ปัจจุบันอายุ 29 สูง 174 cm หนัก 115 kg เคยไปแตะสูงสุดที่ 125 kg ค่ะ
ตอนเด็กเป็นคนผอมมากจนพ่อแม่ต้องหายาที่เค้าว่าดี แก้โรคเด็กผอมได้(ตามความเชื่อของเขาเมื่อ20ปีกว่าปีที่แล้วที่เค้าเรียกกันว่าโรคซาง พ่อแม่เราคิดว่า เราเป็นค่ะ) ตอนเด็กเราก็ทานตามที่พ่อแม่ให้ทาน แต่ก็ไม่ได้อ้วนขึ้นหรือมีน้ำมีนวลขึ้นนะคะ ยังคงผอมค่ะ
คาดว่าเป็นปกติของเด็กในวัยกำลังเล่น ไม่ยอมกินข้าว ติดเล่นกับเพื่อนทั่วๆไปค่ะ แต่ตอนเด็กตายายเลี้ยงนะคะ ค่อนข้างตามใจกินก็กิน ไม่กินก็ไม่บ่นค่ะ
ส่วนพ่อแม่เราทำงาน นานๆกลับบ้านทีค่ะ แล้วพอดีปู่เราเสียตอน ป.5 เราต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านนั้น แล้วพ่อแม่เราก็เปลี่ยนงานมาทำที่บ้าน
แล้วก็ดูแลเราเต็มตัวค่ะ จำได้ว่าน้ำหนักขึ้นตอนนั้นค่ะ เพราะแม่ค่อนข้างขี้บ่นเค้าอยากให้เราทานข้าวเยอะๆ อยากเลี้ยงให้ไม่ผอม
กลัวคนอื่นจะว่าปล่อยให้ลูกอดหรือป่าวอันนี้ไม่แน่ใจ พ่อเองก็เปย์ขนมหนักมาก ก็เริ่มอ้วนขึ้นเรื่อยๆ
จนมันเริ่มคุมไม่อยู่ค่ะ เราก็อ้วนขึ้นมาเรื่อยๆนะคะ จน ม.2-3 ช่วงนี้น้ำหนักลดลงนิดนึงค่ะ เพราะชอบไปตีแบตบ้านเพื่อน แต่ก็ไม่ลงจนผอมนะคะ
เราโดนเพื่อนบูลลี่มาตั้งแต่นั้นเลยค่ะเรื่องอ้วน (อ้วน ดำ แถมมอต้นตัดผมสั้นติ่งหู) สภาพก็... นั่นแหละคะ ก็กลายเป็นเด็กอ้วนมาตลอดค่ะยิ่งตัวสูงมันเลยตัวใหญ่มาก ถ้าเทียบกับเพื่อนคนอื่นๆ
จนเราเข้ามหาลัยค่ะ เราออกกำลังกายด้วยสาขาที่เราเรียนมันจำเป็นต้องออกค่ะ จนน้ำหนักลงไปแตะที่ 62 ตอนนั้นจัดว่ารูปร่างสมส่วนสำหรับเราเลยค่ะ ปัญหามันเริ่มหลังจากที่เราเรียนจบค่ะ มาทำงานปีแรก น้ำหนักพุ่งขึ้นมา 90 kg ค่ะภายใน1ปีนะคะ ทำงานหาเงินเอง กินบุฟเฟ่หนักมากค่ะ
ช่วงนั้นถ้าย้อนไป บุฟเฟ่กำลังบูมเลย มีร้านใหม่ๆเยอะมาก เราก็ตะเวนกินหลายร้านและบ่อยมากแทบทุกวีคเลยก็ว่าได้
