ของแพง-กำลังซื้อหาย ตรุษจีนเยาวราชหงอย
https://www.nationtv.tv/news/378862059
ย่านเยาวราชที่เป็นแหล่งรวมชาวไทยเชื้อสายจีนที่จะมาจับจ่ายซื้อขิงไหว้บรรพบุรุษในช่วงเทศกาลตรุษจีน พบว่าปีนี้บรรยากาศค่อนข้างเงียบกว่าปีก่อน ประชาชนซื้อของลดน้อยลง ซึ่งมาจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว
บรรยากาศการจับจ่ายซื้อของเครื่องเซ่นไหว้ก่อนวันตรุษจีนในปีนี้ที่ตลาดเยาวราชไม่คึกคักเท่ากับปีก่อนๆการจับจ่ายใช้สอยของคนไทยเชื้อสายจีนลดลงกว่าปกติ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ยังระบาด สินค้าราคาแพงขึ้น รายได้ลดลง ประชาชนขาดสภาพคล่องต้องใช้จ่ายประหยัดมากขึ้น และไม่เดินทางไปเที่ยวเพราะยังกังวลกับสถานการณ์โควิด
จากการสำรวจย่านเยาวราชพบคนไทยเชื้อสายจีนเริ่มออกมาจับจ่ายเครื่องเซ่นไหว้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ส่วนใหญ่จะซื้อของน้อยลง เพราะราคาเนื้อหมู เป็ด ไก่ และไข่ไก่ รวมถึงเครื่องเซ่นไหว้ราคาสูงขึ้นตามกัน ต้องลดจำนวนของไหว้โดยเลือกเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น รวมถึงบรรยากาศร้านขายทองคำที่ค่อนข้างเงียบเหงาต่างจากปกติในเทศกาลตรุษจีนจะมีคนไทยเชื้อสายจีนมาซื้อทองกันตามประเพณี
สอดคล้องกับผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน และผู้ประกอบการ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ระบุว่า ประชาชนมีความกังวลสินค้าราคาแพงเนื่องจากทุกสินค้าหลายรายการปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มอาหาร ส่งผลให้ประชาชนลดการใช้จ่ายลง คาดการณ์เงินสะพัดอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 11 ปี ขยายตัวติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เม็ดเงินใช้จ่ายในช่วงตรุษจีนของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการวางแผนงบประมาณใช้จ่ายอย่างรัดกุม
ด้านสมาคมค้าทองคำ คาดการณ์ราคาทองคำในช่วงตรุษจีนปีนี้ไม่ปรับขึ้นยังคงทรงตัว เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาการเมืองในต่างประเทศ และค่าเงินบาทอ่อนค่า ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคลดน้อยลง เมื่อเทียบกับตรุษจีนปี 2564 คาดว่ายอดจำหน่ายทองคำช่วงตรุษจีนปีนี้เพิ่มขึ้น 2-3% จากตรุษจีนทุกๆ ปีจะเพิ่มขึ้น 5-10% แต่เชื่อว่าจะยังมีผู้บริโภคมาซื้อทองกันตามประเพณี แต่จะซื้อขนาดเล็กลง ซึ่งร้านทองปรับรูปแบบทองคำให้เหมาะสม เช่น ทองคำแท่งขนาด 1 กรัม ราคาเพียง 2,100 บาท หรือทองเส้นเล็กขนาด 1 สลึง ราคาประมาณ 7,000 กว่าบาท
"ตรุษจีน 2565" ร้านทองเงียบเหงาลูกค้าลด 50% จากพิษโควิด-19 ราคาทองพุ่งสูง
https://www.bangkokbiznews.com/news/985230
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศย่านการค้า "ทองคำ" ที่ถนนเจริญรัฐ อ.เมือง จ.เลย พบว่าเงียบเหงาแม้จะใกล้ถึงเทศกาล "ตรุษจีน 2565"
(28 ม.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศย่านการค้า "
ทองคำ" ที่ถนนเจริญรัฐ อ.เมือง จ.เลย พบว่าเงียบเหงาแม้จะใกล้ถึงเทศกาล "
ตรุษจีน 2565" ซึ่งการซื้อทองคำเพื่อไปเป็นของขวัญแก่ลูก หลาน ญาติของชาวไทยเชื้อสายจีนลดน้อยลงเห็นได้ชัด จากผลกระทบจากโควิด-19 รวมถึงภาวะทางเศรษฐกิจทรุดลง และการขาดรายได้ของประชาชนด้วยนั้น
ที่ห้างทองเมือองพลอย ผู้จัดการห้างฯ กล่าวว่า เกี่ยวกับสถานการณ์ร้านทองช่วงจะถึงเทศกาล "
ตรุษจีน 2565" นับว่ายังคงซบเซาไม่คึกคักต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 ประกอบกับ "
