รับรองสนุกแน่! เพื่อไทย จัดหนักวันแรกถึงวันสุดท้าย ประเดิมเชือด รมต.ภูมิใจไทย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7168886
เพื่อไทย พร้อมอัด ภูมิใจไทย วันแรกจัดหนักจัดเต็ม วอนประชาชนติดตามศึกซักฟอกวันแรกจนวันสุดท้ายรับรองสนุกแน่ ลั่น ไม่ตายในสภาก็ไปตายในสนามเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 08.10 น. วันที่ 19 ก.ค.2565 ที่รัฐสภา นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพี่อไทย(พท.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ในวันแรกว่าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) มีเรื่องน่าสนใจโดยเฉพาะการออกนโยบาย ออกกฎหมายให้ประชาชน โดยเป็นเรื่องที่ทุกคนนึกภาพออก ขอให้ติดตามในสภา เพราะผู้อภิปรายของเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ซึ่งเป็นผู้อภิปรายที่คัดเลือกและมั่นใจในสิ่งที่เขาจะทำหน้าที่ ทั้งตัวรองนายกฯ รมว.สาธารณสุข และรมว.คมนาคม โดยเราจัดไว้เป็นกลุ่มไว้แล้ว
เมื่อถามว่าผู้อภิปรายเด่นๆที่อภิปรายในวันนี้(19ก.ค.) มีใครบ้าง นพ.
ชลน่านกล่าวว่า ดูจากตัวรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายแล้ว ตนบอกได้เลยว่าคนที่อภิปรายน่าสนใจที่สุดคือ นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค และประธานวิปฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่าในส่วนของพรรคภูใจไทย ฝ่ายค้านมีใบเสร็จเอาผิดได้เลยหรือไม่ นพ.
ชลน่านกล่าวว่า คำว่าใบเสร็จทางการเมืองหมายถึงข้อมูล ข้อเท็จจริง และกฎหมาย รวมถึงผลการกระทำต่อประเทศชาติ บ้านเมือง ฉะนั้นเราจะมาแสดงให้ชัดเจน และรัฐมนตรีส่วนใหญ่ที่เรากล่าวหานั้น เรื่องความผิดพลาดล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่ง
แต่สิ่งสำคัญคือ จงใจฝ่าฝืนปฏิบัติและไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมถึงฝ่าฝืนจริยธรรมและส่อทุจริต เอื้อประโยชน์ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดที่จะชี้ให้เห็นในสภา ทั้งนี้เรื่องที่เป็นผลกระทบต่อประชาชนในภาพกว้างก็เป็นเรื่องที่เราสนใจ โดยกัญชาเสรีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราให้ความสนใจมาก
“ขอให้ติดตามการประชุมทั้ง 4 วัน รับรองมีเรื่องที่ตื่นเต้นและสนุกทุกวันโดยเฉพาะวันสุดท้ายที่เป็นวันสรุป โดยนายสุทิน จะเป็นผู้สรุปจบข้อมูลที่สมาชิกร่วมอภิปรายตามยุทธการ เด็ดหัว สอยนั่งร้าน ไม่ตายในสภา ก็ไปตายในสนามเลือกตั้ง” นพ.
ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่าจนถึงตอนนี้ ร.อ.
ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ได้ติดต่อขอร่วมอภิปรายด้วยแล้วหรือไม่ นพ.
ชลน่านกล่าวว่า ไม่มี ยังไม่ได้ประสานมา ทั้งนี้เราเปิดกว้างสำหรับการตรวจสอบรัฐบาลอยู่แล้ว และเรายินดีถ้าจะดำเนินการในพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ยินดี หรือพรรคฝ่ายค้านอิสระก็ยินดีเปิดโอกาส แต่ต้องดูว่าจัดสรรเวลาได้อย่างไร เพราะขณะนี้ได้จัดสรรเวลาไปแล้วแต่ก็พอจะดูได้ถ้ามีประเด็นที่จะทำให้รัฐบาลชุดนี้ ให้เห็นภาพของความบกพร่อง ล้มเหลวที่สามารถจะเอารัฐบาลนี้ออกไปจากความทุกข์ยากของประชาชนได้
เมื่อถามว่านอกจากพรรคเศรษฐกิจไทย มีพรรคอื่นอยากร่วมอภิปรายด้วยหรือไม่ นพ.