จนเราเปลี่ยนงานที่ใหม่(ตอนนี้น้ำหนัก 105โดยประมาณ) ที่ทำงานใหม่มีเครื่องแบบค่ะ ต้องใส่เสื้อของบริษัท แต่จะใส่กับกางเกงหรือกระโปรงก็ได้ เริ่มรู้สึกได้ตอนนั้นเลยค่ะ รอบเอว 40 นิ้ว เราก็เครียดนะคะ แต่ก็ยังเอ็นจอยกับการกินอยู่ จนมีช่วงที่เราจัดฟัน ช่วงนั้นกินไรไม่ค่อยได้ เลยคิดว่าโอกาสนี้แหละ ถ้าลดน้ำหนักไปด้วยน่าจะลง ก็จ้างเทรนเนอร์ออนไลน์ค่ะ ทำได้2 เดือนกว่าๆ เครียดมากค่ะ น้ำหนักลงไป 10 kg+ แต่ตัวแทบไม่ยุบเลย ก็มีออกกำลังกายง่ายๆที่บ้าน กับเดินเร็ว 40นาที- 1ชม.ได้ค่ะ ด้วยปัญหางานที่เจอแต่ละวัน+เครียดเรื่องการออกกำลังกายด้วย ร้องไห้เลยค่ะตอนนั้น รู้สึกเหนื่อยมาก ท้อมาก ออกกำลังกายไปร้องไห้ไป จนเราไม่ไหว เราคิดไม่ดีกับตัวเองมากๆ เราหนีโค้ชเลยค่ะทิ้งเงินส่วนต่างเลย ไม่ตอบแชท ไม่รับสาย ไม่ส่งคลิป เรานอยด์มาก เครียดมาก จนผ่านช่วงเวลานั้นมาได้จากที่ลดไปเหลือประมาณ 90กว่าๆ น้ำหนักเราก็ดีดขึ้นมาที่ 110 ค่ะ
เราสังเกตุตัวเองว่า
1.เรามักจะกินจุกินเยอะเกินความจำเป็นหรือความพอดีกับความอิ่มเรา เหมือนยิ่งเครียดยิ่งกิน
2.เราชอบฝืนกินจนหมดเพราะเสียดายค่ะ ชอบเสียดายของ
เราเลิกพูดเรื่องออกกำลังกายไปเลยค่ะ พูดทีไรมันนอยด์ เราก็ใช้ชีวิตแบบอ้วนๆตัวใหญ่ๆมาตลอดนะคะ(จนน้ำหนักแตะที่ 125kg)
จนมีอีกช่วงนึงเราย้ายที่ทำงานอีก เริ่มรู้สึกจิตใจดีขึ้น อยากลองอีกสักตั้ง เลยเปลี่ยนวิธีการ ลดน้ำหนักเองค่ะ เริ่มจากคุมอาหาร กินคลีน
ค่อนข้างหักดิบตัวเองอยู่ ไม่กินน้ำหวาน ไม่ทานข้าวเย็น น้ำหนักลงมาที่ 105 ภายใน 5-6 เดือนค่ะ พอมาตรงนี้รู้สึกโอเคขึ้น ก็กลับมากินปกติค่ะ
แต่ยังไม่ทานมื้อเย็น ไม่ได้ออกกำลังกายน้ำหนักคงที่ 104-105 ประมาณนี้มาปีกว่า จนเริ่มเครียดกับเรื่องส่วนตัวหลายๆเรื่อง ทั้งงาน ทั้งความกดดันต่างๆ ภาระทุกอย่างตกที่เราค่อนข้างเยอะค่ะ เริ่มกลับมากินเยอะ กินจุ เหมือนกินเท่าไรก็ไม่อิ่ม เครียดด้วย เหมือนยิ่งเครียดยิ่งอยากกิน
จนน้ำหนักพุ่งมาที่ 117 kg เราก็ใช้ชีวิตกับน้ำหนัก 117 kg มาเกือบปี
จนล่าสุดสองเดือนก่อน เราเริ่มโอเคขึ้น อยากกลับมาลองอีกสักที ปรับใหม่ เปลี่ยนเวลาทานข้าว จากมื้อเช้ากิน 10-11โมง เลื่อนมาเป็น 9.30น.
บังคับตัวเองกินเวลานี้ทุกวัน มื้อเที่ยงก็กิน 12.00-13.00 ไม่เกินนี้ หลังจากนั้นงดเลย ดื่มแค่น้ำ อาหารที่กินก็เน้นผัก นมโปรตีนเสริม
กินขนมบ้างบางวัน และมีชีสเดย์1วันอาทิตย์ทุกวีค เพราะเจอแฟน มีออกกำลังกายไปเดินที่สวนบ้าง 45 นาที-1ชม.
