ข้าพเจ้าจำมิได้แล้วว่าฝันนี้เกิดขึ้นเมื่อไร ทราบเพียงว่ามันอยู่ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นฝันอันสยดสยองซึ่งข้าพเจ้ามิอาจลืมเลือน
ภายในความฝันข้าพเจ้าอยู่ในกรุงเทพ ละแวกเขตพญาไท ทำงานการอันใดนั้นข้าพเจ้ามิอาจทราบได้ ทราบแต่เพียงว่าข้าพเจ้าพักอาศัยอยู่ตามลำพังในห้องเช่าของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในย่านนี้
เขตพญาไทเป็นเขตที่เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญๆ มากมายมีสถานีโทรทัศน์ช่อง ๕, กระทรวงการคลัง, กรมสรรพากร, กรมธนารักษ์, กรมควบคุมมลพิษ, กสทช. เป็นอาทิ สำหรับ อพาร์ตเมนต์ที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่นั้น ตั้งอยู่ในซอยลึกๆที่ไหนสักแห่ง เป็นอาคารสูงราวสิบชั้น ไม่มีลิฟต์ ตึกสีเดียวกับดินลูกรังมีสภาพเสื่อมโทรมเนื่องจากสร้างมาเกิน ๒๐ ปี มีเจ๊เจ้าของเป็นหญิงวัย๕๐ กว่า ซึ่งเจ๊แกจะนั่งเฝ้าหน้าหอทั้งวันยกเว้นเวลาง่วง
ภายในห้องเช่ามีผนังอิฐทาสีแดงอ่อน มีรางไฟหลอดนีออนเก่าทรุดโทรมจนเป็นสนิม เมื่อเปิดออกมาจักได้ยินเสียงร้องของบัลลาสต์ดังหึ่งๆ เป็นสัญญาณว่าจักต้องเปลี่ยนบัลลาสต์ใหม่หรือซื้อชุดหลอดแอลอีดีมาใส่แทนอาจดูเข้าทีกว่านี้
ห้องน้ำเป็นห้องน้ำแบบโบราณ กล่าวคือใช้ส้วมคอห่านนั่งยองมีขันตักน้ำราด น้ำนี้ถูกบรรจุไว้ในอ่างสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก มีฝักบัวน้ำเย็นสีน้ำเงิน ๑ อัน เกลือกว่าเปิดน้ำออกมาจักมีน้ำกระฉูดจากรอยรั่วของฝักบัวจนเข้าหู
หากถามถึงอ่างล้างหน้าคงมิมีเพราะนี่คือห้องเช่าราคาถูก ยังดีที่มีเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง แลตู้เสื้อผ้าไม้อัดเก่าๆให้บ้าง ไม่มีระเบียง มีเพียงหน้าต่างกระจกบานเลื่อนไร้ลูกกรงเท่านั้น
เตียงเป็นเตียงไม้เก่าขนาด ๖ ฟุต แลฟูกหนัง หากจักนอนต้องหาที่นอนหมอนมุ้งมาประดับเอง ตู้เสื้อผ้าเป็นไม้อัดเก่าๆมีรอยขีดข่วนมากมาย แม่กุญแจสำหรับลั่นกลอนปิดตู้ชำรุด หากจักแขวนเสื้อผ้าก็ต้องซื้อไม้แขวนเสื้อเพิ่มเติมต่างหาก ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งซึ่งทำด้วยไม้สังเคราะห์สีน้ำตาลไหม้ก็เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน โคมไฟที่ใส่หลอดไส้ดวงเล็กๆ หลอดขาดจนใช้การไม่ได้ สนนราคาห้องเช่าแห่งนี้อยู่ที่ ๒๕๐๐ บาท
...
เคยมีหลายคนบอกข้าพเจ้ามาว่ายามที่ต้องเลือกห้องเช่านั้น มิควรเลือกราคาที่ "แพง" แล "ถูก" จนเกินไป หากเลือกราคาแพงค่าโสหุ้ยในแต่ละเดือนจักมากเกินไปจนติดลบ ถ้าว่าเลือกที่ถูกเกินไป ก็ต้องแลกกับคุณภาพชีวิตที่เสื่อมทราม คำกล่าวนั้นมิได้ผิดแผกจากความเป็นจริงเลย เมื่อข้าพเจ้ามาประสบพบเจอกับประสบการณ์ขนหัวลุก!
คืนหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้าปิดไฟแลเข้านอน เมื่อข้าพเจ้าหลับตานอนไปได้สักระยะ นาฬิกาบอกเพลาประมาณ ๒ นาฬิกา อยู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังเข้ามาเป็นระยะๆ
"ก๊อกๆๆ"!
