เรื่องสั้น ชุด "ฝัน STory" ตอน สาวนิสิต (โดย จ๊ะ เสือไบ)

ข้าพเจ้าฝัน...เป็นฝันยามรุ่งเช้าของวันเสาร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ฝันๆหนึ่งซึ่งเมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาจากนิทรา ข้าพเจ้ากลับรู้สึกเสียดายซะเต็มประดา
    เรื่องมีอยู่ว่า ข้าพเจ้ายืนอยู่ ณ กรุงเทพกลางตึกระฟ้ารุมล้อม มันคือช่วงเพลาเย็น มีนิสิตจำนวนมากทั้งชายหญิงรวมทั้งบุคคลทั่วไป กำลังรับชมมินิคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ใจกลางถนนอโศกมนตรี
    เนื่องด้วยโอกาสอันใดมิทราบ แต่อนุมานได้ว่าคงเป็นคอนเสิร์ตที่พวกคณะศิลปกรรมจัดขึ้นเป็นแน่ ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนั้นเพราะเอกวิชาดนตรีของสถานศึกษาแห่งนี้อยู่ในคณะดังกล่าว แลพวกเขาได้จัดมินิคอนเสิร์ตขึ้น คงเพื่อให้นิสิตเอกดนตรีได้แสดงความสามารถ หากแต่ข้าพเจ้าแปลกใจไม่น้อยเทียวว่าทำไมข้าพเจ้ามาสถานที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลกลใด ไม่นานนักคำตอบดังกล่าวก็มาหาข้าพเจ้าโดยที่ข้าพเจ้ามิต้องไปไขว่คว้ามาให้เสียเปล่าเลย
    ข้าพเจ้าเดินเข้ามาในบริเวณที่จัดคอนเสิร์ต เห็นดาราอยู่สองคนบริเวณหน้าซุ้มซึ่งถูกจัดไว้เป็นประตูทางเข้า
    ดาราคนแรกที่ข้าพเจ้าเห็นคือ “พี่ต่อ” ผู้มาในชุดเชียร์ลีดเดอร์สีชมพูวิ้งๆ ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว ถุงเท้ายาวสีดำ ถือพู่เชียร์ลีดเดอร์สีเดียวกันกับเสื้อ ยืนแกว่งพู่สั่นดิ๊กๆ ต้อนรับนิสิตกับแขกผู้มาชมคอนเสิร์ต
    การแต่งกายของพี่ต่อทำให้ข้าพเจ้าอดคิดไม่ได้ถึงชุดนักกีฬาสีชมพูสดใส ในซีรีย์เกี่ยวกับกีฬาแบตมินตันที่เจ้าตัวเคยเล่นเมื่อนานมาแล้ว
    พี่ต่อเป็นชายร่างสมส่วน ใบหน้ารูปไข่อันขาวผุดผ่องของชายหนุ่มอายุเพิ่ง ๓๐ แลดูเหมือนไข่เป็ดพิกลนัก เขามีคิ้วดกดำเป็นเส้นหนา ตาตี่ ปากแดงระเรื่อดุจกุหลาบแดง ๙,๙๙๙ ดอก ส่วนของริมฝีปากบนจัดว่าหนากว่าริมฝีปากล่าง โดยที่ริมฝีปากล่างห้อยเล็กน้อย แต่จัดว่าพอรับได้ จมูกสันเป็นคม ดั้งไม่หัก รูปลักษณ์จมูกเล็กประดุจชมพู่ลูกน้อยๆ ไม่อวบอ้วน เมื่อพิศดูผิว เล็งแลเห็นผิวขาวประดุจปุยนุ่น ส่วนสูง ๑๘๕ เซนติเมตร น้ำหนัก ๗๕ กิโลกรัมตัดผมสั้นทรงแฟชั่น ผมสีดำขลับ ใบหูเล็กสั้น หูไม่กาง คงพอจักทำให้สาวๆหลงใหลในตัวของพี่ต่อได้ไม่น้อยเลยเทียว
    แต่เดี๋ยวก่อน! พี่ต่อมาที่นี่ทำไม? พี่ต่อไม่ได้จบการศึกษาที่นี่นี่????
    ข้าพเจ้าจำมิผิดดอกว่าพี่ต่อนั้นจบการศึกษา ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถบย่านจตุจักร เหตุผลที่พี่ต่อมาที่นี่คืออะไร แลดูเป็นปริศนาที่ข้าพเจ้ามิอาจสรุปได้
    พี่ต่อต้อนรับนิสิตแลแขกที่เข้าชมคอนเสิร์ตอย่างสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ชุดเชียร์ลีดเดอร์สีชมพูแลดูขัดตากับบุคลิกแมนๆของพี่ต่อแกเสียนี่กระไร แต่คงปฏิเสธมิได้ดอกว่าคนหล่อ จักแต่งตัวอย่างไรก็เป็นคนหล่อวันยังค่ำ สาวๆก็ยังชอบพวกเขาอยู่ดี
 
