โรม จับตาป.ป.ช. ทำคดีจนท.รัฐเอื้อ ทักษิณ นอนชั้น14 บอกข้อมูลเริ่มโผล่ขึ้นเรื่อยๆ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4957700
โรม จับตา ป.ป.ช. ทำคดี จนท.รัฐเอื้อ “ทักษิณ” นอนชั้น 14 ชี้ ถ้าปล่อยให้ดำมืดแบบนี้ หน่วยงานที่ตรวจสอบจะโดนตั้งคำถามเป็นหน่วยงานแรก ชี้หากทำให้กระจ่าง ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเต็มกรอบ เหตุข้อมูลเริ่มโผล่ขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 17 ธ.ค.ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)รับพิจารณาคดีเจ้าที่รัฐเอื้อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารักษาตัวชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า ถ้า ป.ป.ช. มาเป็นองค์คณะไต่สวน ก็หวังว่าเรื่องนี้จะมีคำตอบต่อสังคมโดยเร็ว ตนคิดว่ามาถึงวันนี้ ทั้งอากัปกิริยาและการให้ความร่วมมือของหน่วยงานรัฐในหลายอย่างค่อนข้างชัดเจนว่ากรณีชั้น 14 ไม่ปกติแน่ๆ
คนที่ติดตามข่าวการเมืองมาจะทราบว่า เรื่องที่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เราจะเห็นว่าถ้าเรื่องไหนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นภายในส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ก็จะให้ความร่วมมือ แต่ทำไมเรื่องชั้น14 จะพบว่าเอกสารและข้อมูลหลายอย่างมีความยาก เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ มีบางอย่างที่ถูกปิดซ่อนอยู่ แต่วันนี้สังคมอาจจะเดาไปได้ต่างๆนานา รู้กันอยู่แล้วว่ามีประมาณไหน อย่างไร แต่สุดท้าย สิ่งที่ยังขาดอยู่ในช่วงที่ผ่านมาคือการเอาความจริงทั้งหมดมาเปิดเผย และการระบุว่าใครเกี่ยวข้องอย่างไร มีความผิดตรงไหน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อาจจะยังไม่ปรากฎออกมาชัดเจนมากนัก
“
ต้องยอมรับว่า ป.ป.ช. มีอำนาจมากกว่า กมธ.ต่างๆเยอะ ถ้าสมมติมีความชัดเจนตรงนี้ ตนคิดว่า ก็คงจะสร้างความกระจ่างได้ ผมในฐานะที่ติดตามเรื่องนี้ ก็รอดูว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไร ผมยืนยันว่าบรรดาข้าราชการทั้งหลายที่เป็นข้าราชการน้ำดี ต้องปฎิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ใครก็ตามที่มีข้อมูล ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ สามารถส่งมาที่ผมได้ เราก็ยินดีที่จะทำหน้าที่ต่อไป และข้อมูลไหนที่เป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ผมก็ยินดีที่จะมอบข้อมูลเหล่านี้ให้ ป.ป.ช.ต่อ เพราะมีหลายเรื่องที่เราส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปให้แล้ว” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าการที่ ป.ป.ช.นำขึ้นมาพิจารณาช่วงนี้ มีนัยยะอะไรหรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ากรณีนาย
ทักษิณ มีคนร้องเรียนและมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ มีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ และข้อมูลทางการแพทย์ก็มากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน รวมไปถึงการให้ความร่วมมือของส่วนราชการที่มีพิรุธด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ตนเชื่อว่า มีส่วนที่ทำให้หน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบจำเป็นต้องทำอะไร เพราะถ้าเรื่องของนายทักษิณไม่มีความกระจ่างอะไร มันยังดำมืดอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หน่วยงานที่ถูกตั้งคำถามหน่วยงานแรก คือหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบ
ต่อข้อถามว่ามีข้อกังวลถึงกรอบระยะเวลาการพิจารณาของ ป.ป.ช. หรือไม่ เนื่องจากคดีหนึ่งจะใช้เวลาหลายปี นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ตนก็เป็นหนึ่งในคนที่ร้องไปยัง ป.ป.ช.หลายเรื่อง ทราบดีว่าการดำเนินการของ ป.ป.ช. ค่อนข้างใช้เวลา แต่หากเป็นเรื่องของพรรคประชาชนหรือพรรคก้าวไกลก็อาจจะเร็ว ซึ่งในเรื่องนี้ ป.ป.ช. มีกรอบเวลาตามอำนาจหน้าที่ แต่เมื่อ ป.ป.ช. เป็นองค์คณะต้องติดตามเรื่องกรอบเวลาทำงานที่ใช้จะมากเท่าเดิมหรือไม่ และมีเหตุผลอะไร และหากเรื่องนี้กระจ่างแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาเต็มกรอบเวลา ตนเชื่อว่าสามารถดำเนินการได้โดยเร็ว
หากมีหลักฐานทั้งหมด โดยประเด็นที่ต้องวินิจฉัยคือ 1.นายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ 2.ที่ถูกส่งไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลกระบวนการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 3.อยู่โรงพยาบาลจนครบ 180 วันชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และ4.เมื่ออยู่จนครบได้รับการพักโทษการประเมินต่างๆ เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่
เมื่อถามว่าคดีนี้จะกลายเป็นชะนักติดหลัง ทำให้ป.ป.ช.ถือไพ่เหนือผู้มีอำนาจหรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเริ่มไม่แน่ใจใครมีอำนาจบ้าง ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และมีโอกาสหลายอย่างที่จะทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติและการบริหารประเทศ ซึ่งเรื่องความไม่สง่างามกรณีนาย
ทักษิณ ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล เพราะรัฐบาลจะต้องมีเครดิตทางการเมือง แต่เมื่อเจอกรณีนาย
ทักษิณ เครดิตทางการเมืองก็ถูกทำลายไป
“
คุณทักษิณแย่งคุณอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ คุณทักษิณแสดงบทบาทความเป็นนายกรัฐมนตรี จนราวกับว่าคุณอุ๊งอิ๊งเป็นอะไร ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อผนวกรวมกันกับกรณีเรื่องชั้น 14 เครดิตของรัฐบาลหายไปเยอะ ทำให้รัฐบาลที่จะผลักดันในวาระต่างๆ ที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ ก็ยิ่งแย่ลงตามลำดับ
ยังไม่นับว่ามีนโยบายหลายอย่างที่รัฐบาลอาจจะไม่สามารถทำให้เกิดตามที่สัญญาเอาไว้กับประชาชนได้ สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำลายเครดิตของรัฐบาล ผมคิดว่าต้องยอมรับว่าวิกฤตทางการเมืองที่จะมีเกิดขึ้นต่อไปในคราวนี้ มันอาจจะมีองค์ประกอบอื่น แต่องค์ประกอบไม่น้อย ก่อโดยพรรคเพื่อไทยเอง” นายรังสิมันต์ กล่าว
“โรม" บอกเศร้าศาลเมียนมาสั่งจำคุก 4 ลูกเรือประมงชาวไทย สับรัฐบาลไทยอ่อนไม่ตอบโต้ปกป้องคนไทย
https://siamrath.co.th/n/588036
