รองโฆษกปชน. เชื่อเจอวางงานที่ปราจีนฯ ยันไม่ใช่ปืนเถื่อน กังขาคนแจ้งตร. ระบุชัด เอารางวัลนำจับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4963464
‘รองโฆษกปชน.’ ยันปืน 5 กระบอกของสมาชิกพรรคปราจีนฯ มีทะเบียน ไม่ใช่ปืนเถื่อน-พกพาในที่สาธารณะ เชื่อเจอวางงานกังขาคนแจ้งตำรวจหวังรางวัลนำจับ ชี้ไม่มีเหตุต้องขับจากสมาชิกพรรค
เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 20 ธันวาคม 2567 ที่รัฐสภา นาย
กรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจชุดสืบสวนภาค 2 นำหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านพักของประธานสาขาพรรคประชาชนจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน 5 กระบอก และเครื่องกระสุน โดยแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตว่า ผู้ที่ปรากฏในข่าวดังกล่าวไม่ใช่ ผอ.พรรค นาย
สุเมธ เหรียญพงษ์นาม เคยเป็นอดีตผู้ประสานงาน จ.ปราจีนบุรี ของพรรคก้าวไกล และเคยเป็นผู้ช่วย ส.ส.ของ น.ส.
เบญจา แสงจันทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เมื่อ น.ส.
เบญจาถูกตัดสิทธิทางการเมือง นาย
สุเมธจึงไม่ได้เป็นทั้งผู้ช่วย ส.ส. และผู้ประสานงานประจำจังหวัดแล้ว แต่ก่อนหน้านี้นาย
สุเมธเป็นประธานคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นปราจีนบุรี ซึ่งมันจบไปแล้ว ปัจจุบันเป็น นาย
สุเมธ ไสลวงษ์ ที่เป็น ผอ.พรรคประชาชน จ.ปราจีนบุรี ไม่ใช่นาย
สุเมธที่ถูกจับกุมเรื่องอาวุธปืน อาจจะเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากชื่อสุเมธเหมือนกัน ยืนยันว่า ขณะนี้นาย
สุเมธ เหรียญพงษ์นาม ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในพรรคเนื่องจากการคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นจบเรียบร้อย เราได้ผู้สมัครและประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว
เมื่อถามว่า มองเป็นการวางงานจากฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ นาย
กรุณพลกล่าวว่า มองได้ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง คือการตรวจค้นในบ้าน ปืนทุกกระบอกมีทะเบียน แต่มี 2 กระบอกที่ไม่ใช่ชื่อนาย
สุเมธ เป็นชื่อของพ่อและพี่ชาย ปืนทั้ง 5 กระบอกไม่ใช่ปืนเถื่อน การตรวจค้นจับกุมไม่ใช่ข้อหาพกพาเนื่องจากปืนอยู่ในกล่อง ไม่พร้อมใช้งาน ไม่ได้มีการนำพาออกไปจากที่อยู่อาศัย การลงข่าวในลักษณะดังกล่าวว่า เป็นปืนเถื่อน มีข้อหาพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ ก็คงไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่เป็นการบุกตรวจค้นภายในบ้าน ในบันทึกการจับกุมเขียนอย่างชัดเจนว่าได้รับข้อมูลจากผู้แจ้งเบาะแสว่าต้องการเงินรางวัลนำจับ
นาย
กรุณพลกล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้เป็นการแจ้งความให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ และเข้ามาตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ทั้งที่มีใบอนุญาตในการซื้อ และครอบครอง ส่วนที่หลายคนมองว่า ทำไมคนหนึ่งคนถึงมีอาวุธปืนเยอะ ต้องชี้แจงว่า นาย
สุเมธเคยเป็นกีฬายิงปืนทีมจังหวัด เคยร่วมแข่งขันกีฬาแห่งชาติมาแล้ว การที่คนเป็นนักกีฬายิงปืนจะมีปืนมากกว่า 1 กระบอก เป็นเรื่องธรรมดามาก ส.ส.ที่ไม่ได้เป็นนักกีฬายิงปืนในสภานี้ แต่ละคนก็มีปืนมากกว่า 1 กระบอก รวมถึง ส.ส.ของพรรคประชาชนเอง ก็มีหลายคนที่ชอบสะสมปืน ซึ่งตนเชื่อว่าปืนแต่ละกระบอกที่ครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย
นาย
กรุณพลยังกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามนาย
สุเมธยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ ซึ่งทางพรรคก็ไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะปืนอยู่ในกล่อง และกล่องอยู่ในตู้ ซึ่งตำรวจขอตรวจค้นบ้านก็เอาออกมาให้ตรวจสอบ แต่ถูกนำเสนอข่าวว่าเป็นปืนเถื่อน ซึ่งผิดจากข้อเท็จจริงค่อนข้างไกล หากว่ากันตามฐานความผิดนาย
สุเมธก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดี การจะขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก็คงเป็นไปไม่ได้
หญิงหน่อย ชี้ ปีหน้าศก.ไทยเจอศึกหนัก 3 ด้าน ถาม นายกฯ เตรียมรับมือหรือยัง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4963562
หญิงหน่อย ชี้ ปีหน้าศก.ไทยเจอศึก 3 ด้าน ทั้งนโยบายทรัมป์-จีน-ยุโรป หวั่นกระทบหนัก ถาม นายกฯอิ๊งค์ เตรียมรับมือหรือยัง แจกเงิน แค่ขุดโคลนขายไม่ใช่สร้างรายได้
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่รัฐสภา คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงเศรษฐกิจประเทศไทยภายใต้รัฐบาล น.ส.แ
พทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ในปี 2568 เศรษฐกิจไทยมีปัญหาอยู่แล้ว คือหนี้ภาคครัวเรือนที่มีสูงถึง 92% และยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งก็ยังดีที่รัฐบาลมีมาตรการเรื่องการแก้หนี้เสียออกมา แต่หนี้เสียก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น จึงอยากให้รัฐบาลมองภาพรวม ว่าการแก้หนี้ภาคครัวเรือนจะต้องทำอย่างไร
คุณหญิง
สุดารัตน์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่สำคัญ คือ สิ่งที่รัฐบาลโดยพรรคแกนนำพูดไว้เสมอ เรื่องการเร่งสร้างรายได้และลดค่าใช้จ่าย ซึ่งการเร่งสร้างรายได้ เรายังไม่เห็นเป็นรูปธรรม เพราะการแจกเงิน ขุดโคลนขาย ไม่ใช่การเร่งสร้างรายได้ แต่ต้องเร่งสร้างรายได้ด้วยการให้ทุน อาจจะช่วยสนับสนุนกฎหมายของพรรคไทยสร้างไทยก็ได้ คือ กฎหมายกองทุนเครดิตประชาชน ที่จะให้ทุนกับประชาชน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1 ต่อเดือน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อให้ประชาชนสามารถตั้งตัวได้ รวมถึงการเพิ่มทักษะและการหาตลาด
คุณหญิง
สุดารัตน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการลดรายจ่าย จะเห็นว่าวันนี้ของแพงทั้งแผ่นดิน ซึ่งเกิดจากต้นทุนพลังงานที่สูง ทั้งค่าน้ำมันและค่าไฟ ที่สูงเกินความจำเป็น รัฐบาลต้องกล้าหาญที่จะปรับโครงสร้าง ซึ่งตนสนับสนุนนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ที่บอกว่าจะทลายทุนผูกขาด และโอกาสที่จะทำให้กับประชาชน ถ้าสามารถปฏิรูปโครงสร้างพลังงานได้ จะทำให้น้ำมันลดทันที 5 บาท ค่าไฟลดทันที 1 บาท ไม่ใช่ของขวัญประชาชนที่ลดค่าไฟให้ จาก 4.18 บาท เหลือ 4.15 บาท อย่างนี้มันไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องช่วยเรื่องของเงินทุน เพื่อให้คนตั้งตัวได้ก็จะสามารถแก้หนี้ได้ถาวร โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ นี้คือปัญหาภายใน ที่ประเทศไทยต้องเผชิญ และยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น เราไม่มีศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศอื่น ผลิตสินค้าที่ล้าสมัย ที่โลกเขาไม่ต้องการแล้ว ดังนั้นการปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาและการพัฒนาฝีมือ และความรู้ในการผลิตสินค้า จึงเป็นเรื่องสำคัญ