ชลน่านกล่าวว่า มีทั้งฝ่ายค้านอิสระ พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่แสดงเจตจำนง มานานแล้วและเป็นผู้ร่วมยื่นญัตติด้วย
พิชัย ชี้ บิ๊กตู่ ล้มเหลวรับมือปัญหาเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ-ดอกเบี้ย-ค่าบาทอ่อน ชวนจับตาอภิปรายฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3460872
พิชัย ชี้ ประยุทธ์ ล้มเหลวรับมือปัญหาเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ-ดอกเบี้ย-ค่าบาทอ่อน จี้แก้ปัญหาไฟฟ้าแพง ข้อพิพาทของก๊าซในอ่าวไทย และ ค่าความพร้อมสูงถึงปีละแสนล้านบาท ห่วงแนวโน้มเดินตามศรีลังกา
นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อของสหรัฐเดือนมิถุนายนสูงถึง 9.1% สูงที่สุดในรอบ 40 ปี ทั้งที่สหรัฐเพิ่งขึ้นดอกเบี้ย 0.75% แต่ก็ยังคุมเงินเฟ้อไม่อยู่ ดังนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐจะต้องขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกอาจสูงถึง 1% ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบมาถึงเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ต่างกันจะทำให้เงินตราต่างประเทศไหลออก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติที่เงินทุนต่างประเทศจะออกไป เพื่อไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่า จะยิ่งทำให้ค่าเงินบาทยิ่งอ่อนลง และจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอีกได้
นาย
พิชัยกล่าวอีกว่า อีกทั้ง การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยในหลายเดือนที่ผ่านมา ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง
โดยล่าสุดในเดือนมิถุนายน ไทยขาดดุลการค้า 1.2 พันล้านเหรียญ หรือ 4 หมื่นล้านบาท ซ้ำเติมหลังจากที่ 5 เดือนแรก ไทยขาดดุลการค้าแล้ว 4,726 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินทุนได้ไหลออกไปกว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 1 ล้านล้านบาท) แล้วตั้งแต่ต้นปี และยังมีแนวโน้มที่จะไหลออกเพิ่มอีก จนภาคเอกชนกังวลกันว่าเงินบาทที่อ่อนจะทะลุ 37 บาทต่อดอลล่าร์ในอีกไม่นานนี้ อาจจะทะลุไปถึง 40 บาทต่อดอลลาร์ได้ และอาจทำให้เงินเฟ้อของไทยที่กำลังจะทะลุ 8% อาจจะพุ่งทะลุไปถึง 10% ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก ในขณะเดียวกัน หากไทยจะขึ้นดอกเบี้ยก็จะส่งผลกระทบต่อหนี้ครัวเรือนที่สูงถึงเกือบ 15 ล้านล้านบาท หรือ กว่า 90% ของจีดีพี อีกทั้ง หนี้สาธารณะมากกว่า 10 ล้านล้านบาท หรือทะลุ 60% ของจีดีพีแล้ว ซึ่งหากขึ้นดอกเบี้ย ก็จะยิ่งเพิ่มภาระขึ้นไปอีกมาก
“ดังนั้น ความกังวลเรื่องการระเบิดของหนี้ต่างๆ ในไทยเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ จากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น ปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาดอกเบี้ย ปัญหาค่าเงินบาทที่อ่อน และปัญหาการระเบิดของหนี้ จะเป็นปัญหาใหญ่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับมือ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์แทบจะไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้เลย ซึ่งจะให้ปัญหาทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ” นาย
พิชัย กล่าว
