พิษดินสไลด์ พรรคปชช.จ่อยื่นสอบมูลนิธิ เรี่ยไรเงินสร้างวัดพระใหญ่ บนเทือกเขา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4759857
 
 
พิษดินสไลด์ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาชน จ่อ ยื่นป.ป.ง.สอบมูลนิธิ หลังเรี่ยไร่เงินสร้างพระใหญ่ ด้าน ‘ฐิติกันต์’ วอน รัฐเยียวยาให้เหมาะสมกับพื้นที่-ติดตั้งระบบแจ้งเตือนภัย เตรียมนำเรื่องเข้า ‘กมธ.ที่ดิน’ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายเฉลิมพงศ์ แสงดี ส.ส.ภูเก็ตเขต 2 พรรคประชาชน และ นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล ส.ส.ภูเก็ตเขต 3 พรรคประชาชน แถลงเหตุการณ์ดินถล่มที่ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา
 
โดย นายเฉลิมพงศ์ กล่าวว่า ตนพร้อมพรรคประชาชนได้ลงพื้นที่ และพบประเด็นที่ต้องติดตาม คือเรื่องของพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ที่เกิดเหตุ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวน ซึ่งได้รับการผ่อนผันตามมติ ของคณะรัฐมนตรี แต่ก็พบว่า มีการขยายพื้นที่ก่อสร้างไปถึงกว่า 40 ไร่ เกินกว่าที่ได้รับอนุญาตเพียง 15 ไร่ นอกจากนี้ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต สามารถก่อสร้างบนพื้นที่ความสูงได้ไม่เกิน 80 เมตร ยกเว้นเพื่อสาธารณประโยชน์ เช่น เสาสัญญาณ แต่กรณีพระใหญ่และอาคารประกอบกลับได้รับยกเว้น ต้องตรวจสอบต่อไปว่าได้รับอนุญาตได้อย่างไร
 
นายเฉลิมพงศ์ กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีหินแกรนิตผุพัง และสภาพดินเป็นดินทรายและดินเหนียว มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดดินถล่ม ต้องตรวจสอบว่ามีการประเมินความเสี่ยงสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ส่วนราชการหรือหน่วยงานรัฐเจ้าของโครงการ กิจการ หรือการดำเนินงานนั้น ๆ ถือปฏิบัติให้เป็นไปตามรายงานการประเมินความเสี่ยงสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดหรือไม่
 
จากการพูดคุยกับ ผู้อำนวยการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต พบว่าหินแกรนิตจังหวัดภูเก็ตเริ่มมีความเสื่อมโทรมทำให้แตก บวกกับชั้นดินเหนียวทำให้เกิดการสไลด์เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ข้อสังเกตนี้ต้องตรวจสอบกันต่อไปผ่านการทำประเมินความเสี่ยงสิ่งแวดล้อม
 
วัดกิตติสังฆาราม (วัดกะตะ) หรือมูลนิธิพระพุทธ มิ่งมงคลศรัทธา 45 ได้ขอพื้นที่กับกรมป่าไม้เพื่อก่อสร้างองค์พระใหญ่จำนวน 15 ไร่เพื่อก่อสร้างพระใหญ่บนเทือกเขา แต่พบว่ามีการรุกล้ำไปอีก 5 ไร่ ขณะนี้ได้แจ้งความดำเนินคดีกับมูลนิธิดังกล่าวแล้ว ขั้นตอนต่อไปคงต้องมาการตรวจสอบการเงิน โดยจะส่งหนังสือไปทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.) ว่าทางมูลนิธิได้นำเงินที่รับบริจาคไปใช้ทำอะไรบ้าง
 
ด้าน นายฐิติกันต์ กล่าวว่า ระบบเตือนภัย ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่จ.ภูเก็ตมีเฉพาะการเตือนภัยเหตุสึนามิ ไม่มีการเตือนภัยภัยพิบัติอื่น ซึ่งเหตุการณ์ดินโคลนถล่มครั้งนี้หากมีระบบเตือนภัยเช่นเซนเซอร์แจ้งเตือนขณะที่มีการเคลื่อนตัวของหินแกรนิตขนาดใหญ่ พี่น้องประชาชนจะอพยพได้ทัน แต่เหตุการณ์ดินโคลนถล่มครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 13 ราย ซึ่งส่วนใหญ่นอนหลับอยู่ในบ้านขณะเกิดเหตุ หากจังหวัดมีระบบแจ้งเตือนเชื่อว่าจะไม่มีผู้เสียชีวิต
 
นอกจากเรื่องระบบแจ้งเตือนภัยที่ต้องผลักดันต่อเพื่อลดความเสี่ยงของประชาชน อีกเรื่องที่ต้องพิจารณาต่อไปคือการเยียวยา ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ แต่เนื่องจากค่าครองชีพของจังหวัดภูเก็ตค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น เช่นค่าเช่าบ้านตามหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2563 ระเบียบกระทรวงการคลัง ให้แค่ 1,800 บาทต่อเดือน เพียง 2 เดือน ซึ่งสำรวจในภูเก็ตแล้ว ค่าเช่าบ้านเริ่มต้นที่ 5,000 บาท จึงจำเป็นต้องแก้ไขระเบียบให้เหมาะสมกับพื้นที่ด้วย
 
นายฐิติกันต์ กล่าวว่า หลังจากนี้พรรคประชาชนจะติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นการป้องกันและแจ้งเตือนภัย ไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นในพื้นที่อื่นของภูเก็ตอีก ตนในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะนำเรื่องนี้เข้า กมธ.ที่ดินฯ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน

---

“ณัฐวุฒิ” แจง “พรรคประชาชน” ใช้ชื่อย่อ “ปชน.”
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_767799/

“ณัฐวุฒิ” แจง “พรรคประชาชน” ใช้ชื่อย่อ “ปชน.” หลัง “ปชช.” ซ้ำพรรคการเมืองอื่น
 
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะนายทะเบียนสมาชิกพรรคฯ ชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรแจ้งหนังสือจากนายทะเบียนพรรคการเมืองให้สภาผู้แทนราษฎรทราบ กรณีมี สส.จำนวน 143 คน ได้เข้าเป็นสมาชิกพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล และมีการเปลี่ยนแปลงชื่อพรรค เป็น พรรคประชาชน
 
ดังนั้น นายทะเบียนพรรคการเมือง จึงมีประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง วันที่ 20 สิงหาคม เรื่อง การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ว่า พรรคประชาชนจะใช้ชื่อย่อว่า “ปชน.” เนื่องจาก การใช้ชื่อย่อ “ปชช.” จะซ้ำกับพรรคการเมืองอื่น
 
ขณะเดียวกัน ภายในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ (28 ส.ค.) เจ้าหน้าที่สำนักการประชุม ได้นำป้ายชื่อ “พรรคประชาชน” มาตั้งไว้บริเวณที่นั่ง สส.ของพรรคประชาชนแล้ว ภายหลัง กกต. ได้รับรองสถานะการเปลี่ยนชื่อพรรค เป็นพรรคประชาชน
 

---

เลย น้ำโขงล้นตลิ่ง ร้านอาหารจม ประกาศเตือน 14 หมู่บ้าน 3 ตำบล อ.ปากชม เร่งขนของขึ้นที่สูง
https://www.matichon.co.th/region/news_4760310

เลยน้ำโขงล้นตลิ่งร้านอาหารจม ประกาศเตือน 14 หมู่บ้าน 3 ตำบล อ.ปากชม เร่งขนของขึ้นที่สูง
 
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงจังหวัดเลย จากอุทกวิทยาที่ 2 เลย สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 3 (อุดรธานี) สถานีวัดระดับแม่น้ำโขง ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน วัดได้เมื่อเวลา 07.00 น.ระดับน้ำโขงอยู่ที่ระดับ 14.91 ม. และวัดเวลา 11.00 น. ระดับน้ำโขงได้เพิ่มขึ้นสูงอยู่ในระดับ 15.04 ม. เพิ่มขึ้น 13 ซม. เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.25 ซม. ต่อชั่วโมง ทำให้แม่น้ำโขงที่ปากชมล้นตลิ่ง
 
โดยเฉพาะจุดบ้านคกไผ่ ต.ปากชม อ.ปากชม จ.เลย น้ำโขงล้นตลิ่ง ทำให้ร้านอาหารซุ้มนั่งรับประทานอาหารที่อยู่ริมโขง ที่ยืนลงในแม่น้ำโขง และร้านอาหารบริเวณท่าเรือคกไผ่ ถูกน้ำโขงท่วมเกือบมิดหลังคา ส่วนพื้นที่หมู่บ้านที่อาศัยใกล้ริมแม่น้ำโขงมี 14 หมู่บ้าน 3 ตำบล ตำบลปากชม ตำบลห้วยพิชัย และตำบลหาดคัมภีร์ น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และน้ำไหลหนุนขึ้นมาตามแม่น้ำสาขา ทำให้หลายพื้นที่น้ำได้เอ่อล้นริมตลิ่ง และเริ่มท่วมพื้นที่ทางการเกษตร 

ส่วนทางด้านกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลย โดยนายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และผู้อำนวยการจังหวัด ได้ออกหนังสือให้แต่ละอำเภอ ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ แจ้งเตือนให้ประชาชนที่สัญจร และประกอบกิจกรรมในบริเวณแม่น้ำโขง รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขง ทราบล่วงหน้า และขอประชาชนให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ พร้อมทั้งหน่วยงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ และยานพาหนะ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เผชิญเหตุ พร้อมทั้งปฏิบัติการให้ความ ช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ความช่วยเหลือประชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
 
ส่วนประชาชนที่ได้รับผลกระทบน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในจังหวัดเลย ผลสรุป รวมมี 5 อำเภอ 8 ตำบล19 หมู่บ้าน ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 289 หลังคาเรือน ได้รับผลกระทบ ประมาณ 826 คน โรงเรียน 1 แห่ง และเส้นทางคมนาคม 8 สายทาง