“
ปีหน้าอยากจะให้ น.ส.แพทองธาร ได้เตรียมรับมือและมีมาตรการโดยเร็ว แม้การท่องเที่ยวจะสามารถหาเงินมาชดเชยได้ แต่ก็ไม่เท่ากับการส่งออก เพราะเราจะเจอศึก 3 ด้าน คือ
1. ศึกทรัมป์ 2.0 เพราะเขาประกาศเรียบร้อยแล้วว่า อย่างไรก็ต้องขึ้นภาษีแน่กับประเทศที่ได้ดุลการค้าเขา ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น แต่ของไทยโดนหนักเพราะลูกค้าอันดับหนึ่ง คือสหรัฐฯ ดังนั้นสินค้าของเราที่ไปสหรัฐฯมากที่สุดจะถูกขึ้นภาษี ทำให้การส่งออกทำได้ยาก อย่างนี้นายกฯ ได้เตรียมตัวเจรจากับสหรัฐฯอย่างไร เพราะโดนัลด์ ทรัมป์ จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. และเขาจะทำนโยบายนี้ทันที
2. ตลาดใหญ่ที่เราส่งออกคือจีน แต่ทรัมป์จะขึ้นภาษีกับประเทศจีน ซึ่งจะทำให้สินค้าจีนไปสหรัฐยาก เขาก็ต้องส่งมาประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเจอปัญหา สินค้าต่างประเทศทะลักเข้าไทยจำนวนมาก ถ้าเราไม่มีมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เกิดความเท่าเทียมทางการแข่งขัน ระหว่างสินค้าต่างชาติที่ราคาถูกกับสินค้าไทย เราก็ต้องช่วยให้มีความสมดุลในการแข่งขัน และเราจะเจอสินค้าไทยไปจีนยากขึ้น
และ 3. เราเจอยุโรป ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องพลังงาน” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
คุณหญิง
สุดารัตน์ กล่าวว่าวันนี้ตนยังไม่เห็นอย่างชัดเจนในเรื่องนโยบายพลังงานทดแทน พลังงานสีเขียว ซึ่งมีความสำคัญมาก ถ้าเรายังผลิตพลังงาน โดยใช้ พลังงานฟอสซิล นอกจากราคาสูงแล้วเขาจะขึ้นกำแพงภาษีเรา ทำให้เราส่งออกไม่ได้อีก จึงอยากถามว่านางสาวแพทองธาร ได้เตรียมการเหล่านี้เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้ผู้ประกอบการชาวไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีให้เขามั่นใจได้อย่างไรว่า ปีหน้าเขาจะเดินต่อได้ ไม่อย่างนั้นเศรษฐกิจจะหนักกว่านี้
เมื่อถามว่าในฐานะที่พรรคไทยสร้างไทยเป็นฝ่ายค้าน ในการอภิปรายในปี 68 ได้จองกฐินกระทรวงไหนไว้หรือยัง คุณหญิง
สุดารัตน์ กล่าวว่า ต้นเดือนมกราคม 68 เราจะมีการหารือร่วมกัน แม้จะมีการหารือกันไปแล้วเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.แต่เวลาพูดคุยกันน้อย จึงจะต้องมีการหารือกันหลังปีใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ตนขออนุญาตที่จะไม่เสียมารยาทพูดก่อน ขอพูดพร้อมกันหลังจากที่มีมติของฝ่ายค้านแล้ว
สส.แก้วตา ยังไม่สะดวกชี้แจง ปม "ภาพสูบบุหรี่ไฟฟ้า"
https://ch3plus.com/news/political/morning/428771
จากประเด็น ดรามา สส.พรรคประชาชน ถูกเพจวันนี้พรรคส้มโกหกอะไร ออกมาโพสต์ภาพ แฉ กำลังดูดอะไรบางอย่างในอาคารรัฐสภาฯ
โพสต์ ของเพจวันนี้พรรคส้มโกหกอะไร โพสต์ภาพ สส.
แก้วตา ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม พรรคประชาชน กำลังดูดอะไรบางอย่าง คล้ายกับ พอตบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่ง ทางเพจ ตั้งคำถามว่า พี่แก้วตาดูดอะไรคะ? ในภาพ ก็ระบุข้อความว่า วันนี้พี่
แก้วตาดูดอะไร มีคนเข้ามาคอมเมนต์วิจารณ์จำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานที่ตามภาพ เป็นพื้นที่ของอาคารรัฐสภา ที่ปกติ สส. และข้าราชการ สามารถนั่งพรรคสูบบุหรี่ได้ มีที่สำหรับเขี่ยบุหรี่ด้วย เพราะเป็นพื้นที่โล่ง เป็นช่องระเบียง (ที่แต่ที่ สส.
