ปิยบุตร ข้องใจ นักการเมืองบางคน ถ้าไม่เชื่อว่า กม.ป้องรปห.ได้ แล้วเอาไปหาเสียงทำไม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4947621
ปิยบุตร ข้องใจ นักการเมืองบางคน ถ้าไม่เชื่อว่า กฎหมายป้องกันรัฐประหาร ได้ แล้วเอาไปหาเสียงทำไมใหญ่โต
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า
กรณีบรรดานักการเมือง “ดาหน้า” กันออกมาประกาศไม่เอาร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ในวันสองวันนี้ พวกเขาไม่ได้ต้องการพูดกับประชาชน แต่ต้องการพูดให้ชนชั้นนำเจ้าของใบอนุญาตที่ 2 ได้ยินว่า ไม่ว่าอย่างไร ตนยังคงภักดีกับพวกท่าน เพื่อ “ขออนุญาต” ให้ตนเองได้อยู่ในอำนาจต่อไป
สำหรับคนเหล่านี้ “ใบอนุญาตที่ 1 จากประชาชน” ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดมากไปกว่าเป็น “สะพาน” ให้เหยียบย่ำข้ามผ่านไปเป็นใหญ่เป็นโต เมื่อได้มาพอสังเขป ก็ละทิ้งประชาชนผู้ออกใบอนุญาตใบแรก และเข้าสวามิภักดิ์ ทำตนเป็นเด็กดีต่อผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตที่ 2
ระบบรัฐสภาไทยทุกวันนี้ นักการเมืองได้ฉวยเอา “การเลือกตั้ง” ไปอ้างความชอบธรรมในการมีอำนาจ แต่เมื่อมีอำนาจแล้ว กลับใช้อำนาจเท่าที่เจ้าของใบอนุญาตที่ 2 อนุญาต
“ผู้แทนราษฎร” จึงมิใช่ “ผู้แทน” ของ “ราษฎร” แต่กลายเป็น “ผู้แทนของคนออกใบอนุญาตที่ 2”
ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ ต้องร่วมมือกันสั่งสอนนักการเมืองเหล่านี้
จากนั้น นาย
ปิยบุตร ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กอีกว่า
ความคิดของนักการเมืองที่เชื่อว่ากฎหมายไม่สามารถป้องกันรัฐประหารได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า นักการเมืองไม่จำเป็นต้องตรากฎหมายเพื่อป้องกันรัฐประหาร
ต่อให้พวกเขาไม่เชื่อ แต่การตรากฎหมายเช่นนี้ ก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหน หรือทำให้นักการเมืองเสียประโยชน์อย่างไร หรือประเทศชาติเสียหายอย่างไร
ณ วันนี้ เราไม่มีทางพิสูจน์หรอกว่า กฎหมายป้องกันรัฐประหารได้หรือไม่ เพราะ เรายังไม่เคยมีกฎหมายเหล่านั้นแบบครบวงจรสมบูรณ์ (รธน. 17 เคยมีข้อความสั้นๆ แต่ไม่ได้เขียนให้สมบูรณ์ทั้งระบบ)
แต่หากตรากฎหมายเหล่านี้ขึ้น อย่างน้อย วันไหน เกิดมีความพยายามก่อรัฐประหาร ก็จะได้พิสูจน์ และมีโอกาสใช้มาตรการทางกฎหมายต่อต้านป้องกัน
ลองดูมั้ยครับ
เขียนในรัฐธรรมนูญ ทำให้นิรโทษกรรมรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เป็นโมฆะ เอาคนทำรัฐประหารมาดำเนินคดี แบบที่ตุรกี กรีซ อาร์เจนติน่า ทำกัน
ลองดูมั้ยครับ
เขียนในรัฐธรรมนูญให้ข้าราชการทหารและพลเรือนมีหน้าที่ในการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้ไปร่วมรัฐประหาร
ลองดูมั้ยครับ
เขียนในรัฐธรรมนูญ ห้ามมิให้ผู้พิพากษา ตุลาการ ทุกศาล รับรองรัฐประหาร
ลองดูมั้ยครับ
เขียนในรัฐธรรมนูญ หากระบบปกติกลับมาเมื่อไร ให้ดำเนินคดีคนทำรัฐประหารโดยไม่มีอายุความ
ลองดูมั้ยครับ
ให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรม ว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ
ลองดูมั้ยครับ
ให้รัฐมนตรีคุมนโยบายกลาโหม และแต่งตั้งนายพลได้เอง
