นักลงทุนถอดใจ! “หุ้นไทยหมดหวัง?” ดร.นิเวศน์ ชี้ สาย VI ลุยหุ้นต่างประเทศแทนในปี 2025
ในยุคที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญความท้าทายต่อเนื่อง ผู้ลงทุนจำนวนมากเริ่มตั้งคำถามถึงอนาคตของการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร กูรูสาย VI (Value Investor) ชื่อดัง ได้ออกมาเปิดเผยมุมมองล่าสุดว่า ความเชื่อเดิมที่ว่าตลาดหุ้นแย่ต่อเนื่อง 2-3 ปีเป็นไปได้ยาก กำลังถูกสั่นคลอน หลังจากตลาดไทยเจอปัญหาฉุดยาวหลายปีติดต่อกัน
ความเชื่อที่ถูกล้มล้าง
ดร.นิเวศน์ กล่าวถึงมุมมองเดิมที่เขาเคยเชื่อว่า หากตลาดหุ้นในปีหนึ่งมีผลประกอบการแย่มาก ปีถัดไปก็มักจะฟื้นตัว แต่ปัจจุบันเขาเลิกคิดแบบนั้นแล้ว หลังจากเห็นตลาดหุ้นไทยตกต่ำต่อเนื่องโดยไม่มีสัญญาณบวกชัดเจน ประกอบกับปัจจัยลบต่างๆ เช่น เศรษฐกิจชะลอตัว การเมืองที่ไม่เสถียร และสภาพคล่องในตลาดที่ลดลง
VI ไทยเริ่มลุยหุ้นต่างประเทศ
นักลงทุนสาย VI หลายคนเริ่มปรับกลยุทธ์ โดยหันไปศึกษาตลาดหุ้นต่างประเทศที่มีโอกาสและศักยภาพเติบโตมากกว่า เช่น สหรัฐฯ และตลาดหุ้นในเอเชียที่เศรษฐกิจยังขยายตัวดี ดร.นิเวศน์เองระบุว่า การลงทุนในหุ้นต่างประเทศช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดไทยเพียงแห่งเดียว
นักลงทุนถอดใจจากตลาดหุ้นไทย
สำหรับนักลงทุนทั่วไป ความผิดหวังต่อผลตอบแทนที่ต่ำและปัญหาเชิงโครงสร้างของตลาดหุ้นไทย ทำให้หลายคนเลิกเล่นหุ้นและหันไปสนใจการลงทุนในสินทรัพย์อื่น เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือแม้แต่การฝากเงินออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่มั่นคงกว่า
อนาคตของหุ้นไทยในปี 2025
หากไม่มีมาตรการหรือการปฏิรูปโครงสร้างใดๆ ที่ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน ตลาดหุ้นไทยอาจสูญเสียศักยภาพในการแข่งขันกับตลาดอื่นทั่วโลก ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนไทย แต่ยังอาจกระทบถึงความสนใจของนักลงทุนต่างชาติด้วย
การลงทุนในหุ้นไทยอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคนในยุคนี้ แต่สำหรับผู้ที่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของเศรษฐกิจไทย การเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งอาจยังคงเป็นโอกาสที่น่าสนใจ ทว่าก็ต้องเผชิญกับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า
“ตลาดหุ้นไทยกำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ก็เป็นบททดสอบความเชื่อมั่นของนักลงทุนเช่นกัน”
“Put ยาว ๆ หุ้นไทย!” นักลงทุนอีกฝั่งรอช้อนโอกาส ท่ามกลางตลาดขาลง
ในขณะที่นักลงทุนสาย VI บางส่วนเริ่มถอดใจจากตลาดหุ้นไทยและหันไปลุยหุ้นต่างประเทศ ฝั่งนักลงทุนสายเก็งกำไรก็เดินเกมคนละทาง ด้วยการใช้กลยุทธ์ “Put” หรือการเก็งกำไรขาลง เพื่อสร้างผลตอบแทนจากตลาดที่ยังมีแนวโน้มซบเซาในระยะยาว
ตลาดหุ้นไทย: เหยื่อของความเสี่ยงต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยลบหลายด้าน เช่น
• เศรษฐกิจชะลอตัว: การเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายและการบริโภคภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว
• การเมืองไม่เสถียร: ความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐ และแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
• เงินทุนไหลออก: นักลงทุนต่างชาติยังคงถอนตัวออกจากตลาดหุ้นไทยเพราะมองหาตลาดที่มีศักยภาพดีกว่า
ผลลัพธ์คือ ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) เคลื่อนตัวในกรอบแคบ และมีแนวโน้มขาลงยาวนาน สร้างโอกาสทองให้นักลงทุนสาย Put ที่สามารถใช้ตราสารอนุพันธ์ เช่น Options หรือ Futures เพื่อทำกำไรจากการคาดการณ์ว่าหุ้นไทยจะตกลงไปอีก
Put กลายเป็นกลยุทธ์เด่นในตลาดหมี
นักลงทุนที่มองว่าตลาดหุ้นไทยยังไม่มีโอกาสฟื้นตัวในเร็ววันนี้ ใช้กลยุทธ์ “Put ยาว ๆ” โดยการ:
1. เปิด Short Futures: ลงทุนใน SET50 หรือหุ้นรายตัวที่คาดว่าราคาจะลดลง
2. ซื้อ Put Options: เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการปรับตัวลงของดัชนีหรือหุ้น
3. วางแผนระยะยาว: คาดการณ์ว่าตลาดจะตกต่อเนื่อง 6 เดือนถึง 1 ปี หรือมากกว่านั้น
การเก็งกำไรขาลงเช่นนี้ไม่ใช่แค่โอกาสสร้างผลตอบแทนในช่วงตลาดขาลง แต่ยังช่วยป้องกันความเสี่ยง (Hedge) สำหรับนักลงทุนที่ยังถือหุ้นในพอร์ตอีกด้วย
“Put ยาว ๆ” คือโอกาสหรือความเสี่ยง?
