วิปค้านฉะรัฐทำงบฯ64ไม่รองรับนิวนอร์มัลเลย
https://www.innnews.co.th/politics/news_709208/
นาย
สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการจัดทำงบประมาณ รายจ่ายประจำปี 2564 ของรัฐบาล ว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากงบประมาณ ปี 2563 เป็นการจัดทำในรูปแบบเดิมๆไม่มีอะไรใหม่เพื่อรองรับนิวนอร์มัล ความปกติใหม่ หรือฐานวิถีชีวิตใหม่ เป็นการการจัดทำงบประมาณตามกรอบที่ฝ่ายราชการ หรือ หน่วยงานราชการจัดมาอย่างไรก็เป็นเช่นนั้นไม่มีอะไรแปลกใหม่การจัดงบประมาณแบบนี้ไม่สามารถที่จะไปปรับเปลี่ยนอะไรได้ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องจัดทำงบประมาณตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ส่งผลให้การจัดงบประมาณบางประเภทมีการทับซ้อนกันอาทิ การจัดงบประมาณการแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 มีทั้งอยู่ในงบกลาง งบกระทรวงสาธารณะสุขก็มี รวมทั้งมีอยู่ในงบสำรองฉุกเฉินก็สามารถที่จะเบิกจ่ายได้ ผลที่ออกมาคือการจัดงบประมาณแบบมั่วไปหมด ไม่ตอบโจทย์ประเทศไทย
นาย
สมคิด กล่าวด้วยว่า การจัดทำงบประมาณปี64 มีการใช้งบประมาณทับซ้อนกันหลายหน่วยงาน ซึ่งคณะกรรมาธิการคงจะต้องเข้าไปดู ที่น่าสนใจคือการจัดทำงบประมาณปี 2564 ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทย ที่จะต้องเร่งฟื้นฟูประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งมหภาค ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐธรรมนูญและยุทธศาสตร์ชาติ เป็นปัญหาไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็ได้แค่นี้ กลายเป็นรัฐช้าราชการ ฝ่ายการเมืองไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะฉะนั้นการจัดทำงบประมาณจึงไม่สามารถที่จะตอบสนองประชาชนได้เลย ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากรัฐธรรมนูญหากยังใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ประเทศไทยไม่สามารถที่จะพัฒนาได้อย่างแน่นอน
“เทพไท”เคลียร์ ชำแหละอันดับโกงรบ.เลือกตั้งกับรัฐบาล คสช. ตามข้อมูลองค์กรโปร่งใสโลก
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2245165
“เทพไท”เคลียร์ ชำแหละอันดับโกงรบ.เลือกตั้งกับรัฐบาล คสช. ตามข้อมูลองค์กรโปร่งใสโลก
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน นาย
เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการอภิปรายเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติที่เสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระรับทราบนั้น ว่า ตนได้อภิปรายแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ และได้นำสถิติดัชนีความโปร่งใสขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International-TI) มาเปรียบเทียบลำดับความโปร่งใสของรัฐบาลแต่ละชุด จนสร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) บางคนนั้น ขอชี้แจงว่าการอภิปรายของตนเป็นการทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ มีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารงานของฝ่ายบริหาร เมื่อมีการเสนอแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ในการอภิปรายเสนอแนะ และติชมไปข้อเท็จจริง ถ้าหากรัฐบาลไม่อยากให้มีการอภิปรายในเรื่องนี้ ก็ไม่ควรนำเข้ามาสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
นาย
เทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกล่าวหาว่าตนอยู่ ฝ่ายรัฐบาลไม่มีมารยาทในการแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนั้น ขอชี้แจงว่า
1. การอภิปรายวิจารณ์แผนยุทธศาสตร์ชาติเป็นการทำหน้าที่ในสภาฯ ถ้าอภิปรายผิดพลาดหรือพาดพิงให้รัฐบาล หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้รับความเสียหาย ส.ส.ทุกคนในสภาฯก็สามารถใช้สิทธิ์ท้วงติง หรือประท้วงในที่ประชุมสภาฯได้
2. การทำหน้าที่ของตนเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และการอภิปรายก็อยู่ในกรอบของแผนยุทธศาสตร์ชาติ หากมีอภิปรายนอกประเด็นทำให้รัฐบาลเสียหาย ประธานที่ประชุม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม คงจะทักท้วงหรือให้ยุติการอภิปรายไปแล้ว
3. การนำสถิติดัชนีความโปร่งใส ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ขึ้นมาเปรียบเทียบความโปร่งใสของรัฐบาลแต่ละชุด ก็เป็นข้อมูลทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบได้ว่า ปี พ.ศ.2553 สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ อยู่ในลำดับที่ 78 ปี พ.ศ.2556 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อยู่ในลำดับที่ 102 และในปี พ.ศ.2559 และ พ.ศ.2562 สมัยรัฐบาล คสช.(พล.อ.ประยุทธ์)อยู่ที่ลำดับ 101
และ 4. การอภิปรายเรื่องลำดับความโปร่งใสของรัฐบาลแต่ละชุด ตนได้เปรียบเทียบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกับรัฐบาล คสช.ที่มาจากรัฐประหาร ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำและพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคร่วมรัฐบาลแต่ประการใด
“จึงอยากจะให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐคนดังกล่าว ได้ไปทบทวนบทบาทการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาฯของตัวเองก่อนว่า ได้ทำหน้าที่ ส.ส.ได้สมบูรณ์แล้วหรือยัง เพราะเพิ่งเป็น ส.ส.สมัยแรก ไม่ได้แสดงบทบาทในสภาฯเลย ได้เป็น ส.ส. ก็เพราะโหนกระแสพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เข้ามา และถ้าหากจะท้วงติงการทำหน้าที่ของผมในสภาฯ ก็ควรนำไปพูดในสภา ไม่ใช่ออกมาตีโพยตีพายข้างนอก เพื่อสร้างราคาค่างวดให้ตัวเองต่อผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น” นาย
เทพไท กล่าว
JJNY : ฉะทำงบฯ64ไม่รองรับนิวนอร์มัล/เทพไทเคลียร์อันดับโกงรบ.ลต.กับรบ.คสช./อาสาดับไฟป่าถามฌอน เงินไปไหน/รัฐกู้เพิ่ม2แสนล.