ลองดูมั้ยครับ
ยกเลิกกฎหมายกฎอัยการศึก หรือให้นายกรัฐมนตรีเท่านั้นที่มีอำนาจประกาศ ห้ามผู้บัญชาการเหล่าทัพประกาศ
ทั้งหมดนี้ อาจบอกกันว่า ยึดอำนาจเสร็จ เขาก็ฉีกกฎหมายทิ้งหมด แต่ลองดูมั้ยล่ะ ถ้ามีเครื่องมือทางกฎหมายเหล่านี้อยู่บ้าง อาจมีทหาร พลเรือน ศาล นักการเมือง เอาเครื่องมือเหล่านี้เป็นหลังพิงให้ลองต่อต้านกันสักตั้ง
หรือลองมีคนทำรัฐประหารต้องขึ้นศาลหรือเข้าคุกสักรอบ จะมีคนทำรัฐประหารอีกมั้ย
สำเร็จหรือไม่ ก็ต้องลองดู
แต่ที่แน่ๆ ถ้านักการเมืองไม่ทำอะไร แล้วอ้างแต่ “เป็นไปไม่ได้” “ไม่จำเป็น” “ไม่สำเร็จ” นั่นแหละ ที่จะไม่มีวันสำเร็จแน่นอน
“
ถ้านักการเมืองไม่เชื่อว่า กฎหมายป้องกันรัฐประหารได้ แล้วตอนหาเสียงเลือกตั้ง รอบที่ผ่านมา พรรคที่ตนสังกัดหรือสนับสนุน ใส่มาตรการป้องกันรัฐประหาร ลงไปเป็นนโยบาย และเอาไปหาเสียงเสียใหญ่โตทำไม?” นาย
ปิยบุตรโพสต์ทิ้งท้าย
https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/pfbid02WAvLohC1a7KoepNG2vnzSYmadZbAm7jYat3RRTYP87A79soSyVj3xGSiUepVJnX9l
https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/pfbid02B6x39GzMyCKsr8iuo6xm3ZMsVyFtABiJMcjJ9u1JPyFT24vi7svraLuNMcnuek11l
เงียบ! 5 รัฐมนตรีโลกลืม 3 เดือน “นาวาอิ๊งค์” เหงา
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_814089/
35 เสนาบดีบริหารราชการแผ่นใต้ในนาวา”นายกฯ แพทองธาร” ที่กำลังจะแถลงผลงานรอบ 3 เดือน นั้นมีบางคนที่กลายเป็นรัฐมนตรีโลกลืมคนแรก นายกชาย “เดชอิศม์ ขาวทอง”สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก่อนที่เขาจะเข้ารับตำแหน่ง ก็ถูกโจมตีในประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับอาชญากรข้ามชาติและขบวนการค้ายาเสพติด ทางเดชอิศม์ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น ตนไม่เคยต้องคดีอาญาใดๆ เลยทั้งชีวิต
พร้อมระบุอีกว่า”
ชีวิตนี้ตนมีเพียงคดีเดียวคือคดีเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ที่ นวพล บุญญามณี ฟ้องตน และสุดท้ายศาลยกฟ้อง จริยธรรมของนักการเมืองสำคัญ แต่จริยธรรมของสื่อก็สำคัญมาก ผมมีครอบครัว มีลูก มีภรรยา มีเพื่อนฝูง ผมได้ตำแหน่งมาจากการเลือกตั้ง ชาวสงขลาเลือกผมเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดสงขลาทั้งสองสมัย เพราะฉะนั้น ถ้าผมเกี่ยวพันในลักษณะนี้ พี่น้องที่เลือกผมก็เสียหายไปด้วย ครอบครัวผมเสียหายยับเยินอยู่แล้ว”
และเมื่อเข้าสู่ตำแหน่ง กลับปรากฏข่าวของ
เดชอิศม์ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขน้อยถึงน้อยมาก มีเพียงข่าวในมุมการเมือง อย่างเมื่อ 3 ธันวาคม 2557 เขาออกมาปกป้อง”
นายกฯ แพทองธาร”แจงปมเหตุประชาชนไม่พอใจ นายก ยังไม่ลงพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ เพราะติดภาระกิจสำคัญ ครม.สัญจรเชียงใหม่ และลงพื้นที่ฟื้นฟูน้ำท่วมเหนือ มีการวางแผนล่วงหน้า มั่นใจ ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ ยันนายกไม่ได้ละเลย มีการสั่งการรัฐมนตรีลงพื้นที่ช่วยเหลือเต็มที่
คนที่ 2.พลตำรวจเอก
เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากค่ายภูมิใจไทย เขาเป็นน้องชาย เนวิน ชิดชอบ และเป็นพี่ชาย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ไม่ค่อยเป็นข่าวเท่าไรนักที่เด่นๆ คือในตอนที่เหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ เขาสั่งด่วนงดทัศนศึกษาทันที หากจำเป็นให้อยู่แต่ในจังหวัด นอกจากนี้ ยังมี”แนวทางลดค่าไฟโรงเรียน จ่อขอปรับลดราคา เตรียมติดโซลาร์เซลล์ให้สถานศึกษ ทั้งนี้เนื่องจากพล.ต.อ.เพิ่มพูนเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่ชอบให้สัมภาษณ์ ทำให้ไม่โดดเด่น
คนที่ 3.นาย
สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ส.ส.พระนครศรีอยุธยา 4 สมัย เป็นลูกชายเจ๊สมทรง นายก อบจ. พระนครศรีอยุธยา บ้านใหญ่ของเมืองกรุงเก่า โดย เขาไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าวมากนัก และเมื่อลองเสริชหาข่าวจากกูเกิ้ล พบว่าล่าสุดที่เป็นข่าวคือเมื่อ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 มติชนออนไลน์พาดหัวข่าวว่า”
‘สุรศักดิ์’ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาจ.อุดรฯ ฝาก ครู-ผู้บริหาร แก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบ”
คนที่ 4. สุ
รพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ค่ายเพื่อไทย อดีตสส. กาญจบุรี คนนี้ก็เงียบจริง เห็นหน้าเห็นตาก็คราวกรณีอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ ถนนวิภาวดีรังสิต ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ ทาง
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นกกต.ปมอุ๊งอิงค์ ฝ่าฝืนจริยธรรม แต่งตั้งนาย
สุรพงษ์ เป็นรัฐมนตรี ต่อมา นาย
ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายก ออกมาระบุว่า นาย
สุรพงษ์ไม่เคยต้องคำพิพากษาว่ากระทำความผิดแต่อย่างใด นายกรัฐมนตรีตั้งไปตามปกติ ไม่มีปัญหา
คนที่ 5. เสี่ยเฮ้ง
สุชาติ ชมกลิ่น สส.ชลบุรี 3สมัยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งในอดีตเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแล้ว แต่ยอมลดชั้นมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ในรัฐบาลคุณหนูอิ๊งค์ และ3เดือนที่ผ่านมาไม่ค่อยมีแอ็คชั่นที่เป็นเนื้อเป็นหนังมากนัก เนื่องจากหน่วยงานที่กำกับดูแลไม่โดดเด่น ไม่เหมือนตอนที่เขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ส่วนมิติทางการเมืองยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ แทบไม่มีบทบาทอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม 3 เดือนรัฐบาล”แพทองธาร ” ด้าน
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตบอสก้าวไกล ระบุว่าบางเรื่อง เช่น การขึ้นค่าแรง ปฏิรูปกองทัพ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงดิจิทัล วอลเล็ต ยังไม่ถึงมือประชาชน กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุผู้พิการ เนื่องจากยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ แค่การแจกเงินก็ยังมีปัญหา ที่หาเสียงไว้ก็ไม่ได้ทำ ที่ทำก็ไม่ได้หาเสียง ตนไม่ได้ติกันเพื่อทำร้ายทางการเมือง แต่ติเพื่อก่อ เคยสัญญาอะไรไว้กับประชาชน ก็ควรจะไปเร่งทำเรื่องพวกนั้นมากกว่า!
