JJNY : ไร้เงา พปชร.-รทสช. ร่วมลงนาม│พ่อมดดำ คืนรังเก่า│'ธนาธร' เชื่อ อุบลฯดีกว่านี้ได้│บีบีซีสำรวจแนวหน้าสมรภูมิบักห์มูต

31 พรรคพรึบ! ไร้เงา พปชร.-รทสช. ร่วมลงนามจรรยาบรรณหาเสียงเลือกตั้งสุจริต
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7584944
 
 
พรรคการเมือง 31 พรรค ส่งตัวแทน ร่วมลงนามจรรยาบรรณการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ไร้เงา พปชร.-รทสช. เข้าร่วม เพื่อให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม
 
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2566 ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถ.แจ้งวัฒนะ ได้จัดพิธีลงนาม “จรรยาบรรณการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 และ“สัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้แก่ประชาชน พ.ศ. 2566” โดยภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย ภาคประชาสังคม องค์กรสื่อ และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งมีตัวแทนพรรคการเมืองมาร่วมลงนามจรรยาบรรณครั้งนี้ ทั้งหมด 31 พรรค ยกเว้น พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ
  
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวตอนหนึ่งว่า การร่วมลงนามในจรรยาบรรณครั้งนี้ ถือเป็นนิมิตอันดีที่แสดงถึงความเห็นพ้องต้องกันของพรรคการเมืองที่จะทำให้การเลือกตั้งส.ส. สุจริตและเที่ยงธรรม และยังวางรากฐานของกระบวนการติดตามตรวจสอบการเลือกตั้ง โดยภาคประชาสังคม ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของ กกต.ที่เห็นว่าประชาธิปไตยเป็นของประชาชนทุกคนในชาติ
 
ทุกคนจึงต้องเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองเพื่อธำรงรักษาและทำให้ประชาธิปไตยงอกงามต่อไป การลงนามครั้งนี้ หวังว่า พรรคและว่าที่ผู้สมัคร จะยึดมั่นในจรรยาบรรณการหาเสียงที่ได้ลงนามร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์ให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตตามมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ
  
จากนั้น ผู้แทนจากพรรค ร่วมกันอ่าน“จรรยาบรรณหาเสียงเลือกตั้งส.ส. พ.ศ. 2566” และผู้แทนจากพรรค พร้อมด้วยสักขีพยานร่วมลงนามในจรรยาบรรณฯ
  
สำหรับเนื้อหาของจรรยาบรรณฯคือ เพื่อให้การเลือกตั้งส.ส.เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม กกต.ต้องปฏิบัติต่อทุกพรรค และผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนอย่างเท่าเทียม
 

  
พ่อมดดำ คืนรังเก่า เผยชาวบ้านไม่ให้อยู่พรรคเดิม ซัดนโยบายหาเสียงทำไม่ได้
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7585030

เพื่อไทย แห่ต้อนรับ “พ่อมดดำ” กลับบ้านเก่าอบอุ่น เจ้าตัวติดตลกบอก ลูกบังคับมา เผย ชาวบ้านไม่ให้อยู่พรรคเดิม ฟาดนโยบายหาเสียงทำไม่ได้ อย่าโกหกอีก
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มี.ค. 2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรค นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายวราวุธ ยันต์เจริญ กรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ แกนนำภาคอีสาน รวมถึงนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ สมาชิกพรรค และนายศักดิ์ชาย ตันเจริญ หรือมดเล็ก ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา บุตรชาย ให้การต้อนรับนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เพื่อเข้ามาเป็นสมาชิกพรรรค ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรค
 
