ดร.พิชาย ชี้ 6 นัยยะ ผลเลือกซ่อมระยอง ตอกย้ำปรากฏการณ์คนตื่นรู้ จนขั้วเก่าตื่นตระหนก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4175280
อาจารย์พิชาย พิชาย ชี้ 6 นัยยะ ผลเลือกซ่อมระยอง ตอกย้ำปรากฏการณ์คนตื่นรู้ จนชนชั้นนำอนุรักษนิยม ตื่นตระหนก
เมื่อวันที่ 11 กันยายน ดร.
พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมือง และยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อเขียนวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.ระยอง โดยระบุว่า
ชัยชนะเลือกตั้งซ่อมของพรรคก้าวไกลที่เขต 3 จังหวัดระยองมีนัยสำคัญดังนี้
1.แม้ว่าเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.ระยองมีความเป็นเมืองไม่สูงมากนัก แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ตื่นตัวทางการเมืองสูง และสามารถข้ามพ้นการเมืองระบบบ้านใหญ่แบบเก่าได้แล้ว พวกเขากำลังเดินเข้าสู่เส้นทางการเมืองแบบใหม่ที่เรียกว่า การเมืองแบบพลเมืองตื่นรู้
2.พรรคก้าวไกลสามารถรักษาความนิยมได้อย่างต่อเนื่องทั้งที่เป็นฝ่ายค้านแสดงว่า จุดยืนทางการเมือง อุดมการณ์ของพรรคในภาพรวม และแนวทางการทำงานของพรรคในระดับพื้นที่มีความแข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับของประชาชน และอาจนำไปใช้เป็นตัวแบบในเขตเลือกตั้งที่มีบริบทคล้ายกันได้ในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศได้
3.การแสดงออกทางการเมืองของประชาชนชาวจังหวัดระยอง เสมือนการยืนยันซ้ำอีกครั้งให้กลุ่มอำนาจชนชั้นนำในเมืองหลวงรับรู้ว่า ประชาชนไม่ยอมรับการใช้อำนาจแบบเดิมอีกต่อไป และเป็นการแสดงออกที่สะท้อนความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่อื่นๆ จำนวนมากว่า ประชาชนชาวไทยต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
4.ในอดีตชัยชนะภายใต้บริบทการเลือกตั้งซ่อมเป็นการยากที่พรรคการเมืองแบบใหม่จะเอาชัยชนะเหนือระบบอุปถัมภ์ ระบบบ้านใหญ่ และการใช้อำนาจรัฐได้ พรรคการเมืองแบบใหม่มักเอาชนะได้ในบริบทเลือกตั้งทั่วไปและเป็นเขตที่มีชนชั้นกลางมากและมีความเป็นเมืองสูง แต่ชัยชนะครั้งนี้ได้ทำลายแบบแผนเก่าลงไปได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าแนวทางการเมืองแบบใหม่ได้เป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างกว้างขวาง และมีความเป็นไปได้สูงว่า ความต้องการการเมืองแบบใหม่ของประชาชนกำลังขยายตัวมากขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย
5.มีความเป็นไปได้สูงเช่นกันว่า วิถีของการเมืองแบบใหม่อาจจะแพร่กระจายไปสู่การเมืองท้องถิ่นในระดับจังหวัด อย่างการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่กำลังจะมาถึงในต้นปี 2568 และการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับอื่นๆ ในปีถัดไป รวมทั้งการเลือกตั้งระดับชาติในปี 2570 ด้วย
6.ปรากฏการณ์นี้ “การเมืองแบบประชาชนตื่นรู้” อาจสร้างความตื่นตระหนกแก่ชนชั้นนำของฝ่ายอนุรักษนิยม และมีความเป็นไปได้ว่า พวกเขาจะใช้กลไกอำนาจรัฐที่พวกเขายังควบคุมได้อยู่ดำเนินการสกัดกั้นการเติบโตของการเมืองแบบใหม่ทุกวิถีทาง ทั้งการทำลายผู้นำ การทำลายภาพลักษณ์ และการยุบพรรค
อย่างไรก็ตาม การทำลายพรรคการเมืองที่เป็นองค์การ หรือทำลายผู้นำที่เป็นตัวบุคคล โดยกลุ่มชนชั้นนำอำนาจนิยม ไม่อาจหยุดยั้งการเติบโตของการเมืองแบบใหม่ได้ เพราะการเมืองแบบใหม่กำลังเป็นฉันทามติร่วมของประชาชนส่วนใหญ่ พรรคและผู้นำพรรคเป็นเพียงภาพสะท้อนของการเป็นตัวแทนของ “ฉันทามติร่วมของประชาชน” เท่านั้น ดังนั้นแม้พรรค และผู้นำจะถูกทำลายก็ไม่สามารถขจัดฉันทามติร่วมแบบใหม่ของประชาชนได้ กลับยิ่งทำให้ฉันทามติร่วมขยายตัวออกไปมากยิ่งขึ้น
