โรม เชื่อซิงซิงอาจถูกเรียกค่าไถ่ ระบุ ยังไม่เฟิร์มถูกปล่อยตัววันนี้ จี้นายกฯ เอาจริงแก้ปัญหา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4987688
โรม เชื่อซิงซิงอาจถูกเรียกค่าไถ่ ระบุ ยังไม่เฟิร์มถูกปล่อยตัววันนี้ เผย กมธ.มั่นคงฯ จ่อถก 9 ม.ค. จี้ นายกฯ เอาจริง ปูด เครือข่ายตู้ห่าวกลับมาแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มกราคม ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ซิงซิงดาราชาวจีน หายตัวไปจากชายแดนไทยเมียนมาทางแม่สอด ว่า ตนพยายามตรวจสอบแหล่งข่าวในพื้นที่และเจ้าหน้าที่รัฐ ข้อมูลตรงกันว่าคอนเฟิร์มแล้วว่าถูกพาตัวไปฝั่งนั้นจริง เพียงแค่เรื่องของการระบุสถานที่ แหล่งข่าวบางส่วนก็ระบุแล้วว่าอยู่บริเวณใด เรื่องนี้พยายามเช็กอยู่ ส่วนที่มีสื่อบางที่รายงานว่าจะมีการปล่อยตัววันนี้ แต่ที่ตนเช็กมาจากเจ้าหน้าที่รัฐเบื้องต้นก็ยังไม่ถึงขนาดคอนเฟิร์ม 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะเป็นวันนี้หรือไม่ แต่ต้องติดตามต่อและตนก็ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สภาฯ ได้อภิปรายและเตือนกันหลายครั้งว่าเรื่องนี้ทำลายภาพลักษณ์ประเทศและการท่องเที่ยวของประเทศไทย ต้องยอมรับว่าก่อนมีกรณีของดาราชาวจีน ก็มีกรณีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ถูกพาตัวข้ามไปทำงานและเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์มาเป็นเวลานาน มีคนนับแสนคนที่อยู่ที่นั่น จำนวนมากถูกบังคับเป็นแรงงานทาสให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้น หากเราไม่ทำอะไรภาพลักษณ์ประเทศไทยก็จะเสียหายไปเรื่อยๆ ว่าไทยเป็นทางผ่านเกือบทั้งหมดของคนที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ว่าจะสมัครใจหรือไม่ จะต้องเดินทางผ่านประเทศไทย
นาย
รังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวได้รับการติดต่อมาจากสถานทูตหลายแห่ง เพื่อขอให้ช่วยเหลือคนของประเทศเขาที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ทำสำเร็จไปด้วยความยากลำบาก แต่ต้องขอบคุณกองทัพบกที่สามารถช่วยเหลือคนโมร็อกกัน และมีอีกหลายชาติที่ติดต่อมาทั้งเคนย่า ศรีลังกา และอีกหลายประเทศ ดังนั้น กรณีของดาราชาวจีนไม่ใช่กรณีแรก แต่ควรเป็นบทเรียนได้แล้วที่ประเทศเราต้องเอาจริงเอาจัง
นาย
รังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นในส่วนกมธ.ความมั่นคงฯ เรานัดพิจารณาเรื่องการค้ามนุษย์แนวชายแดน โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในวันที่ 9 มกราคม หวังว่าจะมีความคืบหน้าและจะนำเรื่องนี้หารือกับกองทัพรวมถึงฝ่ายที่มีอำนาจหน้าที่ หาวิธีการที่จะช่วยเหลือ แต่ต้องยืนยันว่าวิธีการที่เรากำลังจะทำในวันที่ 9 มกราคมนี้ เราช่วยออกมาอย่างเต็มที่หน่อย อาจจะแค่หลักร้อยแต่ตัวเลขที่เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์อาจจะหลักแสน ดังนั้น สิ่งที่เราต้องการคือระบบและการเอาจริงของรัฐบาล วันนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของต่างประเทศ ประเทศไทยจะไปทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ เรื่องนี้เราไม่ควรปฏิเสธอีกต่อไป ประเทศไทยต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยจะเสียหายมากกว่านี้
