JJNY : หมอไม่ทน เหนือมีแต่ฝุ่น│ชาวนครปฐมแห่ฟังพท.│กนง. เสียงแตกขึ้นดอกเบี้ย│“นาโต” วิจารณ์รัสเซียเตรียมตั้งนิวเคลียร์

หมอไม่ทน เหนือมีแต่ฝุ่น ไม่มีฟ้า ห่วงเด็กแรกเกิดจะหายใจยังไง
https://www.matichon.co.th/social/news_3895052

 
หมอไม่ทน เหนือมีแต่ฝุ่น ไม่มีฟ้า ห่วงเด็กแรกเกิดจะหายใจยังไง
 
วันที่ 27 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ ดร.กล้วย (Doctor กล้วย) ซึ่งเป็นหมอโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคเหนือ โพสต์ถึงสภาพอากาศที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ และมีผู้ป่วยโดยเฉพาะเด็กแรกเกิดได้รับผลกระทบอย่างมากว่า
 
#ห้องทารกแรกคลอดในวันที่หมอกควันหนักหนาสาหัส   
 
อันนี้ รพ แอดเองวันนี้…เด็กๆแรกเกิด ต้องมาพบเจอมลพิษแบบนี้ ปอดน้องๆก็เพิ่งเริ่มทำงานวันแรก ขนาดใช้เครื่องฟอกหลายตัว และยังมีเด็กๆในหอผู้ป่วยในอีก อย่างที่รู้เราใส่แมสก์ให้เด็กไม่ได้ แถมเรายังทำได้แค่บรรเทาด้วยเครื่องฟอกอากาศ แต่ภาวะแบบนี้ หมอก็ไม่รู้จะปกป้องดูแลเด็กๆยังไงแล้ว สงสารจังลูก   

#ฝนรีบมาช่วยเราด้วยนะ 
 
โดยต่อมา ได้โพสต์อีกว่า
 
…เรายังคงต้องสู้กันต่อไป กับภัยพิบัติครั้งนี้ ดูแลและปกป้องตัวเองนะครับ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้ป่วยภูมิแพ้

https://www.facebook.com/bananadent/posts/pfbid0y88ZMkyG4S7g1egBHmkT29RRRpPCmXNvyRpfZBjoQUeiDr5xUbY8M5ujzghi5t6nl
https://www.facebook.com/bananadent/posts/pfbid02L6d4RGxqAgzNTiiSbb311VueyGDckTXaNdp5JsWNUWkRZxG8tDfT8DQhcciFek2rl
 


สุดลูกหูลูกตา! ชาวนครปฐมแห่ฟังพท.ปราศรัย ‘แพทองธาร’ ขอแลนสไลด์ทั้งจังหวัด
https://siamrath.co.th/n/433942
 
สุดลูกหูลูกตา! ชาวนครปฐมแห่ฟังพท.ปราศรัย ‘แพทองธาร’ ขอแลนสไลด์ทั้งจังหวัด
 
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2566 เวลา 17.30 น. พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัยใหญ่ #คิดใหญ่ทำเป็นเพื่อไทยทุกคน เวทีปราศรัยที่หอประชุม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน จังหวัดนครปฐม นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย,นางสาว แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย, นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ นายณัฐวุฒิ  ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย  และว่าที่ผู้ประสงค์สมัคร ส.ส. นครปฐม ประกอบด้วย นายสมชาย  มณีรัตน์, น.ส.ธนัญญา พันธุ์การรุ่ง, นายทรงพล ชูศิลป์กุล, นายวินัย วิจิตรโสภณ, นายมานพ คำหวาน และ นายธีรพงศ์ เย็นใจ ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพี่น้องประชาชนที่เดินทางเข้ามาฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น เต็มทุกพื้นที่