ราคาทอง" จะมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะมาจากปัจจัยหลักคือ ภาวะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทยแย่ลง และโควิด-19
นอกจากนี้ ยังรวมถึงภาวะซบเซาสถานประกอบการแรงงานต่างด้าวกลับประเทศ ประชาชนตกงาน ขาดรายได้ ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจ สถานประกอบการต่างๆ ซบเซาไปตามๆกัน บริษัทห้างร้านต่างๆ ที่เคยดี ตอนนี้ก็ลำบากมาก หลายกิจการขึ้นป้าย ปิด-หยุด หรือให้เช่า ตลอดจนเรื่องการเมืองด้วย
รวมทั้งราคาสินค้าแพงขึ้นมากทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าประเภทแก๊ส เนื้อสัตว์ ไข่ ที่จำเป็นต่อการครองชีพจูงมือกันขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมประชาชนไม่มีทองคำเก็บต่างนำทองคำที่ซื้อไว้ออกมาเทขาย เนื่องจากราคาทองสูงนั่นเอง
ประชาชนได้ปรับเปลี่ยนการมอบการแจกแก่บุตร หลาน ญาติในวงศ์ตระกูล พนักงาน-คนงาน เปลี่ยนเป็นการจ่ายโบนัสซองอั๋งเปาแทน แจกทองคำ การแจกทองเหมือนแต่ก่อนน้อยลงหรือแทบจะไม่เห็นแล้ว ราคาทองขึ้นก็นำมาขายแต่ซื้อคืนไม่ได้ การนำทองมาจำมาขายจึงมากกว่ามาซื้อ เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนการระบาดของเชื้อโควิดลูกค้าลดลงกว่า 50%
นาง
สมจิตร ปราชญาวิริยะ ผู้จัดการห้างทองบุญชูเยาวราช ถนนเจริญรัฐ ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย กล่าวว่า หากเปรียบเทียบกับปี 2562 หรือก่อนจะเปิดการระบาดของโควิดเทศกาลตรุษจีนปีนี้ไม่คึกคักนั่งตบยุงกัน ลดลง 50% ทั้งการนำทองมาจำนำ การมาซื้อ และนำมาขาย เนื่องจากพิษโควิด-19 ภาวะซบเซาของสถานประกอบการ แรงงานต่างด้าวกลับประเทศ ประชาชนตกงาน ขาดรายได้ ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจ บริษัทห้างร้านต่างๆ ที่เคยดี ตอนนี้ก็ลำบากมาก
สำหรับรายงาน ราคาทอง ประจำวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 ประกาศครั้งที่ 1 (เปิดตลาด) เมื่อเวลา 09.30 น. ปรับลงแรง 200 บาท เมื่อเทียบกับประกาศราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของวันพฤหัสบดี ที่ตลอดทั้งวันมีการประกาศราคาทองทั้งหมด 2 รอบ รวมราคาปรับลงแรง 250 บาท
ราคาซื้อขายทองคำในประเทศชนิด 96.5% วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 (ประกาศครั้งที่ 1)
• ราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 28,900 บาท , รับซื้อบาทละ 27,788.28 บาท
• ราคาทองแท่ง ขายออกบาทละ 28,400 บาท , รับซื้อบาทละ 28,300 บาท
ททท.ชี้ โควิด-เศรษฐกิจซบ คนไทยระวังไหว้เจ้าทำตรุษจีนปีนี้หงอย-เดินทางน้อยสร้างรายได้ 1,930 ล้าน
https://www.khaosod.co.th/economics/news_6858437
ททท.ชี้ โควิด-เศรษฐกิจซบ คนไทยระวังไหว้เจ้าทำตรุษจีนปีนี้หงอย-เดินทางน้อยสร้างรายได้ 1,930 ล้าน
ททท.ชี้ โควิด-เศรษฐกิจซบ – นาย
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า บรรยากาศตรุษจีนไม่คึกคัก คาดว่ามีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยประมาณ 527,900 คน-ครั้ง และมีรายได้ 1,930 ล้านบาท และอัตราการเข้าพักทั่วประเทศเฉลี่ย 15% แต่บรรยากาศคึกคักและมีการใช้จ่ายค่อนข้างมากกว่าปี 2564 ที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยจำนวน 235,000 คน-ครั้ง มีรายได้ประมาณ 602.20 ล้านบาท มีอัตราเข้าพักทั่วประเทศเฉลี่ย 15%
สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ มีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนคนไทย 146,900 คน มีรายได้ 1,018 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 12%, ภาคกลาง มีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนคนไทย 129,500 คน มีรายได้ 244 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 32%, ภาคตะวันออก มีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนคนไทย 61,700 คน มีรายได้ 169 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 12%, ภาคเหนือ มีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนคนไทย 58,800 คน มีรายได้ 152 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 18%
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนคนไทย 77,700 คน มีรายได้ 129 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 24%, ภาคใต้ มีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนคนไทย 53,300 คน มีรายได้ 218 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 7%,
จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังระบาดอยู่ และปัญหาเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่ฟื้นตัว ราคาสินค้าและค่าครองชีพที่ทยอยปรับสูงขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และกำลังซื้อที่เปราะบาง ทำให้ผู้คนต้องประหยัดการใช้จ่าย กอปรกับปีนี้ไม่ตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดยาว ทำให้ไม่มีแรงกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากนัก แต่ยังมีคนไทยบางส่วนวางแผนทำบุญ ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่เป็นการท่องเที่ยวด้วยความระมัดระวัง
การดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมตรุษจีนในบางพื้นที่ เพื่อสืบสานประเพณีและอนุรักษ์สืบทอดเทศกาลตรุษจีนของพี่น้องคนไทยเชื้อสายจีน และสร้างบรรยากาศให้คนไทยได้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยปี 2565 พื้นที่ที่ ททท. ดำเนินการเองมีจำนวน 2 พื้นที่ได้แก่กิจกรรมตรุษจีนที่ จ.ราชบุรี และการตกแต่งประดับไฟฟ้าที่เส้นถนนเยาวราช (กรุงเทพมหานคร)
ส่วนพื้นที่ที่ให้การสนับสนุนมีจำนวน 2 พื้นที่ได้แก่ จ.สุพรรณบุรี และ จ.นครสวรรค์ คาดว่าบรรยากาศทางการท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวค่อนข้างดีมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้าพื้นที่ประมาณ 192,600 คน-ครั้ง และสร้างรายได้หมุนเวียน 1,080 ล้านบาท โดยแต่ละพื้นที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 26% เนื่องจากเป็นพื้นที่ระยะใกล้ที่คนไทยสามารถขับรถยนต์เที่ยวแบบ One Day Trip หรือพักค้าง 1 คืน อีกทั้งเป็นพื้นที่แม่เหล็กที่เหล่า
คนไทยเชื้อสายจีนและคนจีนที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยนิยมเดินทางไปไหว้สักการะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สำหรับพื้นที่ที่สร้างรายได้ท่องเที่ยวมากกว่าพื้นที่อื่นคือ เยาวราช ด้วยเป็นหนึ่งใน China Town ที่มีชื่อเสียง แม้จะไม่มีการจัดกิจกรรมมีเพียงแค่การตกแต่งประดับไฟ แต่ด้วยเป็นพื้นที่ที่มีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นแหล่งรวมสถานที่ด้านความเชื่อ รวมทั้งแหล่งรวมของกินของใช้สำหรับคนจีน ซึ่งเป็น Magnet ในการเดินทางเข้าพื้นที่และการใช้จ่าย จึงทำให้สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวได้ดีพ