เมื่อถามย้ำว่า กรณีของซิงซิงการข่าวระบุชัดแล้วใช่หรือไม่ว่าเป็นการเรียกค่าไถ่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ข้อมูลตรงนั้น แต่เชื่อว่าก็เป็นไปได้ในเรื่องของค่าไถ่ เพราะปกติแล้วมันจะมีเอเย่นต์ เมื่อล่อลวงและได้คนมาแล้ว เขาส่งก็จะได้เงิน ฉะนั้น ทุกคนมีค่าตัวและมีต้นทุน ดังนั้น หากอยู่ๆ คนเหล่านี้จะกลับก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งข้อแลกเปลี่ยนเหล่านี้จะเป็นอะไร ก็อาจจะเป็นค่าไถ่ได้ เนื่องจากเป็นวัฏจักรแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อถามว่า เรื่องการปราบปรามมาเฟียชาวจีนมองว่าฝ่ายความมั่นคงทำงานช้าไปหรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และมาเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องตู้ห่าวที่ได้ข่าวว่ากลับมาอีกแล้ว แต่จริงเท็จอย่างไรก็ฝากหน่วยงานบ้านเมืองไปตรวจสอบ พอได้ข่าวว่าเครือข่ายตู้ห่าวกลับมาและพร้อมปฏิบัติการแล้ว ขอให้ลองไปดูที่สนามบินแม่สอดว่าคนส่วนใหญ่เป็นชาติไหน เรื่องนี้ทำกันอย่างโจ่งครึ่ม แต่เวลาที่หน่วยงานความมั่นคงจะจัดการกลับต้องรอให้เป็นข่าวก่อน ดังนั้น สิ่งที่เป็นโจทย์ให้รัฐบาลคือต้องวางแผนว่าจะทำอย่างไร วันนี้ชายแดนของเราอ่อนแอมาก สิ่งดำๆ เทาๆ ทั้งหลาย ถึงเวลาที่เราต้องทำมาตรการทั้งหลายดำเนินการได้แล้ว ตนมองว่าหากปัญหาเรื่องการฟรีวีซ่า เปิดให้ชาวจีนสามารถเดินทางได้ทั่วราชอาณาจักร หากเป็นปัญหา ตนคิดว่าหากกำหนดพื้นที่พิเศษอาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องทบทวนเช่นเดียวกัน
“
พูดมาถึงตรงนี้ ผมไม่เห็นคุณอุ๊งอิ๊ง (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี) พูดอะไรเท่าไหร่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมเห็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดเรื่องนี้ ก็ไม่รู้ว่าตกลงแล้วรัฐบาลนี้จะเอาอย่างไร เพราะผมก็ฟังนโยบายและทิศทางต่างๆ จากนายทักษิณ หวังว่ามันจะเอาจริงเอาจังกันซะเสียที พูดมาหลายรอบแล้วเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ และปัญหาการหลอกลวงทั้งเงินและค้ามนุษย์ ผมว่ารัฐบาลนี้ควรทำให้ได้“ นาย
รังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะนำไปสู่การอภิปรายหรือไม่นั้น นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ยังมีเวลาเตรียมการ เพราะเราไม่ไว้ใจรัฐบาลให้เป็นรัฐบาล ดังนั้น ยิ่งรัฐบาลล้มเหลวในเรื่องต่างๆ มากเท่าไหร่ เรื่องเหล่านั้นล้วนเป็นโอกาสสนับสนุนให้ฝ่ายค้านในการโหวตไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมปัญหา
บาดแผล ความล้มเหลวทั้งหมด ดังนั้น ทุกเรื่องมีความเป็นไปได้หมด และยืนยันว่า การซักฟอกครั้งนี้เราเต็มที่อย่างแน่นอน เรามีเท่าไหร่ใส่จนหมด และระหว่างที่การซักฟอกยังมาไม่ถึง เราอยากเห็นรัฐบาลใช้เวลานี้ให้เกิดประโยชน์ ในการช่วยเหลือคนเหล่านี้ ใช้อำนาจที่ตัวเองมีในการทำให้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หมดไป ไม่ใช่มัวแต่มาตีกัน กัดกัน ขวางกัน ไม่ใช่มัวแต่มาให้พ่อเลี้ยง อย่าปล่อยให้เวลาการเป็นรัฐบาลตอนนี้เสียไป อย่าทำให้ประชาชนผิดหวังไปมากกว่านี้
