JJNY : 5in1 แห่เสนอชื่อ อานนท์│ไอติมชวน ‘ลองอีกสักตั้ง’│“ทักษิณ”(ส.ท.ร.)│‘เซเลนสกี’ประณามรัสเซีย│เครื่องบินตกในคาซัคสถาน

สรยุทธ รับไว้พิจารณา โลกออนไลน์แห่เสนอชื่อ อานนท์ นำภา บุคคลแห่งปี 2567
https://www.matichon.co.th/politics/news_4971341
 
 
 
สรยุทธ รับไว้พิจารณา โลกออนไลน์แห่เสนอชื่อ อานนท์ นำภา บุคคลแห่งปี 2567
 
จากกรณีที่เพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ของ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง เปิดให้แฟนเพจร่วมเสนอชื่อ “บุคคลแห่งปี 2567” โดยมีผู้เข้ามาเสนอชื่อมากกว่า 8,000 รายการ ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าเป็น นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนและเป็นผู้ต้องหาคดี 112 ที่รับโทษและรอการพิจารณาโทษคดีต่างๆ อยู่ในเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานคร
 
ประเด็นนี้ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เปิดเผยผ่านรายการ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ ประจำวันที่ 25 ธันวาคม โดยระบุว่า เมื่อวานนี้ได้โพสต์ในเพจกรรมกรข่าวว่ารบกวนเสนอว่าใครควรเป็น “บุคคลแห่งปี 2567” จนถึงตอนนี้มีประมาณ 8,500 ความเห็น กว่า 50% เสนอชื่อ อานนท์ นำภา ผู้ต้องหาคดี 112 ถามไปเท่านั้นเอง

มุมหนึ่งคำว่า ‘บุคคลแห่งปี’ ที่ผมเข้าใจ หมายถึงผู้มีอิทธิพลกับการที่จะเป็นข่าวในรอบปีที่ผ่านมา หมายถึงที่เป็นข่าว ที่โดดเด่น ไอ้เราก็คิดว่าจำนวนไม่น้อยคงจะตอบว่า หมูเด้ง ไม่อย่างนั้นอาจจะไปตอบ คุณทักษิณ หรืออาจจะไปตอบ คุณพิธา ไหม พรรคถูกยุบไป หรือจะไปตอบ นายกฯ ไหม
จำนวนหนึ่งตอบ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พี่หน่วง บางคนก็ตอบว่า พี่เบนซ์ (Zookeeper แห่งเขาเขียว) กลายเป็นว่ามากันเต็มเพจเลย นานๆ จะมีความเห็นระดับ 8,500 ในหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้” นายสรยุทธระบุ
 
นายสรยุทธกล่าวด้วยว่า เมื่อวานเจ้าตัวก็ไปขึ้นศาลที่เชียงใหม่ คดีปราศรัยที่หอศิลป์ มช. ปี 2563 ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาคุณอานนท์หายไปจากพื้นที่ข่าว ทั้งที่ความจริงแต่ละคดีที่ต่อสู้ ศาลตัดสินแล้วจำคุกกว่า 18 ปี เจ้าตัวยังบอกเลย คาดว่าอีกไม่นาน หลังจากนี้คงถึง 20 ปี ความพยายามยื่นประกันตัวหลายครั้งไม่ประสบความสำเร็จ
 
นายสรยุทธยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า คนจำนวนมากตั้งใจเข้ามาตอบชื่ออานนท์ในเพจ พยายามไล่หาว่ามีใครอีกไหม ปกติคำว่า “บุคคลแห่งปี” หมายถึงบุคคลที่เป็นข่าว มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสำคัญในรอบปี อันนี้เป็นกรณีลูกเพจมาแสดงความเห็น
 
ผมพยายามจะหานักการเมือง ไปเจอ คุณปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เสนอ คุณทักษิณ อันนี้เสนอจริงไหม ท่านผู้ชม 
เดี๋ยวจะเอาไปประกอบการพิจารณา” นายสรยุทธระบุ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ไอติมชวน ‘ลองอีกสักตั้ง’ เปลี่ยนใจประธานสภา ปมประชามติ แย้มข่าวดีข้อมูลใหม่ แนะนายกฯ โน้มน้าว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4971232

