วงเสวนาคาใจ คำวินิจฉัยปม 8 ปี ‘ขัดความรู้สึก’ รสนา เปรียบ รธน.ไทยเหมือนถั่วงอก ไม่อาจเติบโตเป็นไม้ใหญ่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3595383
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาที่ 3 ร่วมกับคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดเวทีวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองหลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ทวงคืนเอกสิทธิ์การเลือกนายกรัฐมนตรีจากเจตจำนงของประชาชน โดยมี รศ.ดร.
พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นางสาว
รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กทม. นาย
พิภพ ธงไชย ที่ปรึกษาคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 นาย
อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และนาย
เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ร่วมอภิปราย
นาย
อดุลย์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่าต้องถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีบารมีสูงสุดที่สามารถทำให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินขัดต่อความรู้สึกของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งไม่รู้ว่าต่อไปนี้คณะนิติศาสตร์จะเรียนกฎหมายกันต่อแบบไหน ในอนาคตบ้านเมืองจะหาทางออกร่วมกันอย่างไร
“ที่ผ่านมา วันที่ไม่มีนายกฯ ประยุทธ์ 38 วันต่างกันเหลือเกินกับวันที่มีนายกฯ ประยุทธ์ 8 ปี ซึ่งชัดเจนแล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ และมีปัญหาธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศและการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนผูกขาด” นาย
อดุลย์กล่าว
รศ.ดร.
พิชาย อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า ตัวแทน 3 ป. เป็นตัวแทนฝ่ายอำนาจนิยมที่ออกแบบรัฐธรรมนูญ 60 การวินิจฉัยครั้งนี้เป็นหลักฐานหนึ่งที่ชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นของ คสช. โดย คสช. เพื่อ คสช. ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้าจึงควรมีการประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
จากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ข้อสังเกตข้อที่ 1 ละเลยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาใช้ตีความเลย เพราะถ้านำมาใช้พิจารณาจะไม่สามารถทำให้ พล.อ.
ประยุทธ์ ไปต่อได้ แม้ตุลาการเสียงข้างน้อยได้หยิบมานำเสนอ ข้อสังเกตที่ 2 ม.264 ไม่ได้กำหนดข้อยกเว้นไว้และเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นนายกฯ ต่อเนื่อง ผลกระทบที่ตามมา ทำให้สังคมสิ้นหวังในการใช้กฎหมายในประเทศไทย เป็นยุคมืดแห่งการใช้กฎหมาย การตีความของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่เกิดความหวังในการสร้างบรรทัดฐานในสังคมไทย
“พล.อ.ประยุทธ์ ดูเหมือนจะดีใจมากเพราะโพสต์เฟซบุ๊กหลังจากศาลตัดสินเพียงไม่กี่นาทีเหมือนรู้คำตัดสินมาก่อน ภาพลักษณ์แย่ลงมากในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเปรียบเทียบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ดูเหมือนว่าบริหารประเทศได้ดีกว่า ในช่วงนี้เป็นต้นไปก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกแรงกดดันอย่างมากเพราะสูญเสียความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่ง รวมถึงเงื่อนไขที่มีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ จะทำให้ประชาชนสบายใจในการใช้สิทธิทางการเมืองชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้น เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ยอมถอยดูจากเจตจำนงในความต้องการอยู่ในอำนาจต่อ” นาย
