JJNY : พรรคประชาชน ปราศรัยใหญ่ ลต.อบจ.อุบลฯ│ปลูกพริกยโสธรโอด ราคาตกต่ำ│ใต้หลายจังหวัด ฝนตกหนัก│มองโกเลีย อุณหูมิลดฮวบ

พรรคประชาชน ปราศรัยใหญ่ ลต.นายก อบจ.อุบลฯ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_815812/
 
 
พรรคประชาชน เปิดเวทีปราศรัยใหญ่เลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลราชธานี ขนแกนนำ-สส.-ผู้ช่วยหาเสียง ปลุกพลังชาวอุบลร่วมเปลี่ยนแปลง

พรรคประชาชน เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี ในวันที่ 22 ธันวาคม 2567 ที่ลานขวัญเมือง ศาลากลาง จ.อุบลราชธานี ( 13 ธ.ค.67) ซึ่งพรรคส่ง สิทธิพล เลาหะวนิช เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.อุบลราชธานี ในนามพรรคประชาชน (หมายเลข 2) ในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยมีทั้งแกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชนร่วมการปราศรัยอย่างคับคั่ง อาทิ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน, คำพอง เทพาคำ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน, พรรณิการ์ วานิช และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน เป็นต้น
 
โดย น.ส.ศิริกัญญา กล่าวช่วงหนึ่งว่า ในการเลือกตั้งท้องถิ่น หลายคนมักบอกให้เลือกผู้สมัครที่มาจากพรรครัฐบาล จะได้ทำงานไร้รอยต่อ สานต่อนโยบาย เอาโครงการมาลงพื้นที่ได้ แต่วันนี้มองไปที่ฟากฝั่งผลงานรัฐบาล ลำพังสิ่งที่ตัวเองสัญญาตอนหาเสียงยังทำไม่ได้เลย แล้วจะมาช่วยนายก อบจ. ได้อย่างไร ดังนั้น พี่น้องไม่จำเป็นต้องคิดว่าเราต้องเลือกนายก อบจ. ที่มาจากฟากฝั่งเดียวกับรัฐบาลหรือไม่ สิ่งสำคัญ คือ พี่น้องเลือกคนที่จะทำให้นโยบายที่หาเสียงไว้เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นอุบลสุขภาพดี โครงสร้างพื้นฐานดี ปากท้องดี การเมืองดี อนาคตดี สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้จากคุณสิทธิพล ผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี จากพรรคประชาชน
 
จากนั้น นายสิทธิพล ระบุว่า เหตุผลที่ตนมาลงสมัครในครั้งนี้ มาจากการเหลืออดในสิ่งที่ อบจ.อุบลราชธานี ไม่เคยทำมาก่อน ทั้งที่มีงบประมาณถึงปีละ 1,700 ล้านบาท 4 ปีเกือบ 7 พันล้านบาท ที่ผ่านมาได้เห็น แต่การทำถนนเพียงอย่างเดียว และจากกระบวนการรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนชาวอุบลราชธานี ได้กลายมาเป็นนโยบาย 5 ข้อที่ตนต้องการส่งมอบให้ชาวอุบลราชธานี คือ 1)เศรษฐกิจปากท้อง 2) นโยบายสาธารณสุขเพื่อสุขภาพของคนอุบลราชธานี 3) 1669 ครอบคลุมทั้งจังหวัด เนื่องจากอุบลราชธานีปัจจุบันยังมีปัญหารถกู้ชีพไม่เพียงพอ 4) โครงสร้างพื้นฐานดี และ 5) การเมืองโปร่งใสตรวจสอบได้
 
ด้านนายธนาธร ได้ขึ้นปราศรัยเป็นลำดับสุดท้าย โดยระบุว่า อนาคตอุบลราชธานีจะเป็นอย่างไร ลูกหลานจะอยู่อย่างไรขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทุกคนในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ อุบลราชธานีดีกว่านี้ได้ ขอให้ทุกคนอย่าหมดหวัง อย่าหมดกำลังใจ อย่าคิดว่าเมื่อวานเป็นอย่างนี้แล้วจะต้องเป็นอย่างนี้ตลอดไป เราสามารถช่วยกันคนละไม้คนละมือนำการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายมาให้ลูกหลานของเรา เพื่อลูกหลานเกิดมาไม่ต้องพบกับความยากลำบากและการเอารัดเอาเปรียบ เพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้

ดังนั้น ทุกคนเลือกได้ว่าจะอยู่กับอนาคตแบบไหน และจะส่งอนาคตแบบไหนให้คนรุ่นต่อไป ขอให้ทุกคนกล้าฝัน กล้าทะเยอทะยาน กล้าคิดอย่างท้าทาย อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง ถ้ากลัวการเปลี่ยนแปลงทุกคนก็ต้องอยู่แบบเดิมต่อไป ถ้าอยากเห็นอนาคตและสังคมแบบใหม่ แต่แรงไม่พอ เราก็ไปไม่ถึง โค้งสุดท้ายแล้วเราขอให้ทุกคนช่วยออกแรงให้ออกไปเลือกตั้ง เพื่ออนาคตของเราเอง และเพื่อตอบแทนการลงแรงของทุกคน เราสัญญาได้ว่า จะใช้เงินภาษีทุกบาทอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีการทุจริตเด็ดขาด



