“สฤณี อาชวานันทกุล” ฉายภาพปัญหาและทางออกทุนผูกขาดในไทย
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4164187
สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาและทางออกทุนผูกขาดในไทยที่มีมาเนิ่นนาน แม้เราจะมีกฎหมายแข่งขันทางการค้าใช้บังคับ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
ซีไอเอ็มบีไทย เปิด 5 ปัจจัยเสี่ยง ฉุดศก.ไทย หลังปรับลด จีดีพี’66 เหลือ 3.0%
https://www.matichon.co.th/economy/news_4163898
ซีไอเอ็มบีไทย เปิด 5 ปัจจัยเสี่ยง ฉุดศก.ไทย หลังปรับลด จีดีพี’66 เหลือ 3.0%
เมื่อวันที่ 5 กันยายน นาย
อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า จากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการส่งออก สำนักวิจัย ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ ชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรกที่ 3.3% โดยคาดว่าจีดีพี ปี 2566 จะอยู่ที่ 3.0% และ ปี 2567 อยู่ที่ 3.5% จากเดิมคาดที่ 3.7% ปัจจัยหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ที่ภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของกลุ่มผู้มีรายได้ระดับกลางถึงสูงซึ่งมีกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางการรอคอยการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่คาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมในไตรมาส 2/2567
“
เป็นห่วงเศรษฐกิจไทยขยายตัวไม่ทั่วถึง กำลังซื้อระดับล่างยังอ่อนแอ และถูกช้ำเติมด้วยปัญหาภัยแล้งและหนี้ครัวเรือนสูง มีเพียงเครื่องยนต์ด้านท่องเที่ยวที่ยังแข็งแกร่ง แต่การท่องเที่ยวไทยยังกระจุกตัวเพียงเมืองท่องเที่ยวหลัก” นาย
อมรเทพกล่าว
จับตาเศรษฐกิจปี’67
นาย
อมรเทพ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 ต้องจับตาเศรษฐกิจโลกและนโยบายภาครัฐ ซึ่งจะมีผลต่อองค์ประกอบของการคาดการณ์ GDP เช่น การส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภค การลงทุนของภาครัฐและเอกชน โดยสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย มี 3 สมมุติฐาน กรณีดี กรณีแย่ และกรณีเลวร้าย
โดยกรณีดี สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ Soft Landing ได้ ในขณะที่จีนอัดฉีดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต และไม่เกิดปัญหาหนี้ในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ และปัญหาฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ การส่งออกของไทยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาส 4/2566 ส่งผลให้ทั้งปีการส่งออกหดตัวน้อยกว่าคาดที่ -2.1% ปี 2566 และขยายตัวมากกว่า 0.6% ปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตสูงเกินคาดหรือมากกว่า 28.4 ล้านคนปี 2566 และ 34 ล้านคนปี 2567
ขณะที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ก่อนสิ้นปี 2566 โดยมีเป้าหมายเพื่ออัดฉีดเงินให้ภาคครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและกระตุ้นการบริโภค อีกทั้งมีเสถียรภาพทางการเมืองสร้างความเชื่อมั่นดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้สูงขึ้น
นาย
อมรเทพ กล่าวว่า กรณีแย่ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นกินเวลานาน ส่วนจีนเผชิญการชะลอตัวยิ่งขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทและฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ การส่งออกของไทยเติบโตเล็กน้อยท่ามกลางอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอ ส่วนการท่องเที่ยวยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตเศรษฐกิจ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2 ปี 2567 หลังจากได้รับอนุมัติงบประมาณ กระตุ้นการบริโภคและการลงทุน และอาจมี FDI ย้ายฐานการลงทุนมาไทยบ้าง
ขณะเดียวกัน กรณีเลวร้าย เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ชะลอตัวเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ขณะที่จีนเผชิญภาวะชะลอตัวที่รุนแรงยิ่งขึ้น แต่ยังคงเติบโตเหนือ 4% ในปี 2567 การส่งออกชะลอท่ามกลางปัญหาอุปสงค์และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกที่อ่อนแอขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวเติบโตช้ากว่าคาด
“
ด้านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลล่าช้าไปเป็นครึ่งปีหลังของปี 2567 ส่งผลกระทบซ้ำให้การบริโภคภาคครัวเรือนของผู้มีรายได้น้อย ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรง” นาย