พิชายกล่าว และว่า ส่วนเงื่อนไขในทางเศรษฐกิจที่เกิดการผูกขาด นายทุนฝั่งรัฐบาลร่ำรวยยิ่งขึ้นๆ ขณะที่ประชาชนยากจนลงไปเรื่อยๆ จะเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้เกิดการชุมนุมจากผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย นอกจากนั้นจะเกิดความขัดแย้งภายใน เช่น ภายในพรรคพลังประชารัฐ และความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย จากการขยายพื้นที่เชิงอำนาจในการเลือกตั้งครั้งหน้า
นางสาว
รสนา อดีตสมาชิกวุฒิสภา กทม. กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นครั้งแรกที่บัญญัติให้นายกฯ ดำรงตำแหน่งเกินกว่า 8 ปีมิได้ แต่เว้นวรรคได้ ส่วนรัฐธรรมนูญ 2560 ก็เขียนไว้ไม่ว่าจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม แต่การวินิจฉัยให้นับตั้งแต่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญก็เท่ากับว่า รัฐธรรมนูญไทยเป็นเหมือนการปลูกถั่วงอก ไม่มีความต่อเนื่องในการบังคับใช้เพื่อเป็นบรรทัดฐานใดๆ ทั้งสิ้น ประเพณีการเมืองการปกครองไทยไม่ถูกปลูกฝังเจตจำนงเพื่อความต่อเนื่องของระบอบประชาธิปไตยเลย รัฐธรรมนูญไทยจึงไม่มีโอกาสเป็นต้นไม้ใหญ่ของประเทศ เพราะหลังเหตุการณ์พฤษภา 2535 เราไม่คิดว่าจะมีการรัฐประหารขึ้นอีกก็เกิดขึ้นอีกในที่สุด
“ผลกระทบประชาชนก็ยังคงถูกเก็บค่าไฟฟ้าแพงขึ้นต่อไปตามที่มีการเอื้อให้การผูกขาดไฟฟ้า แทนที่จะมีการเปิดให้ทำโซลาร์รูฟเสรีและเก็บไว้ในระบบไฟฟ้าของประเทศได้ซึ่งจะปฏิวัติระบบไฟฟ้าของประเทศ เนื่องจาก 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เกิดการผูกขาดพลังงานสูงสุด ทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน คงต้องรอหลังการเลือกตั้งที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมพ่ายแพ้ถล่มทลาย และฝ่ายประชาชนเข้มแข็งหลุดพ้นจากการถูกแบ่งแยกแล้วปกครอง ไม่ถูกครอบงำจากทั้งฝ่ายมุมน้ำเงินและฝ่ายมุมแดง” นางสาว
รสนากล่าว
นาย
พิภพ ที่ปรึกษาคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเลขานุการมูลนิธิเด็ก กล่าวว่า ตุลาการเสียงข้างน้อยให้ความเห็นเรื่องเจตจำนงของรัฐธรรมนูญชัดเจนมากว่า ไม่ต้องการให้เกิดการผูกขาดอำนาจต่อเนื่อง ทำให้คำวินิจฉัยเสียงส่วนใหญ่เกิดจุดอ่อน
เรื่องนี้มีเจตนารมณ์มาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 50 ซึ่งยกการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ยึดถือประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติในการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี หรือ 2 สมัย มาตั้งแต่ประธานาธิบดีคนแรก จึงต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นเจตนารมณ์ของประชาชนด้วย
“พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรเป็นนายกฯ ต่ออีกสมัยด้วยเหตุผลนานัปการ ที่น่าผิดหวังที่สุดคือรัฐบาลประยุทธ์ไม่ปฏิรูปการศึกษา ไม่ปฏิรูปตำรวจ และไม่ปฏิรูปการผูกขาดด้านพลังงานที่เริ่มในรัฐบาลคุณทักษิณ ดังนั้นจึงไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปนำไปสู่ความล้มเหลวของสังคม” นายพิภพกล่าว
นาย
พิภพยังกล่าวว่า ปัจจุบันตนยังไม่เห็นพรรคการเมืองพรรคไหนที่ต่อสู้เรื่องเหล่านี้ เพื่อจะแก้ไขกฎหมายและยกเลิกเรื่องเหล่านี้ นอกจากพรรคก้าวไกล ดังนั้น ประชาชนไทยจะต้องแอ๊กทีฟขึ้นในการกำหนดนโยบายสาธารณะและการกำหนดนโยบายพรรคการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งในไม่นานนี้ ที่ต้องมีนโยบายเรื่องไฟฟ้า เรื่องน้ำมันที่ชัดเจนอย่างไร มีกฎหมายอะไรที่ติดขัดในการแก้ปัญหาบ้าง ต้องแก้ไขและยกเลิกอย่างไร
