ศรายุทธิ์ ลั่น ลุยทำงานพิสูจน์ ปชน. ไม่ด้อยกว่า ก้าวไกล มั่นใจคว้าชัยอบจ.ตามเป้า
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9571246
ศรายุทธิ์ ลั่น ลุยทำงานอย่างเต็มที่ พิสูจน์ว่า ปชน. ไม่ด้อยกว่า ก้าวไกล เชื่อทิศทางพรรคจะดีขึ้น มั่นใจ ชนะสนามอบจ.หลายจังหวัด ตามที่ตั้งเป้าไว้
เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2567 นาย
ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์กรณีผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล ที่คะแนนของพรรคประชาชน และนาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งทั้งคู่ว่า ตอนที่พรรคก้าวไกลถูกยุบและผลสำรวจออกมาว่าพรรคประชาชนมีลำดับที่หล่นลงมา
ตนเคยให้สัมภาษณ์ไปว่าเป็นธรรมชาติของการยุบพรรค และเราตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ ซึ่งในสถานการณ์ปกติที่คนไม่ได้สนใจการเมืองมาก คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าพรรคใหม่ของเราเป็นอะไร แต่ตนเชื่อว่าคนที่เคยชอบเราจะยังสนับสนุนเราอยู่ ไม่ได้หายไปไหน
แต่หลังจากที่เราทำเรื่องเลือกตั้งท้องถิ่นเยอะขึ้น มีการรณรงค์เยอะขึ้น คนที่ไม่เคยรู้ว่าตอนนี้พรรคก้าวไกลเปลี่ยนมาเป็นพรรคประชาชนแล้ว ก็เริ่มรับรู้มากขึ้น ฉะนั้น ย้ำว่าทิศทางของพรรคก็จะเพิ่มขึ้นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนใกล้เคียงกับสิ่งที่เราเคยเป็น
เมื่อถามว่า ในปี 2568 พรรคประชาชนจะมีการปรับเปลี่ยนการทำงานอะไรใหม่หรือไม่ นาย
ศรายุทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่ายังเป็นเหมือนทิศทางภาพใหญ่ที่เราเคยคุยกันตั้งแต่ตอนตั้งพรรค ไม่ได้ปรับอะไร เพียงแค่เราต้องทำงานหนักและชัดเจนมากขึ้น แต่การกำหนดทิศทางอะไรจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
ไม่ว่าจะเป็นงานตรวจสอบในสภาฯ ที่จะต้องมีการอภิปรายในช่วงต้นปีหน้า เราจะยังคงทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า พรรคประชาชนไม่ได้ด้อยลงจากพรรคก้าวไกล
ขณะเดียวกันเรื่องท้องถิ่นก็จะยังคงเป็นไปในทิศทางเดิม เรายังคงต้องมุ่งมั่นที่จะเอาชนะสนามการเมืองท้องถิ่นให้ได้ในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่จะมีการเลือกตั้งในช่วงต้นเดือนก.พ.นี้ และตนยังมั่นใจว่าประสบการณ์ของเราจะทำให้เราประสบผลสำเร็จในการเลือกตั้งรอบนี้
เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมในการสู้ศึกสนามนายก อบจ. นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า เราประกาศส่งผู้สมัครในนามพรรคไป 17 สนาม ในช่วงนี้เราก็เริ่มทยอยที่จะให้แกนนำลงพื้นที่กระจายไปในหลายจังหวัดที่เราส่งแล้ว
เมื่อถามต่อว่ามีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหน นาย
ศรายุทธิ์ กล่าวว่า ยังคงมั่นใจอยู่ว่าเราคงเอาชนะได้ในหลายจังหวัดที่เราตั้งเป้าไว้ และยังไม่เห็นว่ามีอุปสรรคอะไร
เมื่อถามว่าหลายสนามท้องถิ่นที่พรรคประชาชนส่งผู้สมัครยังเคยไม่ได้รับชัยชนะ ในสนามอบจ.ที่จะเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ.นี้ จะต้องมีการปรับกลยุทธ์อะไรหรือไม่ นาย
ศรายุทธิ์ กล่าวว่า มีปัจจัยที่แตกต่างกันในสองสนามที่เราแพ้ไป ไม่ว่าจะเป็นจ.อุดรธานี หรืออุบลราชธานี ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ และต้องยอมรับว่าใน จ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยแข็งแรงกว่าเรามาก ด้วยความที่เขาอยู่มานาน แม้เราจะทำได้ดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้