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยรู้สึกอบอุ่นจากการต้อนรับของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ที่มานครปฐมในวันนี้ก็เพื่อจะบอกกับพี่น้องประชาชนว่าใกล้เลือกในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ หากเลือกพรรคเพื่อไทยจะได้อะไร จะดีต่อชีวิตพี่น้องอย่างไรบ้าง พรรคเพื่อไทยทราบดีว่าชาวนครปฐมต้องเผชิญกับปัญหาราคาสินค้าเกษตร เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอ รวมถึงปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลจะดำเนินการพรรคหนี้เกษตรกรทันที เพื่อให้พี่น้องได้ฟื้นฟู ให้รัฐบาลนำเทคโนโลยีไปช่วยเหลือพี่น้องให้เหนื่อยน้อยลงแต่มีรายได้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งพรรคเพื่อไทยจะขออาสาเป็นเซลล์แมนนำสินค้าเกษตรไปขายทั่วโลก ขยายตลาด ขยายรายได้ให้เกษตรกรอย่างทั่วถึง พรรคเพื่อไทยพร้อมช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรเต็มที่แน่นอน
 
เราไม่มีกำลังอื่นๆ นอกจากพี่น้องประชาชน วันนี้ขอฝากพรรคเพื่อไทยไว้ในอ้อมอก อ้อมใจพี่น้องนครปฐมให้เลือกเพื่อไทยทั้งคน ทั้งพรรค ให้แลนสไลด์ทั้งนครปฐม หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนต้องมาก่อนแน่นอน” แพรทองธารกล่าวทิ้งท้ายการปราศรัยในครั้งนี้
 
ด้าน นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยอยากเชิญชวนชาวนครปฐมร่วมกัน ‘คิดใหญ่’ ออกจากกองทุกข์และเศรษฐกิจย่ำแย่ที่จมกันมานานกว่า 8 ปี และใช้โอกาสวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เข้าคูหากาพรรคเพื่อไทย เอาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ 3 ป. ออกไป
 
พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับประชาชน  พี่น้องประชาชนต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด ต้องเลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค ด่านแรกสุดกาเพื่อไทย เพื่อเอาชนะ  ส.ว.250 คน และตั้งรัฐบาลต้องได้ 310 เสียง มั่นใจว่า ส.ส.ฝ่ายประชาธิปไตยจะมาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากพี่น้องประชาชน ขณะนี้โพลทุกสำนักบอกว่าเพื่อไทยมาที่ 1 ทุกภูมิภาค นิด้าโพลบอกว่าจะเลือก ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ ร้อยละ 49 สวนดุสิตโพล ร้อยละ 46 และกรุงเทพฯ ร้อยละ 34 ดังนั้น ขอพี่น้องนครปฐมเลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะขาดทั้งคนทั้งพรรค แลนด์สไลด์ยกจังหวัดทั้ง 6 เขต” นายแพทย์ชลน่าน กล่าวทิ้งท้าย



มอง กนง. เสียงแตกขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จ่อส่งสัญญาณหยุดขึ้นครั้งต่อไป
https://www.prachachat.net/finance/news-1244044

แบงก์ประเมินกรอบค่าเงินไหวเคลื่อนไหว 33.80-34.60 บาทต่อดอลลาร์ จับตาผลประชุม กนง. คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.75% ต่อปี ด้าน “กรุงศรีฯ” คาดกรรมการเสียงแตกส่งสัญญาณหยุดขึ้นในรอบถัดไป พร้อมเกาะติดสถานการณ์ภาคธนาคารของฝั่งสหรัฐฯ-ยุโรปใกล้ชิด
 
วันที่ 26 มีนาคม 2566 นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธนาคารประเมินกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 27-31 มีนาคม 2566) เคลื่อนไหวอยู่ที่ 33.85-34.60 บาทต่อดอลลาร์

โดยติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดกนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.75% ในการประชุมวันที่ 29 มีนาคม 2566 อย่างไรก็ดี มติไม่เป็นเอกฉันท์เพื่อส่งสัญญาณว่าอาจพิจารณาหยุดขึ้นในรอบถัดไป ขณะเงินเฟ้อไทยมีแนวโน้มเข้าสู่กรอบเป้าหมายช่วงกลางปี ทั้งนี้ กรุงศรีฯ มองสิ้นปีนี้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 1.75% และจีดีพีไทยเติบโต 3.3% ในปีนี้
 
