เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ จ.ลำพูน พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า และ นายวีระเดช ภู่พิสิฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ลำพูน ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

.

โดย นายพิธากล่าวถึงเสถียรภาพรัฐบาล หลังเทศกาลสงกรานต์ ว่า ตนติดตามการเมืองไทยมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่ก่อนมาเป็น ส.ส. ก่อนมาเล่นการเมือง เห็นว่า แต่ละพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ มีความขัดแย้งกันมากว่า 10 ปี ทุกคนคงยังจำวลีเด็ดตอนที่เขาทะเลาะกันได้ แค่รอเวลาว่าจะปะทุเมื่อไหร่ ตนจึงอยากบอกไปถึงผู้นำรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ให้มีสมาธิ มีความเป็นตัวของตัวเอง คิดไปข้างหน้า คิดเรื่องประชาชน อย่าให้เกมการเมือง หรือความขัดแย้งภายในรัฐบาล มากกว่าผลลัพธ์ที่ประชาชนจะได้ สัดส่วนต้องเท่ากัน

.

เมื่อถามว่า สถานการณ์ขณะนี้ ดูเหมือนจะแตกกันแล้ว มองว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะอยู่กันยืดหรือไม่ นายณัฐพงษ์ระบุว่า เรื่องนี้มีการสื่อสารกันมาก่อนหน้านี้นานแล้วว่า อยากให้รัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรี ควรควบคุมเสียงในรัฐบาลให้ได้ เพราะยิ่งมีปัญหาเรื่องความไม่แน่นอน ประชาชนจะยิ่งขาดความเชื่อมั่น ตอนนี้ก็มีเรื่องสงครามการค้าเข้ามาเกี่ยวด้วย มีโอกาสหลายๆ อย่างที่สูญเสียไป เชื่อว่าสิ่งสำคัญในตอนนี้ คือต้องทำให้นักลงทุน และประชาชนมีความเชื่อมั่น เพื่อเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ จ.ลำพูน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมเล่นน้ำกับประชาชน จ.ลำพูน

.

โดยนายณัฐพงษ์เปิดเผยว่า เราไม่ได้มีจังหวัดไหนที่จะไปเป็นพิเศษ เรามีตัวแทนของพรรคกระจายเดินสายไปหลายๆ จังหวัด บังเอิญที่วันนี้ตนเดินมาพร้อมกับนายพิธา และ นายวีระเดช ภู่พิสิฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน

.

“ขอให้เทศกาลปีใหม่สงกรานต์ ให้คนไทยประสบแต่ความสุขความเจริญ และเดินหน้าประเทศไทยด้วยกัน” นายณัฐพงษ์กล่าว

.

ส่วนที่พรรคประชาชนได้นายก อบจ.ลำพูน ได้เดินหน้าทำงานไปถึงไหนแล้วบ้างนั้น นายณัฐพงษ์ระบุว่า มีนโยบายหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะ จ.ลำพูน มีนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ประกอบการเกรงจะได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งนายวีระเดชจะมีการเข้าพูดคุยกับผู้ประกอบการ และส่งข้อเสนอไปให้ “ทีมเจรจาไทยแลนด์” ที่จะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา

.

ด้านนายวีระเดชกล่าวว่า ตอนนี้เราได้เริ่มเดินสายพูดคุยกับผู้ประกอบการใน จ.ลำพูน เราเป็นหน่วยงานแรกๆ ที่เข้าไปหารือ หากมีเรื่องของกำแพงภาษีจริงเราเกรงว่าจะกระทบเศรษฐกิจในพื้นที่ และเรายังคงเดินหน้าหารือเพื่อข้อเสนอแนะให้ทางรัฐบาลต่อไป

.

ส่วนพรรคประชาชนมีจุดยืนอย่างไรกับเรื่องดังกล่าว นายณัฐพงษ์ระบุว่า เราต้องรู้เขารู้เรา พร้อมเพิ่มอำนาจต่อรอง นอกจากเรื่องราคาสินค้าก็จะต้องสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ เชื่อว่าจะทำให้เรามีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น

.

เมื่อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่ที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าทีมเจรจาสหรัฐ ระบุว่า ในกรอบของอาเซียนเวลาไปมัดรวมกันจะเจรจาได้ค่อนข้างยาก นายณัฐพงษ์กล่าวว่า แน่นอนว่าการเจรจาในภาพใหญ่ค่อนข้างใช้เวลามาก หากรัฐบาลเตรียมตัวมาก่อนหน้านี้ ภาพลักษณ์ของประเทศจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ตนขอให้กำลังใจรัฐบาลทำงานด้านนี้อย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องกรอบเวลาการเจรจาก็ขึ้นอยู่กับทางฝั่งสหรัฐ ว่าประเทศไทยจะมีอำนาจในการเจรจาต่อรองมากน้อยแค่ไหน ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย

.