เครดิตบูโร เปิดข้อมูล หนี้เข้าข่ายมาตรการแก้หนี้ 1.2 ล้านล้านบาท
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/427664
เครดิตบูโร เปิดข้อมูลหนี้เสีย ณ สิ้นเดือนตุลาคม ที่คาดว่าจะยึดเอาเป็นช่วงเวลาในการตัดยอดบัญชีที่เข้ามาตรการกว่า 1.2 ล้านล้านบาท
ข้อมูล ณ สิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สินเชื่อบุคคลธรรมดารวมในระบบของเครดิตบูโร มีอยู่จำนวน 13.6 ล้านล้านบาท ซึ่งแทบจะไม่เติบโตเลยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน NPL ทรงๆ อยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท โดยตัวที่อยู่ในเรดาห์ของเป้าการแก้หนี้ คือ หนี้บ้าน 2.3 แสนล้านบาท จำนวน 1.6แสนสัญญา หนี้รถยนต์ 2.6 แสนล้านบาท จำนวน 8.4แสนสัญญา บัตรเครดิต 7 หมื่นล้านบาท จำนวน 1 ล้านสัญญา สินเชื่อส่วนบุคคล 2.8 แสนล้านบาท จำนวน 4.9ล้านสัญญา หนี้ทำธุรกิจ 7.9 หมื่นล้านบาท และหนี้ในกลุ่มนาโนไฟแนนซ์ 1 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน ภาพของหนี้กำลังจะเสีย หรือ หนี้ที่ต้องติดตามเป็นพิเศษ พวกที่ค้างชำระ แต่ยังไม่เกิน 90 วัน และเป็นกลุ่มที่หวังใจว่า ถ้าเข้าโครงการช่วยครั้งนี้ น่าจะรอดไปได้ ล่าสุดมีจำนวน 6.6 แสนล้านบาท จำนวน 2.2 แสนสัญญา หลักๆ คือ สินเชื่อบ้าน 1.3 แสนสัญญา สินเชื่อรถยนต์ 5.4 แสนสัญญา บัตรเครดิต 1.7 แสนใบ สินเชื่อส่วนบุคคล 7.9 แสนสัญญา เงินกู้ไปค้าขาย 6.7หมื่นสัญญา และนาโนไฟแนนซ์ 5.5 หมื่นสัญญา ซึ้งก็ต้องลุ้นกันว่า กลุ่มนี้จะได้เข้าร่วมมาตรการด้วยหรือไม่
ขณะที่นาง
พิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคทีซี กล่าวว่า พร้อมเข้าร่วมโครงการแก้ไขหนี้ประชาชน ที่กระทรวงการคลังเตรียมแถลงใหญ่ในวันพรุ่งนี้ (11 ธ.ค.) แต่คงต้องรอดูรายละเอียดก่อน อย่างไรก็ดี จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังซึม และความกังวลหนี้ครัวเรือนสูง ส่งผลยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตปีนี้ จะโตเพียง 10% จากเป้า 15% และในปีหน้าคาดว่าจะโต 10-12% ซึ่ง เคทีซี เตรียมลดดอกเบี้ยลงอีก 0.75 สตางค์ จากต้นปีลดไปแล้ว 0.50% ตามมาตรการของแบงก์ชาติ ที่ขอให้ช่วยเหลือลูกค้าบัตรเครดิตที่ออกมาช่วงต้นปี
JJNY : ปิยบุตรข้องใจ│เงียบ! 5 รัฐมนตรีโลกลืม│เปิดข้อมูล หนี้เข้าข่ายมาตรการแก้หนี้ 1.2 ล.ล.│เกาหลีใต้ประท้วงไล่ปธน.ยุน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4947621
ปิยบุตร ข้องใจ นักการเมืองบางคน ถ้าไม่เชื่อว่า กฎหมายป้องกันรัฐประหาร ได้ แล้วเอาไปหาเสียงทำไมใหญ่โต
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า
กรณีบรรดานักการเมือง “ดาหน้า” กันออกมาประกาศไม่เอาร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ในวันสองวันนี้ พวกเขาไม่ได้ต้องการพูดกับประชาชน แต่ต้องการพูดให้ชนชั้นนำเจ้าของใบอนุญาตที่ 2 ได้ยินว่า ไม่ว่าอย่างไร ตนยังคงภักดีกับพวกท่าน เพื่อ “ขออนุญาต” ให้ตนเองได้อยู่ในอำนาจต่อไป
