รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 45 หวั่นไหว...

รับคำท้าฯ
ตอนที่ 45
 
ปริมานิ่งอึ้งกับคำถามของคนป่วยบนเตียง ที่อยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับปฏิการ เล่นมาถามกันตรง ๆ แบบนี้เลยหรือ?  สองมือยกแก้วน้ำขิงอุ่น ๆ ขึ้นมาจิบอย่างช้า ๆ  เพื่อถ่วงเวลาที่จะต้องตอบ

“คุณปริมกับคุณการเป็นแฟนกันจริงมั้ยคะ”  คำถามแรกยังไม่ทันได้รับคำตอบ  กลับยิงคำถามถัดไปมาอีก ยิ่งทำให้คนตอบอึ้งยกกำลังสอง  เธอแทบจะสำลักน้ำขิง

“เอ่อ...คือ...ตอนนี้ฉันกับเขาเป็นเพื่อนกันค่ะ” ปริมาพยายามตอบสถานะปัจจุบันระหว่างเขาและเธอให้ชัดเจนที่สุด  รู้สึกหน้าชาอย่างไรไม่รู้ เมื่อถูกอีกฝ่ายรุกถามขนาดนี้  

“ต่อไปคุณปริมจะเป็นแฟนกับคุณการใช่ไหมคะ”  ปักษามองหน้าพยาบาลจำเป็นก่อนถามต่อไปอย่างไม่ลดละ  ราวกับยังไม่แน่ใจกับคำตอบนั้น

คำถามนี้ทำให้คนฟังรู้สึกแปล๊บที่หัวใจ  หน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที  จะตอบว่า ไม่ใช่! ก็ไม่ได้ เพราะระหว่างเธอกับเขามีสัญญาต่อกันอยู่  เธอจะกลายเป็นคนโกหกถ้าต่อมาต้องรับเขาเป็นแฟนตามสัญญาทีหลัง

“ฉันยังไม่ได้คิดค่ะ  มันเป็นเรื่องของอนาคต”  เธอยังรู้สึกสับสนกับตัวเอง  ยังไม่สามารถตอบได้เหมือนกัน

“ถ้าคุณการมาขอคุณปริมเป็นแฟน  คุณจะตอบตกลงไหมคะ”  คนถามยังรัวคำถามต่อไม่หยุด

“คงต้องดูก่อนว่า เขาทำตามเงื่อนไขได้รึเปล่า  เพราะฉันไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาว”  สาวชาวสวนอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

“ไม่เหมือนษาเลย  ชอบผู้ชายผมยาว มันติ๊สดีค่ะ”  ปักษาพูดพลางยิ้มเขิน

“คุณปริมไม่รีบตอบตกลง  ไม่กลัวคนอื่นแย่งคุณการไปหรือคะ”  พิธีกรสาวอดสงสัยไม่ได้ เป็นเธอคงรีบตอบตกลงทันที

“ไม่ค่ะ!  ตามสบาย  ฉันไม่ใช่เจ้าของเขานี่คะ เขาจะเป็นแฟนกับใคร มันไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้วค่ะ”  ปริมาตอบชัดถ้อยชัดคำ เริ่มรู้สึกหมั่นไส้หนุ่มหน้าหวานขึ้นมาตะหงิด ๆ ที่มีแต่สาว ๆ หลงรัก  จะต้องไม่ใช่เธอเด็ดขาด!

“จริง ๆ ฉันไม่คิดจะมีแฟนด้วยซ้ำไป”

“ทำไมละคะ”  ปักษาเบิกตาโตไม่อยากจะเชื่อเลย

“ไม่รู้จะมีไปทำไมค่ะ  มีแฟนเพื่ออะไรคะ” เธอเห็นเพื่อน ๆ อยากมีแฟนกันเหลือเกิน  บางคนมีแฟนแล้วเลิกกันก็มานั่งร้องไห้เสียใจอีก  อยู่คนเดียวสบายที่สุดแล้ว  ดูแม่ของเธอสิ! เมื่อพ่อนอกใจ ยังเลิกกับพ่อได้  ไม่เห็นต้องง้อพ่อเลย  แม่ก็ดูแลลูก ๆ คนเดียวมาได้ ในสายตาเธอ แม่เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก และเป็นแบบอย่างให้กับเธอเสมอ