https://web.facebook.com/PhichainaBhuket/posts/pfbid032SSADSQnwZQC4y3R94wbuiMq9vPeSfuiwAe7X7cbjiRnpKBt52CbpEqqjwLkvFZwl
องค์กรต้านโกงแถลงการณ์จี้หยุดวิ่งเต้น ขอ ‘เศรษฐา’ จริงจังตามคำมั่น สร้างกำลังใจ ขรก.น้ำดี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4175266
ตร.เอี่ยวคดีกำนันนกเอฟเฟ็กต์ องค์กรต้านโกงแถลงการณ์ขอ ‘เศรษฐา’ จริงจังตามคำมั่น มุ่งค้านโยกย้ายไม่เป็นธรรม สร้างขวัญกำลังใจ ขรก.น้ำดี หวังเรื่องซื้อตำแหน่งหมดไปจากไทยในช่วงการทำงาน รบ.ชุดนี้
เมื่อวันที่ 11 กันยายน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ประเทศไทย (ACT) ออกแถลงการณ์ หยุดการวิ่งเต้น-โยกย้าย การโกงเอาตำแหน่ง โดยอ้างอิงกรณี พ.ต.ต.
ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ตำรวจทางหลวง ถูกยิงเสียชีวิตในงานเลี้ยงบ้านกำนันนก จ.นครปฐม
แถลงการณ์ระบุว่า จากเหตุการณ์นายตำรวจถูกยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บในบ้านของผู้มีอิทธิพลที่ จ.นครปฐม โดยปรากฏในเวลาต่อมาว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าหาผู้มีอิทธิพลเพื่อผลประโยชน์และโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ การแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย ส่วย และธุรกิจสีเทา ที่ล้วนเป็นพฤติกรรมคอร์รัปชั่นซ้ำซากในสังคมไทย
คดีนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของระบบราชการที่ล้มเหลวเต็มไปด้วยการทุจริตคดโกง อันสืบเนื่องมาจากการบริหารจัดการที่ขาดธรรมาภิบาล ไม่รู้จักผิดชอบชั่ว ปล่อยให้ข้าราชการที่ไม่ดีไร้เกียรติก้มหัวเข้าหายอมเป็นเครื่องมือให้กับผู้มีอิทธิพล ในขณะที่ข้าราชการน้ำดีมักจะถูกกลั่นแกล้งกดหัวจนถึงขั้นเอาชีวิต ดังที่เพิ่งปรากฏเป็นข่าวที่สะเทือนขวัญของคนไทยในขณะนี้
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯเห็นว่า เพื่อปกป้องและคืนความเป็นธรรมให้ข้าราชการน้ำดี ไม่โกงกินได้มีที่ยืน และเติบโตก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ จำต้องกำจัดอภิสิทธิ์ชนและเครือข่ายอุปถัมภ์ของนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล และนายทุนสีเทา โดยเร่งรัดดำเนินการตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีที่กล่าวในงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่น 6 กันยายน 2566 ที่ผ่านมาว่า
“
การซื้อขายตำแหน่งการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมต้องหมดไป ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ ปัญหาคอร์รัปชั่นจะลดลง มีความโปร่งใส เป็นธรรมเพิ่มขึ้น สร้างความยอมรับนับถือจากทั่วโลก ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน”
จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีได้โปรดแสดงบทบาทอย่างจริงจังทันทีตามที่ได้กล่าวเป็นคำมั่นกับสาธารณชนไว้ เพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการผู้มุ่งมั่นรับใช้แผ่นดิน ตลอดจนสังคมไทยที่เอือมระอา ต่อระบบราชการที่เต็มไปด้วยการโกงกิน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯพร้อมจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้การวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งหมดไปจากระบบราชการไทยในช่วงการทำงานของรัฐบาลชุดนี้
