JJNY : 5in1 “ประเสริฐ”โต้แรมโบ้│‘อมรัตน์’ชี้‘ธีรัจชัย’ผลงานดุ│กกต.ดุดัน│ชี้ฝุ่นเหนือทุบท่องเที่ยว│งานเก็บศพทหารรัสเซีย

หวิดวางมวย! “ประเสริฐ” เดือด โต้ แรมโบ้ โกหก หลังพาดพิงต้นตอเหตุปฏิวัติ บนเวทีดีเบตโคราช
https://www.matichon.co.th/election-slide/news_3921969
 
 
หวิดวางมวย! “ประเสริฐ” เดือดโต้แรมโบ้โกหก หลังพาดพิงต้นตอเหตุปฏิวัติ บนเวทีดีเบตโคราช ท่ามกลางกองเชียร์คนเสื้อแดง แรมโบ้ไม่น้อยหน้ากระชากแขนประเสริฐให้หันมาเผชิญหน้า
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (10 เมษายน) ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา การจัดดีเบตฟังวิสัยทัศน์พรรคการเมือง เวทีวันเลือกตั้งสัญจร ภาคอีสาน ของสำนักข่าวช่องวัน โดยเชิญแกนนำของ 7 พรรคการเมืองมาร่วมเวที โดยพรรคเพื่อไทยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง มาร่วมดีเบต, พรรครวมไทยสร้างชาติมี นายเสกสกล อัตถาวงศ์, พรรคชาติพัฒนากล้ามี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ, พรรคภูมิใจไทยมี นายสุชาติ ภิญโญ, พรรคประชาธิปัตย์มี นายไชยยศ จิรเมธากร, พรรคก้าวไกลมี น.ส.พรรณิการ์ วานิช และพรรคไทยสร้างไทยมี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาร่วมเวทีดีเบตในครั้งนี้ ซึ่งพี่น้องประชาชนชาว จ.นครราชสีมา ตลอดจนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค และกองเชียร์-แฟนคลับร่วมรับฟังกันอย่างคึกคัก แม้ว่าสภาพอากาศจะร้อนอบอ้าว

โดยช่วงหนึ่งของการดีเบต นายเสกสกล อัตถาวงศ์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้หลุดประโยคที่ทำให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง จากพรรคเพื่อไทย แทบจะอดใจไว้ไม่ได้ โดยพูดถึงการปฏิวัติที่ผ่านมาว่า “ไม่มีใครอยากจะเห็นการปฏิวัติ แต่เราต้องรู้สาเหตุของการปฏิวัติว่าเกิดจากอะไร ตนในฐานะคนเสื้อแดง คน นปช.เก่า ต้องยอมรับความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลังของการชุมนุม ใครอยู่เบื้องหลังของการหลอกเสื้อแดงมาชุมนุม ใครอยู่เบื้องหลังของการต่อสู้ให้เสื้อแดงตายแล้วขึ้นสู่อำนาจ” ซึ่งระหว่างที่พูดก็มีแนวร่วมคนเสื้อแดงส่งเสียงโห่ตลอด
 
(ชมคลิป) คลิปอยู่ในข่าวครับ
 
และเมื่อพูดจบ นายประเสริฐก็ขอขึ้นพูดต่อเพราะถูกพาดพิง โดยกล่าวว่าที่นายเสกสกลพูดถึงต้องการจะกล่าวหาพี่น้องคนเสื้อแดงที่มาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย นายเสกสกลกำลังจะเข้าใจผิด ซึ่งตนถือว่าคำพูดของบุคคลที่กล้าโกหกท้าวสุรนารีเป็นคำพูดที่เชื่อถือไม่ได้ ซึ่งทำให้นายเสกสกลนั่งไม่ติดเก้าอี้ ต้องลุกขึ้นมาแย้งในทันควัน พร้อมกับจับแขนนายประเสริฐกระชากให้หันมาเผชิญหน้า พร้อมพูดไปชี้ไปว่า นายประเสริฐรู้ได้อย่างไรว่าตนโกหก เอาหลักฐานอะไรมาว่าตนโกหก เอาหลักฐานอะไรมาพูด ขอให้พูดออกมาว่าตนโกหกท่านท้าวสุรนารีว่าอย่างไร
 