ส่วนใน จ.อุบลราชธานี เราก็ต้องยอมรับว่า ความพร้อมเราน้อยกว่าที่ จ.อุดรธานี เนื่องจากผู้สมัครของเรายังทำงานได้ไม่มากนัก ดังนั้น สนามหลังจากนี้ ตนเชื่อว่าในแต่ละพื้นที่เรามีเวลาเตรียมตัวพอสมควร ฉะนั้น ต้องแตกต่างกันอยู่แล้วจากความพร้อมของเรา
ระทึก! แผ่นดินไหวลำปาง 3 ครั้ง ขนาด 3.4 ลึก 2 กม. รู้สึกสั่นไหว ปภ. แจ้ง 6 จว.ติดตามสถานการณ์
https://www.matichon.co.th/region/news_4978913
ระทึก! แผ่นดินไหวลำปาง 3 ครั้ง ขนาด 3.4 ลึก 2 กม. รู้สึกสั่นไหว ปภ.ประสาน 6 จว.เหนือติดตามสถานการณ์
เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานว่า เมื่อเวลา 23.49.39 น. วันที่ 30 ธ.ค. ตามเวลาประเทศไทย เกิดเหตุแผ่นดินไหว ที่ ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง (18.844°N , 99.488°E) ขนาด 1.4 ลึก 1 กม.
และต่อมาเกิดอัพเตอร์ช็อกต่อเนื่องอีก 2 ครั้งคือเวลา 23.59.:39 แผ่นดินไหว ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง (18.820°N , 99.485°E) ขนาด 1.5 ลึก 1 กม.
และในเวลา 01.28.40 น. ตามเวลาประเทศไทย แผ่นดินไหว ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง (18.863°N , 99.487°E) ขนาด 3.4 Magnitude ลึก 2 กม. มีรายงานความรู้สึกสั่นไหว
ต่อมากองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ได้ติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าว พบว่าพื้นที่อำเภอแม่ออน และอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับความรู้สึกสั่นไหว อาจทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก จึงได้ประสานให้จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ และลำพูน ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชี้แจงประชาชนในพื้นที่เพื่อลดความตื่นตระหนก ประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และหากได้รับความเดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
ปี 2568 สมรภูมิ“อุตฯเซมิคอนดักเตอร์” แข่งเดือดคว้าซัพพลายเชนแห่งอนาคต
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1159672
กลไกสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งอนาคตคือระบบดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ซึ่งมีสมองกลสำคัญภายในนั่นคือ “เซมิคอนดักเตอร์”
ข้อมูลจากStatista แบ่งเซมิคอนดักเตอร์เป็น กลุ่มแบ่งตามส่วนประกอบ ได้แก่ อุปกรณ์หน่วยความจำ, อุปกรณ์ลอจิก , IC (Integrated Circuit หรือ วงจรรวม หรือ วงจรเบ็ดเสร็จ) , อนาล็อก ,หน่วยไมโครโปรเซสเซอร์(MPU) ,อุปกรณ์จ่ายไฟแยก MCU ,เซ็นเซอร์ อื่นๆ และ กลุ่มแบ่งตามการใช้งาน ได้แก่ อุปกรณ์จ่ายไฟ ,อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และออปโตอิเล็กทรอนิกส์ ,โครงสร้างพื้นฐานไร้สาย และอื่นๆ
โดยผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้แก่ Intel Corporation อยู่ที่ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐ ,Qualcomm อยู่ที่ แคลิฟอร์เนีย ,
Samsung Electronics อยู่ที่ ซูวอนซี เกาหลีใต้, SK hynix อยู่ที่ คย็องกี เกาหลีใต้ , Taiwan Semiconductors อยู่ที่ ซินจู ไต้หวัน,