JJNY : 5in1 ตรุษจีนเยาวราชหงอย│ตรุษจีน ร้านทองเงียบ│ททท.ชี้ตรุษจีนหงอย│"ชลน่าน" นำ พท.ปราศรัยใหญ่│ทลาย2แก๊งเว็บพนันใหญ่
https://www.nationtv.tv/news/378862059
ย่านเยาวราชที่เป็นแหล่งรวมชาวไทยเชื้อสายจีนที่จะมาจับจ่ายซื้อขิงไหว้บรรพบุรุษในช่วงเทศกาลตรุษจีน พบว่าปีนี้บรรยากาศค่อนข้างเงียบกว่าปีก่อน ประชาชนซื้อของลดน้อยลง ซึ่งมาจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว
บรรยากาศการจับจ่ายซื้อของเครื่องเซ่นไหว้ก่อนวันตรุษจีนในปีนี้ที่ตลาดเยาวราชไม่คึกคักเท่ากับปีก่อนๆการจับจ่ายใช้สอยของคนไทยเชื้อสายจีนลดลงกว่าปกติ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ยังระบาด สินค้าราคาแพงขึ้น รายได้ลดลง ประชาชนขาดสภาพคล่องต้องใช้จ่ายประหยัดมากขึ้น และไม่เดินทางไปเที่ยวเพราะยังกังวลกับสถานการณ์โควิด
จากการสำรวจย่านเยาวราชพบคนไทยเชื้อสายจีนเริ่มออกมาจับจ่ายเครื่องเซ่นไหว้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ส่วนใหญ่จะซื้อของน้อยลง เพราะราคาเนื้อหมู เป็ด ไก่ และไข่ไก่ รวมถึงเครื่องเซ่นไหว้ราคาสูงขึ้นตามกัน ต้องลดจำนวนของไหว้โดยเลือกเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น รวมถึงบรรยากาศร้านขายทองคำที่ค่อนข้างเงียบเหงาต่างจากปกติในเทศกาลตรุษจีนจะมีคนไทยเชื้อสายจีนมาซื้อทองกันตามประเพณี
สอดคล้องกับผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน และผู้ประกอบการ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ระบุว่า ประชาชนมีความกังวลสินค้าราคาแพงเนื่องจากทุกสินค้าหลายรายการปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มอาหาร ส่งผลให้ประชาชนลดการใช้จ่ายลง คาดการณ์เงินสะพัดอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 11 ปี ขยายตัวติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เม็ดเงินใช้จ่ายในช่วงตรุษจีนของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการวางแผนงบประมาณใช้จ่ายอย่างรัดกุม
ด้านสมาคมค้าทองคำ คาดการณ์ราคาทองคำในช่วงตรุษจีนปีนี้ไม่ปรับขึ้นยังคงทรงตัว เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาการเมืองในต่างประเทศ และค่าเงินบาทอ่อนค่า ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคลดน้อยลง เมื่อเทียบกับตรุษจีนปี 2564 คาดว่ายอดจำหน่ายทองคำช่วงตรุษจีนปีนี้เพิ่มขึ้น 2-3% จากตรุษจีนทุกๆ ปีจะเพิ่มขึ้น 5-10% แต่เชื่อว่าจะยังมีผู้บริโภคมาซื้อทองกันตามประเพณี แต่จะซื้อขนาดเล็กลง ซึ่งร้านทองปรับรูปแบบทองคำให้เหมาะสม เช่น ทองคำแท่งขนาด 1 กรัม ราคาเพียง 2,100 บาท หรือทองเส้นเล็กขนาด 1 สลึง ราคาประมาณ 7,000 กว่าบาท
"ตรุษจีน 2565" ร้านทองเงียบเหงาลูกค้าลด 50% จากพิษโควิด-19 ราคาทองพุ่งสูง
https://www.bangkokbiznews.com/news/985230
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศย่านการค้า "ทองคำ" ที่ถนนเจริญรัฐ อ.เมือง จ.เลย พบว่าเงียบเหงาแม้จะใกล้ถึงเทศกาล "ตรุษจีน 2565"
(28 ม.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศย่านการค้า "ทองคำ" ที่ถนนเจริญรัฐ อ.เมือง จ.เลย พบว่าเงียบเหงาแม้จะใกล้ถึงเทศกาล "ตรุษจีน 2565" ซึ่งการซื้อทองคำเพื่อไปเป็นของขวัญแก่ลูก หลาน ญาติของชาวไทยเชื้อสายจีนลดน้อยลงเห็นได้ชัด จากผลกระทบจากโควิด-19 รวมถึงภาวะทางเศรษฐกิจทรุดลง และการขาดรายได้ของประชาชนด้วยนั้น