    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด”
นั่นไง ข้าพเจ้าพูดไม่ทันขาดคำ!
    อีกคนหนึ่งคือ “เพิร์ธ” นักแสดงผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากซีรี่ย์แนว “ชายรักชาย” คนนี้ถือเป็นนิสิตของที่นี่ ข้าพเจ้ามองเห็นชายวัย ๒๓ ปี ในชุดนิสิตสีขาว สวมเนกไทสีเทา มีโลโก้มหาวิทยาลัยประทับบนเนกไทนั้น สวมกางเกงสแล็กสีดำ ส่วนถุงเท้าอันใดนั้นข้าพเจ้ามิอาจจักหยั่งรู้ ก็เพราะกางเกงสแล็กนั้นยาวจนปกปิดถุงเท้าของเจ้าตัวเสียหมด
    เพิร์ธเป็นบุรุษรูปร่างสมส่วน น้ำหนัก ๖๔ กิโลกรัม ส่วนสูง ๑๗๘ เซนติเมตร ผิวขาว ใบหน้ายาวเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตาสองชั้นเหมือนคนไทยทั่วไป ตัดผมสั้นทรงแฟชั่น ไว้ผมแสกกลาง สีผมถูกโกรกให้เป็นสีเดียวกับเครื่องดื่ม COCa Cola คิ้วสีดำดกหนาประหนึ่งปากกาเมจิกมาแต้มไว้ จมูกสันเป็นคม ดั้งจมูกไม่หักแม้แต่น้อย แม้นปีกจมูกจัดว่ากว้างไปนิดนึงก็ตามที หูของเขายาวประดุจหูพระพุทธรูป มีติ่งหูเล็กน้อยจัดว่าเป็นคนติ่งหูสั้น หูไม่กาง ใส่ต่างหูเล็กๆสีเงินที่หูทั้งสองข้าง ต่างหูมีลักษณะเป็นตุ้งติ้ง ยามเดินต่างหูจักสั่นดุ๊กดิ๊กแลมีเสียงเล็กน้อย 
    เพิร์ธมายืนต้อนรับบรรดานิสิตแลแขกเพื่อนร่วมงาน เจ้าตัวโบกมือหยอยๆให้กับแฟนคลับ ซึ่งมีทั้งหญิง เกย์ กะเทย เสียงกรี๊ดกร๊าดดังสนั่นลั่นมหาวิทยาลัย แล้วในที่สุดข้าพเจ้าก็เข้าไปในงาน นิสิตเอกดนตรีหลากหลายวงต่างขึ้นมาแสดงบนเวที มีเสียงปรบมือเป็นระยะในตอนเริ่มการแสดงแลจบการแสดงของแต่ละวง แลแล้วทั้งพี่ต่อแลเพิร์ธก็ก้าวขึ้นมาบนเวที
    ทั้งสองคนพูดอะไร ข้าพเจ้าจับใจความไม่ได้ เพราะมีนิสิตหญิงคนหนึ่ง กำลังรบกวนสมาธิของข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
 
