รับคำท้าฯ
ตอนที่ 45
ปริมานิ่งอึ้งกับคำถามของคนป่วยบนเตียง ที่อยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับปฏิการ เล่นมาถามกันตรง ๆ แบบนี้เลยหรือ? สองมือยกแก้วน้ำขิงอุ่น ๆ ขึ้นมาจิบอย่างช้า ๆ เพื่อถ่วงเวลาที่จะต้องตอบ
“คุณปริมกับคุณการเป็นแฟนกันจริงมั้ยคะ” คำถามแรกยังไม่ทันได้รับคำตอบ กลับยิงคำถามถัดไปมาอีก ยิ่งทำให้คนตอบอึ้งยกกำลังสอง เธอแทบจะสำลักน้ำขิง
“เอ่อ...คือ...ตอนนี้ฉันกับเขาเป็นเพื่อนกันค่ะ” ปริมาพยายามตอบสถานะปัจจุบันระหว่างเขาและเธอให้ชัดเจนที่สุด รู้สึกหน้าชาอย่างไรไม่รู้ เมื่อถูกอีกฝ่ายรุกถามขนาดนี้
“ต่อไปคุณปริมจะเป็นแฟนกับคุณการใช่ไหมคะ” ปักษามองหน้าพยาบาลจำเป็นก่อนถามต่อไปอย่างไม่ลดละ ราวกับยังไม่แน่ใจกับคำตอบนั้น
คำถามนี้ทำให้คนฟังรู้สึกแปล๊บที่หัวใจ หน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที จะตอบว่า ไม่ใช่! ก็ไม่ได้ เพราะระหว่างเธอกับเขามีสัญญาต่อกันอยู่ เธอจะกลายเป็นคนโกหกถ้าต่อมาต้องรับเขาเป็นแฟนตามสัญญาทีหลัง
“ฉันยังไม่ได้คิดค่ะ มันเป็นเรื่องของอนาคต” เธอยังรู้สึกสับสนกับตัวเอง ยังไม่สามารถตอบได้เหมือนกัน
“ถ้าคุณการมาขอคุณปริมเป็นแฟน คุณจะตอบตกลงไหมคะ” คนถามยังรัวคำถามต่อไม่หยุด
“คงต้องดูก่อนว่า เขาทำตามเงื่อนไขได้รึเปล่า เพราะฉันไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาว” สาวชาวสวนอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“ไม่เหมือนษาเลย ชอบผู้ชายผมยาว มันติ๊สดีค่ะ” ปักษาพูดพลางยิ้มเขิน
“คุณปริมไม่รีบตอบตกลง ไม่กลัวคนอื่นแย่งคุณการไปหรือคะ” พิธีกรสาวอดสงสัยไม่ได้ เป็นเธอคงรีบตอบตกลงทันที
“ไม่ค่ะ! ตามสบาย ฉันไม่ใช่เจ้าของเขานี่คะ เขาจะเป็นแฟนกับใคร มันไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้วค่ะ” ปริมาตอบชัดถ้อยชัดคำ เริ่มรู้สึกหมั่นไส้หนุ่มหน้าหวานขึ้นมาตะหงิด ๆ ที่มีแต่สาว ๆ หลงรัก จะต้องไม่ใช่เธอเด็ดขาด!
“จริง ๆ ฉันไม่คิดจะมีแฟนด้วยซ้ำไป”
“ทำไมละคะ” ปักษาเบิกตาโตไม่อยากจะเชื่อเลย
“ไม่รู้จะมีไปทำไมค่ะ มีแฟนเพื่ออะไรคะ” เธอเห็นเพื่อน ๆ อยากมีแฟนกันเหลือเกิน บางคนมีแฟนแล้วเลิกกันก็มานั่งร้องไห้เสียใจอีก อยู่คนเดียวสบายที่สุดแล้ว ดูแม่ของเธอสิ! เมื่อพ่อนอกใจ ยังเลิกกับพ่อได้ ไม่เห็นต้องง้อพ่อเลย แม่ก็ดูแลลูก ๆ คนเดียวมาได้ ในสายตาเธอ แม่เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก และเป็นแบบอย่างให้กับเธอเสมอ
ปักษาอึ้งไปชั่วครู่กับคำถามของปริมา แปลกใจกับความคิดของเธอเหลือเกิน
“ก็...มีไว้ดูแลกันไงคะ”
“ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่เห็นต้องให้ใครมาดูแลนี่คะ”
คำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำของปริมานั้นทำให้คนถามอึ้งไปอีกครั้ง ไม่กล้าถามคำถามต่อไป ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เธอเคยรู้จักเลย
*******************
ปรามสังเกตเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้าไม่ค่อยดีนักหลังจากเธอวางสายโทรศัพท์ไป ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ เขาต้องรีบคว้าร่างของปิ่นขวัญเอาไว้ แล้วรีบประคองหญิงสาวที่หมดสติไปนั่งพักบนก้อนหินเตี้ย ๆ ใต้ร่มไม้ ชายหนุ่มรีบเรียกน้องสาวเข้าไปช่วยปฐมพยาบาล ด้วยเกรงอาจจะดูไม่งามที่เขาจะคอยดูแลหญิงสาวด้วยตนเอง