ปักษาอึ้งไปชั่วครู่กับคำถามของปริมา แปลกใจกับความคิดของเธอเหลือเกิน

“ก็...มีไว้ดูแลกันไงคะ”

“ฉันดูแลตัวเองได้  ไม่เห็นต้องให้ใครมาดูแลนี่คะ”

คำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำของปริมานั้นทำให้คนถามอึ้งไปอีกครั้ง  ไม่กล้าถามคำถามต่อไป  ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เธอเคยรู้จักเลย
 
******************* 
 
ปรามสังเกตเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้าไม่ค่อยดีนักหลังจากเธอวางสายโทรศัพท์ไป  ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ  เขาต้องรีบคว้าร่างของปิ่นขวัญเอาไว้  แล้วรีบประคองหญิงสาวที่หมดสติไปนั่งพักบนก้อนหินเตี้ย ๆ ใต้ร่มไม้  ชายหนุ่มรีบเรียกน้องสาวเข้าไปช่วยปฐมพยาบาล  ด้วยเกรงอาจจะดูไม่งามที่เขาจะคอยดูแลหญิงสาวด้วยตนเอง

ปริมารีบเข้าไปช่วยประคองเธอเอาไว้  อยากจะล้อเลียนพี่ชายที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขาแอบฝันอยู่ในใจเงียบ ๆ มานานแล้ว  แต่เมื่อมองเห็นสีหน้าจริงจังที่เปี่ยมด้วยความกังวลและเป็นห่วงหญิงสาวในอ้อมแขนของเอามาก ๆ  จึงได้แต่หุบปากนิ่งไว้

เพื่อน ๆ ต่างทยอยกันเข้ามานั่งล้อมอยู่ใกล้  ๆ อย่างเป็นห่วงเป็นใยกันทุกคน

“พี่ปิ่นเป็นไงบ้างคะ”  ปริมรีบเอ่ยถามเมื่อมองเห็นเปลือกตาของหญิงสาวขยับแล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้น หลังจากเอาน้ำมันเขียวแตะที่ปลายจมูกคนของป่วย  แล้วช่วยพัดวีให้  หน้าซีดขาวเมื่อครู่เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง

“ไม่เป็นไรแล้วจ้ะปริม”  ปิ่นขวัญค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งตามปกติ

“ที่บ้านเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับ”  ปรามรีบถามไถ่อย่างห่วงใย

“เราคงเที่ยวต่อกับพวกนายไม่ได้แล้ว  แม่เราเกิดอุบัติเหตุถูกรถชน  เราคงต้องรีบกลับก่อนนะ”

 “เอางี้สิ  เราเปลี่ยนแผน  ไปบ้านปิ่นแทน  แล้วก็ถือโอกาสไปเยี่ยมแม่ปิ่น  และเที่ยวบ้านปิ่นด้วยเลยเป็นไง”  เพื่อนสาวคนหนึ่งเสนอขึ้น
“ใช่ ๆ “  เพื่อน ๆ หลายคนต่างสนับสนุนและเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์

จากนั้นทุกคนจึงกลับไปเก็บข้าวของเพื่อเดินทางมุ่งหน้าตรงไปยังจังหวัดกาญจนบุรี
 
                *********************** 
 
ลมพัดหอบความสดชื่นขึ้นมาจากแม่น้ำแคว  ต้นไม้ที่ขึ้นครึ้มริมแม่น้ำ  เสริมให้ศาลาน้อยริ่มตลิ่งดูร่มรื่น  เสียงเครื่องแขวนดินเผารูปแมวหน้าตาขี้เล่นดังกรุ๊งกริ๊งตลอดเวลายามต้องลม  เสียงเจื้อยแจ้วของนกเสียงใสคุยกันกระจุ๊กกระจิ๊ก  สายแดดส่องแสงผ่านใบไม้และกิ่งก้านสาขาลงมายังพื้นดิน  ใบไม้แห้งปลิดตัวเองออกจากขั้วร่วงหล่นเกลื่อนกระจัดกระจาย   บรรยากาศแจ่มใสรอบข้างไม่อาจทำให้หัวใจหม่นหมองของหญิงสาวดีขึ้นได้เลย   ด้วยคนที่รักเธอที่สุดพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล  ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินอยู่เลย ความเป็นความตายเท่ากัน