“สวัสดีค่ะพี่”
นิสิตหญิงทักทายข้าพเจ้า พร้อมส่งยิ้มหวานๆให้เห็นฟันขาวเรียงสวยประดุจเม็ดข้าวโพด ด้วยความสงสัยข้าพเจ้าเลยรีบถามเจ้าหล่อนในบัดดล
“ครับ ?...เรา...รู้จักกันเหรอ?
“หนูชื่อ จุด จุด จุด นะคะ”
ข้าพเจ้าไม่ทราบชื่อของนิสิตสาวผู้นี้ จึงต้องใช้ “จุดจุดจุด” ละชื่อเอาไว้
“แล้ว...?” ข้าพเจ้าถาม
“หนูชอบพี่”
“ชอบ!!!”
ข้าพเจ้าพูดเสร็จค้างไป ๓ วินาทีจากนั้นจึงพูดต่อ
“ชอบ!!!...ผมเนี่ยนะ?”
“ค่ะ”
      ข้าพเจ้าหน้าแดงดั่งลูกตำลึง เพราะเจอนิสิตหญิงหน้าตาสะสวยเหมือนนางแบบ หล่อนสูง ๑๖๕ เซนติเมตร น้ำหนักราวๆ ๔๗ กิโลกรัม ไว้ผมยาวถึงหลัง ย้อมผมสีเดียวกันกับสีของเครื่องดื่ม PEPSI มีจมูกที่รูปร่างสวยแบบ “ผิดธรรมชาติ” ราวกับจมูกของดาราที่ผ่านมีดหมอศัลยกรรมมา ใบหูขนาดพอดีกับหน้ารูปไข่ หูไม่กาง มีติ่งหูที่จัดว่าอวบแลยาว ใบหูสองข้างใส่ต่างหูสีสันสดใสสองแบบ แบบละ ๑ ข้าง หล่อนใส่รองเท้าส้นสูงสีประกายเงิน สวมกระโปรงดำทรงเอที่สั้นเหนือเข่า ผิวหล่อนช่างขาว ขาวแบบลูกคนจีน มีดวงตาชั้นเดียว หน้าอกหน้าใจพอประมาณ ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป ในถูกปกปิดด้วยชุดนิสิตสีขาวคอจีน แลมีเข็มกลัดสัญลักษณ์สถานศึกษาประดับอยู่ที่หน้าอกข้างซ้าย
 
“พี่ชื่ออะไรคะ” เจ้าหล่อนถามข้าพเจ้า
“จ๊ะ”
“จ๊ะเหรอคะ...ชื่อเหมือนผู้หญิงจังเลย”
“จ้ะ...แม่พี่ตั้งให้”
“พี่จ๊ะตั้งใจมาดูคอนเสิร์ตโดยเฉพาะไหมคะ”
“ครับ”
“ตั้งใจมาดูใครเป็นพิเศษไหมเอ่ย???”
 
ข้าพเจ้ายังไม่ทันตอบคำถามนิสิตหญิงคนนี้ เสียงของพี่ต่อก็ดังขึ้นมาจากเวที แลแล้วสิ่งที่ข้าพเจ้ารอคอยก็มาถึง
 
“ขอเสียงปรบมือต้อนรับพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์”
เสียงพี่ต่อตะโกนดังลั่น เสียงปรบมือแลเสียงกรี๊ดดังสนั่น ข้าพเจ้าก็ร่วมวงสังฆกรรมกับเขาด้วย”
“สวัสดีจ้า......” เสียงของนักร้องระดับตำนานทักทายผู้ชม เสียงดนตรีเพลง “รักเอ๋ย” ดังขึ้นมา ข้าพเจ้าละสายตาจากนิสิตสาวเพื่อมองไปยังป๋าเบิร์ด หากแต่เจ้าหล่อนก็ไม่ยอมแพ้ ตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงผู้ชมแลเสียงป๋าเบิร์ดที่กำลังร้องเพลงอยู่
“พี่มาดูพี่เบิร์ดเหรอ”
“ใช่” ข้าพเจ้าตะโกนกลับ
    แต่แทนที่หล่อนจักถามเรื่องเกี่ยวกับป๋าเบิร์ด หล่อนกลับถามคำถามบางอย่างทำให้ข้าพเจ้าต้องสะดุ้ง
 
“พี่เอากับหนูปะล่ะ!!!”
“หา.......!!!”
 