https://www.innnews.co.th/politics/news_709208/
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า การจัดทำงบประมาณปี64 มีการใช้งบประมาณทับซ้อนกันหลายหน่วยงาน ซึ่งคณะกรรมาธิการคงจะต้องเข้าไปดู ที่น่าสนใจคือการจัดทำงบประมาณปี 2564 ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทย ที่จะต้องเร่งฟื้นฟูประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งมหภาค ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐธรรมนูญและยุทธศาสตร์ชาติ เป็นปัญหาไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็ได้แค่นี้ กลายเป็นรัฐช้าราชการ ฝ่ายการเมืองไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะฉะนั้นการจัดทำงบประมาณจึงไม่สามารถที่จะตอบสนองประชาชนได้เลย ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากรัฐธรรมนูญหากยังใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ประเทศไทยไม่สามารถที่จะพัฒนาได้อย่างแน่นอน
“เทพไท”เคลียร์ ชำแหละอันดับโกงรบ.เลือกตั้งกับรัฐบาล คสช. ตามข้อมูลองค์กรโปร่งใสโลก
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2245165
“เทพไท”เคลียร์ ชำแหละอันดับโกงรบ.เลือกตั้งกับรัฐบาล คสช. ตามข้อมูลองค์กรโปร่งใสโลก
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการอภิปรายเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติที่เสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระรับทราบนั้น ว่า ตนได้อภิปรายแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ และได้นำสถิติดัชนีความโปร่งใสขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International-TI) มาเปรียบเทียบลำดับความโปร่งใสของรัฐบาลแต่ละชุด จนสร้างความไม่พอใจให้กับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) บางคนนั้น ขอชี้แจงว่าการอภิปรายของตนเป็นการทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ มีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารงานของฝ่ายบริหาร เมื่อมีการเสนอแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ในการอภิปรายเสนอแนะ และติชมไปข้อเท็จจริง ถ้าหากรัฐบาลไม่อยากให้มีการอภิปรายในเรื่องนี้ ก็ไม่ควรนำเข้ามาสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนข้อกล่าวหาว่าตนอยู่ ฝ่ายรัฐบาลไม่มีมารยาทในการแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนั้น ขอชี้แจงว่า
1. การอภิปรายวิจารณ์แผนยุทธศาสตร์ชาติเป็นการทำหน้าที่ในสภาฯ ถ้าอภิปรายผิดพลาดหรือพาดพิงให้รัฐบาล หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้รับความเสียหาย ส.ส.ทุกคนในสภาฯก็สามารถใช้สิทธิ์ท้วงติง หรือประท้วงในที่ประชุมสภาฯได้
2. การทำหน้าที่ของตนเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และการอภิปรายก็อยู่ในกรอบของแผนยุทธศาสตร์ชาติ หากมีอภิปรายนอกประเด็นทำให้รัฐบาลเสียหาย ประธานที่ประชุม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม คงจะทักท้วงหรือให้ยุติการอภิปรายไปแล้ว
3. การนำสถิติดัชนีความโปร่งใส ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ขึ้นมาเปรียบเทียบความโปร่งใสของรัฐบาลแต่ละชุด ก็เป็นข้อมูลทางวิชาการที่สามารถตรวจสอบได้ว่า ปี พ.ศ.2553 สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ อยู่ในลำดับที่ 78 ปี พ.ศ.2556 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อยู่ในลำดับที่ 102 และในปี พ.ศ.2559 และ พ.ศ.2562 สมัยรัฐบาล คสช.(พล.อ.ประยุทธ์)อยู่ที่ลำดับ 101
และ 4. การอภิปรายเรื่องลำดับความโปร่งใสของรัฐบาลแต่ละชุด ตนได้เปรียบเทียบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกับรัฐบาล คสช.ที่มาจากรัฐประหาร ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำและพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคร่วมรัฐบาลแต่ประการใด
“จึงอยากจะให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐคนดังกล่าว ได้ไปทบทวนบทบาทการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาฯของตัวเองก่อนว่า ได้ทำหน้าที่ ส.ส.ได้สมบูรณ์แล้วหรือยัง เพราะเพิ่งเป็น ส.ส.สมัยแรก ไม่ได้แสดงบทบาทในสภาฯเลย ได้เป็น ส.ส. ก็เพราะโหนกระแสพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เข้ามา และถ้าหากจะท้วงติงการทำหน้าที่ของผมในสภาฯ ก็ควรนำไปพูดในสภา ไม่ใช่ออกมาตีโพยตีพายข้างนอก เพื่อสร้างราคาค่างวดให้ตัวเองต่อผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น” นายเทพไท กล่าว