อมรเทพ กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย อาจสิ้นสุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบนี้ที่ 2.25% เพื่อหยุดยั้งการคาดหวังอัตราเงินเฟ้อสูงในอนาคต จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ
ขณะที่เงินบาทคาดว่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ สืบเนื่องจากการคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะเริ่มหั่นดอกเบี้ยในปี 2567 และเงินบาทน่าจะแข็งค่าขึ้นรายได้จากการท่องเที่ยวไทยที่แข็งแกร่งขึ้น คาดเงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 34.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐในปลายปี 2566 และระดับ 33.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐในปลายปี 2567
ชี้ 5 เสี่ยงกดศก.โตต่ำ
นาย
อมรเทพ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ อาทิ
1. Decoupling เศรษฐกิจสหรัฐและจีนแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิงทั้งปัญหาสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี กระทบห่วงโซ่อุปทานและภาคการส่งออกของไทยและภูมิภาคอาเซียน
2. De-dollarization ลดการพึ่งพิงเงินเหรียญสหรัฐฯ แม้เหรียญสหรัฐยังเป็นสกุลหลักในการใช้จ่ายและชำระหนี้ต่างประเทศ แต่จะมีสกุลเงินอื่นโดยเฉพาะเงินหยวน (ใช่ในกลุ่ม BRICS) เข้ามาใช้ในระบบการเงินโลกมากขึ้น ถึงจะยังไม่สามารถทดแทนเหรียญสหรัฐฯได้ แต่ก็อาจส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนได้
3. Dis-inflation เงินเฟ้อต่ำ โดยเฉพาะจากจีนที่เผชิญปัญหาเงินฝืดช่วงเศรษฐกิจขยายตัวต่ำลง ราคาสินค้ามีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะกระทบนโยบายการเงินในภูมิภาคเอเชียให้ยิ่งแตกต่างกับสหรัฐฯที่ยังเผชิญปัญหาเงินเฟ้อและจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง
4. Digitization เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งมาตรการรัฐในอนาคตจะออกมาในรูปแบบนี้มากขึ้น มีส่วนช่วยให้เกิดการตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) แต่ผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) และธุรกิจเล็กๆในต่างจังหวัดอาจไม่สามารถปรับตัวเข้าสู่เทคโนโลยีได้ทันรายใหญ่และอาจสร้างความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลใหม่น่าจะหาทางช่วยให้ SMEs เข้าถึงโครงการใหม่นี้ด้วย
5. Democracy Movement เป็นการแสดงออกทางการเมืองในประเทศ มีการเรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งอาจมีความเปราะบางทางการเมืองหรือเกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นอีกก็เป็นได้จนกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน
ณัฐชา ย้อน ‘สุทิน’ เรือดำน้ำจบสวยจริง แต่ประชาชนต้องการไหมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4164164
‘ณัฐชา’ ถาม ‘สุทิน’ หลังระบุงบเรือดำน้ำจบสวย เป็นความต้องการปชช.หรือไม่ ฝาก รบ.ชุดใหม่ทำเพื่อส่วนรวมแม้หน้าตารมต.คล้ายชุดเก่า
เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการแบ่งสัดส่วนกรรมาธิการสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ว่า ตอนนี้ไม่มีจองกรรมาธิการใดทั้งนั้น แล้วแต่พรรคพิจารณา
ถามว่าวันนี้คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ถือเป็นการทำงานครั้งแรก มีอะไรอยากฝากหรือไม่ นาย
ณัฐชากล่าวว่า อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ไม่เหมือนชุดเดิม ถึงแม้หน้าตาจะคล้ายกัน เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้บรรยากาศการบริหารราชการแผ่นดินบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเล็งอภิปรายใครไว้แล้ว นายณัฐชากล่าวว่า ยังไม่ได้เล็ง เพราะยังไม่เห็นผลงานการทำงาน ส่วนจะติดตามนโยบายของรัฐบาลใหม่ด้านไหนบ้าง นาย
ณัฐชากล่าวว่า แน่นอนว่าต้องเป็นนโยบายปฏิรูปกองทัพ เนื่องจากดูท่าทางแล้วไม่เหมือนที่คุยกันไว้ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง เพราะก่อนการเลือกตั้ง เรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหารก็ดี เรื่องการปฏิรูปกองทัพในด้านต่างๆ ก็ดี มีความชัดเจนกว่านี้
เมื่อถามว่านาย
สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า เรื่องซื้องบเรือดำน้ำจบสวย นาย
ณัฐชา กล่าวทันทีว่า จบสวยแต่เป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