สำหรับคนเหล่านี้ “ใบอนุญาตที่ 1 จากประชาชน” ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดมากไปกว่าเป็น “สะพาน” ให้เหยียบย่ำข้ามผ่านไปเป็นใหญ่เป็นโต เมื่อได้มาพอสังเขป ก็ละทิ้งประชาชนผู้ออกใบอนุญาตใบแรก และเข้าสวามิภักดิ์ ทำตนเป็นเด็กดีต่อผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตที่ 2
ระบบรัฐสภาไทยทุกวันนี้ นักการเมืองได้ฉวยเอา “การเลือกตั้ง” ไปอ้างความชอบธรรมในการมีอำนาจ แต่เมื่อมีอำนาจแล้ว กลับใช้อำนาจเท่าที่เจ้าของใบอนุญาตที่ 2 อนุญาต
“ผู้แทนราษฎร” จึงมิใช่ “ผู้แทน” ของ “ราษฎร” แต่กลายเป็น “ผู้แทนของคนออกใบอนุญาตที่ 2”
ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ ต้องร่วมมือกันสั่งสอนนักการเมืองเหล่านี้
จากนั้น นายปิยบุตร ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กอีกว่า
ความคิดของนักการเมืองที่เชื่อว่ากฎหมายไม่สามารถป้องกันรัฐประหารได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า นักการเมืองไม่จำเป็นต้องตรากฎหมายเพื่อป้องกันรัฐประหาร
ต่อให้พวกเขาไม่เชื่อ แต่การตรากฎหมายเช่นนี้ ก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหน หรือทำให้นักการเมืองเสียประโยชน์อย่างไร หรือประเทศชาติเสียหายอย่างไร
ณ วันนี้ เราไม่มีทางพิสูจน์หรอกว่า กฎหมายป้องกันรัฐประหารได้หรือไม่ เพราะ เรายังไม่เคยมีกฎหมายเหล่านั้นแบบครบวงจรสมบูรณ์ (รธน. 17 เคยมีข้อความสั้นๆ แต่ไม่ได้เขียนให้สมบูรณ์ทั้งระบบ)
แต่หากตรากฎหมายเหล่านี้ขึ้น อย่างน้อย วันไหน เกิดมีความพยายามก่อรัฐประหาร ก็จะได้พิสูจน์ และมีโอกาสใช้มาตรการทางกฎหมายต่อต้านป้องกัน
ลองดูมั้ยครับ
เขียนในรัฐธรรมนูญ ทำให้นิรโทษกรรมรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เป็นโมฆะ เอาคนทำรัฐประหารมาดำเนินคดี แบบที่ตุรกี กรีซ อาร์เจนติน่า ทำกัน
ลองดูมั้ยครับ
เขียนในรัฐธรรมนูญให้ข้าราชการทหารและพลเรือนมีหน้าที่ในการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้ไปร่วมรัฐประหาร
ลองดูมั้ยครับ
เขียนในรัฐธรรมนูญ ห้ามมิให้ผู้พิพากษา ตุลาการ ทุกศาล รับรองรัฐประหาร
ลองดูมั้ยครับ
เขียนในรัฐธรรมนูญ หากระบบปกติกลับมาเมื่อไร ให้ดำเนินคดีคนทำรัฐประหารโดยไม่มีอายุความ
ลองดูมั้ยครับ
ให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรม ว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ
ลองดูมั้ยครับ
ให้รัฐมนตรีคุมนโยบายกลาโหม และแต่งตั้งนายพลได้เอง
ลองดูมั้ยครับ
ยกเลิกกฎหมายกฎอัยการศึก หรือให้นายกรัฐมนตรีเท่านั้นที่มีอำนาจประกาศ ห้ามผู้บัญชาการเหล่าทัพประกาศ
ทั้งหมดนี้ อาจบอกกันว่า ยึดอำนาจเสร็จ เขาก็ฉีกกฎหมายทิ้งหมด แต่ลองดูมั้ยล่ะ ถ้ามีเครื่องมือทางกฎหมายเหล่านี้อยู่บ้าง อาจมีทหาร พลเรือน ศาล นักการเมือง เอาเครื่องมือเหล่านี้เป็นหลังพิงให้ลองต่อต้านกันสักตั้ง
หรือลองมีคนทำรัฐประหารต้องขึ้นศาลหรือเข้าคุกสักรอบ จะมีคนทำรัฐประหารอีกมั้ย