มีออกกำลังกายที่ห้องนิดหน่อย ดูคลิปเต้นตาม วันละ 20-40 นาที แต่ไม่ทำทุกวันนะคะ วันไหนกลับดึกหรือมีงานบ้านก็ไม่ทำค่ะ
ปัจจุบันน้ำหนักลงมาเหลือ 114 kg มาถึงตอนนี้ รู้สึกท้ออีกแล้ว รู้สึกเหนื่อย รู้สึกแพ้กับใจตัวเอง เริ่มรู้สึกเหมือนตอนที่ร้องไห้วันนั้น โทษตัวเองที่ล้มเหลวทุกครั้ง คำพูดคนอื่นเริ่มมีผลต่อจิตใจ ไม่เอ็นจอยกับการใช้ชีวิตเลยสักวัน เริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าทำไมคนอื่นไม่ต้องพยายามเขาก็ผอมมาแต่ไหนแต่ไรไม่เคยอ้วน กินเยอะแค่ไหนก็ไม่อ้วน ทำไมเราถึงอ้วน เรารู้ทั้งรู้นะคะ แต่พอจิตใจมันไม่โอเค มันเลยเกิดความคิดโง่ๆแบบนี้ สุดท้ายแล้วเราก็แพ้ค่ะ พอรู้สึกว่าไม่ได้อยากใช้ชีวิต ไม่ได้อยากทำอะไร ความตั้งใจในการลดน้ำหนักเราก็เลยหายไป สภาพจิตใจตอนนี้ยากคาดเดา
-------แล้วก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ยังสภาพจิตใจดี และสู้กับการมีชีวิตที่ดีนะคะ----
ปล.เคยใช้ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก 2 อย่างค่ะ แต่น้ำหนักไม่ลดเลยสักนิด
1. ผงชงหวานๆหอมๆ เหมือนน้ำผลไม้ของ บบว.
2.ยาชงแบบชา อันนี้จำยี่ห้อไม่ได้
*** เพิ่มเติมนะคะ จากคอมเม้นกำลังใจและคำแนะนำที่ดี ปัจจุบันเราโอเคขึ้นมากๆค่ะ เรานำคำแนะนำไปปรับใช้ได้เยอะมากๆค่ะ ตั้งแต่ตั้งกระทู้มา
กำลังใจเราดีขึ้นค่ะ เราเห็นคนมีปัญหาแบบเรา เราแลกเปลี่ยนความคิดกัน หรือคนที่เคยทำมาก่อนมาแชร์ประสบการณ์หรือให้คำแนะนำตรงจุด ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจนะคะ ว่าสำหรับเรามันคือสภาพจิตใจและกำลังใจ อีก2 เดือน เราจะมาอัพเดตความคืบหน้านะคะ ***
ความล้มเหลวในการลดน้ำหนัก
ตอนเด็กเป็นคนผอมมากจนพ่อแม่ต้องหายาที่เค้าว่าดี แก้โรคเด็กผอมได้(ตามความเชื่อของเขาเมื่อ20ปีกว่าปีที่แล้วที่เค้าเรียกกันว่าโรคซาง พ่อแม่เราคิดว่า เราเป็นค่ะ) ตอนเด็กเราก็ทานตามที่พ่อแม่ให้ทาน แต่ก็ไม่ได้อ้วนขึ้นหรือมีน้ำมีนวลขึ้นนะคะ ยังคงผอมค่ะ
คาดว่าเป็นปกติของเด็กในวัยกำลังเล่น ไม่ยอมกินข้าว ติดเล่นกับเพื่อนทั่วๆไปค่ะ แต่ตอนเด็กตายายเลี้ยงนะคะ ค่อนข้างตามใจกินก็กิน ไม่กินก็ไม่บ่นค่ะ
ส่วนพ่อแม่เราทำงาน นานๆกลับบ้านทีค่ะ แล้วพอดีปู่เราเสียตอน ป.5 เราต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านนั้น แล้วพ่อแม่เราก็เปลี่ยนงานมาทำที่บ้าน
แล้วก็ดูแลเราเต็มตัวค่ะ จำได้ว่าน้ำหนักขึ้นตอนนั้นค่ะ เพราะแม่ค่อนข้างขี้บ่นเค้าอยากให้เราทานข้าวเยอะๆ อยากเลี้ยงให้ไม่ผอม
กลัวคนอื่นจะว่าปล่อยให้ลูกอดหรือป่าวอันนี้ไม่แน่ใจ พ่อเองก็เปย์ขนมหนักมาก ก็เริ่มอ้วนขึ้นเรื่อยๆ
จนมันเริ่มคุมไม่อยู่ค่ะ เราก็อ้วนขึ้นมาเรื่อยๆนะคะ จน ม.2-3 ช่วงนี้น้ำหนักลดลงนิดนึงค่ะ เพราะชอบไปตีแบตบ้านเพื่อน แต่ก็ไม่ลงจนผอมนะคะ