แก้วตา ถูดวิจารณ์ ประเด็นอยู่ที่ สิ่งที่สูบ เป็นบุหรี่ไฟฟ้าหรือไม่ )
ขณะที่ คุณ
รัชดา ธนาดิเรก อดีตรองโฆษกรัฐบาล จากพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ ภาพข่าวของ สส.
แก้วตา เทียบกับข่าวรัฐมนตรีต่างประเทศของมาเลเซีย ที่ถูกสั่งปรับ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา กรณีไปสูบในร้านอาหาร จนต้องแถลงขอโทษประชาชน โดยคุณ
รัชดา ระบุว่า ว่าด้วยเรื่องกฎหมาย การเคารพกฎหมาย และการบังคับใช้
ประเทศไทยกำหนดให้ #บุหรี่ไฟฟ้า เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะชอบกฎหมายนั่นหรือไม่ ยิ่งเป็นนักการเมืองยิ่งควรทำตัวให้เป็นตัวอย่างทีดี จะบอกว่าใครๆก็ทำไม่ใช่สิ่งถูกต้อง
มาเลเซียไม่ได้ห้ามเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า แต่มีการควบคุมอย่างเข้ม และการสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะ โดยเฉพาะพื้นที่รับประทานอาหาร-ร้านอาหาร เป็นสิ่งผิดกฎหมาย..เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศไปยืนสูบบุหรี่ในพื้นที่ขายอาหารริมถนน เมื่อถูกร้องเรียนกระทรวงสาธารณสุขก็เข้าดำเนินการปรับ ไม่เกิน 5,000 ringgit ($1,120)
ล่าสุดทีมข่าวประสานไปที่ น.ส.
ธิษะณา หรือ
แก้วตา เพื่อขอให้ชี้แจงประเด็นภาพการสูบบุหรี่ไฟฟ้า เจ้าตัวรับโทรศัพท์ และระบุสั้นๆ ว่า "
ไม่สะดวกชี้แจงเรื่องนี้"
ขณะที่ฝั่งของพรรคประชาชน ตอนนี้ยังเงียบไม่มีความเคลื่อนไหว แสดงความเห็นเรื่องนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมาย ผู้ที่ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ถือว่าเข้าข่ายความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 4 เท่าของราคาบุหรี่ไฟฟ้า
JJNY : 5in1 ชื่อเจอวางงานที่ปราจีนฯ│หญิงหน่อยถาม│สส.แก้วตาไม่สะดวกชี้แจง│ค่าจ้างแนะปรับเท่ากัน│ส.ส.ไต้หวันซัดกันกลางสภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4963464
‘รองโฆษกปชน.’ ยันปืน 5 กระบอกของสมาชิกพรรคปราจีนฯ มีทะเบียน ไม่ใช่ปืนเถื่อน-พกพาในที่สาธารณะ เชื่อเจอวางงานกังขาคนแจ้งตำรวจหวังรางวัลนำจับ ชี้ไม่มีเหตุต้องขับจากสมาชิกพรรค
เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 20 ธันวาคม 2567 ที่รัฐสภา นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจชุดสืบสวนภาค 2 นำหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านพักของประธานสาขาพรรคประชาชนจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน 5 กระบอก และเครื่องกระสุน โดยแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตว่า ผู้ที่ปรากฏในข่าวดังกล่าวไม่ใช่ ผอ.พรรค นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม เคยเป็นอดีตผู้ประสานงาน จ.ปราจีนบุรี ของพรรคก้าวไกล และเคยเป็นผู้ช่วย ส.ส.ของ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เมื่อ น.ส.เบญจาถูกตัดสิทธิทางการเมือง นายสุเมธจึงไม่ได้เป็นทั้งผู้ช่วย ส.ส. และผู้ประสานงานประจำจังหวัดแล้ว แต่ก่อนหน้านี้นายสุเมธเป็นประธานคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นปราจีนบุรี ซึ่งมันจบไปแล้ว ปัจจุบันเป็น นายสุเมธ ไสลวงษ์ ที่เป็น ผอ.พรรคประชาชน จ.ปราจีนบุรี ไม่ใช่นายสุเมธที่ถูกจับกุมเรื่องอาวุธปืน อาจจะเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากชื่อสุเมธเหมือนกัน ยืนยันว่า ขณะนี้นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในพรรคเนื่องจากการคัดเลือกผู้สมัครท้องถิ่นจบเรียบร้อย เราได้ผู้สมัครและประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว
เมื่อถามว่า มองเป็นการวางงานจากฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ นายกรุณพลกล่าวว่า มองได้ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง คือการตรวจค้นในบ้าน ปืนทุกกระบอกมีทะเบียน แต่มี 2 กระบอกที่ไม่ใช่ชื่อนายสุเมธ เป็นชื่อของพ่อและพี่ชาย ปืนทั้ง 5 กระบอกไม่ใช่ปืนเถื่อน การตรวจค้นจับกุมไม่ใช่ข้อหาพกพาเนื่องจากปืนอยู่ในกล่อง ไม่พร้อมใช้งาน ไม่ได้มีการนำพาออกไปจากที่อยู่อาศัย การลงข่าวในลักษณะดังกล่าวว่า เป็นปืนเถื่อน มีข้อหาพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ ก็คงไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่เป็นการบุกตรวจค้นภายในบ้าน ในบันทึกการจับกุมเขียนอย่างชัดเจนว่าได้รับข้อมูลจากผู้แจ้งเบาะแสว่าต้องการเงินรางวัลนำจับ
นายกรุณพลกล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้เป็นการแจ้งความให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ และเข้ามาตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ทั้งที่มีใบอนุญาตในการซื้อ และครอบครอง ส่วนที่หลายคนมองว่า ทำไมคนหนึ่งคนถึงมีอาวุธปืนเยอะ ต้องชี้แจงว่า นายสุเมธเคยเป็นกีฬายิงปืนทีมจังหวัด เคยร่วมแข่งขันกีฬาแห่งชาติมาแล้ว การที่คนเป็นนักกีฬายิงปืนจะมีปืนมากกว่า 1 กระบอก เป็นเรื่องธรรมดามาก ส.ส.ที่ไม่ได้เป็นนักกีฬายิงปืนในสภานี้ แต่ละคนก็มีปืนมากกว่า 1 กระบอก รวมถึง ส.ส.ของพรรคประชาชนเอง ก็มีหลายคนที่ชอบสะสมปืน ซึ่งตนเชื่อว่าปืนแต่ละกระบอกที่ครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย
นายกรุณพลยังกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามนายสุเมธยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ ซึ่งทางพรรคก็ไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะปืนอยู่ในกล่อง และกล่องอยู่ในตู้ ซึ่งตำรวจขอตรวจค้นบ้านก็เอาออกมาให้ตรวจสอบ แต่ถูกนำเสนอข่าวว่าเป็นปืนเถื่อน ซึ่งผิดจากข้อเท็จจริงค่อนข้างไกล หากว่ากันตามฐานความผิดนายสุเมธก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดี การจะขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก็คงเป็นไปไม่ได้
หญิงหน่อย ชี้ ปีหน้าศก.ไทยเจอศึกหนัก 3 ด้าน ถาม นายกฯ เตรียมรับมือหรือยัง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4963562
หญิงหน่อย ชี้ ปีหน้าศก.ไทยเจอศึก 3 ด้าน ทั้งนโยบายทรัมป์-จีน-ยุโรป หวั่นกระทบหนัก ถาม นายกฯอิ๊งค์ เตรียมรับมือหรือยัง แจกเงิน แค่ขุดโคลนขายไม่ใช่สร้างรายได้
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่รัฐสภา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงเศรษฐกิจประเทศไทยภายใต้รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ในปี 2568 เศรษฐกิจไทยมีปัญหาอยู่แล้ว คือหนี้ภาคครัวเรือนที่มีสูงถึง 92% และยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งก็ยังดีที่รัฐบาลมีมาตรการเรื่องการแก้หนี้เสียออกมา แต่หนี้เสียก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น จึงอยากให้รัฐบาลมองภาพรวม ว่าการแก้หนี้ภาคครัวเรือนจะต้องทำอย่างไร