โรม ถามหาประสิทธิภาพ ของรบ. ปม 4 ลูกเรือไทย เผย 9 ม.ค. ถกกมธ. ติดตาม 3 ปัญหา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4987698
รังสิมันต์ จี้ถาม รัฐบาล มีประสิทธิภาพหรือไม่ ปมช่วยเหลือ 4 ประมงไทย เผย 9 ม.ค. เรียกหน่วยงานเข้าถก กมธ.ติดตามความคืบหน้าสาง 3 ปัญหา ลูกเรือประมงไทย-ว้าแดง-ค้ามนุษย์
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มกราคม ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการช่วยเหลือ 4 ลูกเรือประมงไทยที่ถูกตัดสินจำคุกที่เมียนมาของรัฐบาลไทย ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเมียนมาที่รัฐบาลระบุว่าดีนั้น ขณะนี้เต็มไปด้วยคำถาม ซึ่งตนมองว่ารัฐบาลไทยมีอำนาจต่อรอง แต่กลับขาดประสิทธิภาพ เพราะตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุจนถึงการนำตัวคนไทยไปดำเนินคดีนั้น รัฐบาลไทยไม่ประท้วงใดๆ
ส่วนที่นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า รัฐบาลไทยประท้วงแล้วนั้น ตนมองว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน และย้ำว่าที่รัฐบาลบอกว่า 4 ลูกเรือไทยจะได้กลับเมื่อวันที่ 4 มกราคม เป็นการสำคัญผิดในข้อมูลหรือไม่ หรือต้องการลดแรงเสียดทานโดยหลอกลวงประชาชน ทั้งนี้ ในวันที่ 9 มกราคมนี้ กมธ.ความมั่นคงฯ จะพิจารณาเรื่องดังกล่าว ซึ่งหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ
นาย
รังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ในการประชุม กมธ.วันที่ 9 มกราคมนั้น นอกจากจะพิจารณากรณีการติดตามปัญหาลูกเรือประมงไทยแล้ว ยังจะมีการพิจารณาติดตามปัญหาการตั้งฐานทัพว้าแดงที่ล้ำแดนไทย และการแก้ปัญหาเกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ และธุรกิจสแกมเมอร์ตามชายแดนด้วย
ส่วนในวันที่ 10 มกราคม เดิมทีที่ กมธ.ได้นัดพบกับผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่กองทัพบก แต่ผบ.ทบ.ไม่พร้อม ดังนั้น จึงต้องหาวันอีกรอบ แต่กมธ.ต้องการพบผบ.ทบ.โดยเร็ว เพราะมีเรื่องต้องหารือหลายเรื่อง อีกทั้งมีหลายปัญหาต้องหาทางแก้ไข ซึ่งยอมรับว่าหลายเรื่องที่ กมธ.ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และต้องคุยกับหน่วยงานมั่นคงเพื่อหาทางออกให้บ้านเมืองต่อไป โดยไม่สามารถพึ่งพารัฐบาลได้อย่างเต็มที่
จับตา! พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ตรงปก
https://www.bangkokbiznews.com/health/public-health/1160889
ภาคประชาสังคม จับตา "พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ไม่ตรงปก ลดสเป็คองค์ประกอบต่าง ๆ สถานบันเทิงครบวงจร -ตีเช็คเปล่าให้บอร์ดนโยบายที่มีนายกฯเป็นประธานมีอำนาจแทบหมด เกรงเกิดการ ชเอื้อให้กลุ่มผู้ลงทุน โดยเก็บภาษีในอัตราต่ำ ให้ถือใบอนุญาตได้ยาวถึง 30 ปี
จากข่าวความคืบหน้าว่า กระทรวงการคลังเตรียมนำเสนอร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนมกราคม 2568
นาย
ธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน แสดงความเห็นว่า สิ่งที่น่าจับตามองคือ สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้จะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากน้อยเพียงใด เพราะตามร่างฉบับเดิมที่กระทรวงการคลังนำมาใช้รับฟังความเห็นประชาชนนั้น มีช่องโหว่อยู่มาก ทั้งเรื่องความไม่ตรงปก ของสถานบันเทิงครบวงจรที่เคยเสนอว่าจะทำแบบสิงคโปร์โมเดล แต่เอาเข้าจริงกฎหมายกลับไม่ได้เขียนอย่างนั้น
"
เพราะได้ลดสเป็คองค์ประกอบต่าง ๆ ของสถานบันเทิงครบวงจรลงไปทั้งหมด โรงแรมไม่ต้องห้าดาว ห้างสรรพสินค้า และอื่น ๆ ที่เคยขายฝันไว้ อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ และจะมีขนาดใดก็ได้ เพราะกฎหมายเปิดช่องไว้อย่างหลวม ๆ"นายธนากรกล่าว
ส่วนศูนย์การประชุมและแสดงนิทรรศการหรือคอนเสิร์ตฮอลล์ก็ไม่ต้องมี เน้นแต่กาสิโนเป็นสำคัญ โดยมีอีกสี่กิจการประกอบ และไม่เน้นขนาด ส่วนคนไทยก็อาจสามารถเข้าเล่นได้ง่าย เพราะกฎหมายเขียนไว้ว่า การเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าของคนในประเทศเก็บได้สูงสุดไม่เกินห้าพันบาท จึงอาจจะเก็บต่ำกว่านั้นหรือจะไม่เก็บเลยก็ได้ นอกจากนั้น ก็ไม่ได้จะทำแบบสิงคโปร์ตามที่อ้าง ไม่มีหน่วยงานเจ้าภาพและไม่มีการตั้งกองทุนด้านการลดปัญหาและผลกระทบจากการพนัน ถูกตัดทิ้งไปทั้งหมด
สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกฎหมายฉบับนี้จึงมีโอกาสไม่ตรงปกอย่างที่ขายฝันเอาไว้ ที่สำคัญคือ ความไม่ชัดเจนว่าประเทศชาติจะได้ประโยชน์แค่ไหน เพราะสิ่งสำคัญคือเรื่องภาษี ซึ่งกฎหมายนี้ไม่ได้เขียนไว้อย่างชัดเจน แต่เขียนแบบ ตีเช็คเปล่า ให้บอร์ดนโยบายที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีอำนาจแทบทุกอย่าง
ทั้งการอนุมัติที่ตั้งว่าจะให้ตั้งที่จังหวัดใด โดยไม่ต้องรับฟังความเห็นประชาชน จะให้ตั้งได้กี่แห่ง จะให้ใครเป็นผู้ได้รับใบอนุญาต ไม่ต้องมีการประมูล รวมทั้ง จะเก็บภาษีเท่าไรกฎหมายก็ไม่เขียนไว้อย้างชัดเจน ทั้งหมดล้วนอยู่ในอำนาจของบอร์ดนี้ จึงเหมือนเป็นการตีเช็คเปล่าให้คณะบุคคลคณะเดียวตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติ
นอกจากนี้ ยังอาจเกิดการอำนวยประโยชน์ เอื้อให้กลุ่มผู้ลงทุน โดยเก็บภาษีในอัตราต่ำ ให้ถือใบอนุญาตได้ยาวถึง 30 ปี เพิ่มเดิมที่สภาผู้แทนเคยเสนอไว้ที่ 20 ปี และสามารถลดเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคแก่การทำธุรกิจให้เหลือน้อย ๆ โดยให้อำนาจบอร์ดนโยบายในการเสนอแก้ไขกฎหมาย และกฎกระทรวงต่าง ๆ ได้ รวมถึงการให้เช่าที่ดินโดยถือครองได้นานถึง 99 ปี เป็นต้น
ภาพรวมแล้วกฎหมายฉบับนี้จึงมีข้อบกพร่องอยู่มาก หากร่างที่จะนำเข้าสู่ครม.ไม่ได้มีสาระสำคัญที่แตกต่างไปจากเดิมก็น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเรื่องที่กาสิโนอาจกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งขณะนี้ย้ายถิ่นฐานมาปักหลักอยู่รอบบ้านเรา
"
หากกฎหมายเรามีช่องโหว่ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกใช้ฟอกเงิน ซึ่งรวมถึงเงินจากการทุจริตคอรัปชั่นภายในประเทศด้วยไม่แน่ใจว่าทำไมรัฐบาลจึงรีบร้อน และเร่งรัดกับเรื่องนี้มาก ทั้งที่ไม่ได้เป็นนโยบายในการหาเส
