ถ้าธุรกิจดีจริง เจ้าของไม่เอาเข้าตลาดหุ้นหรอก ที่เอาเข้าเพราะอยาก exit คำพูดนี้จริงหรือไม่ /โดย ลงทุนแมน
- แนวคิดที่ว่ากิจการดีจริง ไม่มีใครเอาเข้าตลาดหุ้นหรอก เป็นความคิดที่ต้องระวัง และแสดงให้เห็นว่าผู้พูดยังไม่เคยลงทุนในตลาดหุ้นแล้วเห็นหุ้นที่ประสบความสำเร็จมาก่อน
- ถ้าผู้พูดได้ลงทุนจริงและได้เห็น ก็จะพบว่ามีกิจการที่เข้าตลาดหุ้นมาแล้ว เติบโตได้อีกหลังจากเข้ามากมาย ทั้งในและต่างประเทศ
ไม่ว่าจะเป็น Apple Microsoft Google หุ้นเติบโตเป็นหลายเท่าหลังจากเข้าตลาดหุ้น
ส่วนในไทยก็ลองมองไปหุ้นท็อป ๆ ของไทยทั้งหลาย AOT PTT CPALL CPN HMPRO MINT หรือจะเป็นตัวกลาง ๆ ใหม่ ๆ อย่างเช่น SAPPE NEO SISB NSL XO ก็เติบโตหลังจากเข้าตลาดหุ้นเช่นกัน
- ในทางกลับกัน ถ้าถามว่ามีหุ้นที่ธุรกิจไม่ดีแล้วเข้าตลาดหุ้นเพื่อ exit บ้างไหม คำตอบคือก็อาจจะมีบ้างบางส่วน (บางคนอาจบอกว่า ไม่ใช่บางส่วน แต่เป็นส่วนใหญ่ ก็แล้วแต่มุมมอง) ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้อง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ว่าหุ้นของบริษัทแบบไหนที่มีอนาคต และไม่ได้เป็นบริษัทเจ้าของเดิมจะ exit
การดูตัวอย่าง บริษัทที่เจ้าของจะ exit เช่น
1. เจ้าของถือหุ้นในบริษัทเดิมน้อย เช่นไม่ถึง 10% ทำให้ขาดแรงจูงใจในการสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น
2. ตอน IPO มีการขายหุ้นตัวเองออกมาเยอะ แทนที่จะเพิ่มทุนเข้าบริษัทอย่างเดียว ทำให้คิดว่าบริษัทอาจถึงจุดอิ่มตัวแล้ว
3. การขายหุ้นตัวเองออกมาอย่างรวดเร็วหลังเข้าตลาด หรือ หมด silent period ทำให้คิดได้ว่าเจ้าของอยาก exit บางส่วน หรือราคาหุ้นในตลาดแพงไป
อย่างไรก็ตามมีหุ้นในตลาดอีกหลายตัวที่เจ้าของเดิมถือครบ และมีความมุ่งมั่นในการขยายกิจการให้กำไรเติบโต
นอกจากนั้นการที่เจ้าของเดิม exit บางกิจการก็ไปต่อได้ อย่างกรณี ADVANC ที่ทักษิณ ชินวัตร ขาย ตอนนี้ราคาก็ขึ้นไปหลายเท่า หรืออย่าง MEGA BANGNA ที่อยู่ใน SF เมเจอร์ก็ขายให้ CPN มันก็น่าจะเป็นกิจการที่ดีอยู่ ดังนั้นการที่เจ้าของเดิม exit ไม่ได้แปลว่าจะไม่ดีเสมอไปเช่นกัน
ดังนั้น การเอาตัวอย่างที่เราคิดมาเหมารวมทุกตัวแล้วตีความว่าจะไม่ยุ่งกับตลาดหุ้น ไม่ซื้อหุ้นเลย อาจจะเป็นความคิดที่ปิดโอกาสตัวเอง ในการหาทางเลือกของการเก็บออม การลงทุน