นาย
พิชัยกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจจะลดลงบ้าง แต่ก็ยังผลิกผันได้ตลอด เรื่องที่น่ากังวลคือปัญหาการปรับราคาค่าไฟฟ้าที่จะพุ่งสูงขึ้นมากจากหน่วยละ 4 บาทเป็นหน่วยละ 5 บาท สร้างความสั่นสะเทือน และความกังวลไปทั่ว ทั้งค่าใช้จ่ายของประชาชนที่จะเพิ่มขึ้น และความสามารถแข่งขันของไทยที่จะลดลง เพราะคงไม่มีใครอยากจะมาลงทุนในประเทศที่ค่าไฟฟ้าแพงมหาโหด แนวทางที่จะแก้ไขก็ต้องเข้าไปแก้กันที่สาเหตุของปัญหา คือการหาข้อยุติในข้อพิพาทระหว่างบริษัทที่รับสัมปทานเดิม เชฟรอน และ บริษัทที่รับสัมปทานใหม่ ปตท. สผ. และ มูตาบารา ในการส่งมอบสัมปทาน และใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการรื้อถอนแท่นขุดเจาะก๊าซในทะเลที่ต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูง และอาจถูกฟ้องร้องได้ในกรณีที่การรื้อถอน อาจจะทำให้เกิดมลภาวะในทะเลและชายฝั่งได้ ทั้งนี้ เพื่อที่นำก๊าซจากอ่าวไทยขึ้นมาได้ หลังจากที่ไม่สามารถนำก๊าซธรรมชาติจำนวนมากขึ้นมาได้จากปัญหาข้อพิพาทดังกล่าว จึงต้องทำให้ไทยต้องนำเข้า ก๊าซ LNG ที่มีราคาแพงกว่า 30 เหรียญต่อหน่วยเข้ามาทดแทน และทำให้ราคาค่า FT ของค่าไฟฟ้าพุ่งขึ้นสูงมาก
นอกจากนี้ การผลิตไฟฟ้าที่ล้นเกินถึง 50% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ทำให้ต้องจ่ายค่าความพร้อมให้กับโรงงานผลิตไฟฟ้า แต่ไม่ได้ส่งไฟฟ้ามียอดถึงเดือนละกว่า 8,000 ล้านบาท หรือปีละประมาณแสนล้านบาทซึ่งสูงมาก เป็นความผิดพลาดในนโยบายการผลิตไฟฟ้าของ พล.อ.ประยุทธ์ และปัจจุบันยังมีการให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้ากันอยู่เลย แม้กำลังผลิตจะยังล้นเกินนี้ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะต้องหาทางเจรจาลดค่าความพร้อมนี้ และหยุดการให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าไว้ก่อนชั่วคราวได้แล้ว จนกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าจะมีเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงต้องทำเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น
“จะเห็นได้ว่าการบริหารเรื่องพลังงานในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ตลอด 8 ปี มีปัญหาอย่างมาก แต่โชคดีที่ 6-7 ปีแรกราคาน้ำมัน และราคาพลังงานอื่นๆ ยังมีราคาถูก ประชาชนจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่เมื่อราคาน้ำมัน และราคาพลังงานแพงขึ้นมาก ทำให้เห็นปัญหาเต็มไปหมด เหมือนน้ำลดตอผุด ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะต้องเข้าไปแก้ไขปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ เพื่อให้ราคาพลังงานเป็นธรรมแก่ประชาชน ทั้งราคาน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้ม และราคาไฟฟ้า” นาย
พิชัย กล่าว
นาย
พิชัยกล่าวอีกว่า อีกทั้ง ต้องเร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาพลังงานแพง และรัฐได้รายได้เพิ่มขึ้นอีกมากด้วย ยังจะกระจายความเสี่ยงของการพึ่งพาก๊าซจากประเทศเมียนมาที่มีสัดส่วนถึง 17% เพราะรัฐบาลทหารของเมียนมาอาจจะถูกบีบจากประชาคมโลกเพิ่มขึ้นอีกได้ ประเทศไทยควรต้องคิด และเตรียมตัวล่วงหน้า เพื่อป้องกัน และรักษาประโยชน์ของคนไทย