JJNY : โรม เชื่อซิงซิงอาจถูกเรียกค่าไถ่│โรมถามหาประสิทธิภาพของรบ.│จับตา! พ.ร.บ.ไม่ตรงปก│ชี้ยูเครนต้องยันรัสเซียไว้ให้ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4987688
โรม เชื่อซิงซิงอาจถูกเรียกค่าไถ่ ระบุ ยังไม่เฟิร์มถูกปล่อยตัววันนี้ เผย กมธ.มั่นคงฯ จ่อถก 9 ม.ค. จี้ นายกฯ เอาจริง ปูด เครือข่ายตู้ห่าวกลับมาแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มกราคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ซิงซิงดาราชาวจีน หายตัวไปจากชายแดนไทยเมียนมาทางแม่สอด ว่า ตนพยายามตรวจสอบแหล่งข่าวในพื้นที่และเจ้าหน้าที่รัฐ ข้อมูลตรงกันว่าคอนเฟิร์มแล้วว่าถูกพาตัวไปฝั่งนั้นจริง เพียงแค่เรื่องของการระบุสถานที่ แหล่งข่าวบางส่วนก็ระบุแล้วว่าอยู่บริเวณใด เรื่องนี้พยายามเช็กอยู่ ส่วนที่มีสื่อบางที่รายงานว่าจะมีการปล่อยตัววันนี้ แต่ที่ตนเช็กมาจากเจ้าหน้าที่รัฐเบื้องต้นก็ยังไม่ถึงขนาดคอนเฟิร์ม 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะเป็นวันนี้หรือไม่ แต่ต้องติดตามต่อและตนก็ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สภาฯ ได้อภิปรายและเตือนกันหลายครั้งว่าเรื่องนี้ทำลายภาพลักษณ์ประเทศและการท่องเที่ยวของประเทศไทย ต้องยอมรับว่าก่อนมีกรณีของดาราชาวจีน ก็มีกรณีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ถูกพาตัวข้ามไปทำงานและเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์มาเป็นเวลานาน มีคนนับแสนคนที่อยู่ที่นั่น จำนวนมากถูกบังคับเป็นแรงงานทาสให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้น หากเราไม่ทำอะไรภาพลักษณ์ประเทศไทยก็จะเสียหายไปเรื่อยๆ ว่าไทยเป็นทางผ่านเกือบทั้งหมดของคนที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ว่าจะสมัครใจหรือไม่ จะต้องเดินทางผ่านประเทศไทย
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวได้รับการติดต่อมาจากสถานทูตหลายแห่ง เพื่อขอให้ช่วยเหลือคนของประเทศเขาที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ทำสำเร็จไปด้วยความยากลำบาก แต่ต้องขอบคุณกองทัพบกที่สามารถช่วยเหลือคนโมร็อกกัน และมีอีกหลายชาติที่ติดต่อมาทั้งเคนย่า ศรีลังกา และอีกหลายประเทศ ดังนั้น กรณีของดาราชาวจีนไม่ใช่กรณีแรก แต่ควรเป็นบทเรียนได้แล้วที่ประเทศเราต้องเอาจริงเอาจัง
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นในส่วนกมธ.ความมั่นคงฯ เรานัดพิจารณาเรื่องการค้ามนุษย์แนวชายแดน โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในวันที่ 9 มกราคม หวังว่าจะมีความคืบหน้าและจะนำเรื่องนี้หารือกับกองทัพรวมถึงฝ่ายที่มีอำนาจหน้าที่ หาวิธีการที่จะช่วยเหลือ แต่ต้องยืนยันว่าวิธีการที่เรากำลังจะทำในวันที่ 9 มกราคมนี้ เราช่วยออกมาอย่างเต็มที่หน่อย อาจจะแค่หลักร้อยแต่ตัวเลขที่เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์อาจจะหลักแสน ดังนั้น สิ่งที่เราต้องการคือระบบและการเอาจริงของรัฐบาล วันนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของต่างประเทศ ประเทศไทยจะไปทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ เรื่องนี้เราไม่ควรปฏิเสธอีกต่อไป ประเทศไทยต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยจะเสียหายมากกว่านี้