วันที่ 17 ธ.ค. 2567 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีศาลเมียนมาสั่งดำเนินคดี 4 ลูกเรือประมงชาวไทย และจะมีการปล่อยตัวหลังปีใหม่ว่า เป็นเรื่องน่าเศร้า และ ครอบครัวของคนที่รออยู่คงจะตั้งคำถามว่า รัฐบาลไทยทำอะไรกับเรื่องนี้ ซึ่งจากข้อมูลที่พูดคุยกับหน่วยงาน ตามกลไกของกรรมาธิการความมั่นคงฯ ก็รับทราบว่า มีหน่วยงานเข้าไปเยี่ยมลูกเรือชาวไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าว ตนไม่ได้ติดใจ แต่สิ่งที่อยากได้ความชัดเจนคือ ตกลงแล้วลูกเรือชาวไทยจะได้กลับ ประเทศไทยเมื่อไหร่ ซึ่งก็ยังไม่ได้รับข้อมูลตรงนี้ และยังไม่ได้รับข้อมูล แม้แต่วีธีการพูดคุยเจรจาหาทางออก และแน่นอนว่าสุดท้ายความชัดเจนที่บอกว่า หลังปีใหม่จะคือเมื่อไหร่ อีกเรื่องที่ยังไม่เห็นคือ การใช้ความรุนแรงของกองทัพเรือเมียนมาต่อเรือประมง ที่ตนมองว่า เกินความเหมาะสม ความจำเป็นไปมาก แล้วตกลงไทยจะไม่มีท่าทีอะไรเลยหรือไม่ เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนไทยอยากเห็น แต่ตนไม่ได้หมายความว่า วันพรุ่งนี้ไทยจะต้องส่ง กองทัพไปยิงคืน แต่มีวิธีการแสดงท่าทีหลายอย่างที่สามารถจะยกระดับแสดงให้เห็นว่า ไทยนั้นไม่พอใจ
"
อย่างการเชิญฑูตเมียนมา และอ่านเป็นบันทึกให้เขาฟัง ซึ่งระดับของมันคือ การแสดงความกังวล มันน้อยมาก มันควรจะแสดงท่าทีที่มากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการประท้วง ที่อาจจะต้องมีการแสดงท่าทีออกมา แต่ก็ไม่เห็นจากรัฐบาล เพราะฉะนั้นวันนี้รัฐบาลของเรา ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากๆว่า รัฐบาลนี้อ่อนแอ แล้วไม่สามารถสร้างความรู้สึกให้กับพี่น้องชาวไทย ได้รับรู้รับทราบว่า เขาจะปลอดภัย" นาย
รังสิมันต์ กล่าว
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า น่านน้ำมันไม่มีหลักหมุดที่ชัดเจน และบางครั้งเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งปลาที่ว่ายอยู่ก็ไม่ได้สนใจว่า อยู่ในเขตประเทศไหน ส่วนเรือประมงก็พยายามจับปลา เพราะฉะนั้นก็มีโอกาสที่จะเข้าไปอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน สิ่งเหล่านี้รัฐบาลจะต้องทำให้เกิดความรู้สึกปลอดภัยต่อประชาชน ในการที่จะทำมาหากินต่อไป สิ่งนี้ก็คงเป็นเครื่องหมายคำถามต่อรัฐบาลไทยต่อไปว่า รัฐบาลจะเอาอย่างไร แล้วตกลงว่า เรื่องของคนไทย 4 คน ทำได้แค่นี้ใช่หรือไม่
เมื่อถามว่ารัฐบาลชี้แจงว่า เป็นวีธีการทางการทูต นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า วิธีการทางการทูตไม่จำเป็นต้องทำแค่นี้ แล้วตนคิดว่า รัฐบาลไทยนั้นทำได้มากกว่านี้ และทำให้คนไทยรู้สึกว่า ปลอดภัยกว่านี้ โดยเฉพาะความเสียหายใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ผู้ที่ถูกยิงแฉลบศีรษะใครรับผิดชอบ รวมทั้งมาตรการการช่วยเหลือ จะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องการความชัดเจนมากกว่านี้
เมื่อถามว่า การดำเนินคดีกับลูกเรือประมง เป็นเป็นขั้นตอนปกติ แต่สามารถขออภัยโทษได้ทีหลัง นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า การตัดสินให้ใครมีความผิดนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเรื่องการต่อสู้คดีนั้นเป็นไปอย่างเต็มที่หรือไม่ และเป็นการต่อสู้ที่อยู่บนพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรมจริงๆ รวมทั้งทางการไทยได้ให้ความช่วยเหลือทางทนายความมากแค่ไหน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ ซึ่งตอนที่กรรมาธิการความมั่นคงฯ ถามหน่วยงานราชการ และกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้พูดถึงการให้ความช่วยเหลือทางด้านทนายความ และทางคดีเลย สะท้อนเห็นว่าไม่มีความชัดเจนอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
"
