JJNY : สูงสุดในรอบปี! บึงกาฬทะลักท่วม│ไอติมยกเคสเศรษฐาชี้│"ครูธัญ"ติงรบ.นโยบายความเท่าเทียมทางเพศ│ลาววิกฤตหนัก ฝนถล่ม

สูงสุดในรอบปี! บึงกาฬน้ำโขงทะลุ 13เมตร ทะลักท่วมลานพญานาค ชาวบ้าน 4 อำเภอกระทบ
https://www.matichon.co.th/region/news_4790368

สูงสุดในรอบปี! บึงกาฬน้ำโขงทะลุ 13เมตร ทะลักท่วมลานพญานาค ชาวบ้าน 4 อำเภอกระทบ

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 14 กันยายน ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านจังหวัดบึงกาฬ เช้าวันนี้วัดได้ 13.10 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร ถือว่าสูงสุดในรอบปี 2567 โดยเมื่อเดือนที่แล้วระดับน้ำโขงสูงสุดเพียง 12.60 เมตร ส่วนที่บริเวณลานพญานาค ต.ปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ ซึ่งไม่มีจุดวัดระดับน้ำ ชาวบ้านต้องใช้วิธีสังเกต ระดับขั้นบันได ที่อยู่ริมแม่น้ำโขงแทน

ซึ่งเช้านี้น้ำโขงได้ไหลเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมถนนบริเวณลานอเนกประสงค์ ลานพญานาค และชุมชนลุ่มต่ำที่อยู่ติดลานพญานาค ในเขตเทศบาลตำบลปากคาด ระดับน้ำสูงตั้งแต่ 10 ซม. ถึง 50 ซม. ทางเทศบาลตำบลปากคาดได้นำกระสอบทรายแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน ที่มีบ้านเรือนอยู่ติดลานพญานาค กว่า 20 หลังคาเรือน ใช้ป้องกันน้ำท่วม

นอกจากนี้ระดับน้ำกำลังเริ่มเอ่อล้นไหลเข้าท่วมถนนริมแม่น้ำโขง ตั้งแต่ลานพญานาค ไปจนถึงบ้านท่าสวรรค์ ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ขณะที่ชาวบ้านเริ่มขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และขนย้ายออกนอกพื้นที่ไปไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากในพื้นที่อำเภอปากคาดแล้ว ยังมีพื้นที่อำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า และอำเภอบึงโขงหลง ที่ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้น ไหลเข้าตามลำห้วยสาขา เอ่อท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร ถนนทางเข้าหมู่บ้านถูกน้ำท่วมสูง ไม่สามารถสัญจรไป-มาได้ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั้ง 4 อำเภอที่อยู่ติดริมแม่น้ำโขงเป็นจำนวนมาก

ส่วนในพื้นที่อำเภอเซกา อำเภอพรเจริญ และอำเภอศรีวิไล ก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเช่นกัน แต่เกิดจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ คืนเดียว 170 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีบ้านเรือน พืชสวนไร่นา นาข้าว สวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และพืชอื่นๆ เสียหายเป็นบริเวณกว้าง



ไอติม ปลุกรบ.ฝ่ากับดักนิติสงคราม ยกเคสเศรษฐาชี้ พวกท่านคือภัยคุกคามเก่า ถึงเวลาก็จะถูกเขี่ยทิ้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4790266

“พริษฐ์” เย้ยเป็นการแถลงแผนงาน รบ.เดิม ตอกนโยบาย “แพทองธาร” คิดไม่ครบ คิดไม่ออก คิดไม่ซื่อ จี้ให้ สส.คดีตากใบมารายงานตัว สับเป็น รบ.ตัวประกันอำนาจเก่าใช้โค่นล้มภัยคุกคามใหม่ ชี้ยืนบนทางสองแพร่ง ปลุกร่วมมือ ปชน.เชื่อฝ่าฟันกับดักและนิติสงครามของอำนาจเก่าได้แน่
 
ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ โดยทันทีที่สมาชิกอภิปรายครบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นขอบคุณ จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้สั่งปิดการประชุม ในเวลา 01.10 น.ของวันที่ 14 กันยายน 2567 นั้น
 
