JJNY : หอค้าเชียงใหม่ ผวา‘นอมินีจีน’│นายฮ้อยท้อ ราคาเนื้อวัวสุดตกต่ำ│ก้าวไกลล็อกเป้า│อาเซียนจี้รบ.ทหาร ปฏิบัติ 5 ข้อ

หอค้าเชียงใหม่ ผวา ‘นอมินีจีน’ ขยับลงทุนฮุบธุรกิจ ‘โรงแรม-ร้านอาหาร-สถานบันเทิง-ทัวร์’
https://www.matichon.co.th/economy/news_3807262
 
 
หอการค้าเชียงใหม่ผวา ‘นอมินีจีน’ ขยับลงทุนฮุบธุรกิจ ‘โรงแรม-ร้านอาหาร-สถานบันเทิง-ทัวร์’ ห่วง ‘ธุรกิจสีเทา’ บ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจประเทศ
 
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และท่องเที่ยวในเชียงใหม่ และภาคเหนือ เริ่มขยับการลงทุนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพราะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวแล้ว ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม ภัตตาคารร้านอาหาร สปา สถานบันเทิง และทัวร์ เพื่อนำนักท่องเที่ยวจีนมายังเชียงใหม่และภาคเหนือ แต่นักลงทุนดังกล่าว ส่วนมากถือวีซ่าท่องเที่ยว จึงไม่ต้องเสียภาษี ทำให้ได้เปรียบนักลงทุนท้องถิ่น เพราะต้นทุนต่ำกว่า ประกอบกับค่าเงินหยวนแข็ง ทำให้ได้เปรียบอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ทำให้นักลงทุนจีน มีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น มีอำนาจซื้อและต่อรองสูงขึ้น ซึ่ง ททท.ประเมินว่า ปีนี้นักท่องเที่ยวจีนเข้าสู่เชียงใหม่ และภาคเหนือ กว่า 2 ล้านคน ส่วนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ส่วนใหญ่ลงทุนมากว่า 10 ปีแล้ว โดยลงทุนร่วมกับนักลงทุนท้องถิ่น หรือนอมินี ทำหมู่บ้านจัดสรรชาวจีนในพื้นที่ อ.หางดง อ.สันกำแพง เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยหรือบ้านหลังที่ 2 แต่ได้ชะลอตัวช่วงโควิด 2-3 ปี ที่ผ่านมา
 
ดังนั้นรัฐต้องออกกฎหมายเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปี เพื่อจัดเก็บภาษี ค่าธรรมเนียม เป็นรายได้ให้ท้องถิ่นนำไปพัฒนาชุมชนแทน พร้อมจัดระเบียบควบคุมชุมชนชาวจีน ให้ปฎิบัติตามระเบียบกฎหมายไม่มีอำนาจหรืออภิสิทธิ์ใดๆ เหนือดินแดนไทย
  
นายจุลนิตย์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การลงทุนแบบแอบแฝง หรือธุรกิจสีเทา ที่นำไปสู่อาชญากรรมข้ามชาติ และการฟอกเงินที่ผิดกฎหมาย อาทิ ยาเสพติด บ่อนกาสิโน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่บ่อนทำลายและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจประเทศ ดังนั้นรัฐต้องมีมาตรการป้องกันและปราบปรามจริงจัง พร้อมบังคับใช้กฎหมายการสงวนอาชีพคนไทยไม่ให้ต่างชาติลงทุน หรือประกอบอาชีพได้ เพื่อคุ้มครองสิทธิ รักษาผลประโยชน์นักลงทุน ผู้ประกอบการในประเทศ และท้องถิ่น
 
เชื่อคนไทยมีศักยภาพ สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ ซึ่งหอการค้า อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล สถิติการลงทุนชาวจีน เพื่อนำมาประเมิน วิเคราะห์การค้า ลงทุน ท่องเที่ยว ว่ามีผลกระทบต่อธุรกิจท้องถิ่นมากน้อยแค่ไหนด้วย
  
สิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง และจับตามอง คือ นักลงทุนต่างชาติ เข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมหรือตั้งโรงงานผลิตในไทย เพื่อส่งออกต่างประเทศ โดยใช้เครืองหมาย หรือแบรนด์ และบรรจุภัณฑ์ไทยที่ได้มาตรฐาน ทำให้ทั่วโลกยอมรับ ซึ่งผลประโยชน์ตกที่นักลงทุนต่างชาติ แต่คนไทยได้รับเป็นค่าจ้างเท่านั้นดังนั้นนักลงทุนไทย ต้องถอดบทเรียน เพื่อพัฒนาตนเอง สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
 