Texas Instruments อยู่ที่ เท็กซัส สหรัฐ, Toshiba Corporation อยู่ที่ โตเกียว ญี่ปุ่น, Rohm Semiconductor อยู่ที่ เกียวโต ญี่ปุ่น ,
Renesas Electronics Corporation อยู่ที่ โตเกียว ญี่ปุ่น, Micron Technology อยู่ที่ ไอดาโฮ สหรัฐ, NVIDIA Corporation อยู่ที่ แคลิฟอร์เนีย ,NXP Semiconductors N.V. อยู่ที่ ไอนด์โฮเฟน เนเธอร์แลนด์ และผู้เล่นรายอื่นๆ
Statista เล่าถึงขนาดตลาดเซมิคอนดักเตอร์ของอาเซียน ว่ามีมูลค่าเมื่อปี 2023 ที่ 31,320 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเติบโตเป็น 52,900 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2032 และมีอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี(CAGR) ที่5.98% ในช่วงปี 2024-2032
ดังนั้น ไทยและประเทศในอาเซียนต่างต้องการชิงตั๋วเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์นี้ แต่สมรภูมิแห่งเทคโนโลยี ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีความพร้อมเข้าร่วมการแข่งขัน เพราะเงื่อนไขอุตสาหกรรมนี้ต้องใช้ทั้งเงินทุนมหาศาล บุคลากรที่มีความพร้อม ไม่รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องเป็นแบบพรีเมี่ยมจริงๆ ซึ่งอาเซียนกำลังเร่งเบนเข็มการพัฒนาให้ตอบโจทย์ดังกล่าว
การประชุมคณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ (บอร์ดเซมิคอนดักเตอร์) นัดแรก
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี การประกาศเป้าหมายการดึงเม็ดเงินลงทุนเข้ามาประเทศไทยให้ได้ 5 แสนล้านบาทภายในระยะเวลา 5 ปี
ด้านอินโดนีเซีย Statista วิเคราะห์ว่า กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ โดยใช้ทรัพยากรนิกเกิลที่มีอยู่อย่างมากมาย ซึ่งจำเป็นต่อการผลิตแบตเตอรี่และเซมิคอนดักเตอร์ ในปี 2022 สามารถผลิตนิกเกิลได้ 1.6 ล้านตัน แซงหน้าออสเตรเลียถึง 10 เท่า และอินโดนีเซียห้ามการส่งออกแร่นิกเกิลที่ยังไม่ได้แปรรูปในปี 2020 ซึ่งส่งผลให้การลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น และการก่อตั้งบริษัทแบตเตอรี่อินโดนีเซีย (IBC) ร่วมกับ LG และ Hyundai สะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางชั้นนำการผลิตแบตเตอรี่ระดับโลก
อินโดนีเซียยังได้รับแรงหนุนจากพระราชบัญญัติ CHIPS ของสหรัฐ ที่ส่งให้เกิดการตั้งโรงงานเซมิคอนดักเตอร์มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเมืองบาตัม และตั้งศูนย์ฝึกอบรมเฉพาะทางในเมืองบันดุง พร้อมกับสร้างความร่วมมือกับผู้นำด้านเทคโนโลยี เช่น LG รวมถึงการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ด้วยการลงทุนจาก Sharp, NEC และ UTAC และการผลิตเวเฟอร์ซิลิคอนของSUMCO ,การผลิตส่วนประกอบของ PT TDK Electronics อินโดนีเซีย
“
การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์นี้ไม่เพียงเพื่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ด้วย เนื่องจากอินโดนีเซียและสหรัฐกำลังทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยสหรัฐลงทุน 131 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล จากความร่วมมือนี้ทำให้อินโดนีเซียเป็นผู้เล่นที่สำคัญในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ของอาเซียน”