ปริมารีบเข้าไปช่วยประคองเธอเอาไว้ อยากจะล้อเลียนพี่ชายที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขาแอบฝันอยู่ในใจเงียบ ๆ มานานแล้ว แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าจริงจังที่เปี่ยมด้วยความกังวลและเป็นห่วงหญิงสาวในอ้อมแขนของเอามาก ๆ จึงได้แต่หุบปากนิ่งไว้
เพื่อน ๆ ต่างทยอยกันเข้ามานั่งล้อมอยู่ใกล้ ๆ อย่างเป็นห่วงเป็นใยกันทุกคน
“พี่ปิ่นเป็นไงบ้างคะ” ปริมรีบเอ่ยถามเมื่อมองเห็นเปลือกตาของหญิงสาวขยับแล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้น หลังจากเอาน้ำมันเขียวแตะที่ปลายจมูกคนของป่วย แล้วช่วยพัดวีให้ หน้าซีดขาวเมื่อครู่เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง
“ไม่เป็นไรแล้วจ้ะปริม” ปิ่นขวัญค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งตามปกติ
“ที่บ้านเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ” ปรามรีบถามไถ่อย่างห่วงใย
“เราคงเที่ยวต่อกับพวกนายไม่ได้แล้ว แม่เราเกิดอุบัติเหตุถูกรถชน เราคงต้องรีบกลับก่อนนะ”
“เอางี้สิ เราเปลี่ยนแผน ไปบ้านปิ่นแทน แล้วก็ถือโอกาสไปเยี่ยมแม่ปิ่น และเที่ยวบ้านปิ่นด้วยเลยเป็นไง” เพื่อนสาวคนหนึ่งเสนอขึ้น
“ใช่ ๆ “ เพื่อน ๆ หลายคนต่างสนับสนุนและเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์
จากนั้นทุกคนจึงกลับไปเก็บข้าวของเพื่อเดินทางมุ่งหน้าตรงไปยังจังหวัดกาญจนบุรี
***********************
ลมพัดหอบความสดชื่นขึ้นมาจากแม่น้ำแคว ต้นไม้ที่ขึ้นครึ้มริมแม่น้ำ เสริมให้ศาลาน้อยริ่มตลิ่งดูร่มรื่น เสียงเครื่องแขวนดินเผารูปแมวหน้าตาขี้เล่นดังกรุ๊งกริ๊งตลอดเวลายามต้องลม เสียงเจื้อยแจ้วของนกเสียงใสคุยกันกระจุ๊กกระจิ๊ก สายแดดส่องแสงผ่านใบไม้และกิ่งก้านสาขาลงมายังพื้นดิน ใบไม้แห้งปลิดตัวเองออกจากขั้วร่วงหล่นเกลื่อนกระจัดกระจาย บรรยากาศแจ่มใสรอบข้างไม่อาจทำให้หัวใจหม่นหมองของหญิงสาวดีขึ้นได้เลย ด้วยคนที่รักเธอที่สุดพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินอยู่เลย ความเป็นความตายเท่ากัน
ปรามแยกกับเพื่อน ๆ ที่เดินทางจะไปท่องเที่ยวตัวจังหวัดของเมืองกาญจนบุรีมาเดินตามหาคนที่หัวใจของเขาแสนห่วงใยเหลือเกิน ยิ่งเห็นเธอกำลังทุกข์เช่นนี้ ยิ่งไม่มีกะจิตกะใจจะไปเที่ยวที่ไหนทั้งนั้น
เสียงฝีเท้าของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ก่อนหันมามอง รีบพยายามกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม และทำตัวเองให้ร่าเริงขึ้น
“อ้าว…ปราม ทำไมไม่ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ล่ะ” ปิ่นขวัญพยายามถามด้วยน้ำเสียงแจ่มใสปกปิดความเศร้าเอาไว้ หายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อกลืนน้ำตาที่รื้นขึ้นมาคลออยู่ที่ขอบตาเสมอ
ชายหนุ่มเดินเข้ามาในศาลาน้อยแล้วนั่งลงตรงข้ามเธอ ในมือถือแก้วน้ำส้มคั้นสดมาให้
“ทานน้ำส้มก่อนนะ”
คนหน้าเศร้าอยากจะปฏิเสธ เพราะรู้สึกลำคอมันตีบตันจนกลืนอะไรไม่ลง แต่พอมองสีหน้าและแววตาของเขา จึงไม่อาจเอ่ยคำปฏิเสธทำลายความตั้งใจดีของชายหนุ่มได้
ปิ่นขวัญยกน้ำส้มขึ้นจิบอย่างช้า ๆ สายตาของเขาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่วงใยตลอดเวลา ทำให้เธอต้องพยายามกลืนน้ำส้มลงลำคออย่างยากลำบาก ด้วยนิสัยที่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นเสมอ