สิ้นเสียงอุทาน ข้าพเจ้าค้างอยู่ชั่วระยะ๑ เสียงร้องของป๋าเบิร์ด ช่างไพเราะจับใจยิ่งนัก
 
รักเอ๋ยแม้เนิ่นนานไม่เคยจาง
ใจนี้ยังคงเป็นของเธอ ไม่เคยมีวันห่างไกล
รักเอ๋ยเมื่อรักแท้เกิดในใจ
ไม่มีวันที่รักจะจากไป นานเท่าไรยิ่งผูกกัน[1]
    ข้าพเจ้าระฦกได้เทียวว่านี่มิใช่ “รักแท้” แต่คือความ “มักมาก”ในกามารมณ์ ของคน ๒ คน ลางครั้งที่เรามักมีความรู้สึกว่า โชคชะตาได้เข้ามาหาเราแบบบังเอิญ ฤาว่าการปรากฏตัวของสาวนิสิตรายนี้จักเป็น “โชคหล่นทับ” ก็ว่าได้
    หลังจากที่ข้าพเจ้าค้างเติ่งไปชั่วขณะเพราะวาทะอันสยิวกิ้วของสาวนิสิต หล่อนจึงได้ตะโกนเรียกข้าพเจ้า
 
“พี่จ๊ะ”
ข้าพเจ้ายังค้างอยู่ หล่อนจึงตะโกนเสียงดังขึ้นอีก
“พี่จ๊ะ!!!”
“ฮะ”
“ฟังหนูอยู่รึเปล่าเนี่ย”
ข้าพเจ้ายิ้มกลบเกลื่อนแล้วตอบกลับไป
“ฟังจ้ะฟัง”
“เอากับหนูไหมพี่จ๊ะ” หล่อนถามซ้ำ
“มันจะดีเรอะ!!!”
“ถ้ากับพี่จ๊ะ...หนูว่าดี”
“แล้ว...” ข้าพเจ้าลากเสียง “เอากันที่ไหนล่ะ?”
“คอนโดหนูไง”
“แล้วคนที่อยู่กับเราเขาไม่ว่าเหรอ”
“ไม่ว่าหรอก...หนูอยู่คนเดียว”
“แล้วพ่อกับแม่เราอะ???”
“ทั้งสองคนอยู่ปทุมโน่น”
“อ๋อ...เป็นคนปทุมเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ”
“ใส่ถุงนะ”
“ค่ะ” หล่อนพูดไปพยักหน้าไป
“แต่พี่ขอดูป๋าเบิร์ดก่อนได้ไหม”
 
    ข้าพเจ้าเพิ่งพูดเสร็จชั่วแค่วินาทีเดียวเท่านั้น เจ้าหล่อนก็ลากมือของคนที่หนัก  ๑๑๐ กิโลกรัมไปทันที
 
“ไปที่คอนโดหนูเถอะนะ”
    ด้วยความสงสาร ข้าพเจ้าจึงต้องสละเวลาอันมีค่าจากการดูป๋าเบิร์ดแสดงคอนเสิร์ต เพื่อตามนิสิตสาวต้อยๆๆ ไปยังห้องน้อยๆของหล่อน
    ระหว่างที่เรากำลังเดินไปนั้น กามารมณ์ของข้าพเจ้าพลุ่งพล่าน! จนข้าพเจ้าอดใจไม่ไหวอยากจักลูบคลำเรือนร่างของเจ้าหล่อน ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเอ่ยปากขอ
“นี่...”
เมื่อข้าพเจ้าเรียก หล่อนหยุดเดินทันที ข้าพเจ้าจึงถามต่อ
“ขอจับนมหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ”
 