“อยากชี้แจงเพื่อนมิตรว่าที่ออกมาไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่แค่ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้ารัฐบาลชุดนี้เท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัว แต่ออกมาไล่รัฐบาลทหาร พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพียงหนึ่งในตัวแทนรัฐบาลทหารเท่านั้น” นาย
พิภพกล่าว
เลขา ครป. แนะประยุทธ์คืนเงินเดือน 3 ปี จี้ลาออกอย่างสง่างาม เผย 7 ต.ค.จัดเวทีร่าง รธน.ใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3595293
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาที่ 3 ร่วมกับคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดเวทีวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองหลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ทวงคืนเอกสิทธิ์การเลือกนายกรัฐมนตรีจากเจตจำนงของประชาชน นาย
เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า
ข้อ 1. พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็นผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลายคนตีความว่าเป็นการตัดตอน ม.264 เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 60 เป็นผลพวงโดยตรงจากรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ขณะที่ตุลาการเสียงข้างน้อยมีหลักทางกฎหมายมากกว่า
โดยเฉพาะที่นาย
ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ หนึ่งในตุลาการเสียงข้างน้อย ให้ความเห็นว่า การที่บ้านเมืองอยู่ได้โดยปกติสุขมีความสงบเรียบร้อย มิใช่เป็นเพราะการบังคับใช้กฎหมายแต่เพียงอย่างเดียวซึ่งมีผลต่อการควบคุมพฤติกรรมของบุคคลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากต้องอาศัยสำนึกที่
ดี (good conscience) จริยธรรม (moral) และสิ่งที่พึงประพฤติปฏิบัติ (tradition) ซึ่งมีผลควบคุมพฤติกรรมของบุคคลเป็นส่วนใหญ่ด้วย หลายเรื่องที่แม้ไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดศีลธรรม (not illegal but it is wrong or immoral) ก็ไม่ควรทำ เช่น การพูดเท็จอันเป็นต้นเหตุแห่งการปิดบังหรือบิดเบือนความจริงทั้งมวล แม้ส่วนใหญ่จะไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ผู้ที่มีจริยธรรมหรือมีจิตสำนึกที่ดีแม้รู้ว่าไม่ผิดกฎหมายก็จะไม่ทำ ยิ่งหากเป็นผู้นำหรือผู้ที่มีตำแหน่งระดับสูงเป็นที่เชื่อถือของประชาชนยิ่งต้องประพฤติปฏิบัติให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่คนทั่วไป
ช้อ 2. อยากเรียกร้องให้ พล.อ.
ประยุทธ์ แสดงสปิริตโดยการลาออกอย่างสง่างามหลังคำวินิจฉัย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้หาทางลงของท่านและน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อลดความขัดแย้งในบ้านเมือง เพราะเรื่องนี้คาบเส้นจริยธรรมคุณธรรมที่ พล.อ.
ประยุทธ์ มีมลทินติดตัวและได้รับความไว้วางใจต่ำลงมาก
ข้อ 3. การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.
ประยุทธ์ เริ่มตั้งแต่ 6 เมษายน 2560 ดังนั้นตั้งแต่ปี 2557-2560 พล.อ.
ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เถื่อนใช่หรือไม่ ตนจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.
ประยุทธ์ คืนเงินเดือนทั้งหมดที่ผ่านมา เพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ
ข้อ 4. สถานการณ์ขณะนี้ต้องถามว่า พล.อ.
ประยุทธ์ ทำไมต้องไปต่อ มีอะไรที่ทำไว้แล้วกลัวถูกเช็กบิลหรือไม่ และมีอะไรที่ยังไม่ทำบ้าง แล้วยังอยากอยู่ต่อเพื่อจัดการ ซึ่งตนก็คิดไม่ออกนอกจากการประชุมเอเปคที่กร่อยลงทุกขณะ เนื่องจากผู้นำโลกอาจจะไม่มาเนื่องจาก พล.อ.