“ปรามทานอะไรหรือยัง” หญิงสาวถามเขาที่นั่งขรึมนิ่งไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่าต้องการเลียนแบบอาการเศร้าของเธอหรืออย่างไร
เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพราะเกรงคำตอบอาจทำให้คนถามรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
“ปราม…เราไม่เป็นไรหรอก อย่าห่วงเราเลย นายต้องห่วงตัวเองด้วยนะ” เธอรู้คำตอบที่มาจากความเงียบงันของคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม
“เราจะไม่กินข้าวเป็นเพื่อนปิ่น”
หญิงสาวถอนหายใจ เธอเป็นทุกข์กับอาการป่วยของแม่เธอมามากแล้ว ยังต้องมาเป็นทุกข์เพราะเพื่อนเป็นทุกข์เพราะเธออีกหรือนี่…
“ไม่ได้นะปราม เดี๋ยวจะป่วยไม่สบายไปอีกคน เราต้องโดนปริมต่อว่าแน่ ๆ เลย”
“เราจะบอกปริมเองว่าไม่เกี่ยวกับปิ่นนะ”
“หิวมั้ย” เธอถามชายหนุ่มอย่างห่วงใย ดูเขาซูบผอมลงไปมากทีเดียว
ปรามพยักหน้า ตามด้วยเสียงท้องร้องของจริง
หญิงสาวหัวเราะ “ถ้าบอกว่าไม่หิวนะ ใครจะเชื่อ”
ชายหนุ่มจึงยิ้มออกมาได้บ้าง เขาเอื้อมมือไปวางบนมือของหญิงสาวที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ เป็นครั้งแรกที่เขากล้าตัดสินใจแสดงความต้องการของหัวใจตัวเองกับเธอ
หญิงสาวนิ่งเงียบงันไปชั่วขณะ สมองหยุดการสั่งการชั่วคราว เหมือนเครื่องคอมเกิดอาการแฮ็ง
“เอ่อ…”
สายตาชายหนุ่มที่มองตรงมา ยิ่งทำให้คิดไม่ออกบอกไม่ถูกไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“ปราม…” แต่ในที่สุดก็พูดออกไปจนได้
“นี่…มันมือของเรานะ มือนายอีกข้างมันอยู่ตรงหน้านายต่างหาก”
ปรามอมยิ้มน้อย ๆ เขาเอื้อมมืออีกข้างมากุมมือของเพื่อนสาวเอาไว้อีกต่างหาก สายตายังมองเธออยู่ตลอดเวลา
“ปิ่นไปกินข้าวกันเถอะ เราขอร้อง เราหิวจะแย่อยู่แล้ว”
ปิ่นขวัญกลั้นหัวเราะเอาไว้ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะก๊ากออกมา
“เร็วปิ่น ไปกินข้าวกันเถอะนะ” เขาลุกขึ้นดึงมือหญิงสาวให้เดินออกไปด้วยกัน
“บ้าจังเลยปราม แค่นี้ต้องทำซึ้งด้วย” ปิ่นขวัญโวยวายกลบเกลื่อนความเขินเอาไว้
“ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้ปิ่นหายเศร้าแล้วไปกินข้าวกับเรานี่นา…”
“นี่เลิกซึ้งได้แล้ว ปล่อยมือเรานะ” แล้วพยายามขยับมือตนเองออกจากฝ่ามือของชายหนุ่ม
“โน” เขารั้งมือของเธอเอาไว้ไม่ยอมคืนให้เจ้าของ
“เอ๊….เราเป็นอะไรกันมิทราบคะ” เธอเอียงคอถามคนตัวสูงที่ยังไม่ยอมปล่อยมือของเธอ สีหน้านั้นมีรอยยิ้มซ่อนอยู่
“เป็นสิ” เขาหยุดเดินหันมาสบตาหญิงสาว
“เป็นคนที่หัวใจเราตรงกัน”
ปิ่นขวัญพยายามทำหน้าเฉย ๆ แต่สีหน้ากลับแดงเอา ๆ กลายเป็นสีชมพู
“เป็นแฟนกับเรานะ” เขาจับมือสองข้างของเธอขึ้นมากุมไว้
“ตกลงมั้ย...” เขามองหญิงสาวเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขา
คนถูกถามพยักหน้ารับถี่ ๆ พลางอมยิ้มด้วยความเขินอาย เธอรอเขาขอเป็นแฟนมาตั้งนานแล้ว
“โน่น…ร้านอาหารอยู่ทางโน้น หันไปทางโน้นได้แล้ว” เธอคงต้องละลายแน่ ๆ ถ้าเขาเอาแต่จ้องมอง ส่งสายตาหวานมาขนาดนี้
ปรามอมยิ้มน้อย ๆ หันหน้าไปตามที่เธอบอกอย่างว่าง่าย เขาถามตัวเองเสมอว่าทำไมชอบผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน เพราะไม่ว่าเธอจะมีทุกข์ขนาดไหน เธอแคร์ความรู้สึกของคนอื่นเสมอ