ปรามแยกกับเพื่อน ๆ ที่เดินทางจะไปท่องเที่ยวตัวจังหวัดของเมืองกาญจนบุรีมาเดินตามหาคนที่หัวใจของเขาแสนห่วงใยเหลือเกิน  ยิ่งเห็นเธอกำลังทุกข์เช่นนี้ ยิ่งไม่มีกะจิตกะใจจะไปเที่ยวที่ไหนทั้งนั้น

เสียงฝีเท้าของชายหนุ่ม  ทำให้หญิงสาวที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ก่อนหันมามอง  รีบพยายามกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม และทำตัวเองให้ร่าเริงขึ้น  
“อ้าว…ปราม  ทำไมไม่ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ล่ะ”  ปิ่นขวัญพยายามถามด้วยน้ำเสียงแจ่มใสปกปิดความเศร้าเอาไว้  หายใจเข้าปอดลึก ๆ  เพื่อกลืนน้ำตาที่รื้นขึ้นมาคลออยู่ที่ขอบตาเสมอ

ชายหนุ่มเดินเข้ามาในศาลาน้อยแล้วนั่งลงตรงข้ามเธอ  ในมือถือแก้วน้ำส้มคั้นสดมาให้
“ทานน้ำส้มก่อนนะ”

คนหน้าเศร้าอยากจะปฏิเสธ  เพราะรู้สึกลำคอมันตีบตันจนกลืนอะไรไม่ลง   แต่พอมองสีหน้าและแววตาของเขา  จึงไม่อาจเอ่ยคำปฏิเสธทำลายความตั้งใจดีของชายหนุ่มได้

ปิ่นขวัญยกน้ำส้มขึ้นจิบอย่างช้า ๆ  สายตาของเขาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่วงใยตลอดเวลา ทำให้เธอต้องพยายามกลืนน้ำส้มลงลำคออย่างยากลำบาก  ด้วยนิสัยที่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นเสมอ

“ปรามทานอะไรหรือยัง”  หญิงสาวถามเขาที่นั่งขรึมนิ่งไม่พูดไม่จา  ไม่รู้ว่าต้องการเลียนแบบอาการเศร้าของเธอหรืออย่างไร

เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรดี  เพราะเกรงคำตอบอาจทำให้คนถามรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น

“ปราม…เราไม่เป็นไรหรอก  อย่าห่วงเราเลย  นายต้องห่วงตัวเองด้วยนะ”  เธอรู้คำตอบที่มาจากความเงียบงันของคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม

“เราจะไม่กินข้าวเป็นเพื่อนปิ่น”

หญิงสาวถอนหายใจ  เธอเป็นทุกข์กับอาการป่วยของแม่เธอมามากแล้ว  ยังต้องมาเป็นทุกข์เพราะเพื่อนเป็นทุกข์เพราะเธออีกหรือนี่…
“ไม่ได้นะปราม  เดี๋ยวจะป่วยไม่สบายไปอีกคน  เราต้องโดนปริมต่อว่าแน่ ๆ เลย”

“เราจะบอกปริมเองว่าไม่เกี่ยวกับปิ่นนะ”

“หิวมั้ย”  เธอถามชายหนุ่มอย่างห่วงใย  ดูเขาซูบผอมลงไปมากทีเดียว

ปรามพยักหน้า  ตามด้วยเสียงท้องร้องของจริง

หญิงสาวหัวเราะ  “ถ้าบอกว่าไม่หิวนะ  ใครจะเชื่อ”

ชายหนุ่มจึงยิ้มออกมาได้บ้าง  เขาเอื้อมมือไปวางบนมือของหญิงสาวที่วางอยู่บนโต๊ะไม้   เป็นครั้งแรกที่เขากล้าตัดสินใจแสดงความต้องการของหัวใจตัวเองกับเธอ