ข้าพเจ้าเผลอตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ เสียงเคาะนั้นหายไป ข้าพเจ้าก็หลับใหลต่อ
"ก๊อกๆๆ"!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง๑ ข้าพเจ้าเผลอตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ เสียงเคาะนั้นหายไป ข้าพเจ้าก็หลับใหลต่อ
"ก๊อกๆๆ" !
"เคาะhiaอะไรนักหนาวะ!"
ข้าพเจ้าตื่นมาด้วยอารามโมโหจนเผลอพ่นคำผรุสวาทออกมา แล้วจากนั้นข้าพเจ้าลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียง แล้วพิจารณาว่าจักเปิดประตูฤาไม่
"ก๊อกๆๆ" เสียงเคาะประตูยังดังต่อเนื่อง
ข้าพเจ้าคิดในใจว่า "กูจักเปิดประตูดีไหมหนอ ถ้าเผื่อว่าอ้ายอีคนเคาะมันเป็นโจรเล่า กูไม่ถึงครามอดม้วยมรณาหรอกรึ"แต่แล้วอารามกล้าหาญก็อุบัติ เสียงเคาะประตูก็ดังต่อเนื่องไม่หยุด
"ก๊อกๆๆ"
ข้าพเจ้าจึงเลิกนั่งขัดสมาธิบนเตียง แล้วย่องไปเปิดประตูอย่างช้าๆ อย่างมีสติสตางค์มากที่สุด
ข้าพเจ้าค่อยๆสะเดาะกลอน หมุนลูกบิดประตู แลทันใดนั้นเองข้าพเจ้าเห็นสตรีวัยสี่สิบผู้หนึ่งยืนสบตาข้าพเจ้า หล่อนใส่กางเกงยีนส์ลีวายสีน้ำเงิน ใส่เสื้อยืดสีเขียวน้ำทะเล ไว้ผมหยักศกยาวถึงกลางหลัง ผิวสีน้ำผิ้ง ดวงตาดำสองชั้นแต่ตาลึก จมูกเหมือนลูกชมพู่ลูกเล็กๆ ดั้งหัก ริมฝีปากบางทั้งบนทั้งล่าง ริมฝีปากคล้ำ เป็นสีดำ ลักษณะหู ดูไม่ชัดเพราะผมบังปิดหูอยู่ รูปร่างเตี้ย สูงประมาณ ๑๕๕ เซนติเมตร ไม่สวมรองเท้า แลดูเหมือนหล่อนกำลังจักพูดอันใดกับข้าพเจ้า
"ขอเข้าไปข้างในได้ไหม"
"หา!!!!" ข้าพเจ้าอุทาน
อุทานไม่ทันจบดี เจ้าหล่อนก็วิ่งฝ่าร่างข้าพเจ้า มาที่หน้าต่างบานเลื่อนอันไร้ลูกกรงนั้น แล้วกระโดดหน้าต่างออกไปข้างนอก
"อย่านะ...อย่าาาาาาา"
"ตุบ"!
"เฮ้ย...ซวยแล้วกู!!!"
ข้าพเจ้ารีบวิ่งไปที่หน้าต่าง มองออกมานอกหน้าต่าง เห็นเจ้าหล่อนตกลงไปยังอาคารข้างๆดับอนาถ สภาพศพนอนจมกองเลือดเละไม่เป็นท่า" ข้าพเจ้าได้แต่สบถ
"hiaaaa...shipหายแล้วกู"
แต่เมื่อข้าพเจ้าละสายตาจากนอกหน้าต่าง แล้วหันมามองที่ประตู ข้าพเจ้าก็พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้ข้าพเจ้าตกใจสุดขีด
เมื่อเจ้าหล่อนยืนอยู่หน้าประตู ในสภาพที่สมบูรณ์ทุกประการ!!!
หล่อนยิ้มเยาะเย้ยข้าพเจ้าจนเห็นฟันขาวอันซ้อนเกเล็กน้อยของหล่อน แล้วหล่อนก็วิ่งมากระโดดหน้าต่างอีกครั้ง
"อย่านะ...อย่าาาาาาา"
"ตุบ!!!"
ข้าพเจ้ารีบมองไปนอกหน้าต่าง ร่างของเจ้าหล่อนอันตรธานไปแล้ว แน่นอนว่าหล่อนคงเป็นอันใดไปไม่ได้ นอกจาก
"ผีหลอกกกกกกกก"
ข้าพเจ้าจึงพยายามสงบสติอารมณ์ทั้งคืน เพื่อที่เช้าวันต่อมา ข้าพเจ้าจักได้ไปแจ้งย้ายออก จากอพาร์ตเมนต์สุดสยองแห่งนี้
...