เมื่อถามย้ำว่า กรณีของซิงซิงการข่าวระบุชัดแล้วใช่หรือไม่ว่าเป็นการเรียกค่าไถ่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ข้อมูลตรงนั้น แต่เชื่อว่าก็เป็นไปได้ในเรื่องของค่าไถ่ เพราะปกติแล้วมันจะมีเอเย่นต์ เมื่อล่อลวงและได้คนมาแล้ว เขาส่งก็จะได้เงิน ฉะนั้น ทุกคนมีค่าตัวและมีต้นทุน ดังนั้น หากอยู่ๆ คนเหล่านี้จะกลับก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งข้อแลกเปลี่ยนเหล่านี้จะเป็นอะไร ก็อาจจะเป็นค่าไถ่ได้ เนื่องจากเป็นวัฏจักรแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อถามว่า เรื่องการปราบปรามมาเฟียชาวจีนมองว่าฝ่ายความมั่นคงทำงานช้าไปหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และมาเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องตู้ห่าวที่ได้ข่าวว่ากลับมาอีกแล้ว แต่จริงเท็จอย่างไรก็ฝากหน่วยงานบ้านเมืองไปตรวจสอบ พอได้ข่าวว่าเครือข่ายตู้ห่าวกลับมาและพร้อมปฏิบัติการแล้ว ขอให้ลองไปดูที่สนามบินแม่สอดว่าคนส่วนใหญ่เป็นชาติไหน เรื่องนี้ทำกันอย่างโจ่งครึ่ม แต่เวลาที่หน่วยงานความมั่นคงจะจัดการกลับต้องรอให้เป็นข่าวก่อน ดังนั้น สิ่งที่เป็นโจทย์ให้รัฐบาลคือต้องวางแผนว่าจะทำอย่างไร วันนี้ชายแดนของเราอ่อนแอมาก สิ่งดำๆ เทาๆ ทั้งหลาย ถึงเวลาที่เราต้องทำมาตรการทั้งหลายดำเนินการได้แล้ว ตนมองว่าหากปัญหาเรื่องการฟรีวีซ่า เปิดให้ชาวจีนสามารถเดินทางได้ทั่วราชอาณาจักร หากเป็นปัญหา ตนคิดว่าหากกำหนดพื้นที่พิเศษอาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องทบทวนเช่นเดียวกัน
“พูดมาถึงตรงนี้ ผมไม่เห็นคุณอุ๊งอิ๊ง (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี) พูดอะไรเท่าไหร่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมเห็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดเรื่องนี้ ก็ไม่รู้ว่าตกลงแล้วรัฐบาลนี้จะเอาอย่างไร เพราะผมก็ฟังนโยบายและทิศทางต่างๆ จากนายทักษิณ หวังว่ามันจะเอาจริงเอาจังกันซะเสียที พูดมาหลายรอบแล้วเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ และปัญหาการหลอกลวงทั้งเงินและค้ามนุษย์ ผมว่ารัฐบาลนี้ควรทำให้ได้“ นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะนำไปสู่การอภิปรายหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังมีเวลาเตรียมการ เพราะเราไม่ไว้ใจรัฐบาลให้เป็นรัฐบาล ดังนั้น ยิ่งรัฐบาลล้มเหลวในเรื่องต่างๆ มากเท่าไหร่ เรื่องเหล่านั้นล้วนเป็นโอกาสสนับสนุนให้ฝ่ายค้านในการโหวตไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมปัญหา
บาดแผล ความล้มเหลวทั้งหมด ดังนั้น ทุกเรื่องมีความเป็นไปได้หมด และยืนยันว่า การซักฟอกครั้งนี้เราเต็มที่อย่างแน่นอน เรามีเท่าไหร่ใส่จนหมด และระหว่างที่การซักฟอกยังมาไม่ถึง เราอยากเห็นรัฐบาลใช้เวลานี้ให้เกิดประโยชน์ ในการช่วยเหลือคนเหล่านี้ ใช้อำนาจที่ตัวเองมีในการทำให้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หมดไป ไม่ใช่มัวแต่มาตีกัน กัดกัน ขวางกัน ไม่ใช่มัวแต่มาให้พ่อเลี้ยง อย่าปล่อยให้เวลาการเป็นรัฐบาลตอนนี้เสียไป อย่าทำให้ประชาชนผิดหวังไปมากกว่านี้