สิ่งที่ผมกำลังตั้งคำถามคือ รัฐบาลจะมอบความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ที่เขาทำมาหากิน เขาทำมาหากิน เขามีรายได้ และเขาก็เสียภาษี ตกลงแล้วรัฐบาลไม่ต้องทำอะไรเพื่อพี่น้องประชาชนเลยใช่ไหม นี่คือคำถามที่ประชาชนเขาอยากจะรู้ เราใช้เงินงบประมาณหลายส่วนไปกับเรื่องความมั่นคง วันนี้ประชาชนกำลังทวงถามว่า ความมั่นคงของเขา ที่ต้องจ่ายเป็นเงินภาษี ตกลงแล้วจะตอบแทนให้เขาในรูปแบบไหน ผมไม่ได้หมายความว่า เราต้องไปโจมตีด้วยการทิ้งระเบิด แต่มีกระบวนการหลายอย่างที่สามารถทำได้ ที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้รับความเป็นธรรม เขาได้แสดงออกถึงความไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะที่นี่ไม่ใช่น่านน้ำโซมาเลีย ที่จะมีเรือโจรสลัดติดอาวุธรุนแรง แต่นี่เห็นชัดเจนแล้วว่า เป็นเรือประมง" นาย
รังสิมันต์ กล่าว
พัทลุงยังอ่วมน้ำท่วมหลายอำเภอเดือดร้อนจำนวนมาก
https://www.innnews.co.th/news/local/news_817213/
พัทลุงยังอ่วมน้ำท่วมหลายอำเภอ เดือดร้อนจำนวนมาก ชาวบ้านท้อกับการแก้ไขปัญหา บอกอยากได้วิธีการแก้น้ำท่วม ไม่ใช่แค่แจกถุงยังชีพหรือน้ำดื่ม
จากฝนที่ตกหนักอีกครั้งตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ 16 ธันวาคม 2567 ที่ผ่ามา ทำให้เกิดน้ำป่าในหลายพื้นที่ของจังหวัดพัทลุง ในพื้นที่ อ.กงหรา
อ.ศรีนครินทร์ และอำเภอเมือง ชาวบ้านหลายครอบครัวได้รับผลกระทบ เส้นทางการจราจรสายหลักสายรองหลายสายมีน้ำท่วมขัง
ล่าสุดเช้าวันนี้สถานการณ์ฝนตกหนักได้ลดลง ทำให้พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมเมื่อวานในโซนริมเขตรักษษพันสัตว์ป่าเขาบรรทัดพัทลุง ท้องที่ อ.กงหรา และอ.ศรีนครินทร์ ทางด้านทิศตะวันตกของจังหวัด
แต่ในพื้นที่โซนกลางของจังหวัด มวลน้ำป่าจากเมื่อวานได้ไหลหลากลงมาสมทบ บวกกับน้ำทุ่งหรือน้ำฝนเดิมที่ยังระบายลงสู่ทะเลไม่ได้ เพิ่มขึ้น ทำให้พื้นที่ที่น้ำท่วมเดิมอยู่แล้วกลับมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นในท้องที่ ต.นาโหนด ต.เขาเจียก ต.โคกชะงาย ต.ปรางหมู่ ต.พญาขันต์ อ.เมือง ต.หารโพธิ์ อ.เขาชัยสน และ ต.มะกอกเหนือ ต.พนางตุง ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน
ขณะที่ชาวบ้านไสพังแหร หมู่ 15 ต.ควนมะพร้าว อ.เมือง จ.พัทลุง กว่า 100 ครอบครัวต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากบ้านเรือนถูกน้ำท่วม ต้องหลับนอนบนท้ายรถยนต์กระบะที่นำมาจอดไว้ริมถนน
โดยชาวบ้านบอกว่า ที่นี่เมื่อก่อนน้ำไม่เคยท่วม แต่หลังจากที่ทางจังหวัดได้ขุดคลองลำเบ็ดเพื่อผันน้ำไม่ให้เข้าไปท่วมในตัวเมืองพัทลุง ตอนปี 2562 ทำให้บ้านเรือนประชาชนที่นี่ถูกน้ำท่วมมาตลอด ไร้การแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน ที่ต้องอพยพหนีน้ำตลอดมา
สิ่งของทรัพย์สินต์ความเสียหายไม่ต้องพูดถึงแล้วขณะนี้ทุกปี จะประสบกับภาวะดังกล่าว จังหวัดสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านมาหลายปี แต่ไม่เคยคิดแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน แม้จะมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้ แต่ก็ไม่สามารถบรรเทาได้ ปริมาณน้ำที่มากเกิน
ขณะที่ชาวบ้านบอกจนถึงขณะนี้รู้สึกท้อ กับการแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน สิ่งที่ชาวบ้านตรงนี้ต้องการคือแก้น้ำท่วมไม่ใช่ แจกถุงยังชีพหรือน้ำดื่ม เหมือนทุกปีที่ผ่านมา
