพิธา ขึ้นปราศรัยเป็นคนสุดท้าย โดยกล่าวบนเวทีช่วงหนึ่งว่า งบประมาณของ อบจ.สมุทรปราการ กว่า 2,500 ล้านบาท แต่ในจำนวนนี้ถูกจัดสรรมาให้ด้านการศึกษาแค่ 3% นับว่าน้อยมาก และเป็นงบประมาณด้านสาธารณสุขเพียง 0.7% ที่นำมาดูแลพี่น้องชาวสมุทรปราการ ทั้งที่เป็นเมืองอุตสาหกรรม และอีก 0.2% เป็นงบประมาณด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมองว่างบประมาณทั้งหมดถูกจัดสรรไม่ตรงตามความต้องการและไร้ประสิทธิภาพ หากพี่น้องประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง และอยากเห็นงบประมาณถูกนำไปใช้ให้ตรงความต้องการ ขอให้เลือกนายนพดลเป็นนายก อบจ.สมุทรปราการ
 
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของปราศรัยมีการกล่าวเชิญชวนพี่น้องชาวสมุทรปราการ ฟังการปราศรัยใหญ่ในวันที่ 25 มกราคม 2568 ที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ หลังจบการปราศรัยมวลชนต่างนำดอกไม้เข้าไปมอบเป็นกำลังใจกับนายพิธา และร่วมถ่ายรูปอย่างเป็นกันเอง.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่