ทั้งนี้ มีคำเตือน และความกังวลจากหลายฝ่ายว่าสถานการณ์ของไทยจะเป็นเหมือนประเทศศรีลังกา ซึ่งความจริงสถานะของไทยในปัจจุบันจะยังดีกว่าศรีลังกามาก จากบุญเก่าที่สะสมมาจากหลายรัฐบาลในอดีต แต่หากยังบริหารกันแบบที่เป็นอยู่ โอกาสจะเป็นแบบประเทศศรีลีงกาก็เป็นไปได้สูง เพราะสถานการณ์ในโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ผู้นำไทยขาดความรู้ความเข้าใจ และยังมีแนวทางบริหารที่ผิดพลาดมาโดยตลอด และอยากให้ประชาชนได้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่จะมีขึ้นในวันนี้
ดูชัดๆ!! ศิโรตม์ โพสต์โปสเตอร์ บิ๊กตู่ - 10 รมต.รัฐบาล ที่ถูกอภิปรายฯ บอกไม่สร้างสรรค์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3460965
ดูชัดๆ!! ศิโรตม์ โพสต์โปสเตอร์ บิ๊กตู่ – 10 รมต.รัฐบาล ที่ถูกอภิปรายฯ บอกไม่สร้างสรรค์
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิเคราะห์การเมือง และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้โพสต์ภาพโปสเตอร์ของรัฐมนตรีในพรรครัฐบาล ที่มีชื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมข้อความ ในทวิตเตอร์ส่วนตัวชื่อ Sirote Klampaiboon @sirotek ว่า
รัฐบาลเลียนแบบเพื่อไทย และก้าวไกล ทำโปสเตอร์สไตล์หนังของรัฐมนตรีทุกคนที่ถูกอภิปราย แต่ลอกชื่อหนังเจมส์ บอนด์ ดูไม่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เท่าไร
โปสเตอร์นี้ คล้ายภาพเดี่ยวที่คุณสุชาติโพสต์ในเพจตัวเองเมื่อคืน ไม่รู้ทำไมทีมงานส่งให้คุณสุชาติก่อนคนอื่น สงสัยสนิทกับคนทำกว่ารัฐมนตรีทุกคน
https://twitter.com/sirotek/status/1549205484455964674
JJNY : เพื่อไทย จัดหนัก│พิชัยชี้ตู่ล้มเหลวรับมือปัญหาศก.│ศิโรตม์โพสต์โปสเตอร์ตู่ - 10 รมต.│ชมสดอภิปรายไม่ไว้วางใจ(คลิป)
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7168886
เพื่อไทย พร้อมอัด ภูมิใจไทย วันแรกจัดหนักจัดเต็ม วอนประชาชนติดตามศึกซักฟอกวันแรกจนวันสุดท้ายรับรองสนุกแน่ ลั่น ไม่ตายในสภาก็ไปตายในสนามเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 08.10 น. วันที่ 19 ก.ค.2565 ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพี่อไทย(พท.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ในวันแรกว่าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) มีเรื่องน่าสนใจโดยเฉพาะการออกนโยบาย ออกกฎหมายให้ประชาชน โดยเป็นเรื่องที่ทุกคนนึกภาพออก ขอให้ติดตามในสภา เพราะผู้อภิปรายของเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ซึ่งเป็นผู้อภิปรายที่คัดเลือกและมั่นใจในสิ่งที่เขาจะทำหน้าที่ ทั้งตัวรองนายกฯ รมว.สาธารณสุข และรมว.คมนาคม โดยเราจัดไว้เป็นกลุ่มไว้แล้ว
เมื่อถามว่าผู้อภิปรายเด่นๆที่อภิปรายในวันนี้(19ก.ค.) มีใครบ้าง นพ.ชลน่านกล่าวว่า ดูจากตัวรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายแล้ว ตนบอกได้เลยว่าคนที่อภิปรายน่าสนใจที่สุดคือ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค และประธานวิปฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่าในส่วนของพรรคภูใจไทย ฝ่ายค้านมีใบเสร็จเอาผิดได้เลยหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า คำว่าใบเสร็จทางการเมืองหมายถึงข้อมูล ข้อเท็จจริง และกฎหมาย รวมถึงผลการกระทำต่อประเทศชาติ บ้านเมือง ฉะนั้นเราจะมาแสดงให้ชัดเจน และรัฐมนตรีส่วนใหญ่ที่เรากล่าวหานั้น เรื่องความผิดพลาดล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่ง