ด้านเวียดนามซึ่งครองส่วนแบ่งรายได้ในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ของอาเซียนที่ สัดส่วนแบ่ง 21% ในปี 2023 โดยดึงดูดบริษัทข้ามชาติให้ลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความพยายามดึงดูดการลงทุนของอาเซียนก็พบว่า ปัญหาบุคลากร หรือ แรงงานที่มีทักษะชั้นสูงดูเหมือนจะตามไม่ทันกระแสการลงทุนเทคโนโลยีชั้นสูงนี้
“
การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอาเซียนซึ่งนับเป็นความท้าทายที่สำคัญที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของเวียดนามซึ่งกำลังขยายตัวอยู่ การขาดแคลนวิศวกรที่มีทักษะ ความต้องการวิศวกรในอุตสาหกรรมไอทีและดิจิทัลมีมากกว่าอุปทานในสัดส่วนที่สูงมาก”
ปัจจุบันแรงงานมีทักษะสามารถตอบสนองความต้องการตลาดเซมิคอนดักเตอร์ได้เพียง 20% ของความต้องการเท่านั้น คาดการณ์ว่าต้องมีวิศวกรประมาณ “5,000 -10,000 คน” ต่อปี เพื่อแก้ไขปัญหานี้ กระทรวงศึกษาธิการและการฝึกอบรมของเวียดนามให้ความสำคัญสูงสุดกับการปรับปรุงโปรแกรมการฝึกอบรมสำหรับวิศวกรออกแบบ IC โดยเวียดนามมีแผนที่จะปิดช่องว่างด้านบุคลากรที่มีทักษะและปลดปล่อยศักยภาพทั้งหมดของภาคส่วนเซมิคอนดักเตอร์โดยเพิ่มจำนวนบัณฑิตด้านวิศวกรรมเซมิคอนดักเตอร์เป็น 3,000-4,000 คนต่อปี"
อย่างไรตาม อุปสรรคด้านการแข่งขันจากนอกภูมิภาคก็สำคัญ พบว่า“
อินเดีย”ที่กำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อให้การผลิตเซมิคอนดักเตอร์สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยมีข้อเสนอการลงทุนมูลค่า 2.3 ล้านล้านรูปี หรือ เท่ากับ 30,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก
“
แผนดังกล่าวได้จัดสรรเงินกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และจอภาพในอินเดียให้แข็งแกร่ง โดยให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูด เช่น ความช่วยเหลือทางการเงินสูงสุด 50% สำหรับโรงงานใหม่ และส่งเสริมกลยุทธ์ที่เน้นการออกแบบโดยมีโปรแกรมจูงใจที่เชื่อมโยงกับการออกแบบมูลค่า 1,500 ล้านรูปี แต่ดูเหมือนว่าอินเดียก็ต้องสะดุดขาตัวเองด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่ตอบโจทย์การลงทุนอุตสาหกรรมชั้นสูงนี้เท่าที่ควร”
JJNY : ศรายุทธิ์ลั่น ลุยทำงานพิสูจน์ ปชน.│แผ่นดินไหวลำปาง 3 ครั้ง│ปี 68 “อุตฯเซมิคอนดักเตอร์”เดือด│เกาหลีเหนือให้คำมั่น
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9571246
ศรายุทธิ์ ลั่น ลุยทำงานอย่างเต็มที่ พิสูจน์ว่า ปชน. ไม่ด้อยกว่า ก้าวไกล เชื่อทิศทางพรรคจะดีขึ้น มั่นใจ ชนะสนามอบจ.หลายจังหวัด ตามที่ตั้งเป้าไว้
เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2567 นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์กรณีผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล ที่คะแนนของพรรคประชาชน และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งทั้งคู่ว่า ตอนที่พรรคก้าวไกลถูกยุบและผลสำรวจออกมาว่าพรรคประชาชนมีลำดับที่หล่นลงมา
ตนเคยให้สัมภาษณ์ไปว่าเป็นธรรมชาติของการยุบพรรค และเราตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ ซึ่งในสถานการณ์ปกติที่คนไม่ได้สนใจการเมืองมาก คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าพรรคใหม่ของเราเป็นอะไร แต่ตนเชื่อว่าคนที่เคยชอบเราจะยังสนับสนุนเราอยู่ ไม่ได้หายไปไหน
แต่หลังจากที่เราทำเรื่องเลือกตั้งท้องถิ่นเยอะขึ้น มีการรณรงค์เยอะขึ้น คนที่ไม่เคยรู้ว่าตอนนี้พรรคก้าวไกลเปลี่ยนมาเป็นพรรคประชาชนแล้ว ก็เริ่มรับรู้มากขึ้น ฉะนั้น ย้ำว่าทิศทางของพรรคก็จะเพิ่มขึ้นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนใกล้เคียงกับสิ่งที่เราเคยเป็น
เมื่อถามว่า ในปี 2568 พรรคประชาชนจะมีการปรับเปลี่ยนการทำงานอะไรใหม่หรือไม่ นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่ายังเป็นเหมือนทิศทางภาพใหญ่ที่เราเคยคุยกันตั้งแต่ตอนตั้งพรรค ไม่ได้ปรับอะไร เพียงแค่เราต้องทำงานหนักและชัดเจนมากขึ้น แต่การกำหนดทิศทางอะไรจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
ไม่ว่าจะเป็นงานตรวจสอบในสภาฯ ที่จะต้องมีการอภิปรายในช่วงต้นปีหน้า เราจะยังคงทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า พรรคประชาชนไม่ได้ด้อยลงจากพรรคก้าวไกล
ขณะเดียวกันเรื่องท้องถิ่นก็จะยังคงเป็นไปในทิศทางเดิม เรายังคงต้องมุ่งมั่นที่จะเอาชนะสนามการเมืองท้องถิ่นให้ได้ในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่จะมีการเลือกตั้งในช่วงต้นเดือนก.พ.นี้ และตนยังมั่นใจว่าประสบการณ์ของเราจะทำให้เราประสบผลสำเร็จในการเลือกตั้งรอบนี้
เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมในการสู้ศึกสนามนายก อบจ. นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า เราประกาศส่งผู้สมัครในนามพรรคไป 17 สนาม ในช่วงนี้เราก็เริ่มทยอยที่จะให้แกนนำลงพื้นที่กระจายไปในหลายจังหวัดที่เราส่งแล้ว
เมื่อถามต่อว่ามีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหน นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า ยังคงมั่นใจอยู่ว่าเราคงเอาชนะได้ในหลายจังหวัดที่เราตั้งเป้าไว้ และยังไม่เห็นว่ามีอุปสรรคอะไร
เมื่อถามว่าหลายสนามท้องถิ่นที่พรรคประชาชนส่งผู้สมัครยังเคยไม่ได้รับชัยชนะ ในสนามอบจ.ที่จะเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ.นี้ จะต้องมีการปรับกลยุทธ์อะไรหรือไม่ นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า มีปัจจัยที่แตกต่างกันในสองสนามที่เราแพ้ไป ไม่ว่าจะเป็นจ.อุดรธานี หรืออุบลราชธานี ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ และต้องยอมรับว่าใน จ.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยแข็งแรงกว่าเรามาก ด้วยความที่เขาอยู่มานาน แม้เราจะทำได้ดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้
ส่วนใน จ.อุบลราชธานี เราก็ต้องยอมรับว่า ความพร้อมเราน้อยกว่าที่ จ.อุดรธานี เนื่องจากผู้สมัครของเรายังทำงานได้ไม่มากนัก ดังนั้น สนามหลังจากนี้ ตนเชื่อว่าในแต่ละพื้นที่เรามีเวลาเตรียมตัวพอสมควร ฉะนั้น ต้องแตกต่างกันอยู่แล้วจากความพร้อมของเรา
ระทึก! แผ่นดินไหวลำปาง 3 ครั้ง ขนาด 3.4 ลึก 2 กม. รู้สึกสั่นไหว ปภ. แจ้ง 6 จว.ติดตามสถานการณ์
https://www.matichon.co.th/region/news_4978913
ระทึก! แผ่นดินไหวลำปาง 3 ครั้ง ขนาด 3.4 ลึก 2 กม. รู้สึกสั่นไหว ปภ.ประสาน 6 จว.เหนือติดตามสถานการณ์
เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานว่า เมื่อเวลา 23.49.39 น. วันที่ 30 ธ.ค. ตามเวลาประเทศไทย เกิดเหตุแผ่นดินไหว ที่ ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง (18.844°N , 99.488°E) ขนาด 1.4 ลึก 1 กม.
และต่อมาเกิดอัพเตอร์ช็อกต่อเนื่องอีก 2 ครั้งคือเวลา 23.59.:39 แผ่นดินไหว ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง (18.820°N , 99.485°E) ขนาด 1.5 ลึก 1 กม.
และในเวลา 01.28.40 น. ตามเวลาประเทศไทย แผ่นดินไหว ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง (18.863°N , 99.487°E) ขนาด 3.4 Magnitude ลึก 2 กม. มีรายงานความรู้สึกสั่นไหว
ต่อมากองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ได้ติดตามสถานการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าว พบว่าพื้นที่อำเภอแม่ออน และอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับความรู้สึกสั่นไหว อาจทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก จึงได้ประสานให้จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ และลำพูน ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชี้แจงประชาชนในพื้นที่เพื่อลดความตื่นตระหนก ประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และหากได้รับความเดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
ปี 2568 สมรภูมิ“อุตฯเซมิคอนดักเตอร์” แข่งเดือดคว้าซัพพลายเชนแห่งอนาคต
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1159672
กลไกสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งอนาคตคือระบบดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ซึ่งมีสมองกลสำคัญภายในนั่นคือ “เซมิคอนดักเตอร์”
ข้อมูลจากStatista แบ่งเซมิคอนดักเตอร์เป็น กลุ่มแบ่งตามส่วนประกอบ ได้แก่ อุปกรณ์หน่วยความจำ, อุปกรณ์ลอจิก , IC (Integrated Circuit หรือ วงจรรวม หรือ วงจรเบ็ดเสร็จ) , อนาล็อก ,หน่วยไมโครโปรเซสเซอร์(MPU) ,อุปกรณ์จ่ายไฟแยก MCU ,เซ็นเซอร์ อื่นๆ และ กลุ่มแบ่งตามการใช้งาน ได้แก่ อุปกรณ์จ่ายไฟ ,อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และออปโตอิเล็กทรอนิกส์ ,โครงสร้างพื้นฐานไร้สาย และอื่นๆ
โดยผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้แก่ Intel Corporation อยู่ที่ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐ ,Qualcomm อยู่ที่ แคลิฟอร์เนีย ,
Samsung Electronics อยู่ที่ ซูวอนซี เกาหลีใต้, SK hynix อยู่ที่ คย็องกี เกาหลีใต้ , Taiwan Semiconductors อยู่ที่ ซินจู ไต้หวัน,
Texas Instruments อยู่ที่ เท็กซัส สหรัฐ, Toshiba Corporation อยู่ที่ โตเกียว ญี่ปุ่น, Rohm Semiconductor อยู่ที่ เกียวโต ญี่ปุ่น ,
Renesas Electronics Corporation อยู่ที่ โตเกียว ญี่ปุ่น, Micron Technology อยู่ที่ ไอดาโฮ สหรัฐ, NVIDIA Corporation อยู่ที่ แคลิฟอร์เนีย ,NXP Semiconductors N.V. อยู่ที่ ไอนด์โฮเฟน เนเธอร์แลนด์ และผู้เล่นรายอื่นๆ
Statista เล่าถึงขนาดตลาดเซมิคอนดักเตอร์ของอาเซียน ว่ามีมูลค่าเมื่อปี 2023 ที่ 31,320 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเติบโตเป็น 52,900 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2032 และมีอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี(CAGR) ที่5.98% ในช่วงปี 2024-2032
ดังนั้น ไทยและประเทศในอาเซียนต่างต้องการชิงตั๋วเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์นี้ แต่สมรภูมิแห่งเทคโนโลยี ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีความพร้อมเข้าร่วมการแข่งขัน เพราะเงื่อนไขอุตสาหกรรมนี้ต้องใช้ทั้งเงินทุนมหาศาล บุคลากรที่มีความพร้อม ไม่รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องเป็นแบบพรีเมี่ยมจริงๆ ซึ่งอาเซียนกำลังเร่งเบนเข็มการพัฒนาให้ตอบโจทย์ดังกล่าว
การประชุมคณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ (บอร์ดเซมิคอนดักเตอร์) นัดแรก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี การประกาศเป้าหมายการดึงเม็ดเงินลงทุนเข้ามาประเทศไทยให้ได้ 5 แสนล้านบาทภายในระยะเวลา 5 ปี