ซึ่งนายประเสริฐก็พูดสวนมาว่า อย่าใช้อารมณ์ ไปสาบานอะไรไว้กับย่าโม ข่าวก็ออกทุกฉบับ แต่นายเสกสกลก็บอกว่าตนไม่ได้โกหก และไม่ได้ใช้อารมณ์ แต่อยากทราบว่าที่นายประเสริฐบอกว่าตนโกหกและสาบานกับย่าโมมีหลักฐานหรือไม่ ซึ่งต่างคนต่างโต้เถียงกันจนเวทีดีเบตเดือดขึ้นมาทันควัน ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมฟังต่างส่งเสียงโห่เชียร์อย่างสุดมันที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้งสองพรรคหวิดจะวางมวยกัน จนนายอนุวัฒน์ เฟื่องทองแดง พิธีกรเวทีดีเบต ต้องรีบเข้าไปจับทั้งสองคนแยกออกจากกัน แต่นายเสกสกลก็ยังของขึ้น พูดต่ออีกว่า “อย่ามาดูถูกตน การกล่าวหาคนโดยไม่มีหลักฐาน ไม่ใช่คนแล้ว” ซึ่งทำให้พิธีกรต้องรีบไปประคองให้นายเสกสกลนั่งเก้าอี้ และบอกว่า ขอให้ทุกคนใจเย็น บนเวทียังร้อนแรง ข้างล่างก็ร้อน ขอให้ใจเย็นๆ ต้องขอเบรกพักอารมณ์ชั่วคราว ก่อนจะเปิดให้ดีเบตกันต่อ ซึ่งนับเป็นการดีเบตอีกเวทีหนึ่งที่ประชาชนทั่วประเทศต่างให้ความสนใจ และต่างคาดเดาว่า กระแสจากทั้งสองพรรคใหญ่จะออกมาในทิศทางใดต่อไป


 
‘อมรัตน์’ ชี้ ‘ธีรัจชัย’ ผลงานดุดัน มือปราบมันคือแป้ง ขอคะแนน ชิงส.ส. ‘ลาดกระบัง-มีนบุรี’
https://www.matichon.co.th/election66/news_3922611
 
‘อมรัตน์’ ลุยหาเสียง ‘ลาดกระบัง-มีนบุรี’ ช่วย ‘ธีรัจชัย’ มั่นใจ ผลงานสภาฯ 4 ปี โดดเด่น เป็นผู้แทนฯ อีกรอบ ด้าน ปชช. บอกกาก้าวไกลแน่เพราะปลื้ม ‘พิธา’
 
เมื่อวันที่ 11 เมษายน นายธีรัจชัย พันธุมาศ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 18 เบอร์ 8 พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ลงพื้นที่หาเสียงเพื่อแนะนำตัว และนโยบายของพรรคก.ก. โดยในช่วงเช้าไปที่หมู่บ้านฟลอร่าวิลล์ พาร์ค ซิตี้ สุวินทวงศ์ และโครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง
 
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายธีรัจชัย และทีมงาน ได้เดินทางมาหาเสียงต่อที่ตลาดนัดแยกบาแล แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี เพื่อพบกับพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่มาซื้อของในตลาด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพี่น้องมุสลิม โดยพ่อค้าแม่ค้าในตลาดได้ให้การตอบรับเป็นอย่างดี และประชาชนบางคนระบุชัดเจนว่าตั้งใจจะเลือกพรรคก.ก. อยู่แล้วเพราะชื่นชอบ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. เป็นอย่างมาก
 
ด้าน นางอมรัตน์ กล่าวปรายศรัยตอนหนึ่งว่า วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ขอพี่น้องประชาชนเข้าคูหากาพรรค ก.ก. ทั้งสองใบ เพราะพรรคก.ก. คือกองหน้าประชาธิปไตยตัวจริงในสภาฯ และขอให้เลือกนายธีรัจชัย เบอร์ 8 ที่มีผลงานดุดันไม่เกรงใจใคร นายธีรัจชัย คือมือปราบมันคือแป้ง วลีในตำนาน วันนี้เป็นอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่เปลี่ยนใจมาลงสมัคร ส.ส.เขต เพื่อทำงานที่ท้าทายมากกว่าส.ส.บัญชีรายชื่อ เขาคือบุคลากรที่มีค่าของพรรคก.ก.
 
เราจึงขอฝากนายธีรัจชัยมาดูแลและช่วยสะท้อนปัญหาให้กับพี่น้องหนองจอก มีนบุรี และลาดกระบัง ที่สำคัญคือพรรค ก.ก. จะเอา 3 ป. และทหารออกไปจากการเมือง เพื่อหยุดวงจรรัฐประหาร เราจะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจแทน และเราพร้อมเข้าไปเป็นรัฐบาลเพื่อจัดทำนโยบายรัฐสวัสดิการ เช่น นโยบายเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท และเงินเด็กเล็กเดือนละ 1,200 บาท เป็นการสร้างสรรค์การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต
 
ขณะที่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า การตอบรับถือจากประชาชนในพื้นที่ถือว่าค่อนข้างดีโดยเฉพาะพื้นที่บ้านมีรั้ว หรือหมู่บ้านจัดสรรต่างๆ แม้ตนจะเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อมากก่อน แต่ก็ลงพื้นที่กทม.โซนตะวันออกมาตลอดจึงมีความคุ้นชินกับพื้นที่เป็นอย่างดี และประชาชนส่วนใหญ่ยังคงจดจำตนได้จากการทำหน้าที่ในสภาฯ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ กทม. เขต 18 เป็นพื้นที่ใหม่ และไม่มีเจ้าของพื้นที่ ประกอบกระแสความนิยมของพรรค ก.ก. ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการขึ้นเวทีดีเบตของนายพิธา และแกนนำพรรค ก.ก. คนอื่นๆ ยิ่งทำให้ตนมีความเชื่อมั่นว่าจะชนะเลือกตั้งในครั้งนี้
 
จากนั้นไปยังจุดหมายสุดท้ายของวันคือ ตลาดนัด วีมาร์เก็ต ลาดกระบัง
 


กกต.ดุดันไม่แผ่ว ขีดเส้นตายเพื่อไทยใน 7 วัน แจงที่มาเงิน ใช้ 62 นโยบายหาเสียง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7608353

กกต.ดุดันไม่แผ่ว ขีดเส้นตายเพื่อไทยใน 7 วัน แจงที่มาเงินใช้ 62 นโยบายหาเสียง พร้อมแจ้งหน.ทุกพรรคการเมืองต้องแจงรายละเอียดนโยบายตามกม.กำหนดกลับมาภายใน 18 เม.ย.
 