ช่วงหนึ่งในเวลา 23.42 น. ก่อนปิดประชุม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า วาระที่เราพิจารณากันอยู่ 2 วันนี้ ไม่ใช่วาระการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่เข้ามารวมตัวกันทำงานหลังจากการเลือกตั้ง แต่เป็นวาระของการแถลงความคืบหน้า และแผนงานของรัฐบาลเดิมที่ได้ทำงานมาแล้ว 1 ปีเต็ม ถึงแม้จะเปลี่ยนคน แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนพรรค ถึงแม้รัฐมนตรีบางกระทรวงอาจจะเปลี่ยนชื่อ แต่หลายคนก็ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุล ขณะที่องค์ประกอบโดยรวมของรัฐบาลยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนอะไหล่เล็กๆน้อยๆก็ไม่ได้มีนัยยะสำคัญ
 
ทั้งนี้ จะขอประเมิน 5 นโยบายระยะสั้นของ รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน คือ 1.เรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็ไม่สามารถจุดชนวนได้ มีเพียงผู้ค้าที่ต้องจุดธูปอธิษฐานว่า เมื่อไหร่ตลาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง สมัยก่อนบอกว่า ไม่ต้องกู้เงินสักบาท แต่วันนี้ต้องกู้เต็มเพดาน จนถึงวันนี้ก็ไม่สามารถแจกเงินได้เพียงแม้แต่บาทเดียว ที่บอกว่า แจกทุกคนไม่ต้องลงทะเบียน แต่สุดท้ายแล้วคนที่ลงทะเบียนก็ไม่รู้ว่าจะได้เงินหรือไม่
 
นายพริษฐ์ อภิปรายว่า 2.ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ผ่านไปหนึ่งปีรัฐบาลนายเศรษฐาก็วนเวียนอยู่กับมาตรการเดิมๆ เพิ่มเติมคืออีเวนต์ 3.เรื่องพลังงานที่บอกว่าจะลดค่าใช้จ่ายในระยะสั้น แต่หนึ่งปีที่ผ่านมาที่สุดแล้วว่าคำว่าระยะสั้นในความหมายของรัฐบาลนายเศรษฐา มันสั้นมากจริงๆ เพราะค่าไฟที่เคยลดราคาจาก 4.35 เหลือ 3.99 บาทตอนนี้กลับมาอยู่ที่ 4.88 บาทต่อหน่วย น้ำมันดีเซลที่เคยลดราคาจาก 32 บาทต่อลิตรเหลือ 30 บาทต่อลิตร ตอนนี้เด้งกลับมาที่ 33 บาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 4.เรื่องการท่องเที่ยว นายกฯ เศรษฐาขยันผิดจุด จากข้อมูลของยูเอ็นทัวร์ริซึ่ม การท่องเที่ยวฟื้นฟูช้ากว่าช้ากว่าค่าเฉลี่ยของโลก และสะท้อนว่ารายได้กระจุกอยู่ที่ห้าจังหวัดต้นๆ เหมือนเดิม สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ประสบความสำเร็จของคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ซึ่งนายกฯ คนปัจจุบันขับเคลื่อน
 
และ 5.เรื่องรัฐธรรมนูญที่สืบเนื่องมาจากรัฐบาลปัจจุบัน โดยรัฐบาลนายเศรษฐาประกาศว่าจะผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น 1 ปีผ่านไปประชามติรอบแรกที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติประชามติยังคงค้างอยู่ที่ชั้นวุฒิสภา ทั้งนี้ ผลงานที่ผ่านมา 1 ปีของรัฐบาลนายเศรษฐาเปรียบเสมือนพาประเทศไทยเดินขึ้นรถไฟเหาะ แต่กลับตีลังกาไปตีลังกามา และสุดท้ายก็นำประเทศไทยกลับมาอยู่ที่จุดเดิม
 
รัฐบาลไม่ขยันเสนอกฎหมายของตัวเอง แต่ขยันชะลอหรือขัดขวางกฎหมายที่เสนอโดยฝ่ายค้าน
 
ดังนั้น 1 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่า รัฐบาลนายเศรษฐาไม่สามารถทำได้ตามคำพูดที่สวยหรู และอะไรคือหลักประกันว่าอีก 3 ปีข้างหน้ารัฐบาล น.ส.แพทองธาร จะทำตามคำพูดสวยหรูที่พูดไว้กับรัฐสภาตลอดสองวันที่ผ่านมา” นายพริษฐ์ ระบุ
 
