ณ ยามราตรีวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๗ ข้าพเจ้าได้ฝันประหลาดพอดิบพอดี ฝันว่าไปเที่ยวไกลแสนไกลนอกเขตประเทศไทย ข้าพเจ้าไปผจญต่างถิ่นถึงสาธารณรัฐประชาชนจีน
ข้าพเจ้าผู้เหน็ดเหนื่อยจากการท่องเที่ยวแดนมังกรตามลำพัง กำลังเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าแห่ง ๑
ข้าพเจ้ายอมรับโดยดุษณีว่าข้าพเจ้าไม่มีความเป็นเอตทัคคะในด้านสถาปัตยกรรม การที่ข้าพเจ้าจักบรรยายลักษณาการของอาคารห้างสรรพสินค้า มันยากประดุจงมเข็มในมหาสมุทรก็มิปาน ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจน มันคงเหมือนกับห้างสรรพสินค้าแห่ง๑ที่มีอยู่เกือบทุกจังหวัด ฤาอาจเหมือนกับห้างสรรพสินค้าแห่ง๑ที่อยู่เยื้องๆ กับห้าแยกลาดพร้าวก็เทียมได้
ห้างสรรพสินค้าที่ข้าพเจ้ามาเยือนในความฝันนั้น เป็นห้างสรรพสินค้าซึ่งมีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีหลายชั้น อนุมานว่า 6-7 ชั้นเห็นจักได้ ทั้งนี้ แต่ละชั้นถูกแบ่งโซนเป็น 2 โซนใหญ่ คือโซนของห้างสรรพสินค้าแลโซนของอาคารที่จอดรถ เมื่อพิศดูจากถนนเห็นภายนอกตัวอาคารทาสีดำเทาสไตล์ลอฟต์ มีการตกแต่งในลักษณะมีติ่งยื่นออกมาจากตัวอาคาร ลักษณาการนี้ปรมาจารย์ด้านสถาปนิกท่านหนี่งของไทยใช้ศัพท์ว่า "Facade face lift" เมื่อข้าพเจ้าใช้ดวงตาพิเคราะห์อย่างตั้งใจ ดูเหมือนว่าพื้นผิวภายนอกชั้นบนๆ ของตึกเป็นแบบพื้นผิวเรียบทาสีสไตล์ลอฟต์เท่านั้น หากแต่ชั้นล่างๆ ของอาคาร อันมีการทำเป็นติ่งยื่นออกมา หรือเรียกfacade face lift ดังกล่าวข้างต้นนั้น มันเป็นลักษณะที่มีแผ่นกระจกสลับกับพิ้นผิวผนังเรียบทาสีลอฟต์ แลเมื่อพิศดูกระจกอันเรียงรายแวววับ จักเห็นได้ว่ากระจกนั้นใสจนสามารถมองทะลุเข้าไปถึงข้างในชั้นนั้นๆ ได้ อนึ่ง ลักษณะของติ่งที่ยื่นออกมา มันมีลักษณะคล้ายกับสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน
สำหรับภายในของห้างทาผนังด้วยสีขาวสี่ด้านแลมีเครื่องปรับอากาศนับไม่ถ้วน เมื่อแหงนมองดูเพดานจากชั้นที่๑ ปรากฏว่าเพดานมีลักษณะเป็นฝ้าขาว ติดโคมหลอดไฟแอลอีดีชนิดฝังฝ้าเพดานอย่างเรียงราย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเพดานบริเวณบันไดเลื่อนนั้นเป็นรูโหว่ เล็งแลเห็นไปถึงชั้นบนสุด นอกจากหลอดไฟแล้วก็มีลำโพงประชาสัมพันธ์ เราเตอร์ไวไฟอินเทอร์เน็ตไร้สาย แลสปริงเกอร์ดับเพลิงบนฝ้าเพดานอีกด้วย
พื้นอาคารถูกปูด้วยกระเบื้องลายหินแกรนิตที่เรียงรายคล้ายฟันของยักษ์ในนิทาน มันเป็นสีขาวสลับกับสีเทาสไตล์ลอฟต์ ส่วนโซนที่จอดรถเป็นพื้นที่แบบ open-air พื้นแลเพดานคอนกรีตเป็นปูนเปลือย แลมีสีคล้ำดำเนื่องจากคราบสกปรกนานาชนิด ทั้งคราบเขม่าควัน ฝุ่นพีเอ็ม๒.๕ คราบจากบุหรี่ คราบขยะ ราดำ ฯลฯ