***********************
เหล่าหนุ่มสาวตระเวนเยี่ยมชมสถานที่สำคัญของตัวจังหวัดกาญจนบุรี เริ่มต้นด้วยการตะลุยน้ำตกเอราวัณในช่วงเช้า ช่วงบ่ายเดินเที่ยวร้านค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านขายขนม และอื่น ๆ เนื่องจากไม่ใช่วันหยุด ผู้คนจึงบางตา สถานที่แหล่งสุดท้ายที่ทุกคนจะไปเที่ยวชม ได้แก่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ภาพการเคลื่อนไหวของหญิงสาวสะท้อนเงาอยู่บนพื้นแว่นสีดำของชายหนุ่ม เขารีบยกแก้วน้ำเก๊กฮวยขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว รสชาติหวานเย็นชื่นใจ ช่วยละลายความร้อนของบรรยากาศได้ดี แล้วเดินถือขวดน้ำเก๊กฮวยตามเธอไป เริ่มเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเพื่อเดินให้ทันยัยตัวแสบ หลังจากได้แต่เดินตามห่าง ๆ มาตลอด
ตอนที่เขาเป็นไข้ แล้วเธอต้มน้ำเก๊กฮวยมาให้ดื่ม ไข้ลดลงอย่างรวดเร็วมาก จึงลองค้นดูว่า น้ำเก็กฮวยมีคุณค่าทางอาหารอะไรบ้าง
ดอกเก๊กฮวย มีสารพวกฟลาโวนอยด์ (Flavonoid), สารไครแซนทีมิน (Chrysanthemin), สารอะดีนีน (Adenine), สตาไคดวีน (Stachydrine), โคลีน (Choline) กรดอะมิโน และน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยรักษาและป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ! เก๊กฮวยมีฤทธิ์เย็น ช่วยขับพิษร้อน ขับลม ขับเหงื่อ แก้ร้อนใน แก้ปวดมึนศีรษะ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงหัวใจ ปัจจุบัน มีหลักฐานจากงานวิจัยบ่งชี้ว่า สารสกัดดอกเก๊กฮวยมีฤทธิ์ระงับการอักเสบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ระงับความวิตกกังวล บำรุงตับ ป้องกันอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวาน ลดการสร้างกรดยูริก เป็นผลดีในการป้องกันและบรรเทาอาการโรคเกาต์เรื้อรัง
ชาดอกเก๊กฮวย จึงเหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยบำรุงร่างกายผู้ที่มีโรคเรื้อรังเช่น นอนไม่หลับ เบาหวาน โรคตับ โรคเกาต์ เป็นต้น
สรรพคุณเด่นอีกอย่างหนึ่งของเก๊กฮวยคือ ช่วยลดการปวดหัว ไมเกรน โรคไมเกรนนั้นเกี่ยวข้องกับการลดลงของสารเคมีในสมองที่ ชื่อว่า "เซโรโทนิน" ทำให้เส้นเลือดฝอยที่มีเส้นประสาทพันรอบในสมองขยายตัว ถูกยืดออก จึงกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะค่อนข้างรุนแรง โดยจะเริ่มบริเวณใดบริเวณหนึ่งของศีรษะ
หลากหลายฤทธิ์ทางยาของดอกเก๊กฮวย รวมกันแล้ว มีผลบำรุงร่างกาย มากกว่ารักษาโรคใดโรคหนึ่งให้หายขาดไปได้
“ปริม…ทานน้ำเก๊กฮวยจ้ะ” เขายื่นขวดพลาสติกเย็นเฉียบที่มีน้ำสีเหลืองเข้มส่งให้
“ขอบใจ นายกินเถอะ” เธอปฏิเสธ อันเป็นนิสัยที่ไม่ยอมรับของใครง่าย ๆ ตามเคย
“ทานหน่อยน่า… ช่วยทำให้คลายร้อนดีเหมือนกันนะ” เขาพยายามพูดให้อีกฝ่ายรับไว้
แต่ทว่าปริมายังคงรักษาอาการเฉยชาเหมือนเดิม เธอเดินไปหยุดดูป้ายประวัติความเป็นมาของสะพานข้ามแม่น้ำแคว
“ปริมยังเห็นฉันเป็นคนอื่นอยู่ใช่มั้ย ถึงไม่ยอมรับ” หนุ่มหน้าหวานเดินตามไปถาม น้ำเสียงแฝงความน้อยใจเอาไว้ มองหญิงสาวทำเฉยชากับเขา หลังจากที่ปริมาดูแลอาการป่วยของพิธีกรสาว เขารู้สึกว่า เธอทำตัวห่างเหินกับเขาเหลือเกิน ปักษาพูดอะไร ทำให้ไม่สบายใจรึเปล่า? อดสงสัยไม่ได้เลย
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 45 หวั่นไหว...