เราโดนเพื่อนบูลลี่มาตั้งแต่นั้นเลยค่ะเรื่องอ้วน (อ้วน ดำ แถมมอต้นตัดผมสั้นติ่งหู) สภาพก็... นั่นแหละคะ ก็กลายเป็นเด็กอ้วนมาตลอดค่ะยิ่งตัวสูงมันเลยตัวใหญ่มาก ถ้าเทียบกับเพื่อนคนอื่นๆ
จนเราเข้ามหาลัยค่ะ เราออกกำลังกายด้วยสาขาที่เราเรียนมันจำเป็นต้องออกค่ะ จนน้ำหนักลงไปแตะที่ 62 ตอนนั้นจัดว่ารูปร่างสมส่วนสำหรับเราเลยค่ะ ปัญหามันเริ่มหลังจากที่เราเรียนจบค่ะ มาทำงานปีแรก น้ำหนักพุ่งขึ้นมา 90 kg ค่ะภายใน1ปีนะคะ ทำงานหาเงินเอง กินบุฟเฟ่หนักมากค่ะ
ช่วงนั้นถ้าย้อนไป บุฟเฟ่กำลังบูมเลย มีร้านใหม่ๆเยอะมาก เราก็ตะเวนกินหลายร้านและบ่อยมากแทบทุกวีคเลยก็ว่าได้
จนเราเปลี่ยนงานที่ใหม่(ตอนนี้น้ำหนัก 105โดยประมาณ) ที่ทำงานใหม่มีเครื่องแบบค่ะ ต้องใส่เสื้อของบริษัท แต่จะใส่กับกางเกงหรือกระโปรงก็ได้ เริ่มรู้สึกได้ตอนนั้นเลยค่ะ รอบเอว 40 นิ้ว เราก็เครียดนะคะ แต่ก็ยังเอ็นจอยกับการกินอยู่ จนมีช่วงที่เราจัดฟัน ช่วงนั้นกินไรไม่ค่อยได้ เลยคิดว่าโอกาสนี้แหละ ถ้าลดน้ำหนักไปด้วยน่าจะลง ก็จ้างเทรนเนอร์ออนไลน์ค่ะ ทำได้2 เดือนกว่าๆ เครียดมากค่ะ น้ำหนักลงไป 10 kg+ แต่ตัวแทบไม่ยุบเลย ก็มีออกกำลังกายง่ายๆที่บ้าน กับเดินเร็ว 40นาที- 1ชม.ได้ค่ะ ด้วยปัญหางานที่เจอแต่ละวัน+เครียดเรื่องการออกกำลังกายด้วย ร้องไห้เลยค่ะตอนนั้น รู้สึกเหนื่อยมาก ท้อมาก ออกกำลังกายไปร้องไห้ไป จนเราไม่ไหว เราคิดไม่ดีกับตัวเองมากๆ เราหนีโค้ชเลยค่ะทิ้งเงินส่วนต่างเลย ไม่ตอบแชท ไม่รับสาย ไม่ส่งคลิป เรานอยด์มาก เครียดมาก จนผ่านช่วงเวลานั้นมาได้จากที่ลดไปเหลือประมาณ 90กว่าๆ น้ำหนักเราก็ดีดขึ้นมาที่ 110 ค่ะ
เราสังเกตุตัวเองว่า
1.เรามักจะกินจุกินเยอะเกินความจำเป็นหรือความพอดีกับความอิ่มเรา เหมือนยิ่งเครียดยิ่งกิน
2.เราชอบฝืนกินจนหมดเพราะเสียดายค่ะ ชอบเสียดายของ
เราเลิกพูดเรื่องออกกำลังกายไปเลยค่ะ พูดทีไรมันนอยด์ เราก็ใช้ชีวิตแบบอ้วนๆตัวใหญ่ๆมาตลอดนะคะ(จนน้ำหนักแตะที่ 125kg)
จนมีอีกช่วงนึงเราย้ายที่ทำงานอีก เริ่มรู้สึกจิตใจดีขึ้น อยากลองอีกสักตั้ง เลยเปลี่ยนวิธีการ ลดน้ำหนักเองค่ะ เริ่มจากคุมอาหาร กินคลีน
ค่อนข้างหักดิบตัวเองอยู่ ไม่กินน้ำหวาน ไม่ทานข้าวเย็น น้ำหนักลงมาที่ 105 ภายใน 5-6 เดือนค่ะ พอมาตรงนี้รู้สึกโอเคขึ้น ก็กลับมากินปกติค่ะ
แต่ยังไม่ทานมื้อเย็น ไม่ได้ออกกำลังกายน้ำหนักคงที่ 104-105 ประมาณนี้มาปีกว่า จนเริ่มเครียดกับเรื่องส่วนตัวหลายๆเรื่อง ทั้งงาน ทั้งความกดดันต่างๆ ภาระทุกอย่างตกที่เราค่อนข้างเยอะค่ะ เริ่มกลับมากินเยอะ กินจุ เหมือนกินเท่าไรก็ไม่อิ่ม เครียดด้วย เหมือนยิ่งเครียดยิ่งอยากกิน
จนน้ำหนักพุ่งมาที่ 117 kg เราก็ใช้ชีวิตกับน้ำหนัก 117 kg มาเกือบปี
จนล่าสุดสองเดือนก่อน เราเริ่มโอเคขึ้น อยากกลับมาลองอีกสักที ปรับใหม่ เปลี่ยนเวลาทานข้าว จากมื้อเช้ากิน 10-11โมง เลื่อนมาเป็น 9.30น.