JJNY : โรมจับตาป.ป.ช.ทำคดี│โรมสับรบ.ไทยอ่อน ไม่ตอบโต้ปกป้องคนไทย│พัทลุงยังอ่วม ท่วมหลายอำเภอ│วุ่นแล้ว! นายกฯเมืองเบียร์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4957700
โรม จับตา ป.ป.ช. ทำคดี จนท.รัฐเอื้อ “ทักษิณ” นอนชั้น 14 ชี้ ถ้าปล่อยให้ดำมืดแบบนี้ หน่วยงานที่ตรวจสอบจะโดนตั้งคำถามเป็นหน่วยงานแรก ชี้หากทำให้กระจ่าง ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเต็มกรอบ เหตุข้อมูลเริ่มโผล่ขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 17 ธ.ค.ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)รับพิจารณาคดีเจ้าที่รัฐเอื้อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารักษาตัวชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า ถ้า ป.ป.ช. มาเป็นองค์คณะไต่สวน ก็หวังว่าเรื่องนี้จะมีคำตอบต่อสังคมโดยเร็ว ตนคิดว่ามาถึงวันนี้ ทั้งอากัปกิริยาและการให้ความร่วมมือของหน่วยงานรัฐในหลายอย่างค่อนข้างชัดเจนว่ากรณีชั้น 14 ไม่ปกติแน่ๆ
คนที่ติดตามข่าวการเมืองมาจะทราบว่า เรื่องที่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เราจะเห็นว่าถ้าเรื่องไหนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นภายในส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ก็จะให้ความร่วมมือ แต่ทำไมเรื่องชั้น14 จะพบว่าเอกสารและข้อมูลหลายอย่างมีความยาก เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ มีบางอย่างที่ถูกปิดซ่อนอยู่ แต่วันนี้สังคมอาจจะเดาไปได้ต่างๆนานา รู้กันอยู่แล้วว่ามีประมาณไหน อย่างไร แต่สุดท้าย สิ่งที่ยังขาดอยู่ในช่วงที่ผ่านมาคือการเอาความจริงทั้งหมดมาเปิดเผย และการระบุว่าใครเกี่ยวข้องอย่างไร มีความผิดตรงไหน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อาจจะยังไม่ปรากฎออกมาชัดเจนมากนัก
“ต้องยอมรับว่า ป.ป.ช. มีอำนาจมากกว่า กมธ.ต่างๆเยอะ ถ้าสมมติมีความชัดเจนตรงนี้ ตนคิดว่า ก็คงจะสร้างความกระจ่างได้ ผมในฐานะที่ติดตามเรื่องนี้ ก็รอดูว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไร ผมยืนยันว่าบรรดาข้าราชการทั้งหลายที่เป็นข้าราชการน้ำดี ต้องปฎิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ใครก็ตามที่มีข้อมูล ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ สามารถส่งมาที่ผมได้ เราก็ยินดีที่จะทำหน้าที่ต่อไป และข้อมูลไหนที่เป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ผมก็ยินดีที่จะมอบข้อมูลเหล่านี้ให้ ป.ป.ช.ต่อ เพราะมีหลายเรื่องที่เราส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปให้แล้ว” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าการที่ ป.ป.ช.นำขึ้นมาพิจารณาช่วงนี้ มีนัยยะอะไรหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ากรณีนายทักษิณ มีคนร้องเรียนและมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ มีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ และข้อมูลทางการแพทย์ก็มากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน รวมไปถึงการให้ความร่วมมือของส่วนราชการที่มีพิรุธด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ตนเชื่อว่า มีส่วนที่ทำให้หน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบจำเป็นต้องทำอะไร เพราะถ้าเรื่องของนายทักษิณไม่มีความกระจ่างอะไร มันยังดำมืดอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หน่วยงานที่ถูกตั้งคำถามหน่วยงานแรก คือหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบ
ต่อข้อถามว่ามีข้อกังวลถึงกรอบระยะเวลาการพิจารณาของ ป.ป.ช. หรือไม่ เนื่องจากคดีหนึ่งจะใช้เวลาหลายปี นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนก็เป็นหนึ่งในคนที่ร้องไปยัง ป.ป.ช.หลายเรื่อง ทราบดีว่าการดำเนินการของ ป.ป.ช. ค่อนข้างใช้เวลา แต่หากเป็นเรื่องของพรรคประชาชนหรือพรรคก้าวไกลก็อาจจะเร็ว ซึ่งในเรื่องนี้ ป.ป.ช. มีกรอบเวลาตามอำนาจหน้าที่ แต่เมื่อ ป.ป.ช. เป็นองค์คณะต้องติดตามเรื่องกรอบเวลาทำงานที่ใช้จะมากเท่าเดิมหรือไม่ และมีเหตุผลอะไร และหากเรื่องนี้กระจ่างแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาเต็มกรอบเวลา ตนเชื่อว่าสามารถดำเนินการได้โดยเร็ว
หากมีหลักฐานทั้งหมด โดยประเด็นที่ต้องวินิจฉัยคือ 1.นายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ 2.ที่ถูกส่งไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลกระบวนการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 3.อยู่โรงพยาบาลจนครบ 180 วันชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และ4.เมื่ออยู่จนครบได้รับการพักโทษการประเมินต่างๆ เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่
เมื่อถามว่าคดีนี้จะกลายเป็นชะนักติดหลัง ทำให้ป.ป.ช.ถือไพ่เหนือผู้มีอำนาจหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเริ่มไม่แน่ใจใครมีอำนาจบ้าง ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และมีโอกาสหลายอย่างที่จะทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติและการบริหารประเทศ ซึ่งเรื่องความไม่สง่างามกรณีนายทักษิณ ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล เพราะรัฐบาลจะต้องมีเครดิตทางการเมือง แต่เมื่อเจอกรณีนายทักษิณ เครดิตทางการเมืองก็ถูกทำลายไป
“คุณทักษิณแย่งคุณอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ คุณทักษิณแสดงบทบาทความเป็นนายกรัฐมนตรี จนราวกับว่าคุณอุ๊งอิ๊งเป็นอะไร ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อผนวกรวมกันกับกรณีเรื่องชั้น 14 เครดิตของรัฐบาลหายไปเยอะ ทำให้รัฐบาลที่จะผลักดันในวาระต่างๆ ที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ ก็ยิ่งแย่ลงตามลำดับ
ยังไม่นับว่ามีนโยบายหลายอย่างที่รัฐบาลอาจจะไม่สามารถทำให้เกิดตามที่สัญญาเอาไว้กับประชาชนได้ สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำลายเครดิตของรัฐบาล ผมคิดว่าต้องยอมรับว่าวิกฤตทางการเมืองที่จะมีเกิดขึ้นต่อไปในคราวนี้ มันอาจจะมีองค์ประกอบอื่น แต่องค์ประกอบไม่น้อย ก่อโดยพรรคเพื่อไทยเอง” นายรังสิมันต์ กล่าว
“โรม" บอกเศร้าศาลเมียนมาสั่งจำคุก 4 ลูกเรือประมงชาวไทย สับรัฐบาลไทยอ่อนไม่ตอบโต้ปกป้องคนไทย
https://siamrath.co.th/n/588036