เมื่อข้าพเจ้าเดินมายังประตูทางเข้า ประตูบานเลื่อนเปิดออกโดยอัตโนมัติ ยังผลให้ร่างกายของข้าพเจ้าสัมผัสกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศ แต่ทว่าข้าพเจ้ายังรู้สึกถึงความหนืดเหนียวของร่างกาย อันเนื่องมาจากข้าพเจ้ามิได้อาบน้ำเป็นเวลาหลายวัน จึงคิดอยากจักอาบน้ำสักครั้งถ้าทำได้
ข้าพเจ้าผู้อยู่ในชุดเสื้อโปโลสีน้ำตาล รองเท้าแตะช้างดาว กางเกงสามส่วนสีแดง มุ่งตรงไปยังแผนกประชาสัมพันธ์ เพื่อติดต่อสอบถามว่าภายในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ มีห้องอาบน้ำไว้บริการหรือไม่ แลแล้วข้าพเจ้าก็พบหญิงสาวจีนคนนึง กำลังนั่งเก้าอี้ที่แผนกประชาสัมพันธ์ หล่อนมีผิวขาวดั่งหิมะ ร่างผอมประดุจฮัวมู่หลาน สตรีในวรรณกรรมจีน เจ้าหล่อนใส่กระโปรงทรงเอยาวระดับเข่ากับชุดคล้ายชุดชองแอร์โฮสเตส สีเดียวกันกับกระโปรง รองเท้าเห็นไม่ชัด คิดว่าน่าจักเป็นส้นสูงสีดำ แลบัดนี้ เจ้าหล่อนทักทายพร้อมกับสอบถามข้าพเจ้าว่า
"หนีฮ่าว [1] คุณลูกค้าต้องการสอบถามด้านใดคะ"
"ตุ้ยปู้ฉี [2] ไม่ทราบว่าห้างแห่งนี้มีห้องอาบน้ำไหมครับ"
พนักงานคนนั้นมองบน เบ้ปาก แล้วทำหน้าระอาเล็กน้อย
"คุณลูกค้า...ต้องการอาบน้ำ...เหรอคะ?"
หล่อนค่อยๆ พูดทีละคำๆ อย่างช้าๆ
"ใช่ครับ"
ข้าพเจ้าพูดพลางเอามือเกาศีรษะแก้ขวยเขิน พนักงานคนนั้นมีอาการอึ้งค้างเติ่งหลังจากข้าพเจ้าพูดเสร็จราว ๓ วินาที จากนั้นจึงจำนรรจา
"งั้น...เดินตรงไปประมาณ ๒ นาทีแล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ"
"ครับ เซี่ยเซี่ย"
"เซี่ยเซี่ย [3] "
จากระยะทางตั้งแต่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ จรดห้องน้ำห้าง ข้าพเจ้าเดินไปตามที่พนักสาวชาวจีนบอก พร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปด้วย ผ่านบรรดาห้องแถวสี่เหลี่ยมเรียงรายมากมาย มีทั้งร้านขายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านขายรองเท้า ร้านขายกระเป๋า ร้านน้ำหอม ร้านแว่นตา สำหรับพื้นที่ตรงกลางระหว่างทางเดิน จักเป็นร้านขายกาแฟ ร้านขายสารพัดขนม รวมทั้งหน่วยงานที่มาออกบูธเป็นการชั่วคราว
เมื่อมาถึงห้องน้ำปรากฏว่าไม่มีประตูแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังตั้งอยู่กลางห้าง มิได้ซ่อนอยู่ตามมุมอาคารเหมือนห้องน้ำในห้างสรรพสินค้าของประเทศไทย ภายในบริเวณห้องน้ำมีคนมาทำธุระหนักเบากันมากมาย ลางคนเป็นชาย ลางคนเป็นหญิง ลางคนเป็นเด็ก แลลางคนชราภาพ ห้องน้ำมีลักษณะเป็นพื้นที่ลาดที่มีระดับต่ำกว่าพื้นห้างราว๑ ฟุต อันเนื่องมาจากป้องกันน้ำไหลนองทั่วห้าง พื้นห้องน้ำถูกปูด้วยกระเบื้องขาวไม่มีลวดลายต่อๆ กัน โถส้วมสีขาวเรียงรายอยู่ประมาณ ๓๐ โถ มีฝักบัวสีเทาเงินซึ่งถูกติดตั้งอยู่ ๑ จุด มีอ่างล้างมือสีขาว ๑๐ อ่าง บริเวณหน้าทางเข้า ส้วมเป็นส้วมชักโครก มีทิชชู่แลถังขยะอยู่ข้างๆ บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นของเสีย