เชื่อไหมว่ามีเครื่องมือไม่กี่เครื่องมือบนโลกนี้ที่จะมีโอกาสให้เราเข้าไปร่วมถือหุ้นในกิจการ โดยที่เราไม่ต้องไปบริหารเองได้
- เพียงแต่ว่าก็ต้องเลือกดี ๆ ว่าจะลงทุนกับอะไร เช่น ถ้าเราไปลงทุนกับ Kerry Express แล้วเราเห็น ๆ อยู่ว่า Flash Express มาแข่ง ในตอนที่หลังจาก Kerry เข้าตลาด จากที่กำไรดี ๆ อยู่มันก็ตกลงมาเพราะสภาพการแข่งขันทำให้กำไรลดลง
การโทษว่าเจ้าของ Kerry เอาหุ้นมาหลอกขายก็อาจจะดูเป็นการรู้ความจริงทีหลังแล้วค่อยพูด เพราะย้อนกลับไปเวลานั้นกิจการ Kerry มันก็ประสบความสำเร็จพอสมควรก่อนที่ Flash จะเข้ามา ตัว Kerry เองก็ไม่อยากแพ้ Flash หรอก
- ในขณะเดียวกันถ้าถามว่าเจ้าของที่ตั้งใจเข้ามาระดมทุน และโกงนักลงทุน มีบ้างไหม คำตอบก็คงจะยอมรับว่ามี และมีหลายเคสตามที่เราได้ยินข่าวกัน แต่ทีนี้เสียงแง่ลบมันดังกว่าเสียงแง่บวก เราก็ต้องใช้วิจารณญาณ พลิกหินทีละก้อน ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรในแต่ละเคส ไม่เหมารวม
- การเลือกที่จะเชื่ออะไร นักลงทุนมักชอบมองที่ fact หรือข้อเท็จจริง มากกว่าเชื่อตาม ๆ กัน การรู้เรื่องการเงินแบบนี้นำไปปรับใช้กับชีวิตเราได้ ไม่ว่าเราจะเป็นเจ้าของกิจการ พนักงานประจำ หรือเป็นนักลงทุนควบคู่กันไปด้วย
(+/-) ถ้าธุรกิจดีจริง เจ้าของไม่เอาเข้าตลาดหุ้นหรอก ที่เอาเข้าเพราะอยาก exit คำพูดนี้จริงหรือไม่ /โดย ลงทุนแมน
- แนวคิดที่ว่ากิจการดีจริง ไม่มีใครเอาเข้าตลาดหุ้นหรอก เป็นความคิดที่ต้องระวัง และแสดงให้เห็นว่าผู้พูดยังไม่เคยลงทุนในตลาดหุ้นแล้วเห็นหุ้นที่ประสบความสำเร็จมาก่อน
- ถ้าผู้พูดได้ลงทุนจริงและได้เห็น ก็จะพบว่ามีกิจการที่เข้าตลาดหุ้นมาแล้ว เติบโตได้อีกหลังจากเข้ามากมาย ทั้งในและต่างประเทศ
ไม่ว่าจะเป็น Apple Microsoft Google หุ้นเติบโตเป็นหลายเท่าหลังจากเข้าตลาดหุ้น
ส่วนในไทยก็ลองมองไปหุ้นท็อป ๆ ของไทยทั้งหลาย AOT PTT CPALL CPN HMPRO MINT หรือจะเป็นตัวกลาง ๆ ใหม่ ๆ อย่างเช่น SAPPE NEO SISB NSL XO ก็เติบโตหลังจากเข้าตลาดหุ้นเช่นกัน
- ในทางกลับกัน ถ้าถามว่ามีหุ้นที่ธุรกิจไม่ดีแล้วเข้าตลาดหุ้นเพื่อ exit บ้างไหม คำตอบคือก็อาจจะมีบ้างบางส่วน (บางคนอาจบอกว่า ไม่ใช่บางส่วน แต่เป็นส่วนใหญ่ ก็แล้วแต่มุมมอง) ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้อง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ว่าหุ้นของบริษัทแบบไหนที่มีอนาคต และไม่ได้เป็นบริษัทเจ้าของเดิมจะ exit