หญิงสาวนิ่งเงียบงันไปชั่วขณะ  สมองหยุดการสั่งการชั่วคราว  เหมือนเครื่องคอมเกิดอาการแฮ็ง

“เอ่อ…”  

สายตาชายหนุ่มที่มองตรงมา ยิ่งทำให้คิดไม่ออกบอกไม่ถูกไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี  

“ปราม…”   แต่ในที่สุดก็พูดออกไปจนได้

“นี่…มันมือของเรานะ  มือนายอีกข้างมันอยู่ตรงหน้านายต่างหาก”

ปรามอมยิ้มน้อย ๆ  เขาเอื้อมมืออีกข้างมากุมมือของเพื่อนสาวเอาไว้อีกต่างหาก  สายตายังมองเธออยู่ตลอดเวลา

“ปิ่นไปกินข้าวกันเถอะ  เราขอร้อง  เราหิวจะแย่อยู่แล้ว”

ปิ่นขวัญกลั้นหัวเราะเอาไว้ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะก๊ากออกมา

“เร็วปิ่น  ไปกินข้าวกันเถอะนะ”  เขาลุกขึ้นดึงมือหญิงสาวให้เดินออกไปด้วยกัน

“บ้าจังเลยปราม  แค่นี้ต้องทำซึ้งด้วย”  ปิ่นขวัญโวยวายกลบเกลื่อนความเขินเอาไว้

“ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้ปิ่นหายเศร้าแล้วไปกินข้าวกับเรานี่นา…”

“นี่เลิกซึ้งได้แล้ว  ปล่อยมือเรานะ”  แล้วพยายามขยับมือตนเองออกจากฝ่ามือของชายหนุ่ม

“โน”  เขารั้งมือของเธอเอาไว้ไม่ยอมคืนให้เจ้าของ

“เอ๊….เราเป็นอะไรกันมิทราบคะ”  เธอเอียงคอถามคนตัวสูงที่ยังไม่ยอมปล่อยมือของเธอ  สีหน้านั้นมีรอยยิ้มซ่อนอยู่

“เป็นสิ”  เขาหยุดเดินหันมาสบตาหญิงสาว  

“เป็นคนที่หัวใจเราตรงกัน”

ปิ่นขวัญพยายามทำหน้าเฉย ๆ  แต่สีหน้ากลับแดงเอา ๆ กลายเป็นสีชมพู

“เป็นแฟนกับเรานะ”  เขาจับมือสองข้างของเธอขึ้นมากุมไว้

“ตกลงมั้ย...”  เขามองหญิงสาวเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขา

คนถูกถามพยักหน้ารับถี่ ๆ พลางอมยิ้มด้วยความเขินอาย  เธอรอเขาขอเป็นแฟนมาตั้งนานแล้ว  
              
“โน่น…ร้านอาหารอยู่ทางโน้น  หันไปทางโน้นได้แล้ว”  เธอคงต้องละลายแน่ ๆ ถ้าเขาเอาแต่จ้องมอง ส่งสายตาหวานมาขนาดนี้

ปรามอมยิ้มน้อย ๆ หันหน้าไปตามที่เธอบอกอย่างว่าง่าย  เขาถามตัวเองเสมอว่าทำไมชอบผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน  เพราะไม่ว่าเธอจะมีทุกข์ขนาดไหน  เธอแคร์ความรู้สึกของคนอื่นเสมอ
 
                ***********************
 
เหล่าหนุ่มสาวตระเวนเยี่ยมชมสถานที่สำคัญของตัวจังหวัดกาญจนบุรี  เริ่มต้นด้วยการตะลุยน้ำตกเอราวัณในช่วงเช้า  ช่วงบ่ายเดินเที่ยวร้านค้าต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึก  ร้านขายขนม และอื่น ๆ  เนื่องจากไม่ใช่วันหยุด  ผู้คนจึงบางตา  สถานที่แหล่งสุดท้ายที่ทุกคนจะไปเที่ยวชม  ได้แก่สะพานข้ามแม่น้ำแคว  ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง 
 