ที่สำคัญต้องพึ่งตนเอง ลดพึ่งพาต่างชาติเพื่อสร้างฐานรากเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง นำไปสู่การขับเคลื่อนพัฒนาประเทศอย่างมั่นคง
 

 
นายฮ้อย ท้อ ราคาเนื้อวัว สุดตกต่ำ แบกรับทุน ราคาตกกว่าตัวละหมื่นบาท
https://www.matichon.co.th/economy/news_3807262

นายฮ้อย ขอนแก่น ท้อ ราคาเนื้อวัว ตกต่ำมาก หลังเนื้อส่งออกไม่ได้ ต้องแบกรับทุนและราคาตกกว่าตัวละหมื่นบาท วอนรัฐแก้ปัญหาด่วน

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 5 ก.พ.2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการซื้อขายโค-กระบือ ที่ตลาดนัดโค-กระบือ บ.เต่านอ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ โดยพบว่า วันนี้มีพ่อค้าวัวหรือนายฮ้อย จากหลายจังหวัดในภาคอีสานได้นำวัวและควายมาจำหน่ายจำนวนมาก โดยหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ราคาขณะนี้ตกต่ำลงอย่างมาก และตกต่ำลงมาตั้งแต่ก่อนช่วงปีใหม่
 
โดยคาดว่า สาเหตุที่โคมีราคาตก เนื่องจากประเทศเวียดนามระงับการนำเข้าโคขุนจากไทย หลังพบสารเร่งเนื้อแดง จนทำให้พ่อค้าวัวจากทางภาคกลางที่เคยมารับซื้อวัวในภาคอีสานไม่เดินทางมาซื้อเหมือนแต่ก่อน
 
นายสุทัศน์ จิตรจันทร์ อายุ 29 ปี กล่าวว่า ยอมรับว่าขณะนี้ราคาวัวตกลงมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้วันนี้นำวัวมาขาย 9 ตัว ซึ่งก็ขายออกไปเพียงตัวเดียวเท่านั้น โดยส่วนตัวเชื่อว่าเกิดจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศและเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวอยากจะขายวัวออก และต่างประเทศก็เข้ามาซื้อในประเทศเราไม่ได้
 
พ่อค้าจากภาคกลางที่เคยมาซื้อวัวที่บ้านเราไปขายต่างประเทศช่วงนี้ก็ไม่มาเพราะไม่สามารถส่งออกเนื้อวัวได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปัญหาเกิดจากตรงไหน ตลาดนัดวันนี้จึงเป็นการซื้อขายกันเองระหว่างพ่อค้าในพื้นที่จึงทำให้ราคาวัวตกต่ำลงยณะเดียวกันหญ้าที่นำมาให้วัวกินจะหายากเนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูแล้ง จึงมีแต่คนอยากจะขายวันและกระบือออกไปเพราะว่าไม่อยากแบกต้นทุนไว้
 
นายสุทัศน์ กล่าวอีกว่า ราคาวัวก่อนหน้านี้ตัวละ 50,000-60,000 บาท แต่ตอนนี้ราคาซื้อขายกันประมาณ 40,000 บาทหรือต่ำกว่านั้นก็มี ซึ่งถือว่าราคาตกลงอย่างมากเกษตรกรอยากจะขายออกถ้าราคาวัวยังเป็นแบบนี้อยู่ ส่วนเรื่องราคาจะขึ้นจะลงยังไม่สามารถคาดการณ์ได้เพราะต้องรอดูว่าจะสามารถส่งออกเนื้อวัวไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้อีกทีตอนไหนตอนนั้นอาจจะราคากลับมาดีอีกครั้งก็ได้
  
ด้าน นายบุญมา ศรีชมชื่น อายุ 58 ปี กล่าวว่า ช่วงนี้ราคาวัวเนื้อตกต่ำลงอย่างมาก สาเหตุอาจจะมาจากพ่อค้าแม่ค้าตามเขียงเนื้อขายเนื้อไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน หากลงทุนไป 1 ตัว ขาย 3-4 วันถึงจะหมด จากแต่ก่อนเคยรับไปขาย 10 กิโลกรัมก็เหลือคนละ 2-3 กิโลกรัม ซึ่งถ้าพ่อค้าแม่ค้าขายไม่หมดภายใน  2 วันก็ถือว่าขายทุน ถ้าแช่ไว้นานก็ถือว่าเป็นเนื้อเก่าคนก็จะไม่ซื้อไปบริโภค
 
