JJNY : 5in1 วงเสวนาคาใจ│เลขาครป.แนะคืนเงินเดือน 3ปี│‘แกมโบล’ลดเวลาโอที│คนไทย29%เสี่ยงเป็นกบต้ม!│โว ลีมาน ปลอดทหารรัสเซีย

วงเสวนาคาใจ คำวินิจฉัยปม 8 ปี ‘ขัดความรู้สึก’ รสนา เปรียบ รธน.ไทยเหมือนถั่วงอก ไม่อาจเติบโตเป็นไม้ใหญ่ 
https://www.matichon.co.th/politics/news_3595383
 
 
 
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาที่ 3 ร่วมกับคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดเวทีวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองหลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ทวงคืนเอกสิทธิ์การเลือกนายกรัฐมนตรีจากเจตจำนงของประชาชน โดยมี รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กทม. นายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษาคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และนายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ร่วมอภิปราย
 
นายอดุลย์  ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่าต้องถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีบารมีสูงสุดที่สามารถทำให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินขัดต่อความรู้สึกของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งไม่รู้ว่าต่อไปนี้คณะนิติศาสตร์จะเรียนกฎหมายกันต่อแบบไหน ในอนาคตบ้านเมืองจะหาทางออกร่วมกันอย่างไร
 
“ที่ผ่านมา วันที่ไม่มีนายกฯ ประยุทธ์ 38 วันต่างกันเหลือเกินกับวันที่มีนายกฯ ประยุทธ์ 8 ปี ซึ่งชัดเจนแล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ และมีปัญหาธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศและการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนผูกขาด” นายอดุลย์กล่าว
 
รศ.ดร.พิชาย  อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า ตัวแทน 3 ป. เป็นตัวแทนฝ่ายอำนาจนิยมที่ออกแบบรัฐธรรมนูญ 60 การวินิจฉัยครั้งนี้เป็นหลักฐานหนึ่งที่ชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นของ คสช. โดย คสช. เพื่อ คสช. ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้าจึงควรมีการประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
 
จากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ข้อสังเกตข้อที่ 1 ละเลยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาใช้ตีความเลย เพราะถ้านำมาใช้พิจารณาจะไม่สามารถทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปต่อได้ แม้ตุลาการเสียงข้างน้อยได้หยิบมานำเสนอ ข้อสังเกตที่ 2 ม.264 ไม่ได้กำหนดข้อยกเว้นไว้และเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นนายกฯ ต่อเนื่อง ผลกระทบที่ตามมา ทำให้สังคมสิ้นหวังในการใช้กฎหมายในประเทศไทย เป็นยุคมืดแห่งการใช้กฎหมาย การตีความของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่เกิดความหวังในการสร้างบรรทัดฐานในสังคมไทย
 
“พล.อ.ประยุทธ์ ดูเหมือนจะดีใจมากเพราะโพสต์เฟซบุ๊กหลังจากศาลตัดสินเพียงไม่กี่นาทีเหมือนรู้คำตัดสินมาก่อน ภาพลักษณ์แย่ลงมากในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเปรียบเทียบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ดูเหมือนว่าบริหารประเทศได้ดีกว่า ในช่วงนี้เป็นต้นไปก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกแรงกดดันอย่างมากเพราะสูญเสียความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่ง รวมถึงเงื่อนไขที่มีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ จะทำให้ประชาชนสบายใจในการใช้สิทธิทางการเมืองชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้น เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ยอมถอยดูจากเจตจำนงในความต้องการอยู่ในอำนาจต่อ” นายพิชายกล่าว และว่า ส่วนเงื่อนไขในทางเศรษฐกิจที่เกิดการผูกขาด นายทุนฝั่งรัฐบาลร่ำรวยยิ่งขึ้นๆ ขณะที่ประชาชนยากจนลงไปเรื่อยๆ จะเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้เกิดการชุมนุมจากผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย นอกจากนั้นจะเกิดความขัดแย้งภายใน เช่น ภายในพรรคพลังประชารัฐ และความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย จากการขยายพื้นที่เชิงอำนาจในการเลือกตั้งครั้งหน้า
 
นางสาวรสนา อดีตสมาชิกวุฒิสภา กทม. กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นครั้งแรกที่บัญญัติให้นายกฯ ดำรงตำแหน่งเกินกว่า 8 ปีมิได้ แต่เว้นวรรคได้ ส่วนรัฐธรรมนูญ 2560 ก็เขียนไว้ไม่ว่าจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม แต่การวินิจฉัยให้นับตั้งแต่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญก็เท่ากับว่า รัฐธรรมนูญไทยเป็นเหมือนการปลูกถั่วงอก ไม่มีความต่อเนื่องในการบังคับใช้เพื่อเป็นบรรทัดฐานใดๆ ทั้งสิ้น ประเพณีการเมืองการปกครองไทยไม่ถูกปลูกฝังเจตจำนงเพื่อความต่อเนื่องของระบอบประชาธิปไตยเลย รัฐธรรมนูญไทยจึงไม่มีโอกาสเป็นต้นไม้ใหญ่ของประเทศ เพราะหลังเหตุการณ์พฤษภา 2535 เราไม่คิดว่าจะมีการรัฐประหารขึ้นอีกก็เกิดขึ้นอีกในที่สุด
 