JJNY : “สฤณี” ฉายภาพปัญหาและทางออกทุนผูกขาด│เปิด5ปัจจัย ฉุดศก.ไทย│ณัฐชาย้อน‘สุทิน’ │‘ซูจี’อยากพบแพทย์ แต่รบ.ทหารปฎิเสธ
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4164187
สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาและทางออกทุนผูกขาดในไทยที่มีมาเนิ่นนาน แม้เราจะมีกฎหมายแข่งขันทางการค้าใช้บังคับ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
ซีไอเอ็มบีไทย เปิด 5 ปัจจัยเสี่ยง ฉุดศก.ไทย หลังปรับลด จีดีพี’66 เหลือ 3.0%
https://www.matichon.co.th/economy/news_4163898
ซีไอเอ็มบีไทย เปิด 5 ปัจจัยเสี่ยง ฉุดศก.ไทย หลังปรับลด จีดีพี’66 เหลือ 3.0%
เมื่อวันที่ 5 กันยายน นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า จากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการส่งออก สำนักวิจัย ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ ชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรกที่ 3.3% โดยคาดว่าจีดีพี ปี 2566 จะอยู่ที่ 3.0% และ ปี 2567 อยู่ที่ 3.5% จากเดิมคาดที่ 3.7% ปัจจัยหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ที่ภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของกลุ่มผู้มีรายได้ระดับกลางถึงสูงซึ่งมีกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางการรอคอยการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่คาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมในไตรมาส 2/2567
“เป็นห่วงเศรษฐกิจไทยขยายตัวไม่ทั่วถึง กำลังซื้อระดับล่างยังอ่อนแอ และถูกช้ำเติมด้วยปัญหาภัยแล้งและหนี้ครัวเรือนสูง มีเพียงเครื่องยนต์ด้านท่องเที่ยวที่ยังแข็งแกร่ง แต่การท่องเที่ยวไทยยังกระจุกตัวเพียงเมืองท่องเที่ยวหลัก” นายอมรเทพกล่าว
จับตาเศรษฐกิจปี’67
นายอมรเทพ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 ต้องจับตาเศรษฐกิจโลกและนโยบายภาครัฐ ซึ่งจะมีผลต่อองค์ประกอบของการคาดการณ์ GDP เช่น การส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภค การลงทุนของภาครัฐและเอกชน โดยสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย มี 3 สมมุติฐาน กรณีดี กรณีแย่ และกรณีเลวร้าย
โดยกรณีดี สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ Soft Landing ได้ ในขณะที่จีนอัดฉีดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต และไม่เกิดปัญหาหนี้ในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ และปัญหาฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ การส่งออกของไทยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาส 4/2566 ส่งผลให้ทั้งปีการส่งออกหดตัวน้อยกว่าคาดที่ -2.1% ปี 2566 และขยายตัวมากกว่า 0.6% ปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตสูงเกินคาดหรือมากกว่า 28.4 ล้านคนปี 2566 และ 34 ล้านคนปี 2567
ขณะที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ก่อนสิ้นปี 2566 โดยมีเป้าหมายเพื่ออัดฉีดเงินให้ภาคครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและกระตุ้นการบริโภค อีกทั้งมีเสถียรภาพทางการเมืองสร้างความเชื่อมั่นดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้สูงขึ้น
นายอมรเทพ กล่าวว่า กรณีแย่ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นกินเวลานาน ส่วนจีนเผชิญการชะลอตัวยิ่งขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทและฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ การส่งออกของไทยเติบโตเล็กน้อยท่ามกลางอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอ ส่วนการท่องเที่ยวยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตเศรษฐกิจ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2 ปี 2567 หลังจากได้รับอนุมัติงบประมาณ กระตุ้นการบริโภคและการลงทุน และอาจมี FDI ย้ายฐานการลงทุนมาไทยบ้าง
ขณะเดียวกัน กรณีเลวร้าย เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ชะลอตัวเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ขณะที่จีนเผชิญภาวะชะลอตัวที่รุนแรงยิ่งขึ้น แต่ยังคงเติบโตเหนือ 4% ในปี 2567 การส่งออกชะลอท่ามกลางปัญหาอุปสงค์และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกที่อ่อนแอขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวเติบโตช้ากว่าคาด