แต่สิ่งสำคัญคือ จงใจฝ่าฝืนปฏิบัติและไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมถึงฝ่าฝืนจริยธรรมและส่อทุจริต เอื้อประโยชน์ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดที่จะชี้ให้เห็นในสภา ทั้งนี้เรื่องที่เป็นผลกระทบต่อประชาชนในภาพกว้างก็เป็นเรื่องที่เราสนใจ โดยกัญชาเสรีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราให้ความสนใจมาก
“ขอให้ติดตามการประชุมทั้ง 4 วัน รับรองมีเรื่องที่ตื่นเต้นและสนุกทุกวันโดยเฉพาะวันสุดท้ายที่เป็นวันสรุป โดยนายสุทิน จะเป็นผู้สรุปจบข้อมูลที่สมาชิกร่วมอภิปรายตามยุทธการ เด็ดหัว สอยนั่งร้าน ไม่ตายในสภา ก็ไปตายในสนามเลือกตั้ง” นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่าจนถึงตอนนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ได้ติดต่อขอร่วมอภิปรายด้วยแล้วหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่มี ยังไม่ได้ประสานมา ทั้งนี้เราเปิดกว้างสำหรับการตรวจสอบรัฐบาลอยู่แล้ว และเรายินดีถ้าจะดำเนินการในพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ยินดี หรือพรรคฝ่ายค้านอิสระก็ยินดีเปิดโอกาส แต่ต้องดูว่าจัดสรรเวลาได้อย่างไร เพราะขณะนี้ได้จัดสรรเวลาไปแล้วแต่ก็พอจะดูได้ถ้ามีประเด็นที่จะทำให้รัฐบาลชุดนี้ ให้เห็นภาพของความบกพร่อง ล้มเหลวที่สามารถจะเอารัฐบาลนี้ออกไปจากความทุกข์ยากของประชาชนได้
เมื่อถามว่านอกจากพรรคเศรษฐกิจไทย มีพรรคอื่นอยากร่วมอภิปรายด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า มีทั้งฝ่ายค้านอิสระ พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่แสดงเจตจำนง มานานแล้วและเป็นผู้ร่วมยื่นญัตติด้วย
พิชัย ชี้ บิ๊กตู่ ล้มเหลวรับมือปัญหาเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ-ดอกเบี้ย-ค่าบาทอ่อน ชวนจับตาอภิปรายฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3460872
พิชัย ชี้ ประยุทธ์ ล้มเหลวรับมือปัญหาเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อ-ดอกเบี้ย-ค่าบาทอ่อน จี้แก้ปัญหาไฟฟ้าแพง ข้อพิพาทของก๊าซในอ่าวไทย และ ค่าความพร้อมสูงถึงปีละแสนล้านบาท ห่วงแนวโน้มเดินตามศรีลังกา
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อของสหรัฐเดือนมิถุนายนสูงถึง 9.1% สูงที่สุดในรอบ 40 ปี ทั้งที่สหรัฐเพิ่งขึ้นดอกเบี้ย 0.75% แต่ก็ยังคุมเงินเฟ้อไม่อยู่ ดังนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐจะต้องขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกอาจสูงถึง 1% ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบมาถึงเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ต่างกันจะทำให้เงินตราต่างประเทศไหลออก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติที่เงินทุนต่างประเทศจะออกไป เพื่อไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่า จะยิ่งทำให้ค่าเงินบาทยิ่งอ่อนลง และจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอีกได้
นายพิชัยกล่าวอีกว่า อีกทั้ง การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยในหลายเดือนที่ผ่านมา ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง
โดยล่าสุดในเดือนมิถุนายน ไทยขาดดุลการค้า 1.2 พันล้านเหรียญ หรือ 4 หมื่นล้านบาท ซ้ำเติมหลังจากที่ 5 เดือนแรก ไทยขาดดุลการค้าแล้ว 4,726 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินทุนได้ไหลออกไปกว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (กว่า 1 ล้านล้านบาท) แล้วตั้งแต่ต้นปี และยังมีแนวโน้มที่จะไหลออกเพิ่มอีก จนภาคเอกชนกังวลกันว่าเงินบาทที่อ่อนจะทะลุ 37 บาทต่อดอลล่าร์ในอีกไม่นานนี้ อาจจะทะลุไปถึง 40 บาทต่อดอลลาร์ได้ และอาจทำให้เงินเฟ้อของไทยที่กำลังจะทะลุ 8% อาจจะพุ่งทะลุไปถึง 10% ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก ในขณะเดียวกัน หากไทยจะขึ้นดอกเบี้ยก็จะส่งผลกระทบต่อหนี้ครัวเรือนที่สูงถึงเกือบ 15 ล้านล้านบาท หรือ กว่า 90% ของจีดีพี อีกทั้ง หนี้สาธารณะมากกว่า 10 ล้านล้านบาท หรือทะลุ 60% ของจีดีพีแล้ว ซึ่งหากขึ้นดอกเบี้ย ก็จะยิ่งเพิ่มภาระขึ้นไปอีกมาก
“ดังนั้น ความกังวลเรื่องการระเบิดของหนี้ต่างๆ ในไทยเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ จากการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น ปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาดอกเบี้ย ปัญหาค่าเงินบาทที่อ่อน และปัญหาการระเบิดของหนี้ จะเป็นปัญหาใหญ่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับมือ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์แทบจะไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้เลย ซึ่งจะให้ปัญหาทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัยกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจจะลดลงบ้าง แต่ก็ยังผลิกผันได้ตลอด เรื่องที่น่ากังวลคือปัญหาการปรับราคาค่าไฟฟ้าที่จะพุ่งสูงขึ้นมากจากหน่วยละ 4 บาทเป็นหน่วยละ 5 บาท สร้างความสั่นสะเทือน และความกังวลไปทั่ว ทั้งค่าใช้จ่ายของประชาชนที่จะเพิ่มขึ้น และความสามารถแข่งขันของไทยที่จะลดลง เพราะคงไม่มีใครอยากจะมาลงทุนในประเทศที่ค่าไฟฟ้าแพงมหาโหด แนวทางที่จะแก้ไขก็ต้องเข้าไปแก้กันที่สาเหตุของปัญหา คือการหาข้อยุติในข้อพิพาทระหว่างบริษัทที่รับสัมปทานเดิม เชฟรอน และ บริษัทที่รับสัมปทานใหม่ ปตท. สผ. และ มูตาบารา ในการส่งมอบสัมปทาน และใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการรื้อถอนแท่นขุดเจาะก๊าซในทะเลที่ต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูง และอาจถูกฟ้องร้องได้ในกรณีที่การรื้อถอน อาจจะทำให้เกิดมลภาวะในทะเลและชายฝั่งได้ ทั้งนี้ เพื่อที่นำก๊าซจากอ่าวไทยขึ้นมาได้ หลังจากที่ไม่สามารถนำก๊าซธรรมชาติจำนวนมากขึ้นมาได้จากปัญหาข้อพิพาทดังกล่าว จึงต้องทำให้ไทยต้องนำเข้า ก๊าซ LNG ที่มีราคาแพงกว่า 30 เหรียญต่อหน่วยเข้ามาทดแทน และทำให้ราคาค่า FT ของค่าไฟฟ้าพุ่งขึ้นสูงมาก