สำเร็จหรือไม่ ก็ต้องลองดู
แต่ที่แน่ๆ ถ้านักการเมืองไม่ทำอะไร แล้วอ้างแต่ “เป็นไปไม่ได้” “ไม่จำเป็น” “ไม่สำเร็จ” นั่นแหละ ที่จะไม่มีวันสำเร็จแน่นอน
“ถ้านักการเมืองไม่เชื่อว่า กฎหมายป้องกันรัฐประหารได้ แล้วตอนหาเสียงเลือกตั้ง รอบที่ผ่านมา พรรคที่ตนสังกัดหรือสนับสนุน ใส่มาตรการป้องกันรัฐประหาร ลงไปเป็นนโยบาย และเอาไปหาเสียงเสียใหญ่โตทำไม?” นายปิยบุตรโพสต์ทิ้งท้าย
https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/pfbid02WAvLohC1a7KoepNG2vnzSYmadZbAm7jYat3RRTYP87A79soSyVj3xGSiUepVJnX9l
https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/pfbid02B6x39GzMyCKsr8iuo6xm3ZMsVyFtABiJMcjJ9u1JPyFT24vi7svraLuNMcnuek11l
เงียบ! 5 รัฐมนตรีโลกลืม 3 เดือน “นาวาอิ๊งค์” เหงา
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_814089/
35 เสนาบดีบริหารราชการแผ่นใต้ในนาวา”นายกฯ แพทองธาร” ที่กำลังจะแถลงผลงานรอบ 3 เดือน นั้นมีบางคนที่กลายเป็นรัฐมนตรีโลกลืมคนแรก นายกชาย “เดชอิศม์ ขาวทอง”สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก่อนที่เขาจะเข้ารับตำแหน่ง ก็ถูกโจมตีในประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับอาชญากรข้ามชาติและขบวนการค้ายาเสพติด ทางเดชอิศม์ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น ตนไม่เคยต้องคดีอาญาใดๆ เลยทั้งชีวิต
พร้อมระบุอีกว่า” ชีวิตนี้ตนมีเพียงคดีเดียวคือคดีเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ที่ นวพล บุญญามณี ฟ้องตน และสุดท้ายศาลยกฟ้อง จริยธรรมของนักการเมืองสำคัญ แต่จริยธรรมของสื่อก็สำคัญมาก ผมมีครอบครัว มีลูก มีภรรยา มีเพื่อนฝูง ผมได้ตำแหน่งมาจากการเลือกตั้ง ชาวสงขลาเลือกผมเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดสงขลาทั้งสองสมัย เพราะฉะนั้น ถ้าผมเกี่ยวพันในลักษณะนี้ พี่น้องที่เลือกผมก็เสียหายไปด้วย ครอบครัวผมเสียหายยับเยินอยู่แล้ว”
และเมื่อเข้าสู่ตำแหน่ง กลับปรากฏข่าวของเดชอิศม์ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขน้อยถึงน้อยมาก มีเพียงข่าวในมุมการเมือง อย่างเมื่อ 3 ธันวาคม 2557 เขาออกมาปกป้อง”นายกฯ แพทองธาร”แจงปมเหตุประชาชนไม่พอใจ นายก ยังไม่ลงพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ เพราะติดภาระกิจสำคัญ ครม.สัญจรเชียงใหม่ และลงพื้นที่ฟื้นฟูน้ำท่วมเหนือ มีการวางแผนล่วงหน้า มั่นใจ ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ ยันนายกไม่ได้ละเลย มีการสั่งการรัฐมนตรีลงพื้นที่ช่วยเหลือเต็มที่
คนที่ 2.พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากค่ายภูมิใจไทย เขาเป็นน้องชาย เนวิน ชิดชอบ และเป็นพี่ชาย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ไม่ค่อยเป็นข่าวเท่าไรนักที่เด่นๆ คือในตอนที่เหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ เขาสั่งด่วนงดทัศนศึกษาทันที หากจำเป็นให้อยู่แต่ในจังหวัด นอกจากนี้ ยังมี”แนวทางลดค่าไฟโรงเรียน จ่อขอปรับลดราคา เตรียมติดโซลาร์เซลล์ให้สถานศึกษ ทั้งนี้เนื่องจากพล.ต.อ.เพิ่มพูนเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่ชอบให้สัมภาษณ์ ทำให้ไม่โดดเด่น