“ผลกระทบประชาชนก็ยังคงถูกเก็บค่าไฟฟ้าแพงขึ้นต่อไปตามที่มีการเอื้อให้การผูกขาดไฟฟ้า แทนที่จะมีการเปิดให้ทำโซลาร์รูฟเสรีและเก็บไว้ในระบบไฟฟ้าของประเทศได้ซึ่งจะปฏิวัติระบบไฟฟ้าของประเทศ เนื่องจาก 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เกิดการผูกขาดพลังงานสูงสุด ทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน คงต้องรอหลังการเลือกตั้งที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมพ่ายแพ้ถล่มทลาย และฝ่ายประชาชนเข้มแข็งหลุดพ้นจากการถูกแบ่งแยกแล้วปกครอง ไม่ถูกครอบงำจากทั้งฝ่ายมุมน้ำเงินและฝ่ายมุมแดง” นางสาวรสนากล่าว
 
นายพิภพ ที่ปรึกษาคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเลขานุการมูลนิธิเด็ก กล่าวว่า ตุลาการเสียงข้างน้อยให้ความเห็นเรื่องเจตจำนงของรัฐธรรมนูญชัดเจนมากว่า ไม่ต้องการให้เกิดการผูกขาดอำนาจต่อเนื่อง ทำให้คำวินิจฉัยเสียงส่วนใหญ่เกิดจุดอ่อน
 
เรื่องนี้มีเจตนารมณ์มาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 50 ซึ่งยกการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ยึดถือประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติในการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี หรือ 2 สมัย มาตั้งแต่ประธานาธิบดีคนแรก จึงต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นเจตนารมณ์ของประชาชนด้วย
 
“พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรเป็นนายกฯ ต่ออีกสมัยด้วยเหตุผลนานัปการ ที่น่าผิดหวังที่สุดคือรัฐบาลประยุทธ์ไม่ปฏิรูปการศึกษา ไม่ปฏิรูปตำรวจ และไม่ปฏิรูปการผูกขาดด้านพลังงานที่เริ่มในรัฐบาลคุณทักษิณ ดังนั้นจึงไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปนำไปสู่ความล้มเหลวของสังคม” นายพิภพกล่าว
 
นายพิภพยังกล่าวว่า ปัจจุบันตนยังไม่เห็นพรรคการเมืองพรรคไหนที่ต่อสู้เรื่องเหล่านี้ เพื่อจะแก้ไขกฎหมายและยกเลิกเรื่องเหล่านี้ นอกจากพรรคก้าวไกล ดังนั้น ประชาชนไทยจะต้องแอ๊กทีฟขึ้นในการกำหนดนโยบายสาธารณะและการกำหนดนโยบายพรรคการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งในไม่นานนี้ ที่ต้องมีนโยบายเรื่องไฟฟ้า เรื่องน้ำมันที่ชัดเจนอย่างไร มีกฎหมายอะไรที่ติดขัดในการแก้ปัญหาบ้าง ต้องแก้ไขและยกเลิกอย่างไร
 
“อยากชี้แจงเพื่อนมิตรว่าที่ออกมาไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่แค่ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้ารัฐบาลชุดนี้เท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัว แต่ออกมาไล่รัฐบาลทหาร พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพียงหนึ่งในตัวแทนรัฐบาลทหารเท่านั้น” นายพิภพกล่าว


 
เลขา ครป. แนะประยุทธ์คืนเงินเดือน 3 ปี จี้ลาออกอย่างสง่างาม เผย 7 ต.ค.จัดเวทีร่าง รธน.ใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3595293

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาที่ 3 ร่วมกับคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดเวทีวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองหลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ทวงคืนเอกสิทธิ์การเลือกนายกรัฐมนตรีจากเจตจำนงของประชาชน นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า 
 
ข้อ 1. พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็นผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลายคนตีความว่าเป็นการตัดตอน ม.264 เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 60 เป็นผลพวงโดยตรงจากรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ขณะที่ตุลาการเสียงข้างน้อยมีหลักทางกฎหมายมากกว่า