ตอนที่ 45
ปริมานิ่งอึ้งกับคำถามของคนป่วยบนเตียง ที่อยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับปฏิการ เล่นมาถามกันตรง ๆ แบบนี้เลยหรือ? สองมือยกแก้วน้ำขิงอุ่น ๆ ขึ้นมาจิบอย่างช้า ๆ เพื่อถ่วงเวลาที่จะต้องตอบ
“คุณปริมกับคุณการเป็นแฟนกันจริงมั้ยคะ” คำถามแรกยังไม่ทันได้รับคำตอบ กลับยิงคำถามถัดไปมาอีก ยิ่งทำให้คนตอบอึ้งยกกำลังสอง เธอแทบจะสำลักน้ำขิง
“เอ่อ...คือ...ตอนนี้ฉันกับเขาเป็นเพื่อนกันค่ะ” ปริมาพยายามตอบสถานะปัจจุบันระหว่างเขาและเธอให้ชัดเจนที่สุด รู้สึกหน้าชาอย่างไรไม่รู้ เมื่อถูกอีกฝ่ายรุกถามขนาดนี้
“ต่อไปคุณปริมจะเป็นแฟนกับคุณการใช่ไหมคะ” ปักษามองหน้าพยาบาลจำเป็นก่อนถามต่อไปอย่างไม่ลดละ ราวกับยังไม่แน่ใจกับคำตอบนั้น
คำถามนี้ทำให้คนฟังรู้สึกแปล๊บที่หัวใจ หน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที จะตอบว่า ไม่ใช่! ก็ไม่ได้ เพราะระหว่างเธอกับเขามีสัญญาต่อกันอยู่ เธอจะกลายเป็นคนโกหกถ้าต่อมาต้องรับเขาเป็นแฟนตามสัญญาทีหลัง
“ฉันยังไม่ได้คิดค่ะ มันเป็นเรื่องของอนาคต” เธอยังรู้สึกสับสนกับตัวเอง ยังไม่สามารถตอบได้เหมือนกัน
“ถ้าคุณการมาขอคุณปริมเป็นแฟน คุณจะตอบตกลงไหมคะ” คนถามยังรัวคำถามต่อไม่หยุด
“คงต้องดูก่อนว่า เขาทำตามเงื่อนไขได้รึเปล่า เพราะฉันไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาว” สาวชาวสวนอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“ไม่เหมือนษาเลย ชอบผู้ชายผมยาว มันติ๊สดีค่ะ” ปักษาพูดพลางยิ้มเขิน
“คุณปริมไม่รีบตอบตกลง ไม่กลัวคนอื่นแย่งคุณการไปหรือคะ” พิธีกรสาวอดสงสัยไม่ได้ เป็นเธอคงรีบตอบตกลงทันที
“ไม่ค่ะ! ตามสบาย ฉันไม่ใช่เจ้าของเขานี่คะ เขาจะเป็นแฟนกับใคร มันไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้วค่ะ” ปริมาตอบชัดถ้อยชัดคำ เริ่มรู้สึกหมั่นไส้หนุ่มหน้าหวานขึ้นมาตะหงิด ๆ ที่มีแต่สาว ๆ หลงรัก จะต้องไม่ใช่เธอเด็ดขาด!
“จริง ๆ ฉันไม่คิดจะมีแฟนด้วยซ้ำไป”
“ทำไมละคะ” ปักษาเบิกตาโตไม่อยากจะเชื่อเลย
“ไม่รู้จะมีไปทำไมค่ะ มีแฟนเพื่ออะไรคะ” เธอเห็นเพื่อน ๆ อยากมีแฟนกันเหลือเกิน บางคนมีแฟนแล้วเลิกกันก็มานั่งร้องไห้เสียใจอีก อยู่คนเดียวสบายที่สุดแล้ว ดูแม่ของเธอสิ! เมื่อพ่อนอกใจ ยังเลิกกับพ่อได้ ไม่เห็นต้องง้อพ่อเลย แม่ก็ดูแลลูก ๆ คนเดียวมาได้ ในสายตาเธอ แม่เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก และเป็นแบบอย่างให้กับเธอเสมอ
ปักษาอึ้งไปชั่วครู่กับคำถามของปริมา แปลกใจกับความคิดของเธอเหลือเกิน
“ก็...มีไว้ดูแลกันไงคะ”
“ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่เห็นต้องให้ใครมาดูแลนี่คะ”
คำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำของปริมานั้นทำให้คนถามอึ้งไปอีกครั้ง ไม่กล้าถามคำถามต่อไป ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เธอเคยรู้จักเลย
*******************
ปรามสังเกตเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้าไม่ค่อยดีนักหลังจากเธอวางสายโทรศัพท์ไป ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ เขาต้องรีบคว้าร่างของปิ่นขวัญเอาไว้ แล้วรีบประคองหญิงสาวที่หมดสติไปนั่งพักบนก้อนหินเตี้ย ๆ ใต้ร่มไม้ ชายหนุ่มรีบเรียกน้องสาวเข้าไปช่วยปฐมพยาบาล ด้วยเกรงอาจจะดูไม่งามที่เขาจะคอยดูแลหญิงสาวด้วยตนเอง