ข้าพเจ้าจับจองพื้นที่ส่วนหนึ่งของห้องน้ำ นั่งลงตรงโถส้วม ถอดกางเกงออกแลถ่ายทุกข์หนักที่อั้นไว้ก่อนหน้า ส้วมบริเวณนี้นี่เองที่มีฝักบัวอยู่ข้างๆ เพียงแต่ข้าพเจ้ายังไม่อาบ ณ ตอนนี้
ข้าพเจ้าสังเกตว่ายามนั่งปลดทุกข์ ก็มีคนกำลังมองข้าพเจ้าอยู่ แน่นอนเทียวว่าคนที่มองเขาก็กำลังนั่งปลดทุกข์เช่นเดียวกัน ต่อมาข้าพเจ้าใช้กระดาษทิชชู่เช็ดก้นแล้วเสร็จจึงลุกขึ้นจากนั้นก็เปลื้องผ้า สายตาคนจำนวนมากจับตามองข้าพเจ้าขณะกำลังอาบน้ำ
มีตายายคู่นึงมาถ่ายหนักในห้องน้ำ ฝ่ายยายก็กำลังถ่ายอย่างขะมักเขม้น ส่วนฝ่ายตาก็ถ่ายไป มองของสงวนของข้าพเจ้าไป ทำให้ฝ่ายยายต้องเอามือมาปิดตาของฝ่ายชาย แล้วสบถ
"ดูเขาแก้ผ้าทำไม บัดสี
"
"พูดเหมือนยายผมเลย"
ข้าพเจ้าหันมาสบตายายคนนั้นแล้วยิ้มให้ จากนั้นข้าพเจ้าก็อาบน้ำต่อ สองตายายนั่งงง แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อนั้นข้าพเจ้าก็มิทราบได้ เพราะข้าพเจ้าดันตื่นขึ้นมาในเช้าวันศุกร์ที่ ๑๔ มิ.ย. ๖๗ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
จ๊ะ เสือไบ
๒๕ มิ.ย. ๖๗
[1] แปลว่า สวัสดี
[2] แปลว่า ขอโทษ
[3] แปลว่า ขอบคุณ
เรื่องสั้น ชุด "ฝัน STory" ตอน ส้วมไร้ประตู (โดย จ๊ะ เสือไบ)
ข้าพเจ้าผู้เหน็ดเหนื่อยจากการท่องเที่ยวแดนมังกรตามลำพัง กำลังเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าแห่ง ๑
ข้าพเจ้ายอมรับโดยดุษณีว่าข้าพเจ้าไม่มีความเป็นเอตทัคคะในด้านสถาปัตยกรรม การที่ข้าพเจ้าจักบรรยายลักษณาการของอาคารห้างสรรพสินค้า มันยากประดุจงมเข็มในมหาสมุทรก็มิปาน ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจน มันคงเหมือนกับห้างสรรพสินค้าแห่ง๑ที่มีอยู่เกือบทุกจังหวัด ฤาอาจเหมือนกับห้างสรรพสินค้าแห่ง๑ที่อยู่เยื้องๆ กับห้าแยกลาดพร้าวก็เทียมได้
ห้างสรรพสินค้าที่ข้าพเจ้ามาเยือนในความฝันนั้น เป็นห้างสรรพสินค้าซึ่งมีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีหลายชั้น อนุมานว่า 6-7 ชั้นเห็นจักได้ ทั้งนี้ แต่ละชั้นถูกแบ่งโซนเป็น 2 โซนใหญ่ คือโซนของห้างสรรพสินค้าแลโซนของอาคารที่จอดรถ เมื่อพิศดูจากถนนเห็นภายนอกตัวอาคารทาสีดำเทาสไตล์ลอฟต์ มีการตกแต่งในลักษณะมีติ่งยื่นออกมาจากตัวอาคาร ลักษณาการนี้ปรมาจารย์ด้านสถาปนิกท่านหนี่งของไทยใช้ศัพท์ว่า "Facade