ประยุทธ์ ยังยึดกุมอำนาจอยู่
นาย
เมธากล่าวว่า สุดท้ายคงต้องเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากฎหมายพรรคการเมืองและการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว โดยภาคประชาชนทั้ง 30 องค์กรประชาธิปไตยและเครือข่าย 99 พลเมือง จะจัดเวทีพอกันที ยกเลิกระบอบ
ประยุทธ์ และร่วมกันหาแนวทางร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนต่อไป ในวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคมนี้ ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถ.ราชดำเนิน
ผู้ผลิตรองเท้า 'แกมโบล' ลดเวลาโอทีหนี 'ค่าไฟ-ค่าแรง' แพง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3595316
ผู้ผลิตรองเท้า ‘แกมโบล’ ลดเวลาโอทีหนี ‘ค่าไฟ-ค่าแรง’ แพง
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม นาย
นิติ กิจกำจาย กรรมการบริหาร บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแบรนด์
“แกมโบล” (GAMBOL) เปิดเผยว่า หลังการไฟฟ้าได้มีการปรับค่าไฟฟ้าผันแปรหรือค่าเอฟทีในรอบเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2565 ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย และค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นวันที่ 1 ตุลาคม อีก 22 บาท จาก 331 บาท เป็น 353 บาท ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก จากปัจจุบันมีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น 20-30% จากวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแผนปรับราคาขายขึ้นในช่วงไตรมาส 4 นี้ เนื่องจากยังไม่อยากผลักภาระให้กับผู้บริโภคที่กำลังเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นในขณะนี้
“ต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งค่าแรง ค่าไฟ เราใช้วิธีบริหารจัดการด้านเวลาและควบคุมการผลิตให้ได้ปริมาณเพิ่มภายใต้จำนวนคนเท่าเดิม รวมถึงจะเพิ่มการทำโอทีในบางแผนกตามความจำเป็น จากเดิมจะเปิดโอทีในทุกแผนก รวมถึงจะไม่เปิดโอทีเพิ่มช่วงที่คนอยู่บ้านแล้วใช้ไฟเยอะ เช่น ช่วง 6โมงเช้าหรือช่วง 2-3 ทุ่ม เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่การไฟฟ้าคิดค่าไฟแพงสุด เพื่อเป็นการประหยัดค่าไฟ” นาย
นิติกล่าว
JJNY : 5in1 วงเสวนาคาใจ│เลขาครป.แนะคืนเงินเดือน 3ปี│‘แกมโบล’ลดเวลาโอที│คนไทย29%เสี่ยงเป็นกบต้ม!│โว ลีมาน ปลอดทหารรัสเซีย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3595383
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาที่ 3 ร่วมกับคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดเวทีวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองหลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ทวงคืนเอกสิทธิ์การเลือกนายกรัฐมนตรีจากเจตจำนงของประชาชน โดยมี รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กทม. นายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษาคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และนายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ร่วมอภิปราย
นายอดุลย์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่าต้องถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีบารมีสูงสุดที่สามารถทำให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินขัดต่อความรู้สึกของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งไม่รู้ว่าต่อไปนี้คณะนิติศาสตร์จะเรียนกฎหมายกันต่อแบบไหน ในอนาคตบ้านเมืองจะหาทางออกร่วมกันอย่างไร
“ที่ผ่านมา วันที่ไม่มีนายกฯ ประยุทธ์ 38 วันต่างกันเหลือเกินกับวันที่มีนายกฯ ประยุทธ์ 8 ปี ซึ่งชัดเจนแล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ และมีปัญหาธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศและการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนผูกขาด” นายอดุลย์กล่าว
รศ.ดร.พิชาย อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า ตัวแทน 3 ป. เป็นตัวแทนฝ่ายอำนาจนิยมที่ออกแบบรัฐธรรมนูญ 60 การวินิจฉัยครั้งนี้เป็นหลักฐานหนึ่งที่ชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นของ คสช. โดย คสช. เพื่อ คสช. ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้าจึงควรมีการประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
จากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ข้อสังเกตข้อที่ 1 ละเลยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาใช้ตีความเลย เพราะถ้านำมาใช้พิจารณาจะไม่สามารถทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปต่อได้ แม้ตุลาการเสียงข้างน้อยได้หยิบมานำเสนอ ข้อสังเกตที่ 2 ม.264 ไม่ได้กำหนดข้อยกเว้นไว้และเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นนายกฯ ต่อเนื่อง ผลกระทบที่ตามมา ทำให้สังคมสิ้นหวังในการใช้กฎหมายในประเทศไทย เป็นยุคมืดแห่งการใช้กฎหมาย การตีความของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่เกิดความหวังในการสร้างบรรทัดฐานในสังคมไทย
“พล.อ.ประยุทธ์ ดูเหมือนจะดีใจมากเพราะโพสต์เฟซบุ๊กหลังจากศาลตัดสินเพียงไม่กี่นาทีเหมือนรู้คำตัดสินมาก่อน ภาพลักษณ์แย่ลงมากในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเปรียบเทียบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ดูเหมือนว่าบริหารประเทศได้ดีกว่า ในช่วงนี้เป็นต้นไปก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกแรงกดดันอย่างมากเพราะสูญเสียความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่ง รวมถึงเงื่อนไขที่มีการยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ จะทำให้ประชาชนสบายใจในการใช้สิทธิทางการเมืองชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้น เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ยอมถอยดูจากเจตจำนงในความต้องการอยู่ในอำนาจต่อ” นายพิชายกล่าว และว่า ส่วนเงื่อนไขในทางเศรษฐกิจที่เกิดการผูกขาด นายทุนฝั่งรัฐบาลร่ำรวยยิ่งขึ้นๆ ขณะที่ประชาชนยากจนลงไปเรื่อยๆ จะเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้เกิดการชุมนุมจากผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย นอกจากนั้นจะเกิดความขัดแย้งภายใน เช่น ภายในพรรคพลังประชารัฐ และความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย จากการขยายพื้นที่เชิงอำนาจในการเลือกตั้งครั้งหน้า
นางสาวรสนา อดีตสมาชิกวุฒิสภา กทม. กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นครั้งแรกที่บัญญัติให้นายกฯ ดำรงตำแหน่งเกินกว่า 8 ปีมิได้ แต่เว้นวรรคได้ ส่วนรัฐธรรมนูญ 2560 ก็เขียนไว้ไม่ว่าจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม แต่การวินิจฉัยให้นับตั้งแต่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญก็เท่ากับว่า รัฐธรรมนูญไทยเป็นเหมือนการปลูกถั่วงอก ไม่มีความต่อเนื่องในการบังคับใช้เพื่อเป็นบรรทัดฐานใดๆ ทั้งสิ้น ประเพณีการเมืองการปกครองไทยไม่ถูกปลูกฝังเจตจำนงเพื่อความต่อเนื่องของระบอบประชาธิปไตยเลย รัฐธรรมนูญไทยจึงไม่มีโอกาสเป็นต้นไม้ใหญ่ของประเทศ เพราะหลังเหตุการณ์พฤษภา 2535 เราไม่คิดว่าจะมีการรัฐประหารขึ้นอีกก็เกิดขึ้นอีกในที่สุด
“ผลกระทบประชาชนก็ยังคงถูกเก็บค่าไฟฟ้าแพงขึ้นต่อไปตามที่มีการเอื้อให้การผูกขาดไฟฟ้า แทนที่จะมีการเปิดให้ทำโซลาร์รูฟเสรีและเก็บไว้ในระบบไฟฟ้าของประเทศได้ซึ่งจะปฏิวัติระบบไฟฟ้าของประเทศ เนื่องจาก 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เกิดการผูกขาดพลังงานสูงสุด ทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน คงต้องรอหลังการเลือกตั้งที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมพ่ายแพ้ถล่มทลาย และฝ่ายประชาชนเข้มแข็งหลุดพ้นจากการถูกแบ่งแยกแล้วปกครอง ไม่ถูกครอบงำจากทั้งฝ่ายมุมน้ำเงินและฝ่ายมุมแดง” นางสาวรสนากล่าว