ปริมารีบเข้าไปช่วยประคองเธอเอาไว้ อยากจะล้อเลียนพี่ชายที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขาแอบฝันอยู่ในใจเงียบ ๆ มานานแล้ว แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าจริงจังที่เปี่ยมด้วยความกังวลและเป็นห่วงหญิงสาวในอ้อมแขนของเอามาก ๆ จึงได้แต่หุบปากนิ่งไว้
เพื่อน ๆ ต่างทยอยกันเข้ามานั่งล้อมอยู่ใกล้ ๆ อย่างเป็นห่วงเป็นใยกันทุกคน
“พี่ปิ่นเป็นไงบ้างคะ” ปริมรีบเอ่ยถามเมื่อมองเห็นเปลือกตาของหญิงสาวขยับแล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้น หลังจากเอาน้ำมันเขียวแตะที่ปลายจมูกคนของป่วย แล้วช่วยพัดวีให้ หน้าซีดขาวเมื่อครู่เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง
“ไม่เป็นไรแล้วจ้ะปริม” ปิ่นขวัญค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งตามปกติ
“ที่บ้านเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ” ปรามรีบถามไถ่อย่างห่วงใย
“เราคงเที่ยวต่อกับพวกนายไม่ได้แล้ว แม่เราเกิดอุบัติเหตุถูกรถชน เราคงต้องรีบกลับก่อนนะ”
“เอางี้สิ เราเปลี่ยนแผน ไปบ้านปิ่นแทน แล้วก็ถือโอกาสไปเยี่ยมแม่ปิ่น และเที่ยวบ้านปิ่นด้วยเลยเป็นไง” เพื่อนสาวคนหนึ่งเสนอขึ้น
“ใช่ ๆ “ เพื่อน ๆ หลายคนต่างสนับสนุนและเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์
จากนั้นทุกคนจึงกลับไปเก็บข้าวของเพื่อเดินทางมุ่งหน้าตรงไปยังจังหวัดกาญจนบุรี
***********************
ลมพัดหอบความสดชื่นขึ้นมาจากแม่น้ำแคว ต้นไม้ที่ขึ้นครึ้มริมแม่น้ำ เสริมให้ศาลาน้อยริ่มตลิ่งดูร่มรื่น เสียงเครื่องแขวนดินเผารูปแมวหน้าตาขี้เล่นดังกรุ๊งกริ๊งตลอดเวลายามต้องลม เสียงเจื้อยแจ้วของนกเสียงใสคุยกันกระจุ๊กกระจิ๊ก สายแดดส่องแสงผ่านใบไม้และกิ่งก้านสาขาลงมายังพื้นดิน ใบไม้แห้งปลิดตัวเองออกจากขั้วร่วงหล่นเกลื่อนกระจัดกระจาย บรรยากาศแจ่มใสรอบข้างไม่อาจทำให้หัวใจหม่นหมองของหญิงสาวดีขึ้นได้เลย ด้วยคนที่รักเธอที่สุดพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินอยู่เลย ความเป็นความตายเท่ากัน
ปรามแยกกับเพื่อน ๆ ที่เดินทางจะไปท่องเที่ยวตัวจังหวัดของเมืองกาญจนบุรีมาเดินตามหาคนที่หัวใจของเขาแสนห่วงใยเหลือเกิน ยิ่งเห็นเธอกำลังทุกข์เช่นนี้ ยิ่งไม่มีกะจิตกะใจจะไปเที่ยวที่ไหนทั้งนั้น
เสียงฝีเท้าของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ก่อนหันมามอง รีบพยายามกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม และทำตัวเองให้ร่าเริงขึ้น
“อ้าว…ปราม ทำไมไม่ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ล่ะ” ปิ่นขวัญพยายามถามด้วยน้ำเสียงแจ่มใสปกปิดความเศร้าเอาไว้ หายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อกลืนน้ำตาที่รื้นขึ้นมาคลออยู่ที่ขอบตาเสมอ
ชายหนุ่มเดินเข้ามาในศาลาน้อยแล้วนั่งลงตรงข้ามเธอ ในมือถือแก้วน้ำส้มคั้นสดมาให้
“ทานน้ำส้มก่อนนะ”
คนหน้าเศร้าอยากจะปฏิเสธ เพราะรู้สึกลำคอมันตีบตันจนกลืนอะไรไม่ลง แต่พอมองสีหน้าและแววตาของเขา จึงไม่อาจเอ่ยคำปฏิเสธทำลายความตั้งใจดีของชายหนุ่มได้
ปิ่นขวัญยกน้ำส้มขึ้นจิบอย่างช้า ๆ สายตาของเขาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่วงใยตลอดเวลา ทำให้เธอต้องพยายามกลืนน้ำส้มลงลำคออย่างยากลำบาก ด้วยนิสัยที่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นเสมอ