เมื่อวันที่ 11 เม.ย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่กกต.พบว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้จ้งวงเงินที่จะใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการตามนโยบายหาเสียงแจกเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลให้​คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปคนละ 10,000 บาท ตามที่มาตรา 57 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2561 กำหนดไว้ มีรายงานว่า วันที่ 10เม.ย.ที่ผานมา สำนักงานกกต.โดยนายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. มีหนังสือแจ้งไปยังพรรคเพื่อไทยว่า นโยบายหาเสียงที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเงินที่พรรคได้แจ้งมานั้น ยังมีรายการที่ดำเนินการไม่ครบถ้วนตามมาตรา 57 วรรคหนึ่ง(1) คือ ขาดที่มาขอเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ และวงเงินที่ต้องใช้ในการดำเนินการรวมทั้งสิ้น 62 นโยบาย โดยให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการแก้ไขรายการดังกล่าวให้ครบถ้วนถูกต้อง และแจ้งกลับมายังสำนักงาน กกต. ภายใน 7 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ
 
ขณะเดียวกันวันดังกล่าว เลขาธิการฯกกต.ยังมีหนังสือแจ้งถึงหัวหน้าทุกพรรคการเมือง เรื่องการกำหนดนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง เน้นย้ำให้พรรคการเมืองต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยกรณีการกำหนดนโยบายที่ต้องใช้จ่ายเงิน ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา 57 โดยต้องมีรายการอย่างน้อย 1.วงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการ 2.ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย 3 ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายโดยพรรคการเมืองต้องระบุรายละเอียดดังกล่าวเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ และแจ้งต่อกกต.จึงให้พรรคการเมืองแจ้งรายละเอียดดังกล่าวต่อสำนักงาน กกต.ภายในวันที่ 18 เม.ย.นี้
 
ทั้งนี้หนังสือดังกล่าวยังระบุด้วยว่าการหาเสียงของพรรคต้องไม่ขัดหรือแย้งกับแนวที่กำหนดเป็นนโยบายของพรรคการเมืองตามมาตรา74 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561หากพรรคไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของกกต.ตามมาตรา 57 วรรคสองต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 5แสนบาทและปรับอีกวันละ 1หมื่นบาทตลอดระยะเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องและถ้าผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 74 หรือหาเสียงไม่ว่าด้วยประการใดให้ประชาชนหลงเชื่อหรือเข้าใจผิดว่าเป็นนโยบายของพรรคการเมืองตามมาตรา 74 ต้องระวังโทษจำคุก 1-10 ปีปรับตั้งแต่ 20,000 -200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์ผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี
 
เชิญร่วมโหวตครั้งประวัติศาสตร์ “มติชน x เดลินิวส์” โพลเลือกตั้ง ’66 เลือกนายกฯ ที่ใช่-เลือกพรรคการเมืองที่ชอบ คลิกทำโพลได้ที่ >> https://www.matichon.co.th/thai-election66-poll/ #โหวตอนาคต #โพลเลือกตั้งมติชนเดลินิวส์ #เลือกตั้ง66 #มติชนเลือกตั้ง66
  


กสิกรไทย ชี้วิกฤตฝุ่นภาคเหนือทุบท่องเที่ยว สูญไม่ต่ำกว่า 700 ล้าน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/343053
 
กสิกรไทย ชี้ วิกฤตฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่และเชียงราย ทำธุรกิจท่องเที่ยวสูญเสียรายได้ในช่วงสงกรานต์ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท
 
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า วิกฤตฝุ่น PM2.5 รอบนี้ อาจก่อให้เกิดความสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 5 วัน (13-17 เม.ย.) คิดเป็นเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท
 
จากปกติที่ตลาดไทยเที่ยวไทยช่วยสร้างรายได้ให้กับธุรกิจในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 9 จังหวัด เป็นมูลค่าราว 2,000 ล้านบาทในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของแต่ละปี โดยสะท้อนจากผลสำรวจการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่พบว่า กลุ่มตัวอย่าง คนกรุงเทพฯ เลือกจังหวัดทางภาคเหนือลดลงเฉลี่ยถึง 30% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะเชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งมักเป็นจังหวัดที่คนไทยนิยมเดินทางท่องเที่ยวและร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและที่พัก ยังประสบกับสถานการณ์ที่อัตราการจองที่พักล่วงหน้าต่ำ และบางส่วนถูกยกเลิกการจองไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่