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ไม่ได้ปราศจากความเสี่ยง หากตลาดมีการพลิกฟื้นขึ้นมาเร็วเกินคาด นักลงทุนที่เปิดสถานะ Short หรือ Put อาจเจ็บตัวหนัก
คำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่สนใจสายนี้คือ:
• ติดตามปัจจัยเศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิด
• จัดการความเสี่ยง ด้วยการตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss)
• เลือกหุ้นหรือดัชนีที่มีแนวโน้มอ่อนแอจริง เช่น กลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักจากเศรษฐกิจ
“อย่าประมาทกับตลาด!”
แม้ว่าหุ้นไทยจะดูเหมือนอยู่ในขาลงยาว แต่การพลิกกลับของตลาดก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การ Put หรือ Short หุ้นไทยจึงต้องมาพร้อมกับการวิเคราะห์ที่แม่นยำ และแผนสำรองเพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
“สำหรับคนที่กล้า Put หุ้นไทยยาว ๆ คุณกำลังเล่นกับไฟในตลาดที่ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอนที่สุด!”
นักลงทุนถอดใจ! “หุ้นไทยหมดหวัง?” ดร.นิเวศน์ ชี้ สาย VI ลุยหุ้นต่างประเทศแทนในปี 2025 อีกฝั่งลง Put หุ้นไทยยาว ๆ
ในยุคที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญความท้าทายต่อเนื่อง ผู้ลงทุนจำนวนมากเริ่มตั้งคำถามถึงอนาคตของการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร กูรูสาย VI (Value Investor) ชื่อดัง ได้ออกมาเปิดเผยมุมมองล่าสุดว่า ความเชื่อเดิมที่ว่าตลาดหุ้นแย่ต่อเนื่อง 2-3 ปีเป็นไปได้ยาก กำลังถูกสั่นคลอน หลังจากตลาดไทยเจอปัญหาฉุดยาวหลายปีติดต่อกัน
ความเชื่อที่ถูกล้มล้าง
ดร.นิเวศน์ กล่าวถึงมุมมองเดิมที่เขาเคยเชื่อว่า หากตลาดหุ้นในปีหนึ่งมีผลประกอบการแย่มาก ปีถัดไปก็มักจะฟื้นตัว แต่ปัจจุบันเขาเลิกคิดแบบนั้นแล้ว หลังจากเห็นตลาดหุ้นไทยตกต่ำต่อเนื่องโดยไม่มีสัญญาณบวกชัดเจน ประกอบกับปัจจัยลบต่างๆ เช่น เศรษฐกิจชะลอตัว การเมืองที่ไม่เสถียร และสภาพคล่องในตลาดที่ลดลง
VI ไทยเริ่มลุยหุ้นต่างประเทศ
นักลงทุนสาย VI หลายคนเริ่มปรับกลยุทธ์ โดยหันไปศึกษาตลาดหุ้นต่างประเทศที่มีโอกาสและศักยภาพเติบโตมากกว่า เช่น สหรัฐฯ และตลาดหุ้นในเอเชียที่เศรษฐกิจยังขยายตัวดี ดร.นิเวศน์เองระบุว่า การลงทุนในหุ้นต่างประเทศช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดไทยเพียงแห่งเดียว
นักลงทุนถอดใจจากตลาดหุ้นไทย
สำหรับนักลงทุนทั่วไป ความผิดหวังต่อผลตอบแทนที่ต่ำและปัญหาเชิงโครงสร้างของตลาดหุ้นไทย ทำให้หลายคนเลิกเล่นหุ้นและหันไปสนใจการลงทุนในสินทรัพย์อื่น เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือแม้แต่การฝากเงินออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่มั่นคงกว่า
อนาคตของหุ้นไทยในปี 2025
หากไม่มีมาตรการหรือการปฏิรูปโครงสร้างใดๆ ที่ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน ตลาดหุ้นไทยอาจสูญเสียศักยภาพในการแข่งขันกับตลาดอื่นทั่วโลก ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนไทย แต่ยังอาจกระทบถึงความสนใจของนักลงทุนต่างชาติด้วย