face lift" เมื่อข้าพเจ้าใช้ดวงตาพิเคราะห์อย่างตั้งใจ ดูเหมือนว่าพื้นผิวภายนอกชั้นบนๆ ของตึกเป็นแบบพื้นผิวเรียบทาสีสไตล์ลอฟต์เท่านั้น หากแต่ชั้นล่างๆ ของอาคาร อันมีการทำเป็นติ่งยื่นออกมา หรือเรียกfacade face lift ดังกล่าวข้างต้นนั้น มันเป็นลักษณะที่มีแผ่นกระจกสลับกับพิ้นผิวผนังเรียบทาสีลอฟต์ แลเมื่อพิศดูกระจกอันเรียงรายแวววับ จักเห็นได้ว่ากระจกนั้นใสจนสามารถมองทะลุเข้าไปถึงข้างในชั้นนั้นๆ ได้ อนึ่ง ลักษณะของติ่งที่ยื่นออกมา มันมีลักษณะคล้ายกับสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน
สำหรับภายในของห้างทาผนังด้วยสีขาวสี่ด้านแลมีเครื่องปรับอากาศนับไม่ถ้วน เมื่อแหงนมองดูเพดานจากชั้นที่๑ ปรากฏว่าเพดานมีลักษณะเป็นฝ้าขาว ติดโคมหลอดไฟแอลอีดีชนิดฝังฝ้าเพดานอย่างเรียงราย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเพดานบริเวณบันไดเลื่อนนั้นเป็นรูโหว่ เล็งแลเห็นไปถึงชั้นบนสุด นอกจากหลอดไฟแล้วก็มีลำโพงประชาสัมพันธ์ เราเตอร์ไวไฟอินเทอร์เน็ตไร้สาย แลสปริงเกอร์ดับเพลิงบนฝ้าเพดานอีกด้วย
พื้นอาคารถูกปูด้วยกระเบื้องลายหินแกรนิตที่เรียงรายคล้ายฟันของยักษ์ในนิทาน มันเป็นสีขาวสลับกับสีเทาสไตล์ลอฟต์ ส่วนโซนที่จอดรถเป็นพื้นที่แบบ open-air พื้นแลเพดานคอนกรีตเป็นปูนเปลือย แลมีสีคล้ำดำเนื่องจากคราบสกปรกนานาชนิด ทั้งคราบเขม่าควัน ฝุ่นพีเอ็ม๒.๕ คราบจากบุหรี่ คราบขยะ ราดำ ฯลฯ
เมื่อข้าพเจ้าเดินมายังประตูทางเข้า ประตูบานเลื่อนเปิดออกโดยอัตโนมัติ ยังผลให้ร่างกายของข้าพเจ้าสัมผัสกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศ แต่ทว่าข้าพเจ้ายังรู้สึกถึงความหนืดเหนียวของร่างกาย อันเนื่องมาจากข้าพเจ้ามิได้อาบน้ำเป็นเวลาหลายวัน จึงคิดอยากจักอาบน้ำสักครั้งถ้าทำได้
ข้าพเจ้าผู้อยู่ในชุดเสื้อโปโลสีน้ำตาล รองเท้าแตะช้างดาว กางเกงสามส่วนสีแดง มุ่งตรงไปยังแผนกประชาสัมพันธ์ เพื่อติดต่อสอบถามว่าภายในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ มีห้องอาบน้ำไว้บริการหรือไม่ แลแล้วข้าพเจ้าก็พบหญิงสาวจีนคนนึง กำลังนั่งเก้าอี้ที่แผนกประชาสัมพันธ์ หล่อนมีผิวขาวดั่งหิมะ ร่างผอมประดุจฮัวมู่หลาน สตรีในวรรณกรรมจีน เจ้าหล่อนใส่กระโปรงทรงเอยาวระดับเข่ากับชุดคล้ายชุดชองแอร์โฮสเตส สีเดียวกันกับกระโปรง รองเท้าเห็นไม่ชัด คิดว่าน่าจักเป็นส้นสูงสีดำ แลบัดนี้ เจ้าหล่อนทักทายพร้อมกับสอบถามข้าพเจ้าว่า
"หนีฮ่าว [1] คุณลูกค้าต้องการสอบถามด้านใดคะ"
"ตุ้ยปู้ฉี [2] ไม่ทราบว่าห้างแห่งนี้มีห้องอาบน้ำไหมครับ"
พนักงานคนนั้นมองบน เบ้ปาก แล้วทำหน้าระอาเล็กน้อย
"คุณลูกค้า...ต้องการอาบน้ำ...เหรอคะ?"