คนที่ 3.นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ส.ส.พระนครศรีอยุธยา 4 สมัย เป็นลูกชายเจ๊สมทรง นายก อบจ. พระนครศรีอยุธยา บ้านใหญ่ของเมืองกรุงเก่า โดย เขาไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าวมากนัก และเมื่อลองเสริชหาข่าวจากกูเกิ้ล พบว่าล่าสุดที่เป็นข่าวคือเมื่อ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 มติชนออนไลน์พาดหัวข่าวว่า”‘สุรศักดิ์’ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาจ.อุดรฯ ฝาก ครู-ผู้บริหาร แก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบ”
คนที่ 4. สุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ค่ายเพื่อไทย อดีตสส. กาญจบุรี คนนี้ก็เงียบจริง เห็นหน้าเห็นตาก็คราวกรณีอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ ถนนวิภาวดีรังสิต ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ ทางเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นกกต.ปมอุ๊งอิงค์ ฝ่าฝืนจริยธรรม แต่งตั้งนายสุรพงษ์ เป็นรัฐมนตรี ต่อมา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายก ออกมาระบุว่า นายสุรพงษ์ไม่เคยต้องคำพิพากษาว่ากระทำความผิดแต่อย่างใด นายกรัฐมนตรีตั้งไปตามปกติ ไม่มีปัญหา
คนที่ 5. เสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น สส.ชลบุรี 3สมัยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งในอดีตเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแล้ว แต่ยอมลดชั้นมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ ในรัฐบาลคุณหนูอิ๊งค์ และ3เดือนที่ผ่านมาไม่ค่อยมีแอ็คชั่นที่เป็นเนื้อเป็นหนังมากนัก เนื่องจากหน่วยงานที่กำกับดูแลไม่โดดเด่น ไม่เหมือนตอนที่เขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ส่วนมิติทางการเมืองยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ แทบไม่มีบทบาทอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม 3 เดือนรัฐบาล”แพทองธาร ” ด้านพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตบอสก้าวไกล ระบุว่าบางเรื่อง เช่น การขึ้นค่าแรง ปฏิรูปกองทัพ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงดิจิทัล วอลเล็ต ยังไม่ถึงมือประชาชน กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุผู้พิการ เนื่องจากยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ แค่การแจกเงินก็ยังมีปัญหา ที่หาเสียงไว้ก็ไม่ได้ทำ ที่ทำก็ไม่ได้หาเสียง ตนไม่ได้ติกันเพื่อทำร้ายทางการเมือง แต่ติเพื่อก่อ เคยสัญญาอะไรไว้กับประชาชน ก็ควรจะไปเร่งทำเรื่องพวกนั้นมากกว่า!
