สวัสดีค่ะ วันนี้มาพร้อมกับความหวานอีกแล้ว
ยังไม่ถึงวันหาหมอ ก็ยังมีความสุข สนุกสนาน
กับการสรรหาทำของกิน ไปเรื่อยเปื่อยค่ะ
นี่คือต้นเหตุของเมนูในวันนี้ค่ะ ดงกล้วย
ข้างบ้านปลูก แต่เราช่วยเก็บกินค่ะ
กล้วยแก่จัด สุกคาเครือ เลยล้มค่ะ
จึงจำเป็นต้องตัดมาวางไว้หน้าบ้าน
ผ่านไป 1 คืน ก็โดนขโมยซะแล้ว จับมือ
ใครดม ไม่ได้ซะด้วยสิ ไม่ได้การและ.....
เลยต้องขอแบ่ง ตัดมาซัก 2 หวี มา
พักไว้ เมนูง่ายที่สุดจึงบังเกิด
กล้วยเชื่อม ราดน้ำกะทิ
ปูนกินหมาก แช่น้ำไว้ น้ำที่ลอยเหนือปูนแดง
นั้นคือ น้ำปูนใส นำมาผสมน้ำ สำหรับ
แช่กล้วย หั่นกล้วย แล้วแช่ไว้ประมาณ
ครึ่งชั่วโมง จากนั้นนำไปล้างน้ำเปล่าซัก
2-3 ครั้งให้ ยางกล้วยออก กล้วยจะมีความ
รัดตัว เนื้อสัมผัส แข็งขึ้น
ต้มน้ำเชื่อม ให้เดือด ใส่กล้วยลงต้ม
ช่วงนี้เปิดไฟแรงเลยค่ะ พอน้ำเดือด
จะมีฟอง ก็ช้อนทิ้งไป ต้มซักพัก จึง
บีบมะนาว 1 ซีก เพื่อว่าเมื่อกล้วยสุก
น้ำตาลจะไม่ตกผลึก จะคงความเป็น
น้ำเชื่อมอยู่ และอยากจะบอกว่า เรา
ชอบตักน้ำเชื่อมและกล้วย เข้าปาก
แบบฉ่ำๆ มันหวานชื่นใจดีแท้
ปรับเป็นไฟอ่อน ผ่านไป 1 ชม.สีเริ่มสวย
เป็นสีส้มๆแล้ว เชื่อมต่อไป ประมาณ 2 ชม.
กล้วยก็แดงแล้ว ระหว่างเชื่อม หากน้ำแห้ง
เราเติมน้ำลงไปอีกนิดหน่อย เพื่อกันก้นหม้อไหม้
ลองชิมดูว่ากล้วยไม่ฝาด มีความหวานของ
น้ำเชื่อมแทรกซึมในเนื้อกล้วย ก็คือใช้ได้
มาทำน้ำกะทิ สำหรับราดหน้ากันต่อ
เราใช้กะทิพาสเจอร์ไรส์ ใส่เกลือ คนๆ
แล้วชิมว่าเค็มปะแล่มๆ ตั้งไฟ เมื่อขอบ
หม้อเริ่มเดือด ละลายแป้งข้าวจ้าวกับน้ำ
เล็กน้อย ใส่ลงในกะทิ แล้วคน แบบรวดเร็ว
ช่วงนี้กะทิ จะเดือดเร็วมากๆ ปิดไฟ
พร้อมเสริฟ
ไปเด็ดดอกมะลิ จากบ้านข้างๆอีกแหล่ะ
เอามาใส่ในหม้อเชื่อมกล้วย และ กะทิ
เพื่อเพิ่มความหอม
อ่านมาถึงตรงนี้ คงต้องมีคนสงสัยมั่งแหล่ะ
ว่า เราเป็นป้าข้างบ้าน ที่ไม่เคยมีอะไรเป็น
ของตนเองเลย เก็บจากบ้านข้างๆตลอด
คนแถวๆบ้าน นับไป นับมา ก็ญาติกันทั้งนั้น
แต่เหนืออื่นใด คือ เรารู้จักแบ่งปัน ไม่ว่าจะ
เอาอะไรมาจากบ้านใคร ก็จะนำกลับไป
แบ่งปันคืนกลับให้เขาทั้งนั้น นี่คือ อีกหนึ่ง
สาเหตุที่ว่า ทำไม บ้านข้างๆ ชอบเอานู่น
นี่ นั่น มาให้เรื่อยเลย แล้วก็เหมือนหางาน
มาให้ตลอด ทั้งๆที่จริงๆแล้ว เราก็อุตส่าห์
ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรที่ หวานๆ มันๆ เลย
กล้วยเชื่อมหวานๆ กะทิเค็มๆมันๆข้นๆ
เข้ากั้น เข้ากัน........
ยังค่ะ ยังไม่จบ กล้วยยังไม่หมด
นก หนู แถวบ้านก็มารยาทดีซะจริง
ไม่ยอมกินกล้วยให้หมดเครือซักที
ความเสียดายของ ก็บังเกิดอีกแล้ว
กล้วยตาก
ก็ต้องมาแล้วล่ะ
เมนูนี้ ไม่ต้องทำอะไรมากมาย แต่
อาศัยความใส่ใจ ในความสะอาด
และขยัน เช้า เอาออกไปตาก แล้ว
ก็ไปทำงาน พอฟ้าครึ้ม ก็นั่งวิตกว่า
ฝนจะตกมั้ย ถ้าตก กล้วยเราก็จะฉ่ำน้ำ
ก็คงต้องทิ้งแน่ๆ แต่...ฝนไม่ตกเลย
ตอนเย็น ก็ไปเก็บเข้าบ้าน เอามากลับ
ด้าน ให้กล้วยโดนแดดทั่วถึง ทำแบบนี้
4 วัน กล้วยเริ่มแห้ง ก็เอามา กดๆให้แบนๆ
เพื่อรีดน้ำหวานที่อยู่ในตัวกล้วย ให้ออกมา
ก่อนจะนำไปตากอีกครั้ง ครบ 5 วัน
ก็พร้อมเสริฟแล้ว
กล้วว่ากล้วยตาก จะไม่หวานพอ จะสู้
กล้วยเชื่อมไม่ได้ ขอประดับด้วย ดอกพวงชมพู
ให้ รู้สึกว่า หว๊าน หวาน ซักหน่อย
เหนียวๆ หนึบๆ หวานกำลังดี อร่อยอีกแล้ว
เนี่ย..เพราะความเสียดายของแท้ๆ ดูสิ
เลยได้เมนูที่กินแล้ว บอกให้หมอรู้ไม่ได้
เลยนะ หมอด่าตายเลย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
กล้วยน้ำว้าเชื่อม VS กล้วยตาก ใครจะหวานฉ่ำมาก กว่ากัน