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่สำคัญ คือ สิ่งที่รัฐบาลโดยพรรคแกนนำพูดไว้เสมอ เรื่องการเร่งสร้างรายได้และลดค่าใช้จ่าย ซึ่งการเร่งสร้างรายได้ เรายังไม่เห็นเป็นรูปธรรม เพราะการแจกเงิน ขุดโคลนขาย ไม่ใช่การเร่งสร้างรายได้ แต่ต้องเร่งสร้างรายได้ด้วยการให้ทุน อาจจะช่วยสนับสนุนกฎหมายของพรรคไทยสร้างไทยก็ได้ คือ กฎหมายกองทุนเครดิตประชาชน ที่จะให้ทุนกับประชาชน ในอัตราดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1 ต่อเดือน โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อให้ประชาชนสามารถตั้งตัวได้ รวมถึงการเพิ่มทักษะและการหาตลาด
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการลดรายจ่าย จะเห็นว่าวันนี้ของแพงทั้งแผ่นดิน ซึ่งเกิดจากต้นทุนพลังงานที่สูง ทั้งค่าน้ำมันและค่าไฟ ที่สูงเกินความจำเป็น รัฐบาลต้องกล้าหาญที่จะปรับโครงสร้าง ซึ่งตนสนับสนุนนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ที่บอกว่าจะทลายทุนผูกขาด และโอกาสที่จะทำให้กับประชาชน ถ้าสามารถปฏิรูปโครงสร้างพลังงานได้ จะทำให้น้ำมันลดทันที 5 บาท ค่าไฟลดทันที 1 บาท ไม่ใช่ของขวัญประชาชนที่ลดค่าไฟให้ จาก 4.18 บาท เหลือ 4.15 บาท อย่างนี้มันไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องช่วยเรื่องของเงินทุน เพื่อให้คนตั้งตัวได้ก็จะสามารถแก้หนี้ได้ถาวร โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ นี้คือปัญหาภายใน ที่ประเทศไทยต้องเผชิญ และยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น เราไม่มีศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศอื่น ผลิตสินค้าที่ล้าสมัย ที่โลกเขาไม่ต้องการแล้ว ดังนั้นการปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาและการพัฒนาฝีมือ และความรู้ในการผลิตสินค้า จึงเป็นเรื่องสำคัญ
“ปีหน้าอยากจะให้ น.ส.แพทองธาร ได้เตรียมรับมือและมีมาตรการโดยเร็ว แม้การท่องเที่ยวจะสามารถหาเงินมาชดเชยได้ แต่ก็ไม่เท่ากับการส่งออก เพราะเราจะเจอศึก 3 ด้าน คือ
1. ศึกทรัมป์ 2.0 เพราะเขาประกาศเรียบร้อยแล้วว่า อย่างไรก็ต้องขึ้นภาษีแน่กับประเทศที่ได้ดุลการค้าเขา ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น แต่ของไทยโดนหนักเพราะลูกค้าอันดับหนึ่ง คือสหรัฐฯ ดังนั้นสินค้าของเราที่ไปสหรัฐฯมากที่สุดจะถูกขึ้นภาษี ทำให้การส่งออกทำได้ยาก อย่างนี้นายกฯ ได้เตรียมตัวเจรจากับสหรัฐฯอย่างไร เพราะโดนัลด์ ทรัมป์ จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. และเขาจะทำนโยบายนี้ทันที
2. ตลาดใหญ่ที่เราส่งออกคือจีน แต่ทรัมป์จะขึ้นภาษีกับประเทศจีน ซึ่งจะทำให้สินค้าจีนไปสหรัฐยาก เขาก็ต้องส่งมาประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเจอปัญหา สินค้าต่างประเทศทะลักเข้าไทยจำนวนมาก ถ้าเราไม่มีมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เกิดความเท่าเทียมทางการแข่งขัน ระหว่างสินค้าต่างชาติที่ราคาถูกกับสินค้าไทย เราก็ต้องช่วยให้มีความสมดุลในการแข่งขัน และเราจะเจอสินค้าไทยไปจีนยากขึ้น
และ 3. เราเจอยุโรป ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องพลังงาน” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าวันนี้ตนยังไม่เห็นอย่างชัดเจนในเรื่องนโยบายพลังงานทดแทน พลังงานสีเขียว ซึ่งมีความสำคัญมาก ถ้าเรายังผลิตพลังงาน โดยใช้ พลังงานฟอสซิล นอกจากราคาสูงแล้วเขาจะขึ้นกำแพงภาษีเรา ทำให้เราส่งออกไม่ได้อีก จึงอยากถามว่านางสาวแพทองธาร ได้เตรียมการเหล่านี้เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้ผู้ประกอบการชาวไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีให้เขามั่นใจได้อย่างไรว่า ปีหน้าเขาจะเดินต่อได้ ไม่อย่างนั้นเศรษฐกิจจะหนักกว่านี้