ไอติม ชวน ‘ลองอีกสักตั้ง’ ทำให้ประธานสภาฯ เปลี่ยนใจ แง้มข่าวดีเจอข้อมูลใหม่ หลังคุ้ยคำวินิจฉัยฯ – แนะนายกฯ พิสูจน์ความจริงใจ ‘โน้มน้าวพรรคร่วม’ แก้รัฐธรรมนูญให้ทันเลือกตั้ง
 
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร สมัชชาคนจน ร่วมด้วยเครือข่ายภาคประชาสังคม จัดกิจกรรม ‘เบิกฟ้ารัฐธรรมนูญใหม่ ตอน คนจนเขียนรัฐธรรมนูญ’ ระหว่างวันที่ 23-24 ธันวาคมนี้
 
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในงาน โซน ‘ตลาดบ้านป่า’ มีการออกร้าน จำหน่ายสินค้าพื้นบ้านจากพี่น้องสมัชชาคนจน และองค์กรเครือข่าย อาทิ พืช ผักพื้นบ้านตามฤดูกาล สินค้าแปรรูป อาหารพื้นบ้านที่หารับประทานได้ยาก พร้อมเมนูสุดพิเศษบุฟเฟต์ขนมจีนน้ำยาพื้นบ้านกว่า 20 ชนิด ซึ่งล้วนเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาทั้งจากรัฐและเอกชน ครบทั้ง 4 ภาคของไทย เหนือ ใต้ออก ตก โดยมีประชาชน นักเรียน นักศึกษาย่านพระนคร ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาเลือกซื้อสินค้าและอาหารกันอย่างคึกคัก บริเวณใกล้เคียงกัน ยังมีการจัด ‘นิทรรศการ’ สะท้อนเรื่องราวการต่อสู้ของคนจน อาทิ สารคดีชุดรัฐธรรมนูญคนจน โรงเรียนเกษตรนิเวศ สิทธิเกษตรกร นิทรรศการภาพถ่ายผู้หญิงชาวนา และเรื่องเล่าคนสู้เหมือง ไปจนถึงตั้งแสตนดี้ผู้ต้องหาการเมืองที่ไม่ได้รับสิทธิประกันตัว เพื่อเรียกร้องการนิรโทษกรรมประชาชน
 
บรรยากาศเวลา 17.00 น. มีการเสวนาในหัวข้อ “เขียนรัฐธรรมนูญใหม่กี่โมง” โดยมี ร.ศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง สภาผู้แทนราษฎร, ร.ศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง สมาชิกวุฒิสภา, นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ในฐานะตัวแทนคณะกรรมการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ, นายบารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น ดำเนินรายการโดย นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
 
ในตอนหนึ่ง นายพริษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.พัฒนาการเมือง กล่าวว่า ถ้านับเฉพาะปี 2566 และ 2567 น่าจะเป็นครั้งที่ 3 ที่ตนได้มีโอกาสพูดเรื่องรัฐธรรมนูญ ย้อนไปตอนดีเบตเรื่องรัฐธรรมนูญก่อนเลือกตั้ง ก็ดูจะมีความหวัง เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าควรจะจัดทำฉบับใหม่
 
ครั้งที่ 2 ในปี 2566 ตนได้พูดใกล้กับวันรัฐธรรมนูญ รัฐบาลใหม่ของ นายเศรษฐา ทวีสิน ก็ดูจะมีคำมั่นสัญญาว่า จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะบังคับใช้ก่อนเลือกตั้งครั้งหน้า แต่มาถึงวันนี้รอบที่ 3 ยอมรับว่า ความหวังเริ่มลดน้อยลงมา แต่จะไม่หยุดผลักดัน
 
ถ้าเราปล่อยให้ประเทศอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 60 ต่อไป อำนาจและสิทธิของประชาชนจะอ่อนแอลง เพราะไปขยายอำนาจที่ขัดขวางเจตจำนงของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง รวมถึงองค์กรอิสระที่ผูกขาด จึงมีความจำเป็นที่จะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่จะร่างอย่างไร ติดขัดตรงไหน ต้องทำอย่างไรให้ทันใช้ก่อนเลือกตั้งครั้งหน้า
 
ต้องยอมรับว่ามีหลายขั้นตอนที่ใช้เวลามากกว่าที่จำเป็น ถ้าถามว่า 1 ปี 4 เดือนภายใต้รัฐบาลชุดนี้ทำอะไรเรื่องรัฐธรรมนูญบ้าง ? 3-4 เดือนแรกเป็นการตั้งกรณกรรมการขึ้นมาศึกษา เชื่อว่าแต่ละท่านทำงานเต็มที่ แต่ผลที่ออกมา ก็ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา ว่าผลการศึกษาไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่จากที่เราเคยรับรู้มาก่อน” นายพริษฐ์ชี้
 
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นมีเวลาอีก 4 เดือน ที่ทางพรรครัฐบาลหวังดี พยายามลดประชามติ จาก 3 เหลือ 2 ครั้ง แต่ปรากฏว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัย รัฐบาลจึงประกาศยืนยันว่าถ้าอย่างนั้นทำประชามติ 3 ครั้ง แต่จะผูกเงื่อนไขว่าจะไม่จัดครั้งแรก จนกว่าจะมีการแก้ พ.ร.ป.ประชามติ แล้วเสร็จ ก็นำไปสู่การแก้ พ.ร.ป.ประชามติ แต่จนวันนี้ก็ยังไม่จบ เพราะ ส.ส.และ ส.ว.เห็นต่างกัน รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลเห็นต่างกัน ทำให้กฎหมายฉบับนี้ถูกยับยั้งไปอีก 180 วัน
 
ดังนั้นสรุปสั้นๆ หากเราเดินตามแผนเดิม ที่รัฐบาลได้ประกาศมา คือทำประชามติ 3 ครั้ง ไม่มีทางที่เราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันเลือกตั้งครั้งถัดไป โจทย์คือ จะทำอย่างไรให้เป็นไปได้ ให้ 180 วันที่เสียไปกับการรอ พ.ร.ป.ประชามติ ไม่เสียไปโดยสูญเปล่า”
 
“ขอเสนอผมคือ มาลองอีกสักตั้งนึง ใช้เวลา 180 วันข้างหน้า ซึ่งอาจจะเหลืออีกประมาณ 170 กว่าวันแล้ว ทำให้เราสามารถลดการทำประชามติ จาก 3 เหลือ 2 ครั้งให้ได้ ถ้าหากทำได้ จะทำให้กรอบการมีรัฐธรรมนูญใหม่ ทันเลือกตั้งได้” นายพริษฐ์ระบุ
 
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า มี 2 ด่านที่ต้องฝ่าไปด้วยกัน คือ 1.ทำให้ประธานรัฐสภาเปลี่ยนใจ ให้เห็นตรงกันว่า ทำประชามติ 2 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว
 
เราก็ไปคนพบมาว่า คณะกรรมการ ที่ให้ความเห็นกับประธานสภาฯ ตอนต้นปี ว่าต้องทำประชามติ 3 ครั้ง วิเคราะห์เพียงคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ซึ่งต้องยอมรับว่า ข้อความมีหลายส่วนที่อาจจะกำกวม เราเลยเห็นว่าถ้าจะโน้มน้าวให้คณะกรรมการเปลี่ยนใจได้ ต้องมีข้อมูลใหม่ๆ เข้าไป
 
ผมก็เลยเริ่มรวบรวมข้อมูลใหม่ เช่น ไปคุ้ยดูว่าคำวินิจัยรายบุคคล ของตุลาการทั้ง 9 คน ที่ท้ายสุดแล้วออกมาเป็นคำวินิจฉัยกลาง แต่ละท่านพูดว่าอะไรบ้าง? ขยายความไหมถึงจำนวนประชามติ ก็ได้ค้นพบว่า 5 จาก 9 คน (ในการตีความของผม) มองว่าประชามติ 2 ครั้งพอ มี 2 คนที่ผมคิดว่าค่อนข้างขัดเจน มี 1 คนที่บอกว่า 3 ครั้ง และมี 1 คนที่บอกว่า จะทำกี่ครั้งก็จัดทำฉบับใหม่ไม่ได้ มันค่อนข้างเสียงข้างมากชัดเจน เราก็เอาตรงนี้ไปนำเสนอ คณะกรรมการ” นายพริษฐ์กล่าว และว่า
 
ยังไม่พอ ตนยังขอพบประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อจะขอหารืออย่างไม่เป็นทางการ แต่เราก็ได้บทสรุปบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อการให้เข้อมูลเพิ่มเติม กับประธานรัฐสภา ด้วย
 
นอกจากนี้ นายพริษฐ์ ยังขอความเห็นจากนักวิชาการ อาทิ อาจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณพงศ์เทพ เทพกาญจนา เข้าไปชี้แจงเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ก็ได้คำตอบกลับมาตอนบ่าย
 
“เจ้าหน้าที่สภาฯ โทรมาบอกว่า คณะกรรมการที่เคยวินิจฉัย หลังจากเห็นข้อมูลเพิ่มเติม มติเสียงข้างมาก 2 ครั้งพอ บรรจุร่างได้ เป็นข่าวดีจริงๆ เราก็หวังว่าไม่กี่วันข้างหน้านี้ ประธานรัฐสภาจะลงนามตามความเห็นของคณะกรรมการ และบรรจุร่าง คือด่านที่ 1”
 
“แต่ยังมีด่านที่ 2 คือ การพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา วาระที่ 1 น่าจะพิจารณาวันที่ 14-15 ม.ค. 2568 ซึ่งจะผ่านวาระ 1 ได้ ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส. – ส.ว. ถ้าประธานสภา ลงนามบรรจุเมื่อไหร่ สปอตไลต์จะฉายไปที่ ส.ว.ทันที จึงต้องจับตาดูว่าถ้า ส.ว.ไม่ถึง 67 คน ลงคะแนนเห็นชอบกับการมี ส.ส.ร. มาจัดทำฉบับใหม่ แล้วคำพูดที่แถลงข่าวโดยพรรคการเมืองนั้น จะมีความหมายอย่างไร
 
คนกลางที่ควรจะมีบทบาทหลักในการปิดรอยร้าวระหว่างพรรคร่วม ระหว่าง ส.ส. – ส.ว. ให้จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้สำเร็จ ก็คือ นายกรัฐมนตรี” นายพริษฐ์กล่าว และว่า เป็นบทพิสูจน์ที่นายกฯ จะแสดงภาวะความเป็นผู้นำ และความจริงใจในวาระรัฐธรรมนูญว่า จะโน้มน้าวพรรคร่วมได้หรือไม่



“ทักษิณ”(ส.ท.ร.) – ไม่ยุบสภา
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_821037/

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ยังคงปากแจ๋วนอกจากประกาศว่า พร้อมไฟว่ ทุกคน ทุกฝ่าย ที่เป็นฝ่ายตรงข้าม ที่จ้องล้มรัฐบาลทั้งบรรดา “ขาประจำ”หรือแม้กระทั่ง “พรรคเด็ก-ประชาชน”ที่หน นี้ “เด็ก”ไม่ยอมให้ “ทักษิณ”ด่าฝ่ายเดียว”ทำนอง “เด็กได้แค่ปากแจ๋ว
 
แต่ทำอะไรไม่เป็นและไม่มีโอกาสได้ทำ” โดยทั้ง “ไอติม”และ “ไอซ์”ออกมา “ย้อนศร”ให้กลับไปดูผลงานลูกสาว อย่าง“นายกฯ อิ๊งค์” แห่ง “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” โดย“พ่อนายกฯ”อย่าง “ทักษิณ”ยังคงไม่แผ่วกับการออกมา “ส่งสัญญาน”ทั้งบนเวทีปราศรัย และ ผ่านสื่อมวลชน ไม่แต่การออกตัวว่า “ตนกลับมาแล้ว”ต่อไปนี้จะเป็นคน “เผือกทุกเรื่อง”หรือ “ส.ท.ร.” มั่นใจว่าปี68 จะทำงานหนักเพื่อพ้นจากความเฮงซวยในอดีต
 
และบอกด้วยว่า สมัยที่เป็นนายกฯ จ.เชียงใหม่งามแท้แต่พอมีรัฐประหารเอาใครมาบริหารประเทศ “ง่าวทั้งนั้น”วันนี้ขออาสา”เผือกทุกเรื่อง” ส.ท.ร.เพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนดีขึ้น เลือกเพื่อไทยก็คือเลือกทักษิณ ได้ใช้ทักษิณอยากให้ยาเสพติดหายไปก็ใช้ทักษิณ หนี้จะเบาบางลงก็ทักษิณ ตังค์จะมีขึ้นก็ทักษิณ และคราวหน้าขอสส. 10 คนคืนมา แบ่งคนก็ไม่ยอม ตนเองเป็นคนโลภมาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่