ราคาวัวแต่ก่อนเคยขายได้ 45,000 บาท ตอนนี้เหลืออยู่ 35,000 บาท หายไป 10,000 บาท ทำให้คนเลี้ยงวัวไม่อยากจะเลี้ยงต่อไปเนื่องจากราคาที่ขายได้ไม่คุ้มค่ากับหัวอาหารที่เราเลี้ยงมา” นายบุญมา กล่าว
  

 
ก้าวไกล ล็อกเป้าถลก ‘ตร.-กองทัพ’ โชว์หลักฐานหวังสกัด ‘2ป.’ ไม่ให้ไปต่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3807251

กก.ล็อกเป้าถลก ‘ตร.-กองทัพ’ โชว์หลักฐานหวังสกัด ‘2ป.’ ไม่ให้ไปต่อ ด้าน ‘วีระกร’ ปูดส.ส.ภูมิใจไทยขอแจมซักฟอกรบ. ขอใช้เอกสิทธิ์ส.ส.ทำคะแนนบ้าง
 
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล(ก.ก.) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า ส.ส.มีความประสงค์จะอภิปรายจำนวนมาก เพราะตลอดเกือบ 4 ปีของการบริหารงานของรัฐบาลมีเรื่องหลายเรื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกตัวผู้อภิปรายฯ และประเด็นที่สำคัญจริงๆ เนื่องจากมีเวลาจำกัดแค่ 2 วัน พรรคก.ก. ได้รับการจัดสรรเวลาอภิปราย 5 ชั่วโมง
 
ส่วนประเด็นที่จะอภิปรายในครั้งนี้จะครอบคลุมทั้งหมดและเป็นบทสรุปของความล้มเหลวของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งทางการเมือง การบริหารเศรษฐกิจ รวมถึงปัญหาภายในหน่วยงานราชการทั้งทหาร และตำรวจ พรรคก.ก.จะใช้เวลาการอภิปรายครั้งสุดท้ายของสมัยประชุมสภาฯ นี้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ทำให้ประชาชนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะไม่อนุญาตให้ประเทศนี้ไปต่อกับพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะให้ความสำคัญกับเอกสารและหลักฐานต่างๆ มีหลายเรื่องที่ติดตามมาเป็นๆแล้ว และจะใช้โอกาสนี้ส่งมอบการบ้านให้กับประชาชน
 
เมื่อถามว่า จะเน้นหนักอภิปรายรัฐมนตรีคนใดเป็นพิเศษ นายชัยธวัช กล่าวว่า ลักษณะการอภิปรายตามมาตรา 152 ไม่เหมือนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ที่อภิปรายรัฐมนตรีรายบุคคล และหลายเรื่องคาบเกี่ยวกับตัวนายกฯ และรัฐมนตรีหลายกระทรวงจึงจะเป็นการพูดในภาพรวม
 
เรื่องที่ต้องพูดอย่างแน่นอนคือ ตำรวจและกองทัพ ส่วนจะเป็นเรื่องตั๋วอะไรหรือไม่ก็ขอให้รอฟังดีกว่า ที่ผ่านมาสังคมให้ความสนใจกับเครือข่ายทุนจีนสีเทา แต่ว่าสิ่งที่อันตรายจริงๆ คือไทยเทา เพราะจีนเทาไม่สู้ไทยเทา” นายชัยธวัช กล่าว
 
ขณะที่ นายวีระกร คำประกอบ อดีตส.ส.นครสวรรค์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า พรรคจะประชุมพรรคในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ แม้การอภิปรายตามมาตรา 152 จะไม่มีการลงมติ แต่หากพรรคภท. ร่วมอภิปรายด้วยผิดมารยาท เพราะเป็นฝ่ายรัฐบาลเหมือนกัน แต่ส.ส.ทุกคนมีสิทธิที่จะอภิปรายฯ อาจจะมีบางประเด็น หรือเรื่องติดค้างที่อยากจะพูดกับนายกฯ ทั้งนี้ เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.ที่จะพูด แต่คงไม่ได้ทำในนามพรรค การอภิปรายครั้งนี้เป็นการอภิปรายฯ ครั้งสุดท้ายก็อาจจะมีการขอทำคะแนนอะไรกันบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่