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันดีที่ผู้ใหญ่ทางการเมือง ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายสมัย ล่าสุดเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ตัดสินใจร่วมอุดมการณ์ทำงานกับพรรคเพื่อไทย เพื่อจุดมุ่งหมายเป็นพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชน หลายคนถูกกดดันต้องปรับสถานะตัวเองไปทำงานในบางมุมที่ไม่เป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการนัก หลายคนที่ย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่เคยร่วมอุดมการณ์กันมา แต่มีความจำเป็นต้องรักษาชีวิต เพื่อมิติทางการเมืองให้อยู่รอดให้ได้ เพราะมีสภาพบังคับให้ท่านไปทำหน้าที่ในวิถีทางการเมืองกับพรรคการเมืองอื่น
 
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคยอมรับสภาพเช่นนั้นเกิดขึ้นจริง การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการใช้อำนาจประชาชน ด้วยมติประชาชน เป้าหมายเราต้องการแลนสไลด์ เชื่อว่านายสุชาติมีศักยภาพ โดยเฉพาะจังหวัดภาคตะวันออก มีประสบการณ์ ความรู้จักพื้นที่ของท่าน เชื่อว่าเราจะมีผู้แทนภาคตะวันออกแบบแลนด์สไลด์
 
ขณะที่นายสุชาติ กล่าวว่า ตนไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะกลับมาบ้านเก่า ตนเคยเป็นรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ถูกเว้นวรรคไปสองสมัย จึงต้องไปดิ้นรนกว่าจะหาทางกลับบ้านถูก เดินกลับบ้านไม่ค่อยถูก ได้ลูกบังเกิดเกล้าบังคับมา ตอนแรกจะให้นายคชาภา ลงสมัครรับเลือกตั้งเขาก็ไม่ยอม จึงเอานายศักดิ์ชายลงแทน เพราะพรรคเพื่อไทยต้องการคนรุ่นใหม่มาทำการเมือง ที่กลับมาด้วยเหตุผลถูกลูกบังคับ ถูกนายสมพงษ์จี้ตัวนั่งรถมาด้วยกัน
 
“เวลาไปปราศรัยในภาคตะวันออก ชาวบ้านถามจะลงพรรคไหน คำตอบคืออยู่พรรคไหนก็ได้ แต่อย่าอยู่พรรคเดิม เพราะนโยบายที่หาเสียงทำไม่ได้ อย่าโกหกอีกเลย เขาไม่เลือก ถ้าให้ดีไปเพื่อไทย และการกลับมาทำการเมืองร่วมกับพรรคที่เป็นไปได้ เป็นตัวตั้งตัวตีที่ใช้นโยบายนำ แล้วทำได้จริง ประชาชนชื่นชอบ ครั้งนี้แลนด์สไลด์ไม่ใช่แค่การหาเสียงแต่ทำได้จริง เพราะประชาชนเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง เบื่อเพลงเราจะทำตามสัญญา” นายสุชาติ กล่าว
 
เมื่อถามว่าถ้าได้ 310 เสียง นายสุชาติจะมีโอกาสขึ้นบัลลังก์อีกครั้งหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวติดตลกว่า “ให้เป็นรัฐมนตรีบ้างได้มั้ย” เมื่อถามว่าสถานการณ์การเมืองวันข้างหน้าจะมีความจำเป็นให้ต้องย้ายพรรคอีกหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ถ้าไม่ปฏิวัติก็ไม่ย้ายหรอก เมื่อถามกรณีกระแสข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขอกลับบ้าน จะเรียกคะแนนสงสารให้พรรคเพื่อไทย หรือตีกลับไปพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายสุชาติ กล่าวว่า ตรงนี้ตนไม่มีความคิดเห็น
 
เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ได้ 310 เสียง จะสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นกฎกติกาอยู่แล้ว ถ้าไม่ถูกปล้น ก็ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามย้ำว่าด้วยบริบททางการเมืองที่มี ส.ว.อยู่ด้วย จะเป็นไปได้หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนคุยกับ ส.ว.หลายคน เขาบอกว่าจะฟังเสียงประชาชน ดังนั้น ที่พูดกันไปว่าจะตั้งรัฐบาลไม่ได้นั้น ตนมั่นใจว่าเราตั้งรัฐบาลได้
 