เช้าวันต่อมาขณะที่ข้าพเจ้ากำลังไปหาเจ๊เจ้าของหอที่เคาน์เตอร์หน้าอพาร์ตเมนต์ ปรากฏว่ามีฝูงชนจำนวนมากมายืนอออยู่หน้าเคาน์เตอร์เช่นกัน แลสาเหตุที่พวกเขามายืนอยู่นั้น ก็คือเหตุผลเดียวกับข้าพเจ้า!
ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ถูกผีตนเดียวกับที่ข้าพเจ้าเจอ "หลอก" เข้าให้ แลพวกเขามิอาจจะพิสมัยห้องเช่าที่นี่อีกต่อไป พวกเขาต่างมาแจ้ง "ย้ายออก" กันโดยมิได้นัดหมาย"
แลดูเหมือนว่าเจ๊เจ้าของหอจักนั่งสูบบุหรี่อย่างสบายใจ ขณะที่กำลังดำเนินการแจ้งย้ายออกให้กับผู้เช่า โดยไม่มีอาการเป็นทุกข์เป็นร้อนว่าเงินทองจัก "หดหาย" บ้างเลย
ในนิยายหรือเรื่องสั้นแนว "สยองขวัญ" ที่มีอยู่ในบรรณพิภพนั้น มักจักอธิบายต้นตอของบรรดาเหล่าผีๆทั้งหลายในเรื่อง ว่ามีที่มาอย่างไร แต่เรื่องราวของข้าพเจ้าผิดแผกไปจากเรื่องราวเหล่านั้น น่าเสียดายที่ข้าพเจ้ามิอาจอธิบายได้ว่า เหตุใดผีตนนั้นจึงมาหลอกข้าพเจ้า หากท่านผู้อ่านรู้สึกว่างานเขียนของข้าพเจ้านั้นจบ "ไม่สมบูรณ์" ข้าพเจ้าก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย เพราะความฝันของข้าพเจ้าจบลงเมื่อข้าพเจ้าตื่นในเช้าวันใหม่
จ๊ะ เสือไบ
๑๘ มิ.ย. ๖๗
เรื่องสั้น ชุด "ฝัน STory" ตอน ห้องเช่าสยอง (โดย จ๊ะ เสือไบ)
ภายในความฝันข้าพเจ้าอยู่ในกรุงเทพ ละแวกเขตพญาไท ทำงานการอันใดนั้นข้าพเจ้ามิอาจทราบได้ ทราบแต่เพียงว่าข้าพเจ้าพักอาศัยอยู่ตามลำพังในห้องเช่าของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในย่านนี้
เขตพญาไทเป็นเขตที่เต็มไปด้วยสถานที่สำคัญๆ มากมายมีสถานีโทรทัศน์ช่อง ๕, กระทรวงการคลัง, กรมสรรพากร, กรมธนารักษ์, กรมควบคุมมลพิษ, กสทช. เป็นอาทิ สำหรับ อพาร์ตเมนต์ที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่นั้น ตั้งอยู่ในซอยลึกๆที่ไหนสักแห่ง เป็นอาคารสูงราวสิบชั้น ไม่มีลิฟต์ ตึกสีเดียวกับดินลูกรังมีสภาพเสื่อมโทรมเนื่องจากสร้างมาเกิน ๒๐ ปี มีเจ๊เจ้าของเป็นหญิงวัย๕๐ กว่า ซึ่งเจ๊แกจะนั่งเฝ้าหน้าหอทั้งวันยกเว้นเวลาง่วง
ภายในห้องเช่ามีผนังอิฐทาสีแดงอ่อน มีรางไฟหลอดนีออนเก่าทรุดโทรมจนเป็นสนิม เมื่อเปิดออกมาจักได้ยินเสียงร้องของบัลลาสต์ดังหึ่งๆ เป็นสัญญาณว่าจักต้องเปลี่ยนบัลลาสต์ใหม่หรือซื้อชุดหลอดแอลอีดีมาใส่แทนอาจดูเข้าทีกว่านี้
ห้องน้ำเป็นห้องน้ำแบบโบราณ กล่าวคือใช้ส้วมคอห่านนั่งยองมีขันตักน้ำราด น้ำนี้ถูกบรรจุไว้ในอ่างสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก มีฝักบัวน้ำเย็นสีน้ำเงิน ๑ อัน เกลือกว่าเปิดน้ำออกมาจักมีน้ำกระฉูดจากรอยรั่วของฝักบัวจนเข้าหู
หากถามถึงอ่างล้างหน้าคงมิมีเพราะนี่คือห้องเช่าราคาถูก ยังดีที่มีเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง แลตู้เสื้อผ้าไม้อัดเก่าๆให้บ้าง ไม่มีระเบียง มีเพียงหน้าต่างกระจกบานเลื่อนไร้ลูกกรงเท่านั้น