โดยเฉพาะที่นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ หนึ่งในตุลาการเสียงข้างน้อย ให้ความเห็นว่า การที่บ้านเมืองอยู่ได้โดยปกติสุขมีความสงบเรียบร้อย มิใช่เป็นเพราะการบังคับใช้กฎหมายแต่เพียงอย่างเดียวซึ่งมีผลต่อการควบคุมพฤติกรรมของบุคคลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากต้องอาศัยสำนึกที่
ดี (good conscience) จริยธรรม (moral) และสิ่งที่พึงประพฤติปฏิบัติ (tradition) ซึ่งมีผลควบคุมพฤติกรรมของบุคคลเป็นส่วนใหญ่ด้วย หลายเรื่องที่แม้ไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดศีลธรรม (not illegal but it is wrong or immoral) ก็ไม่ควรทำ เช่น การพูดเท็จอันเป็นต้นเหตุแห่งการปิดบังหรือบิดเบือนความจริงทั้งมวล แม้ส่วนใหญ่จะไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ผู้ที่มีจริยธรรมหรือมีจิตสำนึกที่ดีแม้รู้ว่าไม่ผิดกฎหมายก็จะไม่ทำ ยิ่งหากเป็นผู้นำหรือผู้ที่มีตำแหน่งระดับสูงเป็นที่เชื่อถือของประชาชนยิ่งต้องประพฤติปฏิบัติให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่คนทั่วไป
 
ช้อ 2. อยากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงสปิริตโดยการลาออกอย่างสง่างามหลังคำวินิจฉัย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้หาทางลงของท่านและน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อลดความขัดแย้งในบ้านเมือง เพราะเรื่องนี้คาบเส้นจริยธรรมคุณธรรมที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีมลทินติดตัวและได้รับความไว้วางใจต่ำลงมาก
 
ข้อ 3. การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มตั้งแต่ 6 เมษายน 2560 ดังนั้นตั้งแต่ปี 2557-2560 พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เถื่อนใช่หรือไม่ ตนจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ คืนเงินเดือนทั้งหมดที่ผ่านมา เพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ
 
ข้อ 4. สถานการณ์ขณะนี้ต้องถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำไมต้องไปต่อ มีอะไรที่ทำไว้แล้วกลัวถูกเช็กบิลหรือไม่ และมีอะไรที่ยังไม่ทำบ้าง แล้วยังอยากอยู่ต่อเพื่อจัดการ ซึ่งตนก็คิดไม่ออกนอกจากการประชุมเอเปคที่กร่อยลงทุกขณะ เนื่องจากผู้นำโลกอาจจะไม่มาเนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังยึดกุมอำนาจอยู่
 
นายเมธากล่าวว่า สุดท้ายคงต้องเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากฎหมายพรรคการเมืองและการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว โดยภาคประชาชนทั้ง 30 องค์กรประชาธิปไตยและเครือข่าย 99 พลเมือง จะจัดเวทีพอกันที ยกเลิกระบอบประยุทธ์ และร่วมกันหาแนวทางร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนต่อไป ในวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคมนี้ ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถ.ราชดำเนิน


 
ผู้ผลิตรองเท้า 'แกมโบล' ลดเวลาโอทีหนี 'ค่าไฟ-ค่าแรง' แพง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3595316
 
ผู้ผลิตรองเท้า ‘แกมโบล’ ลดเวลาโอทีหนี ‘ค่าไฟ-ค่าแรง’ แพง
 
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม นายนิติ กิจกำจาย กรรมการบริหาร บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ “แกมโบล” (GAMBOL) เปิดเผยว่า หลังการไฟฟ้าได้มีการปรับค่าไฟฟ้าผันแปรหรือค่าเอฟทีในรอบเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2565 ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย และค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นวันที่ 1 ตุลาคม อีก 22 บาท จาก 331 บาท เป็น 353 บาท ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก จากปัจจุบันมีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น 20-30% จากวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแผนปรับราคาขายขึ้นในช่วงไตรมาส 4 นี้ เนื่องจากยังไม่อยากผลักภาระให้กับผู้บริโภคที่กำลังเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นในขณะนี้
 
“ต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งค่าแรง ค่าไฟ เราใช้วิธีบริหารจัดการด้านเวลาและควบคุมการผลิตให้ได้ปริมาณเพิ่มภายใต้จำนวนคนเท่าเดิม รวมถึงจะเพิ่มการทำโอทีในบางแผนกตามความจำเป็น จากเดิมจะเปิดโอทีในทุกแผนก รวมถึงจะไม่เปิดโอทีเพิ่มช่วงที่คนอยู่บ้านแล้วใช้ไฟเยอะ เช่น ช่วง 6โมงเช้าหรือช่วง 2-3 ทุ่ม เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่การไฟฟ้าคิดค่าไฟแพงสุด เพื่อเป็นการประหยัดค่าไฟ” นายนิติกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่