เกษตรกรปลูกพริกยโสธรโอดครวญ หลังราคาตกต่ำ หน้าสวน กก.ละ17 บาท
https://siamrath.co.th/n/587468
 
เกษตรกรปลูกพริกยโสธรโอดครวญ หลังราคาตกต่ำ หน้าสวน กก.ละ17 บาท
 
วันที่ 14 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกษตรกรที่บ้านโนนสวาท ตำบลหนองเป็ด อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธรที่ปลูกพริกส่งจำหน่ายเป็นรายได้เข้าครอบครัวหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแต่ในปีนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักหลังจากที่ราคาพริกตกต่ำกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งพริกสดหน้าสวนพ่อค้ารับซื้ออยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 17 บาท เท่านั้นเกษตรกรต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงในการปลูกพริกในแต่ละครั้งและคาดว่าคงจะขาดทุนอย่างแน่นอน
 
นางสุพัต  สลับศรี อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 2 บ้านโนนสวาท ตำบลหนองเป็ด อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร เกษตรกรที่ปลูกพริกส่งจำหน่ายเปิดเผยว่า ตนปลูกพริกในพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ โดยลงทุนไปไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท พริกที่ปลูกจะเป็นพันธุ์ปทุมรัตน์ แต่ในขณะนี้ราคาพริกสดหน้าสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 17 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมาซึ่งในช่วงเดียวกันนี้ราคาพริกจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 - 60 บาท ทั้งๆที่เป็นพริกรุ่นแรกและผลผลิตพริกกำลังออกสู่ตลาดซึ่งถือว่าผลผลิตพริกปีนี้ดีมากเจริญเติบโตได้ดีสวยงามและไม่มีศรัทตรูพืชรบกวนแต่ราคารับซื้อถูกมากหน้าสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 17 บาทเท่านั้น และนอกจากราคาพริกที่ตกต่ำแล้วตนต้องแบกภาระค่าจ้างแรงงานเพื่อนบ้านไปช่วยเก็บพริกให้อีกในราคากิโลกรัมละ 8 บาท ขณะนี้พริกกำลังออกผลผลิตที่พร้อมเก็บส่งจำหน่ายได้แล้วแต่ตนต้องรับภาระแบกรับค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงและคาดว่าคงจะขาดทุนอย่างแน่นอน



ใต้หลายจังหวัด ฝนตกหนัก ระนอง-ชุมพร น้ำท่วม รถเล็กผ่านลำบาก.
https://www.matichon.co.th/region/news_4953190

ใต้หลายจังหวัด ฝนตกหนัก ระนอง-ชุมพร น้ำท่วม รถเล็กผ่านลำบาก
 
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม จากกรณี กรมอุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งภาคตะวันออก ออกประกาศฉบับที่ 7 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกและคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ระหว่างวันที่ 14-16 ธันวาคม เตือนฝนตกหนักใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา ได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พบว่าวันนี้ตลอดทั้งวันกลุ่มฝนได้เริ่มเคลื่อนตัวเข้าสู่ จ.สงขลา โดยเฉพาะบริเวณ 4 อำเภอของคาบสมุทรสทิงพระ ขอให้นายอำเภอทุกอำเภอ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ จัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ให้ 4 อำเภอ ในคาบสมุทรสทิงพระ ได้เเก่ ระโนด สทิงพระ กระแสสินธุ์ และสิงหนคร และอำเภอเมืองสงขลา โดยเฉพาะแยกเกาะยอเร่งดำเนินการพร่องน้ำ และขอให้ทุกพื้นที่เตรียมกำลังพล เรือ และอุปกรณ์ให้พร้อมช่วยเหลือประชาชน
 
ขณะที่ สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ ระบุว่า ชุมพร ฝนทะลุ 250 มิลลิเมตรในหลายสถานี และมีรายงานน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยฝนยังตกหนักต่อเนื่อง
ที่บริเวณแยกวังตะกอ (ขาขึ้น) จ.ชุมพร มีน้ำท่วมขังผิวจราจร 1 ช่องทาง รถสามารถวิ่งผ่านได้ สำหรับช่องทางเลี้ยวซ้ายไปอำเภอพะโต๊ะ รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้ จนท.แขวงการทางหลังสวน นำกรวยยางปิดกันเส้นทาง ในพื้นที่ฝนตกต่อเนื่องตลอด
 
ด้าน จ.ระนอง ที่ อ.กระบุรี มีน้ำท่วมหนัก ในเส้นทางเพชรเกษม น้ำท่วมรถเล็กผ่านลำบาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่