บังคับตัวเองกินเวลานี้ทุกวัน มื้อเที่ยงก็กิน 12.00-13.00 ไม่เกินนี้ หลังจากนั้นงดเลย ดื่มแค่น้ำ อาหารที่กินก็เน้นผัก นมโปรตีนเสริม
กินขนมบ้างบางวัน และมีชีสเดย์1วันอาทิตย์ทุกวีค เพราะเจอแฟน มีออกกำลังกายไปเดินที่สวนบ้าง 45 นาที-1ชม.
มีออกกำลังกายที่ห้องนิดหน่อย ดูคลิปเต้นตาม วันละ 20-40 นาที แต่ไม่ทำทุกวันนะคะ วันไหนกลับดึกหรือมีงานบ้านก็ไม่ทำค่ะ
ปัจจุบันน้ำหนักลงมาเหลือ 114 kg มาถึงตอนนี้ รู้สึกท้ออีกแล้ว รู้สึกเหนื่อย รู้สึกแพ้กับใจตัวเอง เริ่มรู้สึกเหมือนตอนที่ร้องไห้วันนั้น โทษตัวเองที่ล้มเหลวทุกครั้ง คำพูดคนอื่นเริ่มมีผลต่อจิตใจ ไม่เอ็นจอยกับการใช้ชีวิตเลยสักวัน เริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าทำไมคนอื่นไม่ต้องพยายามเขาก็ผอมมาแต่ไหนแต่ไรไม่เคยอ้วน กินเยอะแค่ไหนก็ไม่อ้วน ทำไมเราถึงอ้วน เรารู้ทั้งรู้นะคะ แต่พอจิตใจมันไม่โอเค มันเลยเกิดความคิดโง่ๆแบบนี้ สุดท้ายแล้วเราก็แพ้ค่ะ พอรู้สึกว่าไม่ได้อยากใช้ชีวิต ไม่ได้อยากทำอะไร ความตั้งใจในการลดน้ำหนักเราก็เลยหายไป สภาพจิตใจตอนนี้ยากคาดเดา
-------แล้วก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ยังสภาพจิตใจดี และสู้กับการมีชีวิตที่ดีนะคะ----
ปล.เคยใช้ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก 2 อย่างค่ะ แต่น้ำหนักไม่ลดเลยสักนิด
1. ผงชงหวานๆหอมๆ เหมือนน้ำผลไม้ของ บบว.
2.ยาชงแบบชา อันนี้จำยี่ห้อไม่ได้
*** เพิ่มเติมนะคะ จากคอมเม้นกำลังใจและคำแนะนำที่ดี ปัจจุบันเราโอเคขึ้นมากๆค่ะ เรานำคำแนะนำไปปรับใช้ได้เยอะมากๆค่ะ ตั้งแต่ตั้งกระทู้มา
กำลังใจเราดีขึ้นค่ะ เราเห็นคนมีปัญหาแบบเรา เราแลกเปลี่ยนความคิดกัน หรือคนที่เคยทำมาก่อนมาแชร์ประสบการณ์หรือให้คำแนะนำตรงจุด ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจนะคะ ว่าสำหรับเรามันคือสภาพจิตใจและกำลังใจ อีก2 เดือน เราจะมาอัพเดตความคืบหน้านะคะ ***