การลงทุนในหุ้นไทยอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคนในยุคนี้ แต่สำหรับผู้ที่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของเศรษฐกิจไทย การเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งอาจยังคงเป็นโอกาสที่น่าสนใจ ทว่าก็ต้องเผชิญกับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า
“ตลาดหุ้นไทยกำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ก็เป็นบททดสอบความเชื่อมั่นของนักลงทุนเช่นกัน”
“Put ยาว ๆ หุ้นไทย!” นักลงทุนอีกฝั่งรอช้อนโอกาส ท่ามกลางตลาดขาลง
ในขณะที่นักลงทุนสาย VI บางส่วนเริ่มถอดใจจากตลาดหุ้นไทยและหันไปลุยหุ้นต่างประเทศ ฝั่งนักลงทุนสายเก็งกำไรก็เดินเกมคนละทาง ด้วยการใช้กลยุทธ์ “Put” หรือการเก็งกำไรขาลง เพื่อสร้างผลตอบแทนจากตลาดที่ยังมีแนวโน้มซบเซาในระยะยาว
ตลาดหุ้นไทย: เหยื่อของความเสี่ยงต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยลบหลายด้าน เช่น
• เศรษฐกิจชะลอตัว: การเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายและการบริโภคภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว
• การเมืองไม่เสถียร: ความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐ และแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
• เงินทุนไหลออก: นักลงทุนต่างชาติยังคงถอนตัวออกจากตลาดหุ้นไทยเพราะมองหาตลาดที่มีศักยภาพดีกว่า
ผลลัพธ์คือ ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) เคลื่อนตัวในกรอบแคบ และมีแนวโน้มขาลงยาวนาน สร้างโอกาสทองให้นักลงทุนสาย Put ที่สามารถใช้ตราสารอนุพันธ์ เช่น Options หรือ Futures เพื่อทำกำไรจากการคาดการณ์ว่าหุ้นไทยจะตกลงไปอีก
Put กลายเป็นกลยุทธ์เด่นในตลาดหมี
นักลงทุนที่มองว่าตลาดหุ้นไทยยังไม่มีโอกาสฟื้นตัวในเร็ววันนี้ ใช้กลยุทธ์ “Put ยาว ๆ” โดยการ:
1. เปิด Short Futures: ลงทุนใน SET50 หรือหุ้นรายตัวที่คาดว่าราคาจะลดลง
2. ซื้อ Put Options: เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการปรับตัวลงของดัชนีหรือหุ้น
3. วางแผนระยะยาว: คาดการณ์ว่าตลาดจะตกต่อเนื่อง 6 เดือนถึง 1 ปี หรือมากกว่านั้น
การเก็งกำไรขาลงเช่นนี้ไม่ใช่แค่โอกาสสร้างผลตอบแทนในช่วงตลาดขาลง แต่ยังช่วยป้องกันความเสี่ยง (Hedge) สำหรับนักลงทุนที่ยังถือหุ้นในพอร์ตอีกด้วย
“Put ยาว ๆ” คือโอกาสหรือความเสี่ยง?
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ไม่ได้ปราศจากความเสี่ยง หากตลาดมีการพลิกฟื้นขึ้นมาเร็วเกินคาด นักลงทุนที่เปิดสถานะ Short หรือ Put อาจเจ็บตัวหนัก
คำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่สนใจสายนี้คือ:
• ติดตามปัจจัยเศรษฐกิจและการเมืองอย่างใกล้ชิด
• จัดการความเสี่ยง ด้วยการตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss)
• เลือกหุ้นหรือดัชนีที่มีแนวโน้มอ่อนแอจริง เช่น กลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักจากเศรษฐกิจ
“อย่าประมาทกับตลาด!”
แม้ว่าหุ้นไทยจะดูเหมือนอยู่ในขาลงยาว แต่การพลิกกลับของตลาดก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การ Put หรือ Short หุ้นไทยจึงต้องมาพร้อมกับการวิเคราะห์ที่แม่นยำ และแผนสำรองเพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
“สำหรับคนที่กล้า Put หุ้นไทยยาว ๆ คุณกำลังเล่นกับไฟในตลาดที่ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอนที่สุด!”