ด้านอินโดนีเซีย Statista วิเคราะห์ว่า กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ โดยใช้ทรัพยากรนิกเกิลที่มีอยู่อย่างมากมาย ซึ่งจำเป็นต่อการผลิตแบตเตอรี่และเซมิคอนดักเตอร์ ในปี 2022 สามารถผลิตนิกเกิลได้ 1.6 ล้านตัน แซงหน้าออสเตรเลียถึง 10 เท่า และอินโดนีเซียห้ามการส่งออกแร่นิกเกิลที่ยังไม่ได้แปรรูปในปี 2020 ซึ่งส่งผลให้การลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น และการก่อตั้งบริษัทแบตเตอรี่อินโดนีเซีย (IBC) ร่วมกับ LG และ Hyundai สะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางชั้นนำการผลิตแบตเตอรี่ระดับโลก
อินโดนีเซียยังได้รับแรงหนุนจากพระราชบัญญัติ CHIPS ของสหรัฐ ที่ส่งให้เกิดการตั้งโรงงานเซมิคอนดักเตอร์มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเมืองบาตัม และตั้งศูนย์ฝึกอบรมเฉพาะทางในเมืองบันดุง พร้อมกับสร้างความร่วมมือกับผู้นำด้านเทคโนโลยี เช่น LG รวมถึงการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ด้วยการลงทุนจาก Sharp, NEC และ UTAC และการผลิตเวเฟอร์ซิลิคอนของSUMCO ,การผลิตส่วนประกอบของ PT TDK Electronics อินโดนีเซีย
“การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์นี้ไม่เพียงเพื่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ด้วย เนื่องจากอินโดนีเซียและสหรัฐกำลังทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยสหรัฐลงทุน 131 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล จากความร่วมมือนี้ทำให้อินโดนีเซียเป็นผู้เล่นที่สำคัญในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ของอาเซียน”
ด้านเวียดนามซึ่งครองส่วนแบ่งรายได้ในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ของอาเซียนที่ สัดส่วนแบ่ง 21% ในปี 2023 โดยดึงดูดบริษัทข้ามชาติให้ลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความพยายามดึงดูดการลงทุนของอาเซียนก็พบว่า ปัญหาบุคลากร หรือ แรงงานที่มีทักษะชั้นสูงดูเหมือนจะตามไม่ทันกระแสการลงทุนเทคโนโลยีชั้นสูงนี้
“การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอาเซียนซึ่งนับเป็นความท้าทายที่สำคัญที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของเวียดนามซึ่งกำลังขยายตัวอยู่ การขาดแคลนวิศวกรที่มีทักษะ ความต้องการวิศวกรในอุตสาหกรรมไอทีและดิจิทัลมีมากกว่าอุปทานในสัดส่วนที่สูงมาก”
ปัจจุบันแรงงานมีทักษะสามารถตอบสนองความต้องการตลาดเซมิคอนดักเตอร์ได้เพียง 20% ของความต้องการเท่านั้น คาดการณ์ว่าต้องมีวิศวกรประมาณ “5,000 -10,000 คน” ต่อปี เพื่อแก้ไขปัญหานี้ กระทรวงศึกษาธิการและการฝึกอบรมของเวียดนามให้ความสำคัญสูงสุดกับการปรับปรุงโปรแกรมการฝึกอบรมสำหรับวิศวกรออกแบบ IC โดยเวียดนามมีแผนที่จะปิดช่องว่างด้านบุคลากรที่มีทักษะและปลดปล่อยศักยภาพทั้งหมดของภาคส่วนเซมิคอนดักเตอร์โดยเพิ่มจำนวนบัณฑิตด้านวิศวกรรมเซมิคอนดักเตอร์เป็น 3,000-4,000 คนต่อปี"
อย่างไรตาม อุปสรรคด้านการแข่งขันจากนอกภูมิภาคก็สำคัญ พบว่า“อินเดีย”ที่กำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อให้การผลิตเซมิคอนดักเตอร์สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยมีข้อเสนอการลงทุนมูลค่า 2.3 ล้านล้านรูปี หรือ เท่ากับ 30,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก
“แผนดังกล่าวได้จัดสรรเงินกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และจอภาพในอินเดียให้แข็งแกร่ง โดยให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูด เช่น ความช่วยเหลือทางการเงินสูงสุด 50% สำหรับโรงงานใหม่ และส่งเสริมกลยุทธ์ที่เน้นการออกแบบโดยมีโปรแกรมจูงใจที่เชื่อมโยงกับการออกแบบมูลค่า 1,500 ล้านรูปี แต่ดูเหมือนว่าอินเดียก็ต้องสะดุดขาตัวเองด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่ตอบโจทย์การลงทุนอุตสาหกรรมชั้นสูงนี้เท่าที่ควร”