โรม ถามหาประสิทธิภาพ ของรบ. ปม 4 ลูกเรือไทย เผย 9 ม.ค. ถกกมธ. ติดตาม 3 ปัญหา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4987698
รังสิมันต์ จี้ถาม รัฐบาล มีประสิทธิภาพหรือไม่ ปมช่วยเหลือ 4 ประมงไทย เผย 9 ม.ค. เรียกหน่วยงานเข้าถก กมธ.ติดตามความคืบหน้าสาง 3 ปัญหา ลูกเรือประมงไทย-ว้าแดง-ค้ามนุษย์
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มกราคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการช่วยเหลือ 4 ลูกเรือประมงไทยที่ถูกตัดสินจำคุกที่เมียนมาของรัฐบาลไทย ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเมียนมาที่รัฐบาลระบุว่าดีนั้น ขณะนี้เต็มไปด้วยคำถาม ซึ่งตนมองว่ารัฐบาลไทยมีอำนาจต่อรอง แต่กลับขาดประสิทธิภาพ เพราะตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุจนถึงการนำตัวคนไทยไปดำเนินคดีนั้น รัฐบาลไทยไม่ประท้วงใดๆ
ส่วนที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า รัฐบาลไทยประท้วงแล้วนั้น ตนมองว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน และย้ำว่าที่รัฐบาลบอกว่า 4 ลูกเรือไทยจะได้กลับเมื่อวันที่ 4 มกราคม เป็นการสำคัญผิดในข้อมูลหรือไม่ หรือต้องการลดแรงเสียดทานโดยหลอกลวงประชาชน ทั้งนี้ ในวันที่ 9 มกราคมนี้ กมธ.ความมั่นคงฯ จะพิจารณาเรื่องดังกล่าว ซึ่งหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ในการประชุม กมธ.วันที่ 9 มกราคมนั้น นอกจากจะพิจารณากรณีการติดตามปัญหาลูกเรือประมงไทยแล้ว ยังจะมีการพิจารณาติดตามปัญหาการตั้งฐานทัพว้าแดงที่ล้ำแดนไทย และการแก้ปัญหาเกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ และธุรกิจสแกมเมอร์ตามชายแดนด้วย
ส่วนในวันที่ 10 มกราคม เดิมทีที่ กมธ.ได้นัดพบกับผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่กองทัพบก แต่ผบ.ทบ.ไม่พร้อม ดังนั้น จึงต้องหาวันอีกรอบ แต่กมธ.ต้องการพบผบ.ทบ.โดยเร็ว เพราะมีเรื่องต้องหารือหลายเรื่อง อีกทั้งมีหลายปัญหาต้องหาทางแก้ไข ซึ่งยอมรับว่าหลายเรื่องที่ กมธ.ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และต้องคุยกับหน่วยงานมั่นคงเพื่อหาทางออกให้บ้านเมืองต่อไป โดยไม่สามารถพึ่งพารัฐบาลได้อย่างเต็มที่
จับตา! พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ตรงปก
https://www.bangkokbiznews.com/health/public-health/1160889
ภาคประชาสังคม จับตา "พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ไม่ตรงปก ลดสเป็คองค์ประกอบต่าง ๆ สถานบันเทิงครบวงจร -ตีเช็คเปล่าให้บอร์ดนโยบายที่มีนายกฯเป็นประธานมีอำนาจแทบหมด เกรงเกิดการ ชเอื้อให้กลุ่มผู้ลงทุน โดยเก็บภาษีในอัตราต่ำ ให้ถือใบอนุญาตได้ยาวถึง 30 ปี
จากข่าวความคืบหน้าว่า กระทรวงการคลังเตรียมนำเสนอร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนมกราคม 2568