เตียงเป็นเตียงไม้เก่าขนาด ๖ ฟุต แลฟูกหนัง หากจักนอนต้องหาที่นอนหมอนมุ้งมาประดับเอง ตู้เสื้อผ้าเป็นไม้อัดเก่าๆมีรอยขีดข่วนมากมาย แม่กุญแจสำหรับลั่นกลอนปิดตู้ชำรุด หากจักแขวนเสื้อผ้าก็ต้องซื้อไม้แขวนเสื้อเพิ่มเติมต่างหาก ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งซึ่งทำด้วยไม้สังเคราะห์สีน้ำตาลไหม้ก็เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน โคมไฟที่ใส่หลอดไส้ดวงเล็กๆ หลอดขาดจนใช้การไม่ได้ สนนราคาห้องเช่าแห่งนี้อยู่ที่ ๒๕๐๐ บาท
เคยมีหลายคนบอกข้าพเจ้ามาว่ายามที่ต้องเลือกห้องเช่านั้น มิควรเลือกราคาที่ "แพง" แล "ถูก" จนเกินไป หากเลือกราคาแพงค่าโสหุ้ยในแต่ละเดือนจักมากเกินไปจนติดลบ ถ้าว่าเลือกที่ถูกเกินไป ก็ต้องแลกกับคุณภาพชีวิตที่เสื่อมทราม คำกล่าวนั้นมิได้ผิดแผกจากความเป็นจริงเลย เมื่อข้าพเจ้ามาประสบพบเจอกับประสบการณ์ขนหัวลุก!
คืนหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้าปิดไฟแลเข้านอน เมื่อข้าพเจ้าหลับตานอนไปได้สักระยะ นาฬิกาบอกเพลาประมาณ ๒ นาฬิกา อยู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังเข้ามาเป็นระยะๆ
"ก๊อกๆๆ"!
ข้าพเจ้าเผลอตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ เสียงเคาะนั้นหายไป ข้าพเจ้าก็หลับใหลต่อ
"ก๊อกๆๆ"!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง๑ ข้าพเจ้าเผลอตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ เสียงเคาะนั้นหายไป ข้าพเจ้าก็หลับใหลต่อ
"ก๊อกๆๆ" !
"เคาะhiaอะไรนักหนาวะ!"
ข้าพเจ้าตื่นมาด้วยอารามโมโหจนเผลอพ่นคำผรุสวาทออกมา แล้วจากนั้นข้าพเจ้าลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเตียง แล้วพิจารณาว่าจักเปิดประตูฤาไม่
"ก๊อกๆๆ" เสียงเคาะประตูยังดังต่อเนื่อง
ข้าพเจ้าคิดในใจว่า "กูจักเปิดประตูดีไหมหนอ ถ้าเผื่อว่าอ้ายอีคนเคาะมันเป็นโจรเล่า กูไม่ถึงครามอดม้วยมรณาหรอกรึ"แต่แล้วอารามกล้าหาญก็อุบัติ เสียงเคาะประตูก็ดังต่อเนื่องไม่หยุด
"ก๊อกๆๆ"
ข้าพเจ้าจึงเลิกนั่งขัดสมาธิบนเตียง แล้วย่องไปเปิดประตูอย่างช้าๆ อย่างมีสติสตางค์มากที่สุด
ข้าพเจ้าค่อยๆสะเดาะกลอน หมุนลูกบิดประตู แลทันใดนั้นเองข้าพเจ้าเห็นสตรีวัยสี่สิบผู้หนึ่งยืนสบตาข้าพเจ้า หล่อนใส่กางเกงยีนส์ลีวายสีน้ำเงิน ใส่เสื้อยืดสีเขียวน้ำทะเล ไว้ผมหยักศกยาวถึงกลางหลัง ผิวสีน้ำผิ้ง ดวงตาดำสองชั้นแต่ตาลึก จมูกเหมือนลูกชมพู่ลูกเล็กๆ ดั้งหัก ริมฝีปากบางทั้งบนทั้งล่าง ริมฝีปากคล้ำ เป็นสีดำ ลักษณะหู ดูไม่ชัดเพราะผมบังปิดหูอยู่ รูปร่างเตี้ย สูงประมาณ ๑๕๕ เซนติเมตร ไม่สวมรองเท้า แลดูเหมือนหล่อนกำลังจักพูดอันใดกับข้าพเจ้า
"ขอเข้าไปข้างในได้ไหม"
"หา!!!!" ข้าพเจ้าอุทาน
อุทานไม่ทันจบดี เจ้าหล่อนก็วิ่งฝ่าร่างข้าพเจ้า มาที่หน้าต่างบานเลื่อนอันไร้ลูกกรงนั้น แล้วกระโดดหน้าต่างออกไปข้างนอก
"อย่านะ...อย่าาาาาาา"
"ตุบ"!