“ด้านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลล่าช้าไปเป็นครึ่งปีหลังของปี 2567 ส่งผลกระทบซ้ำให้การบริโภคภาคครัวเรือนของผู้มีรายได้น้อย ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรง” นายอมรเทพ กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย อาจสิ้นสุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบนี้ที่ 2.25% เพื่อหยุดยั้งการคาดหวังอัตราเงินเฟ้อสูงในอนาคต จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ
ขณะที่เงินบาทคาดว่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ สืบเนื่องจากการคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะเริ่มหั่นดอกเบี้ยในปี 2567 และเงินบาทน่าจะแข็งค่าขึ้นรายได้จากการท่องเที่ยวไทยที่แข็งแกร่งขึ้น คาดเงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 34.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐในปลายปี 2566 และระดับ 33.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐในปลายปี 2567
ชี้ 5 เสี่ยงกดศก.โตต่ำ
นายอมรเทพ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ อาทิ
1. Decoupling เศรษฐกิจสหรัฐและจีนแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิงทั้งปัญหาสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี กระทบห่วงโซ่อุปทานและภาคการส่งออกของไทยและภูมิภาคอาเซียน
2. De-dollarization ลดการพึ่งพิงเงินเหรียญสหรัฐฯ แม้เหรียญสหรัฐยังเป็นสกุลหลักในการใช้จ่ายและชำระหนี้ต่างประเทศ แต่จะมีสกุลเงินอื่นโดยเฉพาะเงินหยวน (ใช่ในกลุ่ม BRICS) เข้ามาใช้ในระบบการเงินโลกมากขึ้น ถึงจะยังไม่สามารถทดแทนเหรียญสหรัฐฯได้ แต่ก็อาจส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนได้
3. Dis-inflation เงินเฟ้อต่ำ โดยเฉพาะจากจีนที่เผชิญปัญหาเงินฝืดช่วงเศรษฐกิจขยายตัวต่ำลง ราคาสินค้ามีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะกระทบนโยบายการเงินในภูมิภาคเอเชียให้ยิ่งแตกต่างกับสหรัฐฯที่ยังเผชิญปัญหาเงินเฟ้อและจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง
4. Digitization เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งมาตรการรัฐในอนาคตจะออกมาในรูปแบบนี้มากขึ้น มีส่วนช่วยให้เกิดการตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) แต่ผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) และธุรกิจเล็กๆในต่างจังหวัดอาจไม่สามารถปรับตัวเข้าสู่เทคโนโลยีได้ทันรายใหญ่และอาจสร้างความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลใหม่น่าจะหาทางช่วยให้ SMEs เข้าถึงโครงการใหม่นี้ด้วย
5. Democracy Movement เป็นการแสดงออกทางการเมืองในประเทศ มีการเรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งอาจมีความเปราะบางทางการเมืองหรือเกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นอีกก็เป็นได้จนกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน
ณัฐชา ย้อน ‘สุทิน’ เรือดำน้ำจบสวยจริง แต่ประชาชนต้องการไหมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4164164
‘ณัฐชา’ ถาม ‘สุทิน’ หลังระบุงบเรือดำน้ำจบสวย เป็นความต้องการปชช.หรือไม่ ฝาก รบ.ชุดใหม่ทำเพื่อส่วนรวมแม้หน้าตารมต.คล้ายชุดเก่า
เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการแบ่งสัดส่วนกรรมาธิการสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ว่า ตอนนี้ไม่มีจองกรรมาธิการใดทั้งนั้น แล้วแต่พรรคพิจารณา
ถามว่าวันนี้คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ถือเป็นการทำงานครั้งแรก มีอะไรอยากฝากหรือไม่ นายณัฐชากล่าวว่า อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ไม่เหมือนชุดเดิม ถึงแม้หน้าตาจะคล้ายกัน เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้บรรยากาศการบริหารราชการแผ่นดินบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเล็งอภิปรายใครไว้แล้ว นายณัฐชากล่าวว่า ยังไม่ได้เล็ง เพราะยังไม่เห็นผลงานการทำงาน ส่วนจะติดตามนโยบายของรัฐบาลใหม่ด้านไหนบ้าง นายณัฐชากล่าวว่า แน่นอนว่าต้องเป็นนโยบายปฏิรูปกองทัพ เนื่องจากดูท่าทางแล้วไม่เหมือนที่คุยกันไว้ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง เพราะก่อนการเลือกตั้ง เรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหารก็ดี เรื่องการปฏิรูปกองทัพในด้านต่างๆ ก็ดี มีความชัดเจนกว่านี้
เมื่อถามว่านายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า เรื่องซื้องบเรือดำน้ำจบสวย นายณัฐชา กล่าวทันทีว่า จบสวยแต่เป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง