'ทักษิณ' โต้ ประยุทธ์ ผมกลับแน่ หลังถูก 'บิ๊กตู่' ท้าผู้นำฝ่ายค้านกลางสภา
https://www.matichon.co.th/heading-news/news_3462940
  
  
“ทักษิณ” โต้ ประยุทธ์ ผมกลับแน่ หลังถูก “บิ๊กตู่” ท้าผู้นำฝ่ายค้านกลางสภา
 
จากกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน โดยระบุว่า ตนทราบว่าท่านชื่นชมใครหลายคนที่เคยทำงานมาก่อนว่าดีกว่าผม ไม่เป็นไรก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกันนั้น
 
ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 19 ก.ค. เฟซบุ๊ก CARE • แคร์ คิด เคลื่อน ไทย ได้ไลฟ์สด การพูดคุยกับ โทนี วู้ดซัม หรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดตอนหนึ่งว่า ถึงแม้ว่าจะอยู่ต่างประเทศ มีอะไรก็ปรึกษาผมได้ เพราะผมเป็นรุ่นพี่ของคุณ ตอนจะเป็นนายพลยังให้คนมาขอผมเลย ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะมาปรึกษารุ่นพี่เพื่อให้บ้านเมืองมันดี แล้วไม่ต้องบอกว่าไปตามมันกลับมาให้ได้ซิ ขอตอบว่า ผมกลับแน่ ผมกลับแน่
 
จากนั้นก็ระบุอีกว่า ผมอยู่ที่ไหน ผมก็อยู่ในหัวใจคุณประยุทธ์ตลอดเวลา เพราะแกคิดถึงผมตลอด เวลานักข่าวถาม เวลาอภิปรายในสภา คนแรกเขาก็คิดถึงผม และพูดติดตลกโดยขอโทษอาจารย์น้อง (ภรรยา พล.อ.ประยุทธ์) ที่ พล.อ.ประยุทธ์คิดถึงตนเอง ท่านอาจจะอึดอัดที่คนคิดว่าท่านไม่เก่ง จริงๆ แล้วท่านไม่ต้องคิดอะไรเลย ท่านควรตั้งหน้าตั้งตาทำงานของท่านไป แต่ท่านต้องมีกลยุทธ์ มียุทธศาสตร์มากกว่านี้ ไม่ใช่ถึงเวลาก็ 100 และ 500 ก็อยู่ๆ ก็มีหัวหน้าฟาร์มไปหาบอกจะเอา 500 ท่านก็ตกใจกลัว 500 ก็ 500
 
2 วันก่อนมีผู้ใหญ่ใน ส.ว. หรือวุฒิสมาชิกยังโทรมาบอกผมเลยว่า 100 แน่นอน เอาโรมาเนกองติ มาเป็นรางวัลหน่อยซิ ผมก็เออเขาตกลงกันแล้ว แต่อีก 2 วันก็เป็น 500 เลย เปลี่ยนเป๊ะ อย่างนี้เราไม่ต้องจ่ายเงินเดือนให้ ส.ว.แล้ว เราควรซื้อโรบอตมาจากจีนตัวละ 30,000 บาท สัก 250 ตัวมานั่งในสภา พอถึงเวลากดปุ่ม 3 ปุ่มเห็นด้วยไม่เห็นด้วย งดออกเสียง แค่นั้นก็พอ
 
ส่วนที่ถามว่าสถานการณ์ประเทศเป็นแบบนี้คุณโทนียังจะให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศอีกหรือเพราะดูแล้วไม่น่าจะรอด 
 
โทนี ตอบว่า ผมไม่ให้โอกาสก็ไม่ได้เพราะดูแล้วแกคิดถึงผมตลอด แต่ผมก็ออฟเฟอร์ตัวเองนะว่าถึงแม้ว่าผมจะอยู่ต่างประเทศมีอะไรก็ปรึกษาผมได้นะ เพราะผมเป็นลูกพี่คุณ
 

---

“จุติ-ณัฐชา” ซัดกันนัวกลางสภาฯ หลังถูกจี้ตอบปมทุจริตการเคหะฯ
https://www.nationtv.tv/news/378880336
 
“จุติ-ณัฐชา” ซัดกันกลางสภาฯ หลังถูกจี้ตอบปมทุจริตการเคหะฯ "รมว.พม." ยืดอกรับ บอกปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แต่ขอไปหาเอกสารมายืนยัน "ณัฐชา" จี้ แน่จริงให้ตอบวันนี้ คำถามตอบได้ทำไมไม่ตอบ
 
20 กรกฎาคม 2565 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ชี้แจงหลังถูกนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์  ส.ส. กทม. พรรคก้าวไกลอภิปราย ช่วงดึกวานนี้( 19 ก.ค.) ว่า มีหลายประเด็น ทั้งข้อมูลที่เป็นความจริงบ้างไม่จริงบ้าง ซึ่งความรู้สึกของตนที่เป็นรัฐมนตรี  ต้องการให้การเคหะแห่งชาติมีการเปลี่ยนแปลง และพร้อมสนับสนุนให้ไปยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการทำงานของตน
 
โดยนายณัฐชา ได้อภิปรายย้อนไปถึงปี 2537 และ 2543 ซึ่งตนได้สั่งการผู้บริหารการเคหะฯ ไปหาเอกสารว่าข้อกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง มองว่า 90% ของข้อมูลที่ใช้อภิปราย เกิดตั้งแต่ก่อนตนเข้ามารับตำแหน่ง แต่ก็ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ตนยินยอมให้สภาฯตรวจสอบเต็มที่ แต่จะไม่ยอมให้ใครมาบิดเบือนข้อเท็จจริง ตนขอใช้เวลานิดเดียว เพื่อตรวจสอบข้อมูล 17 ประเด็น ที่ทำให้ตน การเคหะแห่งชาติเสียหาย และรัฐบาลเสียหาย โดยจะขอเวลาไปรวบรวมเอกสาร และใช้สิทธิ์ในการชี้แจงต่อสภาฯต่อไป เพราะหากปล่อยไว้ไม่ชี้แจง สภาฯก็จะเข้าใจผิดว่ามีการทุจริตจริง ทั้งๆที่รัฐบาลชุดนี้ ได้มอบหมายให้ตนเข้าไปเเก้ไขปัญหาการทุจริตในการเคหะแห่งชาติ
  
จากนั้น นายณัฐชา ลุกขึ้นตอบโต้ว่า ตนอภิปรายนายจุติเพียงคนเดียว ในคำถามที่นายจุติจดไว้ ก็สามารถลุกขึ้นชี้แจงได้เลยในประเด็นที่สามารถตอบได้ เช่น การแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งตนย้ำว่าต้องตอบว่า ได้มีการคำขอ ไปยังสำนักงานพระมหากษัตริย์หรือไม่ หรือได้ทำคำขอไปในส่วนงานของพระองค์หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้สามารถตอบได้เลย เพราะล่าสุด ในกรรมาธิการงบประมาณ ส่วนงานในพระองค์ได้มีการชี้แจงไปแล้ว ส่วนที่นายจุติ บอกว่า 90% ไม่ได้อยู่ในสมัยของตน นายณัฐชา ยืนยันว่า เนื้อหาเกือบ 50% เป็นของบริษัท เคหะศุภชา จำกัด ที่ตั้งขึ้นในสมัยนายจุติ และมีคำยืนยันจากผู้ว่าการเคหะแห่งชาติที่อ้างถึงรัฐมนตรี
 
“จะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็เป็นเรื่องในรุ่นท่านนี่แหละครับ ไปพูดคุยกันที่โชว์รูมแถวรามอินทรา อันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่าครับ เป็นเรื่องที่เขาพูดจริงๆ มีบันทึกชัดเจน แค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องในสมัยท่านเป็นเรื่องในปัจจุบันท่านอธิบายได้เลย มีผมคนเดียวครับที่อภิปรายท่านครับ พี่จุติครับ” นายณัฐชา กล่าว
  
นายจุติ สวนกลับทันทีว่า “ต้องเอาความจริงมาสู้ ยังยืนยันว่า ข้อเท็จจริงที่มีคนเล่าให้นายณัฐชาฟังเป็นเท็จเยอะมาก และนายณัฐชาเป็นคนพูดเองว่าอภิปรายรัฐบาลทุกครั้ง ยังจำได้หรือไม่ว่าเมื่อปีที่แล้ว 31 สิงหาคม ที่ได้อภิปรายใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จ และมีการไปแจ้งความ 7 เรื่อง เพราะเอกสารที่นำมาเสนอมีลายมือชื่อเท็จ ชื่อที่นำมาเสนอก็ไม่ถูกต้อง ขอยืนยันว่าขอแสวงหาความจริงคืนนี้ ตนไม่หนี ท่านก็อย่าหนี”
 
จากนั้นนายณัฐชา ลุกขึ้นอีกครั้ง ระบุว่า ปีที่แล้วตนอภิปรายกระทรวงกลาโหม ตนยังไม่ได้หมายเรียกเลย ถ้าตนผิดจริงกระทรวงกลาโหมไม่เอาไว้แบบนี้ และไม่สามารถมายืนอภิปรายให้นายจุติฟังได้ในวันนี้ ย้ำว่า เรื่องที่รู้ให้ตอบเลยแค่นั้นเอง จึงไม่ได้หมายความว่านายจุติจะหนี และตนก็ไม่ได้จะหนี อย่ามาพูดแบบตีโวหาร แบบนี้ไม่เอา แบบนี้อย่ามาทำ เสียสภาฯ อันทรงเกียรติแบบนี้ นายจุติก็เป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง ตนเพิ่งเป็น ส.ส.สมัยแรก และถ้าแน่จริงต้องตอบวันนี้เลย
 
ต่อมานายจุติ ลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับกล่าวว่า “ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ให้สภาฯเสียเวลา จากนั้นก็เดินออกจากห้องประชุมทันที”
 

---

 
‘สรท.’ ชี้บาทอ่อนส่งผลต้นทุนผลิตพุ่ง ขอรัฐตรึงราคาน้ำมันให้นานที่สุด
https://www.matichon.co.th/economy/news_3462868
 
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงแตะระดับ 36.70 บาทต่อเหรียญสหรัฐนั้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการนำเข้าสินค้าแน่นอน โดยเฉพาะประเทศไทยนำเข้าสินค้าหลักเป็นน้ำมันและเชื้อเพลิงด้วย ทำให้ราคาต้นทุนของสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้น รวมระบบขนส่งโลจิสติกส์ก็จะมีต้นทุนแพงขึ้น เรียกได้ว่าวัตถุดิบในการนำเข้ามาเพื่อผลิตและจำหน่ายในประเทศ อาทิ วัสดุก่อสร้าง ปุ๋ยที่ใช้ในอุตสาหกรรมเกษตร มีผลกระทบให้ราคาต้นทุนเพิ่มขึ้น ทำให้เมื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ภาระก็ตกอยู่ที่ผู้ประกอบการ ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ประกอบการจะพิจารณาเรื่องต้นทุนอย่างไร เพราะท้ายที่สุดผลกระทบจะดันให้เกิดการปรับขึ้นราคาสินค้า และราคาสินค้าในประเทศจะสูงขึ้นอีก
 
“การช่วยแบ่งเบาผลกระทบของธุรกิจนำเข้าสินค้า อาทิ ในด้านราคาน้ำมัน ขณะนี้เห็นราคาน้ำมันอ่อนตัวลง และรัฐบาลสนับสนุนในเรื่องราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งภาคเอกชนอยากให้รัฐบาลขยายเวลาในการช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดผลกระทบในระยะถัดไป รวมถึงผู้ประกอบการอาจต้องพิจารณาการลดต้นทุนของธุรกิจในด้านอื่นๆ ที่สามารถทำได้ด้วย” นายชัยชาญ กล่าว
 
นายชัยชาญ กล่าวว่า การทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวแบบมีเสถียรภาพมากขึ้นนั้น รัฐบาลนำโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องเข้ามาดูแลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมองว่าตอนนี้ก็มีการติดตามและประเมินผลอยู่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน รวมถึงการตรึงราคาน้ำมัน ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ต้นทุนเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ทำให้การตรึงราคาน้ำมันดีเซล ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ส่วนในแง่ของการรักษาดอกเบี้ยนโยบายไม่ให้ปรับสูงเกินไป และเร็วเกินไป จนส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของผู้ประกอบการ ซึ่งขณะนี้ต้องการส่งเสริมให้รัฐบาลเติมสภาพคล่องให้กับธุรกิจเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัว และอีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้