ภาพการเคลื่อนไหวของหญิงสาวสะท้อนเงาอยู่บนพื้นแว่นสีดำของชายหนุ่ม  เขารีบยกแก้วน้ำเก๊กฮวยขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว   รสชาติหวานเย็นชื่นใจ  ช่วยละลายความร้อนของบรรยากาศได้ดี  แล้วเดินถือขวดน้ำเก๊กฮวยตามเธอไป  เริ่มเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเพื่อเดินให้ทันยัยตัวแสบ  หลังจากได้แต่เดินตามห่าง ๆ มาตลอด

ตอนที่เขาเป็นไข้ แล้วเธอต้มน้ำเก๊กฮวยมาให้ดื่ม  ไข้ลดลงอย่างรวดเร็วมาก  จึงลองค้นดูว่า น้ำเก็กฮวยมีคุณค่าทางอาหารอะไรบ้าง 
ดอกเก๊กฮวย มีสารพวกฟลาโวนอยด์ (Flavonoid), สารไครแซนทีมิน (Chrysanthemin), สารอะดีนีน (Adenine), สตาไคดวีน (Stachydrine), โคลีน (Choline) กรดอะมิโน และน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยรักษาและป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ! เก๊กฮวยมีฤทธิ์เย็น ช่วยขับพิษร้อน ขับลม ขับเหงื่อ แก้ร้อนใน แก้ปวดมึนศีรษะ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงหัวใจ ปัจจุบัน มีหลักฐานจากงานวิจัยบ่งชี้ว่า สารสกัดดอกเก๊กฮวยมีฤทธิ์ระงับการอักเสบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ระงับความวิตกกังวล บำรุงตับ ป้องกันอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวาน ลดการสร้างกรดยูริก เป็นผลดีในการป้องกันและบรรเทาอาการโรคเกาต์เรื้อรัง

ชาดอกเก๊กฮวย จึงเหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยบำรุงร่างกายผู้ที่มีโรคเรื้อรังเช่น นอนไม่หลับ เบาหวาน โรคตับ โรคเกาต์ เป็นต้น
สรรพคุณเด่นอีกอย่างหนึ่งของเก๊กฮวยคือ ช่วยลดการปวดหัว ไมเกรน โรคไมเกรนนั้นเกี่ยวข้องกับการลดลงของสารเคมีในสมองที่ ชื่อว่า "เซโรโทนิน" ทำให้เส้นเลือดฝอยที่มีเส้นประสาทพันรอบในสมองขยายตัว ถูกยืดออก จึงกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะค่อนข้างรุนแรง โดยจะเริ่มบริเวณใดบริเวณหนึ่งของศีรษะ

หลากหลายฤทธิ์ทางยาของดอกเก๊กฮวย รวมกันแล้ว มีผลบำรุงร่างกาย มากกว่ารักษาโรคใดโรคหนึ่งให้หายขาดไปได้

“ปริม…ทานน้ำเก๊กฮวยจ้ะ”  เขายื่นขวดพลาสติกเย็นเฉียบที่มีน้ำสีเหลืองเข้มส่งให้

“ขอบใจ   นายกินเถอะ”  เธอปฏิเสธ  อันเป็นนิสัยที่ไม่ยอมรับของใครง่าย ๆ ตามเคย

“ทานหน่อยน่า…  ช่วยทำให้คลายร้อนดีเหมือนกันนะ”  เขาพยายามพูดให้อีกฝ่ายรับไว้

แต่ทว่าปริมายังคงรักษาอาการเฉยชาเหมือนเดิม เธอเดินไปหยุดดูป้ายประวัติความเป็นมาของสะพานข้ามแม่น้ำแคว

“ปริมยังเห็นฉันเป็นคนอื่นอยู่ใช่มั้ย  ถึงไม่ยอมรับ”  หนุ่มหน้าหวานเดินตามไปถาม น้ำเสียงแฝงความน้อยใจเอาไว้  มองหญิงสาวทำเฉยชากับเขา  หลังจากที่ปริมาดูแลอาการป่วยของพิธีกรสาว  เขารู้สึกว่า เธอทำตัวห่างเหินกับเขาเหลือเกิน  ปักษาพูดอะไร ทำให้ไม่สบายใจรึเปล่า?  อดสงสัยไม่ได้เลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่