สภาโหรงเหรง ส.ว.ถาม นายกฯ-ครม. หายไปไหนหมด จี้ มท.ห่วง ‘กำนันนก’ ไม่ปลอดภัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4175029
‘วุฒิสภา’ จี้ถาม มท. นโยบายปราบผู้มีอิทธิพล ห่วง ‘กำนันนก’ ไม่ปลอดภัยจนถึงวันขึ้นศาล โวย ‘เศรษฐา’ หายตัวไม่อยู่ในห้องประชุม
เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 11 กันยายน ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตร 162 โดยมี นาย
พรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานสภา นาย
ประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ ส.ว. อภิปรายต่อประเด็นหลักนิติธรรม โดยระบุตอนหนึ่งว่า ในกรณีของนาย
ประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก กำนันตำบลตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ที่เป็นผู้ต้องหาสังหาร พ.ต.ต.
ศิวกร สายบัว สารวัตรตำรวจทางหลวง กลางงานเลี้ยง ทำให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐ คือ ตำรวจมีส่วนสนับสนุน อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งโยนบาปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมด ควรรับฟังข้อมูลทุกภาคส่วน จากกรณีที่เกิดขึ้นทำให้ตนมีคำถามว่ากรณีที่นาย
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มาจากพรรคการเมืองเดียวกันเร่งดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลนั้น ตนอยากทราบว่าจะทำอย่างไร ขึ้นบัญชีอย่างไร รวมถึงมีขั้นตอนอย่างไร ตนขอคำตอบในคำถามดังกล่าวให้ชื่นใจ
“
ผมกังวลต่อความปลอดภัยในชีวิตของกำนันนก ว่าจะอยู่จนถึงวันขึ้นศาลหรือไม่ หรือจะถูกทำในสิ่งที่ไม่ควร ทั้งนี้ ในกระบวนยุติธรรมที่ต้องยึดหลักนิติรัฐ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งนี้ การปราบปรามบ่อน ซ่อง ผู้มีอิทธิพลต่างๆ รัฐบาลจะทำให้ได้ในช่วงเวลาใดที่เหมาะสม” นาย
ประสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการอภิปรายในช่วงบ่ายเป็นไปอย่างราบเรียบ เงียบเหงา มีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมไม่มากนัก โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และ ครม. ที่หลายคนไม่อยู่ในห้องประชุม ทำให้นาย
เฉลิมชัย เฟื่องคอน ส.ว. ลุกขึ้นตำหนิว่า “
สมาชิกที่อภิปราย อภิปรายให้ใครฟัง เพราะท่านนายกฯ กับคณะรัฐมนตรี หายไปหมดเลย ท่านประธานช่วยถามหาคนหายให้หน่อย หายไปไหน ช่วยเข้ามาฟังโดยด่วน เพราะสมาชิกที่อภิปราย เขาซักถาม เสนอแนะ แต่ท่านไม่เข้ามาฟัง แสดงว่าท่านไม่มีความรับผิดชอบ”
ซึ่งนาย
พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม กล่าวว่า คาดว่านายกรัฐมนตรีคงอยู่ข้างนอก เดี๋ยวจะให้เจ้าหน้าที่ไปดูให้ ทั้งนี้ เนื้อหาการอภิปรายของ ส.ว.ส่วนใหญ่ จะเป็นการพูดเพียงกรอบกว้างๆ ไม่ได้ลงลึกรายละเอียด เพราะมีเวลาอภิปรายเพียงคนละ 5 นาที ส่วนใหญ่จะตั้งข้อสังเกต และซักถามเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 และการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะมีขอบเขตการแก้ไขแค่ไหน ตลอดจนเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ตั้งข้อสังเกตจะนำเงินงบประมาณมาจากไหน และทำไมต้องแจกคนอายุ 16 ปีขึ้นไป
เอกชน จับตานโยบายรัฐบาล จะนำไปสู่การขับเคลื่อนได้เร็วแค่ไหน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/365691
