“ดร.นิเวศน์” ชี้หุ้นไทยโตไม่หวือหวา แนะ VI กระจายลงทุนต่างประเทศ
.
"ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" นักลงทุนเน้นคุณค่า(VI) กล่าวในงาน "Better Trade Symposium 2021 : Warp To The Future" หัวข้อ "The stock master"ว่า ณ ปัจจุบัน หุ้นในตลาดหุ้นไทย เกือบทุกเซ็กเตอร์ ล้วนเติบโตเต็มที่หมดแล้ว ส่งผลให้เริ่มมองไม่เห็นหุ้นไทยที่สามารถทำกำไรได้หลายเด้งเหมือนในอดีต
.
สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ คือ ต้องเลือกซื้อหุ้นเป็นรายตัว ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เช่น มีการจ่ายเงินปันผลในระดับสูง รวมถึงไม่ถูกดิสรัปชั่นจากเทคโนโลยี และ มีราคาถูก
.
ขณะที่ การลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น ยังพอลงทุนได้ในอีก 2 – 3 ปี ข้างหน้า จากธีมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่จะหนุนให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นได้ แต่เมื่อตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวรอบนี้แล้ว อาจเริ่มหมดความน่าสนใจลง เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน
.
ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างเดียวนั้นคงไม่เพียงพอ ต้องกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศด้วย เนื่องจากประเมินว่า หุ้นไทยสามารถสร้างผลตอบแทนได้ราว 10% ต่อปี ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือ เวียดนาม มีอัตราการเติบโตราว 20% และ 30% ต่อปี ตามลำดับ
ทั้งนี้ ยังมองว่าตลาดหุ้นเวียดนาม ยังคงเติบโตได้อีกอย่างน้อย 5 – 10 ปี เพราะมูลค่าหุ้นเวียดนาม ยังคงถูกกว่าหุ้นไทย ประกอบกับ การเติบโตของเศรษฐกิจ และ บริษัทหลายแห่งในเวียดนาม ยังเติบโตได้ดีกว่าไทย ตามการพัฒนาประเทศที่ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว
.
นอกจาก การกระจายลงทุนไปยังต่างประเทศแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือ แนวคิดในการลงทุนที่มั่นคง และสามารถทนถือหุ้นในระยะยาวได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยจำกัดความเสี่ยงให้ลดลงได้
.
การลงทุนแบบ VI ยังคงใช้ได้ดีในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ระยะเวลาในการลงทุนอาจสั้นลงกว่าในอดีต เพราะหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยีที่เข้ามาดิสรัปฯ แต่หัวใจสำคัญ คือ นักลงทุนต้องมีการศึกษา และ ทำความเข้าใจกับธุรกิจต่างๆเป็นอย่างดี เพราะในอนาคต ตัวหุ้น และอุตสาหกรรม ที่มีความน่าสนใจ ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยด้วยเช่นกัน
ที่มา
https://www.facebook.com/efinanceThai/photos/a.338126440488/10159546410170489/ 
ดร. ท่านหมายถึงให้เตรียมเผ่นใช่ไหมครับ ?
.
"ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" นักลงทุนเน้นคุณค่า(VI) กล่าวในงาน "Better Trade Symposium 2021 : Warp To The Future" หัวข้อ "The stock master"ว่า ณ ปัจจุบัน หุ้นในตลาดหุ้นไทย เกือบทุกเซ็กเตอร์ ล้วนเติบโตเต็มที่หมดแล้ว ส่งผลให้เริ่มมองไม่เห็นหุ้นไทยที่สามารถทำกำไรได้หลายเด้งเหมือนในอดีต
.
สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ คือ ต้องเลือกซื้อหุ้นเป็นรายตัว ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เช่น มีการจ่ายเงินปันผลในระดับสูง รวมถึงไม่ถูกดิสรัปชั่นจากเทคโนโลยี และ มีราคาถูก
.
ขณะที่ การลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น ยังพอลงทุนได้ในอีก 2 – 3 ปี ข้างหน้า จากธีมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่จะหนุนให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นได้ แต่เมื่อตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวรอบนี้แล้ว อาจเริ่มหมดความน่าสนใจลง เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน
.
ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างเดียวนั้นคงไม่เพียงพอ ต้องกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศด้วย เนื่องจากประเมินว่า หุ้นไทยสามารถสร้างผลตอบแทนได้ราว 10% ต่อปี ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือ เวียดนาม มีอัตราการเติบโตราว 20% และ 30% ต่อปี ตามลำดับ
ทั้งนี้ ยังมองว่าตลาดหุ้นเวียดนาม ยังคงเติบโตได้อีกอย่างน้อย 5 – 10 ปี เพราะมูลค่าหุ้นเวียดนาม ยังคงถูกกว่าหุ้นไทย ประกอบกับ การเติบโตของเศรษฐกิจ และ บริษัทหลายแห่งในเวียดนาม ยังเติบโตได้ดีกว่าไทย ตามการพัฒนาประเทศที่ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว
.
นอกจาก การกระจายลงทุนไปยังต่างประเทศแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือ แนวคิดในการลงทุนที่มั่นคง และสามารถทนถือหุ้นในระยะยาวได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยจำกัดความเสี่ยงให้ลดลงได้
.
การลงทุนแบบ VI ยังคงใช้ได้ดีในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ระยะเวลาในการลงทุนอาจสั้นลงกว่าในอดีต เพราะหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยีที่เข้ามาดิสรัปฯ แต่หัวใจสำคัญ คือ นักลงทุนต้องมีการศึกษา และ ทำความเข้าใจกับธุรกิจต่างๆเป็นอย่างดี เพราะในอนาคต ตัวหุ้น และอุตสาหกรรม ที่มีความน่าสนใจ ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยด้วยเช่นกัน
ที่มา
https://www.facebook.com/efinanceThai/photos/a.338126440488/10159546410170489/