วันที่ 17 ธ.ค. 2567 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีศาลเมียนมาสั่งดำเนินคดี 4 ลูกเรือประมงชาวไทย และจะมีการปล่อยตัวหลังปีใหม่ว่า เป็นเรื่องน่าเศร้า และ ครอบครัวของคนที่รออยู่คงจะตั้งคำถามว่า รัฐบาลไทยทำอะไรกับเรื่องนี้ ซึ่งจากข้อมูลที่พูดคุยกับหน่วยงาน ตามกลไกของกรรมาธิการความมั่นคงฯ ก็รับทราบว่า มีหน่วยงานเข้าไปเยี่ยมลูกเรือชาวไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าว ตนไม่ได้ติดใจ แต่สิ่งที่อยากได้ความชัดเจนคือ ตกลงแล้วลูกเรือชาวไทยจะได้กลับ ประเทศไทยเมื่อไหร่ ซึ่งก็ยังไม่ได้รับข้อมูลตรงนี้ และยังไม่ได้รับข้อมูล แม้แต่วีธีการพูดคุยเจรจาหาทางออก และแน่นอนว่าสุดท้ายความชัดเจนที่บอกว่า หลังปีใหม่จะคือเมื่อไหร่ อีกเรื่องที่ยังไม่เห็นคือ การใช้ความรุนแรงของกองทัพเรือเมียนมาต่อเรือประมง ที่ตนมองว่า เกินความเหมาะสม ความจำเป็นไปมาก แล้วตกลงไทยจะไม่มีท่าทีอะไรเลยหรือไม่ เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนไทยอยากเห็น แต่ตนไม่ได้หมายความว่า วันพรุ่งนี้ไทยจะต้องส่ง กองทัพไปยิงคืน แต่มีวิธีการแสดงท่าทีหลายอย่างที่สามารถจะยกระดับแสดงให้เห็นว่า ไทยนั้นไม่พอใจ
"อย่างการเชิญฑูตเมียนมา และอ่านเป็นบันทึกให้เขาฟัง ซึ่งระดับของมันคือ การแสดงความกังวล มันน้อยมาก มันควรจะแสดงท่าทีที่มากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการประท้วง ที่อาจจะต้องมีการแสดงท่าทีออกมา แต่ก็ไม่เห็นจากรัฐบาล เพราะฉะนั้นวันนี้รัฐบาลของเรา ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากๆว่า รัฐบาลนี้อ่อนแอ แล้วไม่สามารถสร้างความรู้สึกให้กับพี่น้องชาวไทย ได้รับรู้รับทราบว่า เขาจะปลอดภัย" นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า น่านน้ำมันไม่มีหลักหมุดที่ชัดเจน และบางครั้งเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งปลาที่ว่ายอยู่ก็ไม่ได้สนใจว่า อยู่ในเขตประเทศไหน ส่วนเรือประมงก็พยายามจับปลา เพราะฉะนั้นก็มีโอกาสที่จะเข้าไปอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน สิ่งเหล่านี้รัฐบาลจะต้องทำให้เกิดความรู้สึกปลอดภัยต่อประชาชน ในการที่จะทำมาหากินต่อไป สิ่งนี้ก็คงเป็นเครื่องหมายคำถามต่อรัฐบาลไทยต่อไปว่า รัฐบาลจะเอาอย่างไร แล้วตกลงว่า เรื่องของคนไทย 4 คน ทำได้แค่นี้ใช่หรือไม่
เมื่อถามว่ารัฐบาลชี้แจงว่า เป็นวีธีการทางการทูต นายรังสิมันต์ กล่าวว่า วิธีการทางการทูตไม่จำเป็นต้องทำแค่นี้ แล้วตนคิดว่า รัฐบาลไทยนั้นทำได้มากกว่านี้ และทำให้คนไทยรู้สึกว่า ปลอดภัยกว่านี้ โดยเฉพาะความเสียหายใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ผู้ที่ถูกยิงแฉลบศีรษะใครรับผิดชอบ รวมทั้งมาตรการการช่วยเหลือ จะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องการความชัดเจนมากกว่านี้
เมื่อถามว่า การดำเนินคดีกับลูกเรือประมง เป็นเป็นขั้นตอนปกติ แต่สามารถขออภัยโทษได้ทีหลัง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การตัดสินให้ใครมีความผิดนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเรื่องการต่อสู้คดีนั้นเป็นไปอย่างเต็มที่หรือไม่ และเป็นการต่อสู้ที่อยู่บนพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรมจริงๆ รวมทั้งทางการไทยได้ให้ความช่วยเหลือทางทนายความมากแค่ไหน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ ซึ่งตอนที่กรรมาธิการความมั่นคงฯ ถามหน่วยงานราชการ และกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้พูดถึงการให้ความช่วยเหลือทางด้านทนายความ และทางคดีเลย สะท้อนเห็นว่าไม่มีความชัดเจนอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