นายพิภพ ที่ปรึกษาคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเลขานุการมูลนิธิเด็ก กล่าวว่า ตุลาการเสียงข้างน้อยให้ความเห็นเรื่องเจตจำนงของรัฐธรรมนูญชัดเจนมากว่า ไม่ต้องการให้เกิดการผูกขาดอำนาจต่อเนื่อง ทำให้คำวินิจฉัยเสียงส่วนใหญ่เกิดจุดอ่อน
เรื่องนี้มีเจตนารมณ์มาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 50 ซึ่งยกการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ยึดถือประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติในการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี หรือ 2 สมัย มาตั้งแต่ประธานาธิบดีคนแรก จึงต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นเจตนารมณ์ของประชาชนด้วย
“พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรเป็นนายกฯ ต่ออีกสมัยด้วยเหตุผลนานัปการ ที่น่าผิดหวังที่สุดคือรัฐบาลประยุทธ์ไม่ปฏิรูปการศึกษา ไม่ปฏิรูปตำรวจ และไม่ปฏิรูปการผูกขาดด้านพลังงานที่เริ่มในรัฐบาลคุณทักษิณ ดังนั้นจึงไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปนำไปสู่ความล้มเหลวของสังคม” นายพิภพกล่าว
นายพิภพยังกล่าวว่า ปัจจุบันตนยังไม่เห็นพรรคการเมืองพรรคไหนที่ต่อสู้เรื่องเหล่านี้ เพื่อจะแก้ไขกฎหมายและยกเลิกเรื่องเหล่านี้ นอกจากพรรคก้าวไกล ดังนั้น ประชาชนไทยจะต้องแอ๊กทีฟขึ้นในการกำหนดนโยบายสาธารณะและการกำหนดนโยบายพรรคการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งในไม่นานนี้ ที่ต้องมีนโยบายเรื่องไฟฟ้า เรื่องน้ำมันที่ชัดเจนอย่างไร มีกฎหมายอะไรที่ติดขัดในการแก้ปัญหาบ้าง ต้องแก้ไขและยกเลิกอย่างไร
“อยากชี้แจงเพื่อนมิตรว่าที่ออกมาไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่แค่ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้ารัฐบาลชุดนี้เท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัว แต่ออกมาไล่รัฐบาลทหาร พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเพียงหนึ่งในตัวแทนรัฐบาลทหารเท่านั้น” นายพิภพกล่าว
เลขา ครป. แนะประยุทธ์คืนเงินเดือน 3 ปี จี้ลาออกอย่างสง่างาม เผย 7 ต.ค.จัดเวทีร่าง รธน.ใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3595293
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาที่ 3 ร่วมกับคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดเวทีวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองหลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ทวงคืนเอกสิทธิ์การเลือกนายกรัฐมนตรีจากเจตจำนงของประชาชน นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า
ข้อ 1. พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็นผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลายคนตีความว่าเป็นการตัดตอน ม.264 เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 60 เป็นผลพวงโดยตรงจากรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ขณะที่ตุลาการเสียงข้างน้อยมีหลักทางกฎหมายมากกว่า
โดยเฉพาะที่นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ หนึ่งในตุลาการเสียงข้างน้อย ให้ความเห็นว่า การที่บ้านเมืองอยู่ได้โดยปกติสุขมีความสงบเรียบร้อย มิใช่เป็นเพราะการบังคับใช้กฎหมายแต่เพียงอย่างเดียวซึ่งมีผลต่อการควบคุมพฤติกรรมของบุคคลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากต้องอาศัยสำนึกที่