ที่ห้างทองเมือองพลอย ผู้จัดการห้างฯ กล่าวว่า เกี่ยวกับสถานการณ์ร้านทองช่วงจะถึงเทศกาล "ตรุษจีน 2565" นับว่ายังคงซบเซาไม่คึกคักต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 ประกอบกับ "ราคาทอง" จะมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะมาจากปัจจัยหลักคือ ภาวะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทยแย่ลง และโควิด-19
นอกจากนี้ ยังรวมถึงภาวะซบเซาสถานประกอบการแรงงานต่างด้าวกลับประเทศ ประชาชนตกงาน ขาดรายได้ ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจ สถานประกอบการต่างๆ ซบเซาไปตามๆกัน บริษัทห้างร้านต่างๆ ที่เคยดี ตอนนี้ก็ลำบากมาก หลายกิจการขึ้นป้าย ปิด-หยุด หรือให้เช่า ตลอดจนเรื่องการเมืองด้วย
รวมทั้งราคาสินค้าแพงขึ้นมากทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าประเภทแก๊ส เนื้อสัตว์ ไข่ ที่จำเป็นต่อการครองชีพจูงมือกันขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมประชาชนไม่มีทองคำเก็บต่างนำทองคำที่ซื้อไว้ออกมาเทขาย เนื่องจากราคาทองสูงนั่นเอง
ประชาชนได้ปรับเปลี่ยนการมอบการแจกแก่บุตร หลาน ญาติในวงศ์ตระกูล พนักงาน-คนงาน เปลี่ยนเป็นการจ่ายโบนัสซองอั๋งเปาแทน แจกทองคำ การแจกทองเหมือนแต่ก่อนน้อยลงหรือแทบจะไม่เห็นแล้ว ราคาทองขึ้นก็นำมาขายแต่ซื้อคืนไม่ได้ การนำทองมาจำมาขายจึงมากกว่ามาซื้อ เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนการระบาดของเชื้อโควิดลูกค้าลดลงกว่า 50%
นางสมจิตร ปราชญาวิริยะ ผู้จัดการห้างทองบุญชูเยาวราช ถนนเจริญรัฐ ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย กล่าวว่า หากเปรียบเทียบกับปี 2562 หรือก่อนจะเปิดการระบาดของโควิดเทศกาลตรุษจีนปีนี้ไม่คึกคักนั่งตบยุงกัน ลดลง 50% ทั้งการนำทองมาจำนำ การมาซื้อ และนำมาขาย เนื่องจากพิษโควิด-19 ภาวะซบเซาของสถานประกอบการ แรงงานต่างด้าวกลับประเทศ ประชาชนตกงาน ขาดรายได้ ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจ บริษัทห้างร้านต่างๆ ที่เคยดี ตอนนี้ก็ลำบากมาก
สำหรับรายงาน ราคาทอง ประจำวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 ประกาศครั้งที่ 1 (เปิดตลาด) เมื่อเวลา 09.30 น. ปรับลงแรง 200 บาท เมื่อเทียบกับประกาศราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของวันพฤหัสบดี ที่ตลอดทั้งวันมีการประกาศราคาทองทั้งหมด 2 รอบ รวมราคาปรับลงแรง 250 บาท
ราคาซื้อขายทองคำในประเทศชนิด 96.5% วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 (ประกาศครั้งที่ 1)
• ราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 28,900 บาท , รับซื้อบาทละ 27,788.28 บาท
• ราคาทองแท่ง ขายออกบาทละ 28,400 บาท , รับซื้อบาทละ 28,300 บาท
ททท.ชี้ โควิด-เศรษฐกิจซบ คนไทยระวังไหว้เจ้าทำตรุษจีนปีนี้หงอย-เดินทางน้อยสร้างรายได้ 1,930 ล้าน
https://www.khaosod.co.th/economics/news_6858437
ททท.ชี้ โควิด-เศรษฐกิจซบ คนไทยระวังไหว้เจ้าทำตรุษจีนปีนี้หงอย-เดินทางน้อยสร้างรายได้ 1,930 ล้าน
ททท.ชี้ โควิด-เศรษฐกิจซบ – นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า บรรยากาศตรุษจีนไม่คึกคัก คาดว่ามีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยประมาณ 527,900 คน-ครั้ง และมีรายได้ 1,930 ล้านบาท และอัตราการเข้าพักทั่วประเทศเฉลี่ย 15% แต่บรรยากาศคึกคักและมีการใช้จ่ายค่อนข้างมากกว่าปี 2564 ที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยจำนวน 235,000 คน-ครั้ง มีรายได้ประมาณ 602.20 ล้านบาท มีอัตราเข้าพักทั่วประเทศเฉลี่ย 15%
สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ มีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนคนไทย 146,900 คน มีรายได้ 1,018 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 12%, ภาคกลาง มีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนคนไทย 129,500 คน มีรายได้ 244 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 32%, ภาคตะวันออก มีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนคนไทย 61,700 คน มีรายได้ 169 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 12%, ภาคเหนือ มีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนคนไทย 58,800 คน มีรายได้ 152 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 18%
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนคนไทย 77,700 คน มีรายได้ 129 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 24%, ภาคใต้ มีจำนวนผู้มาเยี่ยมเยือนคนไทย 53,300 คน มีรายได้ 218 ล้านบาท อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 7%,
จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังระบาดอยู่ และปัญหาเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่ฟื้นตัว ราคาสินค้าและค่าครองชีพที่ทยอยปรับสูงขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และกำลังซื้อที่เปราะบาง ทำให้ผู้คนต้องประหยัดการใช้จ่าย กอปรกับปีนี้ไม่ตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดยาว ทำให้ไม่มีแรงกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากนัก แต่ยังมีคนไทยบางส่วนวางแผนทำบุญ ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่เป็นการท่องเที่ยวด้วยความระมัดระวัง
การดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมตรุษจีนในบางพื้นที่ เพื่อสืบสานประเพณีและอนุรักษ์สืบทอดเทศกาลตรุษจีนของพี่น้องคนไทยเชื้อสายจีน และสร้างบรรยากาศให้คนไทยได้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยปี 2565 พื้นที่ที่ ททท. ดำเนินการเองมีจำนวน 2 พื้นที่ได้แก่กิจกรรมตรุษจีนที่ จ.ราชบุรี และการตกแต่งประดับไฟฟ้าที่เส้นถนนเยาวราช (กรุงเทพมหานคร)
ส่วนพื้นที่ที่ให้การสนับสนุนมีจำนวน 2 พื้นที่ได้แก่ จ.สุพรรณบุรี และ จ.นครสวรรค์ คาดว่าบรรยากาศทางการท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวค่อนข้างดีมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้าพื้นที่ประมาณ 192,600 คน-ครั้ง และสร้างรายได้หมุนเวียน 1,080 ล้านบาท โดยแต่ละพื้นที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 26% เนื่องจากเป็นพื้นที่ระยะใกล้ที่คนไทยสามารถขับรถยนต์เที่ยวแบบ One Day Trip หรือพักค้าง 1 คืน อีกทั้งเป็นพื้นที่แม่เหล็กที่เหล่า
คนไทยเชื้อสายจีนและคนจีนที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยนิยมเดินทางไปไหว้สักการะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สำหรับพื้นที่ที่สร้างรายได้ท่องเที่ยวมากกว่าพื้นที่อื่นคือ เยาวราช ด้วยเป็นหนึ่งใน China Town ที่มีชื่อเสียง แม้จะไม่มีการจัดกิจกรรมมีเพียงแค่การตกแต่งประดับไฟ แต่ด้วยเป็นพื้นที่ที่มีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นแหล่งรวมสถานที่ด้านความเชื่อ รวมทั้งแหล่งรวมของกินของใช้สำหรับคนจีน ซึ่งเป็น Magnet ในการเดินทางเข้าพื้นที่และการใช้จ่าย จึงทำให้สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวได้ดีพ