    ข้าพเจ้ามิได้เอามือล้วงเข้าไปในเสื้อแต่ประการใด เพียงแต่ใช้มือของข้าพเจ้าจับหน้าอกของหล่อนตรงนอกเสื้อ มันนุ่มราวกับซาลาเปาทับหลี นุ่มเสียจนข้าพเจ้าอยากจับมันอยู่อย่างนิรันดร แต่แล้วกามารมณ์ก็ทำให้ข้าพเจ้าเกิด “อยากได้คืบเอาศอก” ข้าพเจ้าจึงเอ่ยปากขอเป็นครั้งที่ ๒
 
“ขอจับ...ตรงนั้น...หน่อยได้ไหม” 
หล่อนพยักหน้าตอบ ข้าพเจ้าจึงใช้มือล้วงกระโปรงทรงเอของหล่อน เล็งแลเห็นกางเกงในลายลูกไม้สีชมพูแสนสวย ข้าพเจ้ามิรอช้ารีบใช้มือเข้าไปในกางเกงใน มือของข้าพเจ้าสัมผัสกับดงขนเพชรอันดกดำของสาวนิสิต ข้าพเจ้าสังเกตว่าของสงวนของเจ้าหล่อน “แฉะ” เป็นอย่างมาก หล่อนคงมีความต้องการทางเพศสูงมากเลยเทียว ชั่วประเดี๋ยวข้าพเจ้าจึงใช้นิ้วชี้ควานหาช่องคลอด แลในที่สุดข้าพเจ้าก็พบมัน ข้าพเจ้าจึงใช้นิ้วชี้ของข้าพเจ้าแหย่เข้าไปยังช่องคลอดของหญิงสาว มันชื้นแฉะอย่างมาก ขณะที่ข้าพเจ้าละสายตาจากนิ้วชี้มามองหน้าสาวนิสิต เจ้าของพิมพ์หน้านั้นยิ้มอย่างขวยเขิน แล้วหลังจากนั้นข้าพเจ้าก็เกิดอาราม  “ได้ศอกเอาวา” ขึ้นมาบ้าง จึงเอ่ยถามเจ้าหล่อนขึ้นมาเป็นครั้งที่ ๓
 
“พี่ขอจับก้นหน่อยนะ” 
“อืม”
 
    ข้าพเจ้าใช้มือล้วงกระโปรงไปหนึ่งชั้น แลล้วงกางเกงในอีกหนึ่งชั้น เล็งแลเห็นก้นอันขาวอวบแลใหญ่ ถึงแม้หล่อนจักจัดว่าเป็นสาวร่างผอมบาง หากแต่ “ไฟหลัง” ของหล่อนนั้นใหญ่ไม่เบา คงเป็นสรีระที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง เพราะสตรีเพศต้องอุ้มท้องจึงมีก้นที่ใหญ่กว่าบุรุษเพศ แลอาจดูใหญ่กว่าเรือนร่างของตนเอง นี่คือเสน่ห์ของสตรีเพศที่ข้าพเจ้าชื่นชม
    ข้าพเจ้านึกอยากมือบอน เมื่อล้วงไปจับก้นของเจ้าหล่อน ข้าพเจ้าก็อยากจักแวะใช้มือแหย่รูสวรรค์อันชื้นแฉะไปด้วยน้ำรักของเจ้าหล่อนอีกสักครั้ง
“โอ๊ย!!!...อ๊าส์...!!!”
    เสียงเจ้าหล่อนร้องครวญคราง เมื่อนิ้วชี้ของข้าพเจ้าสอดเข้าไปในช่องคลอด 
    เราจักได้ขึ้นสวรรค์กันในไม่ช้า แต่แล้วฝันก็พลันสลาย เมื่อเสียงนาฬิกาปลุกบอกเวลาตี ๕ ครึ่ง ของเช้าวันเสาร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ดังขึ้นมาพอดิบพอดี ยังความให้ข้าพเจ้าต้องตื่นขึ้นมาด้วยความเสียดายที่ฝันของข้าพเจ้า “ล่ม”ไม่เป็นท่า
 
จ๊ะ เสือไบ
๓๐ พ.ค. ๒๕๖๗
 
    
 
    
 
 
 

 
[1] เพลง “รักเอ๋ย” โดย ธงไชย แมคอินไตย์ (คำร้อง/ทำนอง แอ้ม อัจฉริยา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่