เมื่อถามว่า การที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยินดีพร้อมจะเดินทางไปเจรจา ถือเป็นการแทรกแซงการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ควรให้ทีมเจรจาอย่างเป็นทางการ รวมถึงนายกฯ เป็นผู้นำในการเจรจามากกว่า

เมื่อถามนายพิธาว่า มีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร นายพิธาระบุว่า “เห็นด้วยกับสองท่านนี้ ผมมาเที่ยว ไม่เกี่ยวครับ”

เมื่อถามว่า นายทักษิณควรไปเจรจาเองหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ตนได้ฟังตอนที่เดินทางมา จ.ลำพูน ก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้มีคอมเมนต์ในเชิงลบ หรือคอมเมนต์ในเชิงบวก คุณทักษิณพูดชัดว่า ให้ทีมทางการเจรจากันไปก่อน หากมีจังหวะแล้วค่อยไป ไม่มีอะไรที่มีน้ำหนักพอจะให้คอมเมนต์ ใน ครม.ก็มีคนมีความสามารถหลายคน ต้องให้โอกาสคุณพิชัย

เมื่อวันที่ 13 เมษายน  2568 ที่ จ.ลำพูน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ฝ่ายค้านจะมีการติดตามต่ออย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์กล่าวว่า สตง.มีหน้าที่ 3 อย่างด้วยกันคือ 1.เป็นผู้ควบคุมกฎระเบียบในการใช้งบประมาณ เพราะมีเสียงสะท้อนจากองค์กรท้องถิ่นหลายๆ แห่งว่า ตอนที่ สตง.ลงไปตรวจ มีแง่มุมเยอะแยะเต็มไปหมด แต่หน้าที่ที่ 2 คือการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ซึ่งสิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์คือมูลค่าก่อสร้างตึกกว่า 2,000 ล้านบาท และ 3.การตรวจสอบงบการเงิน ถ้าได้ติดตามการประชุมสภา ในเรื่องงบประมาณจะพบว่า รายงานการเงินหลายหน่วยงานรัฐยังเป็นรายงานการเงินแบบมีเงื่อนไข ซึ่งก็ควรเป็นหน้าที่ของ สตง.ที่จะทำให้รายงานเหล่านี้เป็นไปตามมาตรฐานมากขึ้น

.

ดังนั้น ตนมองว่า การทำหน้าที่ของ สตง. คุณต้องไม่มองว่าเป็นคนคุมกฎระเบียบเพียงอย่างเดียว แต่มีหน้าที่วิเคราะห์ความคุ้มค่าของการใช้จ่าย และทำรายงานการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐานด้วย

.

ส่วนการแถลงของ สตง.หลังเทศกาลสงกรานต์นั้น ฝ่ายค้านคงต้องรอดูรายละเอียดก่อน แต่สิ่งที่เราได้ดำเนินการไปแล้วคือ เรื่องการนำ สตง.เข้ามาชี้แจง ในคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร

.

เมื่อถามย้ำว่า จากที่ติดตามมาถือว่าน่าพอใจ เชื่อถือได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ระบุว่า ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ สตง.เปิดเผย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความโปร่งใส เพราะขณะนี้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล หากยิ่งขาดความโปร่งใส หรือมีข้อครหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ก็จะไม่มีความไว้วางใจ

เมื่อวันที่ 13 เมษายน นายสิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลาเปิดเผยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 68 มีจำนวนน้อยกว่าปี 67 ประมาณ 20% ซึ่งประเมินจากห้องพักไม่บวม คือยังมีห้องพักให้นักท่องเที่ยว Walk in เข้าซื้อห้องได้แล้ว คนกลางที่จองห้องพักไว้ ขายห้องพักที่จองในวันที่ 12-13 เม.ย.ไม่หมด ประสบกับการขาดทุน เนื่องจากยังมีห้องพักที่ซื้อไว้เหลืออยู่ในมือเฉลี่ย 10% และเหตุจากคนกลางเองทำให้นักท่องเที่ยวโวยวายว่าห้องพักราคาแพงในช่วงเทศกาลสงกรานต์

นายสิทธิพงษ์เปิดเผยว่า มาจากสาเหตุหลักสามสี่ประการ อาทิ นักท่องเที่ยวไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประการต่อมา อ.หาดใหญ่ไม่มีจุดขายใหม่ๆ ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว เศรษฐกิจของประเทศมาเลเซียยังมีปัญหาใกล้เคียงกับประเทศไทย และประการสุดท้าย พิธีการที่ด่านสะเดาล่าช้ามากๆ บางคนต้องรอเกือบ 1 ชม.กว่าจะเสร็จ จนนักท่องเที่ยวบางคนเป็นลม ตนได้ขายความคิดให้กับผู้บริหาร อบจ.สงขลาต้องพยายามสร้างจุดขายใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นใน จ.สงขลา โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวในต่างอำเภอซึ่งมีศักยภาพอยู่จำนวนมากแต่ยังขาดการเจียรนัย