“ปรามทานอะไรหรือยัง” หญิงสาวถามเขาที่นั่งขรึมนิ่งไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่าต้องการเลียนแบบอาการเศร้าของเธอหรืออย่างไร
เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพราะเกรงคำตอบอาจทำให้คนถามรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
“ปราม…เราไม่เป็นไรหรอก อย่าห่วงเราเลย นายต้องห่วงตัวเองด้วยนะ” เธอรู้คำตอบที่มาจากความเงียบงันของคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม
“เราจะไม่กินข้าวเป็นเพื่อนปิ่น”
หญิงสาวถอนหายใจ เธอเป็นทุกข์กับอาการป่วยของแม่เธอมามากแล้ว ยังต้องมาเป็นทุกข์เพราะเพื่อนเป็นทุกข์เพราะเธออีกหรือนี่…
“ไม่ได้นะปราม เดี๋ยวจะป่วยไม่สบายไปอีกคน เราต้องโดนปริมต่อว่าแน่ ๆ เลย”
“เราจะบอกปริมเองว่าไม่เกี่ยวกับปิ่นนะ”
“หิวมั้ย” เธอถามชายหนุ่มอย่างห่วงใย ดูเขาซูบผอมลงไปมากทีเดียว
ปรามพยักหน้า ตามด้วยเสียงท้องร้องของจริง
หญิงสาวหัวเราะ “ถ้าบอกว่าไม่หิวนะ ใครจะเชื่อ”
ชายหนุ่มจึงยิ้มออกมาได้บ้าง เขาเอื้อมมือไปวางบนมือของหญิงสาวที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ เป็นครั้งแรกที่เขากล้าตัดสินใจแสดงความต้องการของหัวใจตัวเองกับเธอ
หญิงสาวนิ่งเงียบงันไปชั่วขณะ สมองหยุดการสั่งการชั่วคราว เหมือนเครื่องคอมเกิดอาการแฮ็ง
“เอ่อ…”
สายตาชายหนุ่มที่มองตรงมา ยิ่งทำให้คิดไม่ออกบอกไม่ถูกไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“ปราม…” แต่ในที่สุดก็พูดออกไปจนได้
“นี่…มันมือของเรานะ มือนายอีกข้างมันอยู่ตรงหน้านายต่างหาก”
ปรามอมยิ้มน้อย ๆ เขาเอื้อมมืออีกข้างมากุมมือของเพื่อนสาวเอาไว้อีกต่างหาก สายตายังมองเธออยู่ตลอดเวลา
“ปิ่นไปกินข้าวกันเถอะ เราขอร้อง เราหิวจะแย่อยู่แล้ว”
ปิ่นขวัญกลั้นหัวเราะเอาไว้ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะก๊ากออกมา
“เร็วปิ่น ไปกินข้าวกันเถอะนะ” เขาลุกขึ้นดึงมือหญิงสาวให้เดินออกไปด้วยกัน
“บ้าจังเลยปราม แค่นี้ต้องทำซึ้งด้วย” ปิ่นขวัญโวยวายกลบเกลื่อนความเขินเอาไว้
“ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้ปิ่นหายเศร้าแล้วไปกินข้าวกับเรานี่นา…”
“นี่เลิกซึ้งได้แล้ว ปล่อยมือเรานะ” แล้วพยายามขยับมือตนเองออกจากฝ่ามือของชายหนุ่ม
“โน” เขารั้งมือของเธอเอาไว้ไม่ยอมคืนให้เจ้าของ
“เอ๊….เราเป็นอะไรกันมิทราบคะ” เธอเอียงคอถามคนตัวสูงที่ยังไม่ยอมปล่อยมือของเธอ สีหน้านั้นมีรอยยิ้มซ่อนอยู่
“เป็นสิ” เขาหยุดเดินหันมาสบตาหญิงสาว
“เป็นคนที่หัวใจเราตรงกัน”
ปิ่นขวัญพยายามทำหน้าเฉย ๆ แต่สีหน้ากลับแดงเอา ๆ กลายเป็นสีชมพู
“เป็นแฟนกับเรานะ” เขาจับมือสองข้างของเธอขึ้นมากุมไว้
“ตกลงมั้ย...” เขามองหญิงสาวเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขา
คนถูกถามพยักหน้ารับถี่ ๆ พลางอมยิ้มด้วยความเขินอาย เธอรอเขาขอเป็นแฟนมาตั้งนานแล้ว
“โน่น…ร้านอาหารอยู่ทางโน้น หันไปทางโน้นได้แล้ว” เธอคงต้องละลายแน่ ๆ ถ้าเขาเอาแต่จ้องมอง ส่งสายตาหวานมาขนาดนี้
ปรามอมยิ้มน้อย ๆ หันหน้าไปตามที่เธอบอกอย่างว่าง่าย เขาถามตัวเองเสมอว่าทำไมชอบผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน เพราะไม่ว่าเธอจะมีทุกข์ขนาดไหน เธอแคร์ความรู้สึกของคนอื่นเสมอ