อย่างไรก็ดี จะเห็นว่าเงินบาทในเดือนมีนาคมแข็งค่านำภูมิภาค ขณะที่ตลาดมองว่าสหรัฐฯ ใกล้จะยุติวัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว โดยการสื่อสารล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) บ่งชี้ว่ายังต้องคุมเงินเฟ้อแต่ระมัดระวังต่อความเสี่ยงในภาคธนาคารมากขึ้น กดดันค่าเงินดอลลาร์ในตลาดโลกให้อ่อนลง
 
“เงินบาทยังได้แรงหนุนจากการที่บอนด์ยิลด์สหรัฐฯดิ่งลงซึ่งทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งขึ้น กระตุ้นการส่งออกของกลุ่มผู้ค้าทองในประเทศอย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสถานการณ์ภาคธนาคารของฝั่งสหรัฐฯและยุโรปอย่างใกล้ชิด”
 
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 27-31 มีนาคม 2566) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.85-34.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยแนวโน้ม sideways รอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ และปัญหาเสถียรภาพของระบบธนาคารฝั่งสหรัฐฯ รวมถึงยุโรป
 
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องจับตาสำหรับทิศทางเงินบาท คือ การเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ รวมถึงทิศทางราคาทองคำ ซึ่งต้องรอลุ้นทั้งรายงานอัตราเงินเฟ้อ  PCE สหรัฐฯ รวมถึงบรรยากาศในตลาดการเงิน หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มกังวลต่อเสถียรภาพของระบบธนาคารในฝั่งยุโรป (ราคาหุ้น Deutsche Bank รวมถึงราคาหุ้นกลุ่มธนาคารยุโรป ต่างปรับตัวลงต่อเนื่อง)
 
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 1.75% และส่งสัญญาณต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยอย่างไร รวมถึง กนง. จะส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้หรือไม่
 
ส่วนปัจจัยฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยรวมพบว่า เริ่มมีสัญญาณชะลอการขายหุ้นลงชัดเจนขึ้น ส่วนในฝั่งตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นฝั่งซื้อสุทธิในระยะหลัง แต่ส่วนใหญ่อาจเป็นการซื้อบอนด์ระยะสั้น เพื่อเก็งกำไรค่าเงิน
 
ทั้งนี้ ในช่วงปลายเดือนก็อาจมีโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้ส่งออก รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมช่วงปิดปีงบประมาณของบรรดาบริษัทข้ามชาติญี่ปุ่น (Japanese MNCs) ซึ่งอาจช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาท หรือ กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง
 
สำหรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นขายสุทธิ 5,200 ล้านบาท และตลาดพันธบัตร (บอนด์) ขายสุทธิ 11 ล้านบาท
 
ปัจจัยกดดันให้ตลาดการเงินยังคงผันผวน คือ ความกังวลปัญหาในระบบธนาคารสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งล่าสุดผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลต่อปัญหาดังกล่าวอยู่ สะท้อนผ่านการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหากตลาดการเงินกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) แรงขายหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติก็อาจยังพอมีอยู่บ้าง
 
แต่เราประเมินว่า แรงขายหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติอาจชะลอลงต่อเนื่อง และนักลงทุนต่างชาติอาจกลับมาเป็นฝั่งซื้อสุทธิได้บ้างในช่วงปลายสัปดาห์หน้า มองซื้อหุ้นสุทธิ 1-2 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี ผู้เล่นต่างชาติบางส่วนอาจทยอยเพิ่มสถานะถือครองบอนด์ระยะสั้น เพื่อลุ้นโอกาสเงินบาทแข็งค่าในระยะสั้นได้ ประเมิน ซื้อบอนด์สุทธิ 1-2 พันล้านบาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่