การดูตัวอย่าง บริษัทที่เจ้าของจะ exit เช่น
1. เจ้าของถือหุ้นในบริษัทเดิมน้อย เช่นไม่ถึง 10% ทำให้ขาดแรงจูงใจในการสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น
2. ตอน IPO มีการขายหุ้นตัวเองออกมาเยอะ แทนที่จะเพิ่มทุนเข้าบริษัทอย่างเดียว ทำให้คิดว่าบริษัทอาจถึงจุดอิ่มตัวแล้ว
3. การขายหุ้นตัวเองออกมาอย่างรวดเร็วหลังเข้าตลาด หรือ หมด silent period ทำให้คิดได้ว่าเจ้าของอยาก exit บางส่วน หรือราคาหุ้นในตลาดแพงไป
อย่างไรก็ตามมีหุ้นในตลาดอีกหลายตัวที่เจ้าของเดิมถือครบ และมีความมุ่งมั่นในการขยายกิจการให้กำไรเติบโต
นอกจากนั้นการที่เจ้าของเดิม exit บางกิจการก็ไปต่อได้ อย่างกรณี ADVANC ที่ทักษิณ ชินวัตร ขาย ตอนนี้ราคาก็ขึ้นไปหลายเท่า หรืออย่าง MEGA BANGNA ที่อยู่ใน SF เมเจอร์ก็ขายให้ CPN มันก็น่าจะเป็นกิจการที่ดีอยู่ ดังนั้นการที่เจ้าของเดิม exit ไม่ได้แปลว่าจะไม่ดีเสมอไปเช่นกัน
ดังนั้น การเอาตัวอย่างที่เราคิดมาเหมารวมทุกตัวแล้วตีความว่าจะไม่ยุ่งกับตลาดหุ้น ไม่ซื้อหุ้นเลย อาจจะเป็นความคิดที่ปิดโอกาสตัวเอง ในการหาทางเลือกของการเก็บออม การลงทุน
เชื่อไหมว่ามีเครื่องมือไม่กี่เครื่องมือบนโลกนี้ที่จะมีโอกาสให้เราเข้าไปร่วมถือหุ้นในกิจการ โดยที่เราไม่ต้องไปบริหารเองได้
- เพียงแต่ว่าก็ต้องเลือกดี ๆ ว่าจะลงทุนกับอะไร เช่น ถ้าเราไปลงทุนกับ Kerry Express แล้วเราเห็น ๆ อยู่ว่า Flash Express มาแข่ง ในตอนที่หลังจาก Kerry เข้าตลาด จากที่กำไรดี ๆ อยู่มันก็ตกลงมาเพราะสภาพการแข่งขันทำให้กำไรลดลง
การโทษว่าเจ้าของ Kerry เอาหุ้นมาหลอกขายก็อาจจะดูเป็นการรู้ความจริงทีหลังแล้วค่อยพูด เพราะย้อนกลับไปเวลานั้นกิจการ Kerry มันก็ประสบความสำเร็จพอสมควรก่อนที่ Flash จะเข้ามา ตัว Kerry เองก็ไม่อยากแพ้ Flash หรอก
- ในขณะเดียวกันถ้าถามว่าเจ้าของที่ตั้งใจเข้ามาระดมทุน และโกงนักลงทุน มีบ้างไหม คำตอบก็คงจะยอมรับว่ามี และมีหลายเคสตามที่เราได้ยินข่าวกัน แต่ทีนี้เสียงแง่ลบมันดังกว่าเสียงแง่บวก เราก็ต้องใช้วิจารณญาณ พลิกหินทีละก้อน ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรในแต่ละเคส ไม่เหมารวม
- การเลือกที่จะเชื่ออะไร นักลงทุนมักชอบมองที่ fact หรือข้อเท็จจริง มากกว่าเชื่อตาม ๆ กัน การรู้เรื่องการเงินแบบนี้นำไปปรับใช้กับชีวิตเราได้ ไม่ว่าเราจะเป็นเจ้าของกิจการ พนักงานประจำ หรือเป็นนักลงทุนควบคู่กันไปด้วย