***********************
เหล่าหนุ่มสาวตระเวนเยี่ยมชมสถานที่สำคัญของตัวจังหวัดกาญจนบุรี เริ่มต้นด้วยการตะลุยน้ำตกเอราวัณในช่วงเช้า ช่วงบ่ายเดินเที่ยวร้านค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านขายขนม และอื่น ๆ เนื่องจากไม่ใช่วันหยุด ผู้คนจึงบางตา สถานที่แหล่งสุดท้ายที่ทุกคนจะไปเที่ยวชม ได้แก่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ภาพการเคลื่อนไหวของหญิงสาวสะท้อนเงาอยู่บนพื้นแว่นสีดำของชายหนุ่ม เขารีบยกแก้วน้ำเก๊กฮวยขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว รสชาติหวานเย็นชื่นใจ ช่วยละลายความร้อนของบรรยากาศได้ดี แล้วเดินถือขวดน้ำเก๊กฮวยตามเธอไป เริ่มเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเพื่อเดินให้ทันยัยตัวแสบ หลังจากได้แต่เดินตามห่าง ๆ มาตลอด
ตอนที่เขาเป็นไข้ แล้วเธอต้มน้ำเก๊กฮวยมาให้ดื่ม ไข้ลดลงอย่างรวดเร็วมาก จึงลองค้นดูว่า น้ำเก็กฮวยมีคุณค่าทางอาหารอะไรบ้าง
ดอกเก๊กฮวย มีสารพวกฟลาโวนอยด์ (Flavonoid), สารไครแซนทีมิน (Chrysanthemin), สารอะดีนีน (Adenine), สตาไคดวีน (Stachydrine), โคลีน (Choline) กรดอะมิโน และน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยรักษาและป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ! เก๊กฮวยมีฤทธิ์เย็น ช่วยขับพิษร้อน ขับลม ขับเหงื่อ แก้ร้อนใน แก้ปวดมึนศีรษะ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงหัวใจ ปัจจุบัน มีหลักฐานจากงานวิจัยบ่งชี้ว่า สารสกัดดอกเก๊กฮวยมีฤทธิ์ระงับการอักเสบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ระงับความวิตกกังวล บำรุงตับ ป้องกันอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวาน ลดการสร้างกรดยูริก เป็นผลดีในการป้องกันและบรรเทาอาการโรคเกาต์เรื้อรัง
ชาดอกเก๊กฮวย จึงเหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยบำรุงร่างกายผู้ที่มีโรคเรื้อรังเช่น นอนไม่หลับ เบาหวาน โรคตับ โรคเกาต์ เป็นต้น
สรรพคุณเด่นอีกอย่างหนึ่งของเก๊กฮวยคือ ช่วยลดการปวดหัว ไมเกรน โรคไมเกรนนั้นเกี่ยวข้องกับการลดลงของสารเคมีในสมองที่ ชื่อว่า "เซโรโทนิน" ทำให้เส้นเลือดฝอยที่มีเส้นประสาทพันรอบในสมองขยายตัว ถูกยืดออก จึงกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะค่อนข้างรุนแรง โดยจะเริ่มบริเวณใดบริเวณหนึ่งของศีรษะ
หลากหลายฤทธิ์ทางยาของดอกเก๊กฮวย รวมกันแล้ว มีผลบำรุงร่างกาย มากกว่ารักษาโรคใดโรคหนึ่งให้หายขาดไปได้
“ปริม…ทานน้ำเก๊กฮวยจ้ะ” เขายื่นขวดพลาสติกเย็นเฉียบที่มีน้ำสีเหลืองเข้มส่งให้
“ขอบใจ นายกินเถอะ” เธอปฏิเสธ อันเป็นนิสัยที่ไม่ยอมรับของใครง่าย ๆ ตามเคย
“ทานหน่อยน่า… ช่วยทำให้คลายร้อนดีเหมือนกันนะ” เขาพยายามพูดให้อีกฝ่ายรับไว้
แต่ทว่าปริมายังคงรักษาอาการเฉยชาเหมือนเดิม เธอเดินไปหยุดดูป้ายประวัติความเป็นมาของสะพานข้ามแม่น้ำแคว
“ปริมยังเห็นฉันเป็นคนอื่นอยู่ใช่มั้ย ถึงไม่ยอมรับ” หนุ่มหน้าหวานเดินตามไปถาม น้ำเสียงแฝงความน้อยใจเอาไว้ มองหญิงสาวทำเฉยชากับเขา หลังจากที่ปริมาดูแลอาการป่วยของพิธีกรสาว เขารู้สึกว่า เธอทำตัวห่างเหินกับเขาเหลือเกิน ปักษาพูดอะไร ทำให้ไม่สบายใจรึเปล่า? อดสงสัยไม่ได้เลย