"เฮ้ย...ซวยแล้วกู!!!"
ข้าพเจ้ารีบวิ่งไปที่หน้าต่าง มองออกมานอกหน้าต่าง เห็นเจ้าหล่อนตกลงไปยังอาคารข้างๆดับอนาถ สภาพศพนอนจมกองเลือดเละไม่เป็นท่า" ข้าพเจ้าได้แต่สบถ
"hiaaaa...shipหายแล้วกู"
แต่เมื่อข้าพเจ้าละสายตาจากนอกหน้าต่าง แล้วหันมามองที่ประตู ข้าพเจ้าก็พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้ข้าพเจ้าตกใจสุดขีด
เมื่อเจ้าหล่อนยืนอยู่หน้าประตู ในสภาพที่สมบูรณ์ทุกประการ!!!
หล่อนยิ้มเยาะเย้ยข้าพเจ้าจนเห็นฟันขาวอันซ้อนเกเล็กน้อยของหล่อน แล้วหล่อนก็วิ่งมากระโดดหน้าต่างอีกครั้ง
"อย่านะ...อย่าาาาาาา"
"ตุบ!!!"
ข้าพเจ้ารีบมองไปนอกหน้าต่าง ร่างของเจ้าหล่อนอันตรธานไปแล้ว แน่นอนว่าหล่อนคงเป็นอันใดไปไม่ได้ นอกจาก
"ผีหลอกกกกกกกก"
ข้าพเจ้าจึงพยายามสงบสติอารมณ์ทั้งคืน เพื่อที่เช้าวันต่อมา ข้าพเจ้าจักได้ไปแจ้งย้ายออก จากอพาร์ตเมนต์สุดสยองแห่งนี้
เช้าวันต่อมาขณะที่ข้าพเจ้ากำลังไปหาเจ๊เจ้าของหอที่เคาน์เตอร์หน้าอพาร์ตเมนต์ ปรากฏว่ามีฝูงชนจำนวนมากมายืนอออยู่หน้าเคาน์เตอร์เช่นกัน แลสาเหตุที่พวกเขามายืนอยู่นั้น ก็คือเหตุผลเดียวกับข้าพเจ้า!
ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ถูกผีตนเดียวกับที่ข้าพเจ้าเจอ "หลอก" เข้าให้ แลพวกเขามิอาจจะพิสมัยห้องเช่าที่นี่อีกต่อไป พวกเขาต่างมาแจ้ง "ย้ายออก" กันโดยมิได้นัดหมาย"
แลดูเหมือนว่าเจ๊เจ้าของหอจักนั่งสูบบุหรี่อย่างสบายใจ ขณะที่กำลังดำเนินการแจ้งย้ายออกให้กับผู้เช่า โดยไม่มีอาการเป็นทุกข์เป็นร้อนว่าเงินทองจัก "หดหาย" บ้างเลย
ในนิยายหรือเรื่องสั้นแนว "สยองขวัญ" ที่มีอยู่ในบรรณพิภพนั้น มักจักอธิบายต้นตอของบรรดาเหล่าผีๆทั้งหลายในเรื่อง ว่ามีที่มาอย่างไร แต่เรื่องราวของข้าพเจ้าผิดแผกไปจากเรื่องราวเหล่านั้น น่าเสียดายที่ข้าพเจ้ามิอาจอธิบายได้ว่า เหตุใดผีตนนั้นจึงมาหลอกข้าพเจ้า หากท่านผู้อ่านรู้สึกว่างานเขียนของข้าพเจ้านั้นจบ "ไม่สมบูรณ์" ข้าพเจ้าก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย เพราะความฝันของข้าพเจ้าจบลงเมื่อข้าพเจ้าตื่นในเช้าวันใหม่