1.ความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติระมัดระวังในการลงทุนใน
ตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทย ซึ่งอาจส่งผลต่อการไหลเข้าของเงินทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
2. ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐฯ อาจทำให้
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของภาครัฐและเอกชนในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจชะลอการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ
(ประเด็นข้อที่ 1. ต่างชาติขายหุ้นไทยทุกวัน ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา)
(ประเด็นข้อที่ 2. อาจมีสิทธิ์ว่า FED จะชะลอลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ รอลุ้นกันต่อครับ)
ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2566
ขยายประเด็นข้อที่ 1. ทำไมต่างชาติขายหุ้นไทยทุกวัน
- แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอ: หลังสถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ส่งผลให้นักลงทุนมองหาตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูงกว่า
- มูลค่าหุ้นที่ไม่น่าดึงดูด: อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ของตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ทำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในตลาดที่มีมูลค่าถูกกว่าและมีโอกาสเติบโตมากกว่า
- ความไม่แน่นอนทางการเมือง: สถานการณ์การเมืองในประเทศที่ไม่เสถียรสร้างความกังวลต่อนักลงทุนต่างชาติ ทำให้พวกเขาลดการลงทุนหรือถอนการลงทุนออกจากตลาดหุ้นไท
- การขาดการเติบโตของกำไรสุทธิ: ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยแทบไม่มีการเติบโต ซึ่งลดความน่าสนใจในการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างไรบ้าง ?
2. ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐฯ อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของภาครัฐและเอกชนในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจชะลอการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