นาย
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลสอดคล้องกับข้อเสนอของหอการค้าไทยที่เสนอไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งการลดราคาน้ำมัน ค่าไฟ ให้อยู่ระดับเหมาะสมกับค่าครองชีพประชาชน และลดต้นทุนภาคเอกชนให้แข่งขันได้ รวมถึงการเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น มาตรการ Free VISA พร้อมกับการเพิ่มเที่ยวบินรองรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Sesson , การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณค้างท่อ การพักหนี้เกษตรกร 3 ปี หากทำทันในปีนี้ จะช่วยเกษตรกรตัวเบาขึ้นจากภาระหนี้สิน รวมถึงแผนรับมือภัยแล้ง
ส่วนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ซึ่งเป็นมาตรการไฮไลท์ หวังว่าจะดำเนินการได้ภายในไตรมาส 1 ปี 67 เพื่อเป็นแรงหนุนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยต่อเนื่องจากเทศกาลปีใหม่ อย่างไรก็ตามยังมีความเป็นห่วงว่า งบประมาณนำมาจากส่วนใด และอาจไม่จำเป็นต้องแจกเงินทุกคนที่เข้าเงื่อนไข แต่มุ่งช่วยเหลือกลุ่มที่เดือดร้อนเป็นอันดับแรก และช่องทางการแจกเงิน หากนำมาเชื่อมกับระบบเป๋าตังของกรุงไทย ซึ่งมีฐานผู้ใช้งานอยู่แล้ว จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงเงินดิจิตอล 10,000 บาท ได้เร็วขึ้น
ขณะที่นาย
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนกำลังติดตามว่า นโยบายต่างๆ ที่แถลงต่อรัฐสภา จะนำไปสู่การปฏิบัติได้เร็วแค่ไหน โดยเฉพาะการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ซึ่งเอกชนพร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
JJNY : 5in1 ขั้วเก่าตื่นตระหนก│องค์กรต้านโกงจี้หยุดวิ่งเต้น│สภาโหรงเหรง│เอกชนจับตานโยบาย│ฝรั่งเศสช่วยโมร็อกโกผ่านองค์กร
https://www.matichon.co.th/politics/news_4175280
อาจารย์พิชาย พิชาย ชี้ 6 นัยยะ ผลเลือกซ่อมระยอง ตอกย้ำปรากฏการณ์คนตื่นรู้ จนชนชั้นนำอนุรักษนิยม ตื่นตระหนก
เมื่อวันที่ 11 กันยายน ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมือง และยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อเขียนวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.ระยอง โดยระบุว่า
ชัยชนะเลือกตั้งซ่อมของพรรคก้าวไกลที่เขต 3 จังหวัดระยองมีนัยสำคัญดังนี้
1.แม้ว่าเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.ระยองมีความเป็นเมืองไม่สูงมากนัก แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ตื่นตัวทางการเมืองสูง และสามารถข้ามพ้นการเมืองระบบบ้านใหญ่แบบเก่าได้แล้ว พวกเขากำลังเดินเข้าสู่เส้นทางการเมืองแบบใหม่ที่เรียกว่า การเมืองแบบพลเมืองตื่นรู้
2.พรรคก้าวไกลสามารถรักษาความนิยมได้อย่างต่อเนื่องทั้งที่เป็นฝ่ายค้านแสดงว่า จุดยืนทางการเมือง อุดมการณ์ของพรรคในภาพรวม และแนวทางการทำงานของพรรคในระดับพื้นที่มีความแข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับของประชาชน และอาจนำไปใช้เป็นตัวแบบในเขตเลือกตั้งที่มีบริบทคล้ายกันได้ในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศได้
3.การแสดงออกทางการเมืองของประชาชนชาวจังหวัดระยอง เสมือนการยืนยันซ้ำอีกครั้งให้กลุ่มอำนาจชนชั้นนำในเมืองหลวงรับรู้ว่า ประชาชนไม่ยอมรับการใช้อำนาจแบบเดิมอีกต่อไป และเป็นการแสดงออกที่สะท้อนความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่อื่นๆ จำนวนมากว่า ประชาชนชาวไทยต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