เมื่อถามว่าในฐานะที่พรรคไทยสร้างไทยเป็นฝ่ายค้าน ในการอภิปรายในปี 68 ได้จองกฐินกระทรวงไหนไว้หรือยัง คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ต้นเดือนมกราคม 68 เราจะมีการหารือร่วมกัน แม้จะมีการหารือกันไปแล้วเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.แต่เวลาพูดคุยกันน้อย จึงจะต้องมีการหารือกันหลังปีใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ตนขออนุญาตที่จะไม่เสียมารยาทพูดก่อน ขอพูดพร้อมกันหลังจากที่มีมติของฝ่ายค้านแล้ว
สส.แก้วตา ยังไม่สะดวกชี้แจง ปม "ภาพสูบบุหรี่ไฟฟ้า"
https://ch3plus.com/news/political/morning/428771
จากประเด็น ดรามา สส.พรรคประชาชน ถูกเพจวันนี้พรรคส้มโกหกอะไร ออกมาโพสต์ภาพ แฉ กำลังดูดอะไรบางอย่างในอาคารรัฐสภาฯ
โพสต์ ของเพจวันนี้พรรคส้มโกหกอะไร โพสต์ภาพ สส.แก้วตา ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม พรรคประชาชน กำลังดูดอะไรบางอย่าง คล้ายกับ พอตบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่ง ทางเพจ ตั้งคำถามว่า พี่แก้วตาดูดอะไรคะ? ในภาพ ก็ระบุข้อความว่า วันนี้พี่แก้วตาดูดอะไร มีคนเข้ามาคอมเมนต์วิจารณ์จำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานที่ตามภาพ เป็นพื้นที่ของอาคารรัฐสภา ที่ปกติ สส. และข้าราชการ สามารถนั่งพรรคสูบบุหรี่ได้ มีที่สำหรับเขี่ยบุหรี่ด้วย เพราะเป็นพื้นที่โล่ง เป็นช่องระเบียง (ที่แต่ที่ สส.แก้วตา ถูดวิจารณ์ ประเด็นอยู่ที่ สิ่งที่สูบ เป็นบุหรี่ไฟฟ้าหรือไม่ )
ขณะที่ คุณรัชดา ธนาดิเรก อดีตรองโฆษกรัฐบาล จากพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ ภาพข่าวของ สส.แก้วตา เทียบกับข่าวรัฐมนตรีต่างประเทศของมาเลเซีย ที่ถูกสั่งปรับ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา กรณีไปสูบในร้านอาหาร จนต้องแถลงขอโทษประชาชน โดยคุณรัชดา ระบุว่า ว่าด้วยเรื่องกฎหมาย การเคารพกฎหมาย และการบังคับใช้
ประเทศไทยกำหนดให้ #บุหรี่ไฟฟ้า เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะชอบกฎหมายนั่นหรือไม่ ยิ่งเป็นนักการเมืองยิ่งควรทำตัวให้เป็นตัวอย่างทีดี จะบอกว่าใครๆก็ทำไม่ใช่สิ่งถูกต้อง
มาเลเซียไม่ได้ห้ามเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า แต่มีการควบคุมอย่างเข้ม และการสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะ โดยเฉพาะพื้นที่รับประทานอาหาร-ร้านอาหาร เป็นสิ่งผิดกฎหมาย..เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศไปยืนสูบบุหรี่ในพื้นที่ขายอาหารริมถนน เมื่อถูกร้องเรียนกระทรวงสาธารณสุขก็เข้าดำเนินการปรับ ไม่เกิน 5,000 ringgit ($1,120)
ล่าสุดทีมข่าวประสานไปที่ น.ส.ธิษะณา หรือ แก้วตา เพื่อขอให้ชี้แจงประเด็นภาพการสูบบุหรี่ไฟฟ้า เจ้าตัวรับโทรศัพท์ และระบุสั้นๆ ว่า "ไม่สะดวกชี้แจงเรื่องนี้"
ขณะที่ฝั่งของพรรคประชาชน ตอนนี้ยังเงียบไม่มีความเคลื่อนไหว แสดงความเห็นเรื่องนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมาย ผู้ที่ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ถือว่าเข้าข่ายความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 4 เท่าของราคาบุหรี่ไฟฟ้า