ดี (good conscience) จริยธรรม (moral) และสิ่งที่พึงประพฤติปฏิบัติ (tradition) ซึ่งมีผลควบคุมพฤติกรรมของบุคคลเป็นส่วนใหญ่ด้วย หลายเรื่องที่แม้ไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดศีลธรรม (not illegal but it is wrong or immoral) ก็ไม่ควรทำ เช่น การพูดเท็จอันเป็นต้นเหตุแห่งการปิดบังหรือบิดเบือนความจริงทั้งมวล แม้ส่วนใหญ่จะไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ผู้ที่มีจริยธรรมหรือมีจิตสำนึกที่ดีแม้รู้ว่าไม่ผิดกฎหมายก็จะไม่ทำ ยิ่งหากเป็นผู้นำหรือผู้ที่มีตำแหน่งระดับสูงเป็นที่เชื่อถือของประชาชนยิ่งต้องประพฤติปฏิบัติให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่คนทั่วไป
ช้อ 2. อยากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงสปิริตโดยการลาออกอย่างสง่างามหลังคำวินิจฉัย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้หาทางลงของท่านและน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อลดความขัดแย้งในบ้านเมือง เพราะเรื่องนี้คาบเส้นจริยธรรมคุณธรรมที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีมลทินติดตัวและได้รับความไว้วางใจต่ำลงมาก
ข้อ 3. การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มตั้งแต่ 6 เมษายน 2560 ดังนั้นตั้งแต่ปี 2557-2560 พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เถื่อนใช่หรือไม่ ตนจึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ คืนเงินเดือนทั้งหมดที่ผ่านมา เพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ
ข้อ 4. สถานการณ์ขณะนี้ต้องถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำไมต้องไปต่อ มีอะไรที่ทำไว้แล้วกลัวถูกเช็กบิลหรือไม่ และมีอะไรที่ยังไม่ทำบ้าง แล้วยังอยากอยู่ต่อเพื่อจัดการ ซึ่งตนก็คิดไม่ออกนอกจากการประชุมเอเปคที่กร่อยลงทุกขณะ เนื่องจากผู้นำโลกอาจจะไม่มาเนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังยึดกุมอำนาจอยู่
นายเมธากล่าวว่า สุดท้ายคงต้องเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากฎหมายพรรคการเมืองและการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว โดยภาคประชาชนทั้ง 30 องค์กรประชาธิปไตยและเครือข่าย 99 พลเมือง จะจัดเวทีพอกันที ยกเลิกระบอบประยุทธ์ และร่วมกันหาแนวทางร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนต่อไป ในวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคมนี้ ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถ.ราชดำเนิน
ผู้ผลิตรองเท้า 'แกมโบล' ลดเวลาโอทีหนี 'ค่าไฟ-ค่าแรง' แพง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3595316
ผู้ผลิตรองเท้า ‘แกมโบล’ ลดเวลาโอทีหนี ‘ค่าไฟ-ค่าแรง’ แพง
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม นายนิติ กิจกำจาย กรรมการบริหาร บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ “แกมโบล” (GAMBOL) เปิดเผยว่า หลังการไฟฟ้าได้มีการปรับค่าไฟฟ้าผันแปรหรือค่าเอฟทีในรอบเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2565 ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย และค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นวันที่ 1 ตุลาคม อีก 22 บาท จาก 331 บาท เป็น 353 บาท ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก จากปัจจุบันมีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น 20-30% จากวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแผนปรับราคาขายขึ้นในช่วงไตรมาส 4 นี้ เนื่องจากยังไม่อยากผลักภาระให้กับผู้บริโภคที่กำลังเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นในขณะนี้
“ต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งค่าแรง ค่าไฟ เราใช้วิธีบริหารจัดการด้านเวลาและควบคุมการผลิตให้ได้ปริมาณเพิ่มภายใต้จำนวนคนเท่าเดิม รวมถึงจะเพิ่มการทำโอทีในบางแผนกตามความจำเป็น จากเดิมจะเปิดโอทีในทุกแผนก รวมถึงจะไม่เปิดโอทีเพิ่มช่วงที่คนอยู่บ้านแล้วใช้ไฟเยอะ เช่น ช่วง 6โมงเช้าหรือช่วง 2-3 ทุ่ม เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่การไฟฟ้าคิดค่าไฟแพงสุด เพื่อเป็นการประหยัดค่าไฟ” นายนิติกล่าว