4.ในอดีตชัยชนะภายใต้บริบทการเลือกตั้งซ่อมเป็นการยากที่พรรคการเมืองแบบใหม่จะเอาชัยชนะเหนือระบบอุปถัมภ์ ระบบบ้านใหญ่ และการใช้อำนาจรัฐได้ พรรคการเมืองแบบใหม่มักเอาชนะได้ในบริบทเลือกตั้งทั่วไปและเป็นเขตที่มีชนชั้นกลางมากและมีความเป็นเมืองสูง แต่ชัยชนะครั้งนี้ได้ทำลายแบบแผนเก่าลงไปได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าแนวทางการเมืองแบบใหม่ได้เป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างกว้างขวาง และมีความเป็นไปได้สูงว่า ความต้องการการเมืองแบบใหม่ของประชาชนกำลังขยายตัวมากขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย
5.มีความเป็นไปได้สูงเช่นกันว่า วิถีของการเมืองแบบใหม่อาจจะแพร่กระจายไปสู่การเมืองท้องถิ่นในระดับจังหวัด อย่างการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่กำลังจะมาถึงในต้นปี 2568 และการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับอื่นๆ ในปีถัดไป รวมทั้งการเลือกตั้งระดับชาติในปี 2570 ด้วย
6.ปรากฏการณ์นี้ “การเมืองแบบประชาชนตื่นรู้” อาจสร้างความตื่นตระหนกแก่ชนชั้นนำของฝ่ายอนุรักษนิยม และมีความเป็นไปได้ว่า พวกเขาจะใช้กลไกอำนาจรัฐที่พวกเขายังควบคุมได้อยู่ดำเนินการสกัดกั้นการเติบโตของการเมืองแบบใหม่ทุกวิถีทาง ทั้งการทำลายผู้นำ การทำลายภาพลักษณ์ และการยุบพรรค
อย่างไรก็ตาม การทำลายพรรคการเมืองที่เป็นองค์การ หรือทำลายผู้นำที่เป็นตัวบุคคล โดยกลุ่มชนชั้นนำอำนาจนิยม ไม่อาจหยุดยั้งการเติบโตของการเมืองแบบใหม่ได้ เพราะการเมืองแบบใหม่กำลังเป็นฉันทามติร่วมของประชาชนส่วนใหญ่ พรรคและผู้นำพรรคเป็นเพียงภาพสะท้อนของการเป็นตัวแทนของ “ฉันทามติร่วมของประชาชน” เท่านั้น ดังนั้นแม้พรรค และผู้นำจะถูกทำลายก็ไม่สามารถขจัดฉันทามติร่วมแบบใหม่ของประชาชนได้ กลับยิ่งทำให้ฉันทามติร่วมขยายตัวออกไปมากยิ่งขึ้น
https://web.facebook.com/PhichainaBhuket/posts/pfbid032SSADSQnwZQC4y3R94wbuiMq9vPeSfuiwAe7X7cbjiRnpKBt52CbpEqqjwLkvFZwl
องค์กรต้านโกงแถลงการณ์จี้หยุดวิ่งเต้น ขอ ‘เศรษฐา’ จริงจังตามคำมั่น สร้างกำลังใจ ขรก.น้ำดี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4175266
ตร.เอี่ยวคดีกำนันนกเอฟเฟ็กต์ องค์กรต้านโกงแถลงการณ์ขอ ‘เศรษฐา’ จริงจังตามคำมั่น มุ่งค้านโยกย้ายไม่เป็นธรรม สร้างขวัญกำลังใจ ขรก.น้ำดี หวังเรื่องซื้อตำแหน่งหมดไปจากไทยในช่วงการทำงาน รบ.ชุดนี้
เมื่อวันที่ 11 กันยายน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ประเทศไทย (ACT) ออกแถลงการณ์ หยุดการวิ่งเต้น-โยกย้าย การโกงเอาตำแหน่ง โดยอ้างอิงกรณี พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ตำรวจทางหลวง ถูกยิงเสียชีวิตในงานเลี้ยงบ้านกำนันนก จ.นครปฐม
แถลงการณ์ระบุว่า จากเหตุการณ์นายตำรวจถูกยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บในบ้านของผู้มีอิทธิพลที่ จ.นครปฐม โดยปรากฏในเวลาต่อมาว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าหาผู้มีอิทธิพลเพื่อผลประโยชน์และโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ การแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย ส่วย และธุรกิจสีเทา ที่ล้วนเป็นพฤติกรรมคอร์รัปชั่นซ้ำซากในสังคมไทย
คดีนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของระบบราชการที่ล้มเหลวเต็มไปด้วยการทุจริตคดโกง อันสืบเนื่องมาจากการบริหารจัดการที่ขาดธรรมาภิบาล ไม่รู้จักผิดชอบชั่ว ปล่อยให้ข้าราชการที่ไม่ดีไร้เกียรติก้มหัวเข้าหายอมเป็นเครื่องมือให้กับผู้มีอิทธิพล ในขณะที่ข้าราชการน้ำดีมักจะถูกกลั่นแกล้งกดหัวจนถึงขั้นเอาชีวิต ดังที่เพิ่งปรากฏเป็นข่าวที่สะเทือนขวัญของคนไทยในขณะนี้
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯเห็นว่า เพื่อปกป้องและคืนความเป็นธรรมให้ข้าราชการน้ำดี ไม่โกงกินได้มีที่ยืน และเติบโตก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ จำต้องกำจัดอภิสิทธิ์ชนและเครือข่ายอุปถัมภ์ของนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล และนายทุนสีเทา โดยเร่งรัดดำเนินการตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีที่กล่าวในงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่น 6 กันยายน 2566 ที่ผ่านมาว่า
“การซื้อขายตำแหน่งการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมต้องหมดไป ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ ปัญหาคอร์รัปชั่นจะลดลง มีความโปร่งใส เป็นธรรมเพิ่มขึ้น สร้างความยอมรับนับถือจากทั่วโลก ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน”
จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีได้โปรดแสดงบทบาทอย่างจริงจังทันทีตามที่ได้กล่าวเป็นคำมั่นกับสาธารณชนไว้ เพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการผู้มุ่งมั่นรับใช้แผ่นดิน ตลอดจนสังคมไทยที่เอือมระอา ต่อระบบราชการที่เต็มไปด้วยการโกงกิน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯพร้อมจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้การวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งหมดไปจากระบบราชการไทยในช่วงการทำงานของรัฐบาลชุดนี้
สภาโหรงเหรง ส.ว.ถาม นายกฯ-ครม. หายไปไหนหมด จี้ มท.ห่วง ‘กำนันนก’ ไม่ปลอดภัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4175029
‘วุฒิสภา’ จี้ถาม มท. นโยบายปราบผู้มีอิทธิพล ห่วง ‘กำนันนก’ ไม่ปลอดภัยจนถึงวันขึ้นศาล โวย ‘เศรษฐา’ หายตัวไม่อยู่ในห้องประชุม
เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 11 กันยายน ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตร 162 โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานสภา นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ ส.ว. อภิปรายต่อประเด็นหลักนิติธรรม โดยระบุตอนหนึ่งว่า ในกรณีของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก กำนันตำบลตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ที่เป็นผู้ต้องหาสังหาร พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรตำรวจทางหลวง กลางงานเลี้ยง ทำให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐ คือ ตำรวจมีส่วนสนับสนุน อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งโยนบาปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมด ควรรับฟังข้อมูลทุกภาคส่วน จากกรณีที่เกิดขึ้นทำให้ตนมีคำถามว่ากรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มาจากพรรคการเมืองเดียวกันเร่งดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลนั้น ตนอยากทราบว่าจะทำอย่างไร ขึ้นบัญชีอย่างไร รวมถึงมีขั้นตอนอย่างไร ตนขอคำตอบในคำถามดังกล่าวให้ชื่นใจ
“ผมกังวลต่อความปลอดภัยในชีวิตของกำนันนก ว่าจะอยู่จนถึงวันขึ้นศาลหรือไม่ หรือจะถูกทำในสิ่งที่ไม่ควร ทั้งนี้ ในกระบวนยุติธรรมที่ต้องยึดหลักนิติรัฐ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งนี้ การปราบปรามบ่อน ซ่อง ผู้มีอิทธิพลต่างๆ รัฐบาลจะทำให้ได้ในช่วงเวลาใดที่เหมาะสม” นายประสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการอภิปรายในช่วงบ่ายเป็นไปอย่างราบเรียบ เงียบเหงา มีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมไม่มากนัก โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และ ครม. ที่หลายคนไม่อยู่ในห้องประชุม ทำให้นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ส.ว. ลุกขึ้นตำหนิว่า “สมาชิกที่อภิปราย อภิปรายให้ใครฟัง เพราะท่านนายกฯ กับคณะรัฐมนตรี หายไปหมดเลย ท่านประธานช่วยถามหาคนหายให้หน่อย หายไปไหน ช่วยเข้ามาฟังโดยด่วน เพราะสมาชิกที่อภิปราย เขาซักถาม เสนอแนะ แต่ท่านไม่เข้ามาฟัง แสดงว่าท่านไม่มีความรับผิดชอบ”
ซึ่งนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม กล่าวว่า คาดว่านายกรัฐมนตรีคงอยู่ข้างนอก เดี๋ยวจะให้เจ้าหน้าที่ไปดูให้ ทั้งนี้ เนื้อหาการอภิปรายของ ส.ว.ส่วนใหญ่ จะเป็นการพูดเพียงกรอบกว้างๆ ไม่ได้ลงลึกรายละเอียด เพราะมีเวลาอภิปรายเพียงคนละ 5 นาที ส่วนใหญ่จะตั้งข้อสังเกต และซักถามเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 และการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะมีขอบเขตการแก้ไขแค่ไหน ตลอดจนเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ตั้งข้อสังเกตจะนำเงินงบประมาณมาจากไหน และทำไมต้องแจกคนอายุ 16 ปีขึ้นไป
เอกชน จับตานโยบายรัฐบาล จะนำไปสู่การขับเคลื่อนได้เร็วแค่ไหน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/365691
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลสอดคล้องกับข้อเสนอของหอการค้าไทยที่เสนอไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งการลดราคาน้ำมัน ค่าไฟ ให้อยู่ระดับเหมาะสมกับค่าครองชีพประชาชน และลดต้นทุนภาคเอกชนให้แข่งขันได้ รวมถึงการเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น มาตรการ Free VISA พร้อมกับการเพิ่มเที่ยวบินรองรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Sesson , การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณค้างท่อ การพักหนี้เกษตรกร 3 ปี หากทำทันในปีนี้ จะช่วยเกษตรกรตัวเบาขึ้นจากภาระหนี้สิน รวมถึงแผนรับมือภัยแล้ง
ส่วนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ซึ่งเป็นมาตรการไฮไลท์ หวังว่าจะดำเนินการได้ภายในไตรมาส 1 ปี 67 เพื่อเป็นแรงหนุนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยต่อเนื่องจากเทศกาลปีใหม่ อย่างไรก็ตามยังมีความเป็นห่วงว่า งบประมาณนำมาจากส่วนใด และอาจไม่จำเป็นต้องแจกเงินทุกคนที่เข้าเงื่อนไข แต่มุ่งช่วยเหลือกลุ่มที่เดือดร้อนเป็นอันดับแรก และช่องทางการแจกเงิน หากนำมาเชื่อมกับระบบเป๋าตังของกรุงไทย ซึ่งมีฐานผู้ใช้งานอยู่แล้ว จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงเงินดิจิตอล 10,000 บาท ได้เร็วขึ้น
ขณะที่นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนกำลังติดตามว่า นโยบายต่างๆ ที่แถลงต่อรัฐสภา จะนำไปสู่การปฏิบัติได้เร็วแค่ไหน โดยเฉพาะการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ซึ่งเอกชนพร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