"สิ่งที่ผมกำลังตั้งคำถามคือ รัฐบาลจะมอบความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ที่เขาทำมาหากิน เขาทำมาหากิน เขามีรายได้ และเขาก็เสียภาษี ตกลงแล้วรัฐบาลไม่ต้องทำอะไรเพื่อพี่น้องประชาชนเลยใช่ไหม นี่คือคำถามที่ประชาชนเขาอยากจะรู้ เราใช้เงินงบประมาณหลายส่วนไปกับเรื่องความมั่นคง วันนี้ประชาชนกำลังทวงถามว่า ความมั่นคงของเขา ที่ต้องจ่ายเป็นเงินภาษี ตกลงแล้วจะตอบแทนให้เขาในรูปแบบไหน ผมไม่ได้หมายความว่า เราต้องไปโจมตีด้วยการทิ้งระเบิด แต่มีกระบวนการหลายอย่างที่สามารถทำได้ ที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้รับความเป็นธรรม เขาได้แสดงออกถึงความไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะที่นี่ไม่ใช่น่านน้ำโซมาเลีย ที่จะมีเรือโจรสลัดติดอาวุธรุนแรง แต่นี่เห็นชัดเจนแล้วว่า เป็นเรือประมง" นายรังสิมันต์ กล่าว
พัทลุงยังอ่วมน้ำท่วมหลายอำเภอเดือดร้อนจำนวนมาก
https://www.innnews.co.th/news/local/news_817213/
พัทลุงยังอ่วมน้ำท่วมหลายอำเภอ เดือดร้อนจำนวนมาก ชาวบ้านท้อกับการแก้ไขปัญหา บอกอยากได้วิธีการแก้น้ำท่วม ไม่ใช่แค่แจกถุงยังชีพหรือน้ำดื่ม
จากฝนที่ตกหนักอีกครั้งตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ 16 ธันวาคม 2567 ที่ผ่ามา ทำให้เกิดน้ำป่าในหลายพื้นที่ของจังหวัดพัทลุง ในพื้นที่ อ.กงหรา
อ.ศรีนครินทร์ และอำเภอเมือง ชาวบ้านหลายครอบครัวได้รับผลกระทบ เส้นทางการจราจรสายหลักสายรองหลายสายมีน้ำท่วมขัง
ล่าสุดเช้าวันนี้สถานการณ์ฝนตกหนักได้ลดลง ทำให้พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมเมื่อวานในโซนริมเขตรักษษพันสัตว์ป่าเขาบรรทัดพัทลุง ท้องที่ อ.กงหรา และอ.ศรีนครินทร์ ทางด้านทิศตะวันตกของจังหวัด
แต่ในพื้นที่โซนกลางของจังหวัด มวลน้ำป่าจากเมื่อวานได้ไหลหลากลงมาสมทบ บวกกับน้ำทุ่งหรือน้ำฝนเดิมที่ยังระบายลงสู่ทะเลไม่ได้ เพิ่มขึ้น ทำให้พื้นที่ที่น้ำท่วมเดิมอยู่แล้วกลับมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นในท้องที่ ต.นาโหนด ต.เขาเจียก ต.โคกชะงาย ต.ปรางหมู่ ต.พญาขันต์ อ.เมือง ต.หารโพธิ์ อ.เขาชัยสน และ ต.มะกอกเหนือ ต.พนางตุง ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน
ขณะที่ชาวบ้านไสพังแหร หมู่ 15 ต.ควนมะพร้าว อ.เมือง จ.พัทลุง กว่า 100 ครอบครัวต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากบ้านเรือนถูกน้ำท่วม ต้องหลับนอนบนท้ายรถยนต์กระบะที่นำมาจอดไว้ริมถนน
โดยชาวบ้านบอกว่า ที่นี่เมื่อก่อนน้ำไม่เคยท่วม แต่หลังจากที่ทางจังหวัดได้ขุดคลองลำเบ็ดเพื่อผันน้ำไม่ให้เข้าไปท่วมในตัวเมืองพัทลุง ตอนปี 2562 ทำให้บ้านเรือนประชาชนที่นี่ถูกน้ำท่วมมาตลอด ไร้การแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน ที่ต้องอพยพหนีน้ำตลอดมา
สิ่งของทรัพย์สินต์ความเสียหายไม่ต้องพูดถึงแล้วขณะนี้ทุกปี จะประสบกับภาวะดังกล่าว จังหวัดสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านมาหลายปี แต่ไม่เคยคิดแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน แม้จะมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำให้ แต่ก็ไม่สามารถบรรเทาได้ ปริมาณน้ำที่มากเกิน
ขณะที่ชาวบ้านบอกจนถึงขณะนี้รู้สึกท้อ กับการแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน สิ่งที่ชาวบ้านตรงนี้ต้องการคือแก้น้ำท่วมไม่ใช่ แจกถุงยังชีพหรือน้ำดื่ม เหมือนทุกปีที่ผ่านมา