'ธนาธร' เชื่อ อุบลฯดีกว่านี้ได้ เสนอใช้รถสาธารณะ เชื่อมเส้นทางท่องเที่ยว
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7585095

‘ธนาธร’ เชื่อ อุบลฯดีกว่านี้ได้ เสนอใช้รถสาธารณะ เส้นทางท่องเที่ยว หลังเจอปัญหา ลงเครื่องแล้วไปต่อไม่ได้ ต้องมีรถส่วนตัวเท่านั้น
 
วันที่ 29 มี.ค.2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความระบุว่า
 
สร้างการเชื่อมต่อ สร้างงาน เพิ่มนักท่องเที่ยว เปลี่ยนอุบลเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของอีสาน
   
สวัสดีครับทุกท่าน สัปดาห์นี้ผมเดินทางไปอุบลราชธานี เพื่อช่วยว่าที่ผู้สมัครส.ส. ทั้ง 11 เขต ของพรรคก้าวไกล หาเสียงและขอคะแนนจากพี่น้องชาวอุบล นอกจากการได้พบกัน ยังได้รับความฮักบักหลายของพ่อใหญ่แม่ใหญ่ คนหนุ่มสาวอุบลด้วยครับ หลังจากได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับชาวอุบล และได้เห็นศักยภาพของพื้นที่ ผมได้นำเอาแผนการพัฒนาเส้นทางขนส่งสาธารณะ และแนวทางการสร้างงานมาฝากกันครับ
 
การเดินทางของผมเริ่มต้นขึ้นที่อำเภอเขมราฐ อำเภอเหนือสุดทางทิศตะวันออกของอุบล เป็นพื้นที่ติดแม่น้ำโขง มี 5 อำเภอ ในอุบล ได้แก่ อำเภอเขมราฐ อำเภอนาตาล อำเภอโพธิ์ไทร อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอโขงเจียม ติดกับแม่น้ำโขงด้วยระยะทางกว่า 130 กิโลเมตร ทำให้เส้นทางนี้เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เกาะแก่ง โบก (หลุมในภาษาอีสาน) กลางลำน้ำโขง

และนอกเหนือจากอำเภอติดลำโขง ยังมีอำเภออื่นๆ ในจังหวัดที่เต็มไปด้วยที่ท่องเที่ยว ทั้งทะเลอุบล อำเภอสิรินธร หรืออุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อำเภอนาจะหลวย ฯลฯ อีกทั้งยังมีด่านผ่านแดนช่องเม็ก และแผนการก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งใหม่ที่อำเภอนาตาล เพื่อเชื่อมต่ออุบลกับลาวใต้ ผมเห็นศักยภาพของอุบลราชธานีเต็มไปหมดเลยครับ และผมเชื่อว่าอุบลสามารถไปได้ไกลกว่านี้
 
ผมขอยกตัวอย่างเส้นทางการท่องเที่ยว อำเภอเขมราฐ เป็นอำเภอเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ตอนหลังพัฒนาเป็น ‘ถนนคนเดินเขมราฐ’ มีทั้งพิพิธภัณฑ์และประวัติศาสตร์ของตัวเอง งานหัตถศิลป์ขึ้นชื่อ
 
หากล่องลำโขงลงไป จะมี ‘หาดชมดาว’ อำเภอนาตาล เป็นแก่งโค้งขนาดใหญ่และหาดทรายขาว (ผมจะแนบรูปไว้ข้างใต้ด้วยครับ)
 
ถัดลงไปอีกมี ‘สามพันโบก’ อำเภอโพธิ์ไทร อุทยานธรณีระดับโลก ถัดไปเป็นอำเภอโขงเจียม นอกจากจะเป็นที่ตั้งของ ‘อุทยานแห่งชาติผาแต้ม’ ผาหินพร้อมภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ และ ‘ผาชะนะได’ จุดชมแสงแรกของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีจุดบรรจบของแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง เกิดเป็น ‘แม่น้ำสองสี’ ผสมกันสวยมากครับ
 