นายพริษฐ์ อภิปรายต่อว่า นโยบายหลายด้านของรัฐบาลน.ส.แพทองธารคือคิดมาไม่ครบตั้งแต่ต้น ทำให้ต้องตัดออก ตัดไปตัดมาบางเรื่องต้องยอมถอย เช่น เรื่องของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต สมัยรัฐบาลนายเศรษฐาเขียนชัดเจนว่าจะเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต แต่พอเป็นรัฐบาลน.ส.แพทองธารมีการปรับข้อความว่ารัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรกและผลักดันโครงการ และคำว่า 1 หมื่นบาทหายไป ขณะที่ รมว.คลังประกาศว่าในส่วนกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ที่จะจ่ายเงินสด 1 หมื่นบาทในวันที่ 25 กันยายนก็จะเรียกว่าดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ เพราะให้เป็นเงินสด หรือเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เคยโฆษณาตอนหาเสียงที่จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในปี 2570 แต่ตอนนี้เหลือเพียงคำว่าค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นธรรม เมื่อมาถึงนโยบายของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร คำว่าค่าแรงขั้นต่ำหายสาบสูญไปเลย ถือเป็นคำสารภาพว่าภายใต้รัฐบาลชุดนี้เศรษฐกิจจะโตเฉลี่ยไม่ถึง 5% ต่อปี
 
นายพริษฐ์ อภิปรายว่า หลายนโยบายก็คิดไม่ออกว่าจะทำอะไร เลยต้องเขียนนโยบายกว้างๆ ไว้ก่อนเช่น การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น หรือสวัสดิการสำหรับคนทุกช่วงวัย นอกจากนี้หลายนโยบายคิดไม่ซื่อ แต่เอาประชาชนมาบังหน้า เช่น นโยบายสถานบันเทิงครบวงจรหรือเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ หากเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เราคงจะได้เห็นรัฐบาลยืนยันไปแล้วว่าจะเลือกตั้งเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์หรือคาสิโนในจังหวัดเมืองรอง เพื่อใช้โอกาสนี้ในการสร้างเมืองใหม่และกระจายนักท่องเที่ยว กระจายรายได้ กระจายไปถึงทุกภูมิภาคทั่วประเทศ แต่รัฐบาลมีแนวโน้มจัดตั้งในจังหวัดใหญ่เป็นหลัก ซึ่งคนที่ดีใจที่สุดคือกลุ่มทุนใหญ่ที่ลือกันว่ากำลังแย่งชิงสัมปทานกันอยู่ รวมถึงเรื่องของรัฐธรรมนูญ อยากให้นายกฯลุกขึ้นมายืนยันกับสภาแห่งนี้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจะถูกร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนร้อยเปอร์เซ็นต์ และขอให้ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญฉบับประชาชน จะเปิดให้ประชาชนออกแบบเนื้อหาได้เต็มที่ตามหลักการประชาธิปไตย
 
หรือนโยบายที่รัฐบาลจะฟื้นฟูหลักนิติธรรม แต่จำเป็นต้องถามนายกฯ และในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ท่านจะทำอย่างไรกับ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นจำเลยในคดีตากใบ ล่าสุดมีรายงานข่าวว่ารักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศ อยากรู้ว่าท่านจะสัญญาว่าจะกำชับให้ ส.ส.คนดังกล่าวไปรายงานตัวที่ศาลตามหมายนัด โดยไม่ปล่อยให้คดีดังกล่าวหมดอายุความ“ นายพริษฐ์ ระบุ
 
นายพริษฐ์ อภิปรายว่า ขณะที่องค์ประกอบของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เหมือนเป็นการสานต่อนโยบายหนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์มาเป็นหนึ่งครอบครัว หนึ่งที่นั่งรัฐมนตรี ซึ่งตนไม่คิดว่าเป็นปัญหาหลัก เพราะท้ายสุดไม่ว่ารัฐมนตรีแต่ละท่านจะเป็นลูกใคร ญาติใคร จนมีความเชื่อว่าท้ายสุดประชาชนจะประเมินท่านจากผลงานและความสามารถของท่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่