นอกจากนี้ การผลิตไฟฟ้าที่ล้นเกินถึง 50% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ทำให้ต้องจ่ายค่าความพร้อมให้กับโรงงานผลิตไฟฟ้า แต่ไม่ได้ส่งไฟฟ้ามียอดถึงเดือนละกว่า 8,000 ล้านบาท หรือปีละประมาณแสนล้านบาทซึ่งสูงมาก เป็นความผิดพลาดในนโยบายการผลิตไฟฟ้าของ พล.อ.ประยุทธ์ และปัจจุบันยังมีการให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้ากันอยู่เลย แม้กำลังผลิตจะยังล้นเกินนี้ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะต้องหาทางเจรจาลดค่าความพร้อมนี้ และหยุดการให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าไว้ก่อนชั่วคราวได้แล้ว จนกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าจะมีเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงต้องทำเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น
“จะเห็นได้ว่าการบริหารเรื่องพลังงานในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ตลอด 8 ปี มีปัญหาอย่างมาก แต่โชคดีที่ 6-7 ปีแรกราคาน้ำมัน และราคาพลังงานอื่นๆ ยังมีราคาถูก ประชาชนจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่เมื่อราคาน้ำมัน และราคาพลังงานแพงขึ้นมาก ทำให้เห็นปัญหาเต็มไปหมด เหมือนน้ำลดตอผุด ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะต้องเข้าไปแก้ไขปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ เพื่อให้ราคาพลังงานเป็นธรรมแก่ประชาชน ทั้งราคาน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้ม และราคาไฟฟ้า” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัยกล่าวอีกว่า อีกทั้ง ต้องเร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาพลังงานแพง และรัฐได้รายได้เพิ่มขึ้นอีกมากด้วย ยังจะกระจายความเสี่ยงของการพึ่งพาก๊าซจากประเทศเมียนมาที่มีสัดส่วนถึง 17% เพราะรัฐบาลทหารของเมียนมาอาจจะถูกบีบจากประชาคมโลกเพิ่มขึ้นอีกได้ ประเทศไทยควรต้องคิด และเตรียมตัวล่วงหน้า เพื่อป้องกัน และรักษาประโยชน์ของคนไทย
ทั้งนี้ มีคำเตือน และความกังวลจากหลายฝ่ายว่าสถานการณ์ของไทยจะเป็นเหมือนประเทศศรีลังกา ซึ่งความจริงสถานะของไทยในปัจจุบันจะยังดีกว่าศรีลังกามาก จากบุญเก่าที่สะสมมาจากหลายรัฐบาลในอดีต แต่หากยังบริหารกันแบบที่เป็นอยู่ โอกาสจะเป็นแบบประเทศศรีลีงกาก็เป็นไปได้สูง เพราะสถานการณ์ในโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ผู้นำไทยขาดความรู้ความเข้าใจ และยังมีแนวทางบริหารที่ผิดพลาดมาโดยตลอด และอยากให้ประชาชนได้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่จะมีขึ้นในวันนี้
ดูชัดๆ!! ศิโรตม์ โพสต์โปสเตอร์ บิ๊กตู่ - 10 รมต.รัฐบาล ที่ถูกอภิปรายฯ บอกไม่สร้างสรรค์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3460965
ดูชัดๆ!! ศิโรตม์ โพสต์โปสเตอร์ บิ๊กตู่ – 10 รมต.รัฐบาล ที่ถูกอภิปรายฯ บอกไม่สร้างสรรค์
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิเคราะห์การเมือง และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้โพสต์ภาพโปสเตอร์ของรัฐมนตรีในพรรครัฐบาล ที่มีชื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมข้อความ ในทวิตเตอร์ส่วนตัวชื่อ Sirote Klampaiboon @sirotek ว่า
รัฐบาลเลียนแบบเพื่อไทย และก้าวไกล ทำโปสเตอร์สไตล์หนังของรัฐมนตรีทุกคนที่ถูกอภิปราย แต่ลอกชื่อหนังเจมส์ บอนด์ ดูไม่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เท่าไร
โปสเตอร์นี้ คล้ายภาพเดี่ยวที่คุณสุชาติโพสต์ในเพจตัวเองเมื่อคืน ไม่รู้ทำไมทีมงานส่งให้คุณสุชาติก่อนคนอื่น สงสัยสนิทกับคนทำกว่ารัฐมนตรีทุกคน
https://twitter.com/sirotek/status/1549205484455964674