ฟังผมเล่าให้ฟังอย่างนี้แล้ว อยากจะไปเที่ยวอุบลเลยบ่ครับ แต่สงสัยไหมว่า จังหวัดที่มีศักยภาพและทรัพยากรทางธรรมชาติมากขนาดนี้ทำไมถึงไม่สามารถใช้ศักยภาพที่มีอยู่ได้
 
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสมาที่สามพันโบก หากลงเครื่องที่สนามบินนานาชาติอุบล พบว่าไม่สามารถเดินทางไปจุดไหนได้เลย หากไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เพราะขาดการเชื่อมต่อภายในเมือง เส้นทางท่องเที่ยวเลยไม่เกิด อาชีพระหว่างเส้นทางเลยไม่เกิด
ผมขอเสนอให้สร้างเส้นทางการท่องเที่ยว สร้างงานสร้างอาชีพด้วยเส้นทางการเดินรถสาธารณะต่อไปนี้ครับ
 
เส้นที่ 1 อำเภอเมือง-ตระการพืชผล-เขมราฐ-โพธิ์ไทร-สามพันโบก
เส้นที่ 2 อำเภอตระการพืชผล- นาโพธิ์กลาง-น้ำตกแสงจันทร์-ผาชะนะได
เส้นที่ 3 อำเภอเมือง-พิบูลมังสาหาร-พัทยาน้อย-สิรินธร
เส้นที่ 4 สามพันโบก-นาโพธิ์กลาง-ผาแต้ม-เขื่อนสิรินธร-ช่องเม็ก
 
การสร้างการเชื่อมต่อระหว่างอำเภอภายในจังหวัดอุบล จะช่วยสร้างทั้งงานและนักท่องเที่ยว เพราะรถเมล์จะช่วยเพิ่มโอกาสและการค้าระหว่างทาง ขณะที่เราใช้รถสาธารณะ แวะปั๊มหรือร้านสะดวกซื้อ เงินที่ใช้จ่ายไปทั้งหมดจะกลับไปกรุงเทพ ไม่ได้มีการกระจายสู่ท้องถิ่น ตรงนี้ สามารถจ่ายเป็นแพ็กเกจ เดินทางไปได้หมดเลย จะทำให้เกิดการท่องเที่ยว โรงแรม ตลาด สถานที่ท่องเที่ยว เชื่อมโยงไปด้วยกัน ผมขอเสนอให้การเดินทางในอุบลสามารถใช้บัตรใบเดียว และต้องมีการโปรโมทการท่องเที่ยวให้หลากหลายภาษา เพราะปัจจุบันแทบไม่มีข้อมูลภาษาอังกฤษให้ค้นหาเลย
 
นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริมทักษะบุคคลในเมืองเพื่อดูแลนักท่องเที่ยว สิ่งที่ต้องทำควบคู่กัน คือการดึงอำนาจออกจากกรมขนส่งทางบก หากรถเมล์วิ่งในเทศบาลหรือวิ่งข้ามเขต ต้องคุยกันที่เทศบาลและอบจ.ที่เกี่ยวข้อง ให้อำนาจคนในพื้นที่เป็นคนตัดสินใจ อยู่ที่นี่จะเอารถราคาเท่าไหร่? บริการอย่างไร? ไม่ต้องขอกรมขนส่งทางบก เพราะระบบราชการของไทยใหญ่โตเทอะทะและรวมศูนย์เกินไป ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนในท้องที่ได้ ทุกพรรคบอกจะส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ถ้าไม่มีขนส่งสาธารณะที่เชื่อมโยงตลาด โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ เข้าด้วยกัน ก็ไม่เกิดงาน ไม่สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในพื้นที่ได้
 
ผมเชื่อว่าอุบลดีกว่านี้ได้อีกหลายครับ

https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/pfbid02VeyTqiv96JprDLdy53QLqufCckgBbxHD3kR5TK6XJJUNmCkrnAoUuZughDqVQQEjl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่