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน แสดงความเห็นว่า สิ่งที่น่าจับตามองคือ สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้จะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากน้อยเพียงใด เพราะตามร่างฉบับเดิมที่กระทรวงการคลังนำมาใช้รับฟังความเห็นประชาชนนั้น มีช่องโหว่อยู่มาก ทั้งเรื่องความไม่ตรงปก ของสถานบันเทิงครบวงจรที่เคยเสนอว่าจะทำแบบสิงคโปร์โมเดล แต่เอาเข้าจริงกฎหมายกลับไม่ได้เขียนอย่างนั้น
"เพราะได้ลดสเป็คองค์ประกอบต่าง ๆ ของสถานบันเทิงครบวงจรลงไปทั้งหมด โรงแรมไม่ต้องห้าดาว ห้างสรรพสินค้า และอื่น ๆ ที่เคยขายฝันไว้ อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ และจะมีขนาดใดก็ได้ เพราะกฎหมายเปิดช่องไว้อย่างหลวม ๆ"นายธนากรกล่าว
ส่วนศูนย์การประชุมและแสดงนิทรรศการหรือคอนเสิร์ตฮอลล์ก็ไม่ต้องมี เน้นแต่กาสิโนเป็นสำคัญ โดยมีอีกสี่กิจการประกอบ และไม่เน้นขนาด ส่วนคนไทยก็อาจสามารถเข้าเล่นได้ง่าย เพราะกฎหมายเขียนไว้ว่า การเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าของคนในประเทศเก็บได้สูงสุดไม่เกินห้าพันบาท จึงอาจจะเก็บต่ำกว่านั้นหรือจะไม่เก็บเลยก็ได้ นอกจากนั้น ก็ไม่ได้จะทำแบบสิงคโปร์ตามที่อ้าง ไม่มีหน่วยงานเจ้าภาพและไม่มีการตั้งกองทุนด้านการลดปัญหาและผลกระทบจากการพนัน ถูกตัดทิ้งไปทั้งหมด
สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกฎหมายฉบับนี้จึงมีโอกาสไม่ตรงปกอย่างที่ขายฝันเอาไว้ ที่สำคัญคือ ความไม่ชัดเจนว่าประเทศชาติจะได้ประโยชน์แค่ไหน เพราะสิ่งสำคัญคือเรื่องภาษี ซึ่งกฎหมายนี้ไม่ได้เขียนไว้อย่างชัดเจน แต่เขียนแบบ ตีเช็คเปล่า ให้บอร์ดนโยบายที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีอำนาจแทบทุกอย่าง
ทั้งการอนุมัติที่ตั้งว่าจะให้ตั้งที่จังหวัดใด โดยไม่ต้องรับฟังความเห็นประชาชน จะให้ตั้งได้กี่แห่ง จะให้ใครเป็นผู้ได้รับใบอนุญาต ไม่ต้องมีการประมูล รวมทั้ง จะเก็บภาษีเท่าไรกฎหมายก็ไม่เขียนไว้อย้างชัดเจน ทั้งหมดล้วนอยู่ในอำนาจของบอร์ดนี้ จึงเหมือนเป็นการตีเช็คเปล่าให้คณะบุคคลคณะเดียวตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติ
นอกจากนี้ ยังอาจเกิดการอำนวยประโยชน์ เอื้อให้กลุ่มผู้ลงทุน โดยเก็บภาษีในอัตราต่ำ ให้ถือใบอนุญาตได้ยาวถึง 30 ปี เพิ่มเดิมที่สภาผู้แทนเคยเสนอไว้ที่ 20 ปี และสามารถลดเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคแก่การทำธุรกิจให้เหลือน้อย ๆ โดยให้อำนาจบอร์ดนโยบายในการเสนอแก้ไขกฎหมาย และกฎกระทรวงต่าง ๆ ได้ รวมถึงการให้เช่าที่ดินโดยถือครองได้นานถึง 99 ปี เป็นต้น
ภาพรวมแล้วกฎหมายฉบับนี้จึงมีข้อบกพร่องอยู่มาก หากร่างที่จะนำเข้าสู่ครม.ไม่ได้มีสาระสำคัญที่แตกต่างไปจากเดิมก็น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเรื่องที่กาสิโนอาจกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งขณะนี้ย้ายถิ่นฐานมาปักหลักอยู่รอบบ้านเรา
"หากกฎหมายเรามีช่องโหว่ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกใช้ฟอกเงิน ซึ่งรวมถึงเงินจากการทุจริตคอรัปชั่นภายในประเทศด้วยไม่แน่ใจว่าทำไมรัฐบาลจึงรีบร้อน และเร่งรัดกับเรื่องนี้มาก ทั้งที่ไม่ได้เป็นนโยบายในการหาเส