หล่อนค่อยๆ พูดทีละคำๆ อย่างช้าๆ
"ใช่ครับ"
ข้าพเจ้าพูดพลางเอามือเกาศีรษะแก้ขวยเขิน พนักงานคนนั้นมีอาการอึ้งค้างเติ่งหลังจากข้าพเจ้าพูดเสร็จราว ๓ วินาที จากนั้นจึงจำนรรจา
"งั้น...เดินตรงไปประมาณ ๒ นาทีแล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ"
"ครับ เซี่ยเซี่ย"
"เซี่ยเซี่ย [3] "
จากระยะทางตั้งแต่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ จรดห้องน้ำห้าง ข้าพเจ้าเดินไปตามที่พนักสาวชาวจีนบอก พร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปด้วย ผ่านบรรดาห้องแถวสี่เหลี่ยมเรียงรายมากมาย มีทั้งร้านขายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านขายรองเท้า ร้านขายกระเป๋า ร้านน้ำหอม ร้านแว่นตา สำหรับพื้นที่ตรงกลางระหว่างทางเดิน จักเป็นร้านขายกาแฟ ร้านขายสารพัดขนม รวมทั้งหน่วยงานที่มาออกบูธเป็นการชั่วคราว
เมื่อมาถึงห้องน้ำปรากฏว่าไม่มีประตูแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังตั้งอยู่กลางห้าง มิได้ซ่อนอยู่ตามมุมอาคารเหมือนห้องน้ำในห้างสรรพสินค้าของประเทศไทย ภายในบริเวณห้องน้ำมีคนมาทำธุระหนักเบากันมากมาย ลางคนเป็นชาย ลางคนเป็นหญิง ลางคนเป็นเด็ก แลลางคนชราภาพ ห้องน้ำมีลักษณะเป็นพื้นที่ลาดที่มีระดับต่ำกว่าพื้นห้างราว๑ ฟุต อันเนื่องมาจากป้องกันน้ำไหลนองทั่วห้าง พื้นห้องน้ำถูกปูด้วยกระเบื้องขาวไม่มีลวดลายต่อๆ กัน โถส้วมสีขาวเรียงรายอยู่ประมาณ ๓๐ โถ มีฝักบัวสีเทาเงินซึ่งถูกติดตั้งอยู่ ๑ จุด มีอ่างล้างมือสีขาว ๑๐ อ่าง บริเวณหน้าทางเข้า ส้วมเป็นส้วมชักโครก มีทิชชู่แลถังขยะอยู่ข้างๆ บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นของเสีย
ข้าพเจ้าจับจองพื้นที่ส่วนหนึ่งของห้องน้ำ นั่งลงตรงโถส้วม ถอดกางเกงออกแลถ่ายทุกข์หนักที่อั้นไว้ก่อนหน้า ส้วมบริเวณนี้นี่เองที่มีฝักบัวอยู่ข้างๆ เพียงแต่ข้าพเจ้ายังไม่อาบ ณ ตอนนี้
ข้าพเจ้าสังเกตว่ายามนั่งปลดทุกข์ ก็มีคนกำลังมองข้าพเจ้าอยู่ แน่นอนเทียวว่าคนที่มองเขาก็กำลังนั่งปลดทุกข์เช่นเดียวกัน ต่อมาข้าพเจ้าใช้กระดาษทิชชู่เช็ดก้นแล้วเสร็จจึงลุกขึ้นจากนั้นก็เปลื้องผ้า สายตาคนจำนวนมากจับตามองข้าพเจ้าขณะกำลังอาบน้ำ
มีตายายคู่นึงมาถ่ายหนักในห้องน้ำ ฝ่ายยายก็กำลังถ่ายอย่างขะมักเขม้น ส่วนฝ่ายตาก็ถ่ายไป มองของสงวนของข้าพเจ้าไป ทำให้ฝ่ายยายต้องเอามือมาปิดตาของฝ่ายชาย แล้วสบถ
"ดูเขาแก้ผ้าทำไม บัดสี"
"พูดเหมือนยายผมเลย"
ข้าพเจ้าหันมาสบตายายคนนั้นแล้วยิ้มให้ จากนั้นข้าพเจ้าก็อาบน้ำต่อ สองตายายนั่งงง แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อนั้นข้าพเจ้าก็มิทราบได้ เพราะข้าพเจ้าดันตื่นขึ้นมาในเช้าวันศุกร์ที่ ๑๔ มิ.ย. ๖๗ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
[2] แปลว่า ขอโทษ
[3] แปลว่า ขอบคุณ