เครดิตบูโร เปิดข้อมูล หนี้เข้าข่ายมาตรการแก้หนี้ 1.2 ล้านล้านบาท
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/427664
เครดิตบูโร เปิดข้อมูลหนี้เสีย ณ สิ้นเดือนตุลาคม ที่คาดว่าจะยึดเอาเป็นช่วงเวลาในการตัดยอดบัญชีที่เข้ามาตรการกว่า 1.2 ล้านล้านบาท
ข้อมูล ณ สิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สินเชื่อบุคคลธรรมดารวมในระบบของเครดิตบูโร มีอยู่จำนวน 13.6 ล้านล้านบาท ซึ่งแทบจะไม่เติบโตเลยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน NPL ทรงๆ อยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท โดยตัวที่อยู่ในเรดาห์ของเป้าการแก้หนี้ คือ หนี้บ้าน 2.3 แสนล้านบาท จำนวน 1.6แสนสัญญา หนี้รถยนต์ 2.6 แสนล้านบาท จำนวน 8.4แสนสัญญา บัตรเครดิต 7 หมื่นล้านบาท จำนวน 1 ล้านสัญญา สินเชื่อส่วนบุคคล 2.8 แสนล้านบาท จำนวน 4.9ล้านสัญญา หนี้ทำธุรกิจ 7.9 หมื่นล้านบาท และหนี้ในกลุ่มนาโนไฟแนนซ์ 1 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน ภาพของหนี้กำลังจะเสีย หรือ หนี้ที่ต้องติดตามเป็นพิเศษ พวกที่ค้างชำระ แต่ยังไม่เกิน 90 วัน และเป็นกลุ่มที่หวังใจว่า ถ้าเข้าโครงการช่วยครั้งนี้ น่าจะรอดไปได้ ล่าสุดมีจำนวน 6.6 แสนล้านบาท จำนวน 2.2 แสนสัญญา หลักๆ คือ สินเชื่อบ้าน 1.3 แสนสัญญา สินเชื่อรถยนต์ 5.4 แสนสัญญา บัตรเครดิต 1.7 แสนใบ สินเชื่อส่วนบุคคล 7.9 แสนสัญญา เงินกู้ไปค้าขาย 6.7หมื่นสัญญา และนาโนไฟแนนซ์ 5.5 หมื่นสัญญา ซึ้งก็ต้องลุ้นกันว่า กลุ่มนี้จะได้เข้าร่วมมาตรการด้วยหรือไม่
ขณะที่นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคทีซี กล่าวว่า พร้อมเข้าร่วมโครงการแก้ไขหนี้ประชาชน ที่กระทรวงการคลังเตรียมแถลงใหญ่ในวันพรุ่งนี้ (11 ธ.ค.) แต่คงต้องรอดูรายละเอียดก่อน อย่างไรก็ดี จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังซึม และความกังวลหนี้ครัวเรือนสูง ส่งผลยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตปีนี้ จะโตเพียง 10% จากเป้า 15% และในปีหน้าคาดว่าจะโต 10-12% ซึ่ง เคทีซี เตรียมลดดอกเบี้ยลงอีก 0.75 สตางค์ จากต้นปีลดไปแล้ว 0.50% ตามมาตรการของแบงก์ชาติ ที่ขอให้ช่วยเหลือลูกค้าบัตรเครดิตที่ออกมาช่วงต้นปี