รับคำท้าฯ
ตอนที่ 59
เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาจากในครัว ปริมาขมวดคิ้วอย่างสงสัย เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงผู้หญิง และมีผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่พี่ปรามของเธอจะพามาที่บ้าน ยังไม่ทันคิดอะไรต่อไป เพื่อนสาวของพี่ชายก็วิ่งออกมาที่ห้องรับแขก
“อ้าว! ปริมกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ มาเงียบเชียวนะ หิวมั้ย พวกพี่กำลังช่วยกันทำอาหารเย็นอยู่จ้ะ” ปิ่นขวัญทักทายด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
“ค่ะพี่ปิ่น” ปริมารับคำสั้น ๆ
“ปิ่นหายตัวไปไหน อย่าให้จับได้นะ!” เสียงพี่ชายตะโกนออกมาจากห้องครัว ก่อนที่จะพาร่างสูงก้าวตามเข้ามาทันที
“ปริมช่วยพี่ด้วยจ้ะ พี่ปรามของปริมจะรังแกพี่นะ” ปิ่นขวัญรีบวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังปริมาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
“ปริมขอตัวก่อนนะคะ” เธอเดินเลี่ยงออกมาจากห้องรับแขก
ทั้งสองมองปริมาอย่างรู้สึกงุนงง ว่าเกิดอะไรขึ้น? หน้าถึงบอกบุญไม่รับขนาดนี้
“ปิ่นตามไปดูปริมก่อนนะปราม” เธอรู้สึกถึงความผิดปกติของเด็กสาว
ปรามมองตามหลังไว ๆ ของน้องสาวด้วยสายตาห่วงใย
“ปล่อยให้ปริมเขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ ตอนนี้เขาอาจจะไม่อยากให้เราเข้าไปวุ่นวายนะ” ปรามพยักหน้าย้ำตามความหมายที่พูดไว้อีกครั้ง เพราะรู้นิสัยของน้องสาวดี ทั้งคู่จึงกลับไปทำอาหารในครัวกันต่อ…คอยดูแลอยู่ห่าง ๆ และเฝ้ารอเวลาที่อาจจะทำให้เรื่องหม่นหมองในหัวใจของปริมาดีขึ้น
ผิวน้ำกระเพื่อม เกิดคลื่นน้ำแผ่รัศมีกระจายตัวออกไปเป็นวงกว้างจากจุดศูนย์กลาง เมื่อปลาช่อนตัวโตโผล่ขึ้นมาฮุบเอาอากาศหายใจเหนือผิวน้ำ ก่อนมุดตัวหายลงไปใต้น้ำสีหยก กลีบดอกพลับพลึงสีขาวลอยไปตามน้ำในบึงที่เคลื่อนไหว ก้อนหินเล็ก ๆ ถูกขว้างไปกลางบึงก้อนแล้วก้อนเล่า คิ้วขมวดย่นอย่างกำลังใช้ความคิด ริมฝีปากเม้มสนิทราวกับกำลังตัดใจจากอะไรบ้างอย่าง ร่างของหญิงสาวที่สะท้อนเงาในน้ำไหวไปมาอย่างช้า ๆ
เรื่องราวเมื่อเช้านี้ยังวนเวียนอยู่ในสมอง บอกตัวเองให้ เลิกคิด! เลิกคิด! เลิกคิด! แต่ทำไม่ได้! ทำอย่างไรมันก็กลับมาคิดอีกอยู่ดี เบื่อตัวเองเหลือเกิน ที่ไม่อาจจะควบคุมความคิดของตัวเองได้ นี่เธอเผลอใจให้กับเขาแล้วหรือนี่!! ความหนักแน่น ความเข้มแข็ง มันหายไปไหนหมด
สาวชาวสวนถอนหายใจยาว ก่อนลุกขึ้นจากท่าน้ำ ปลาในบึงเคยเป็นที่สนอกสนใจของเธอเสมอ ตอนนี้ทำไมถึงไม่น่าสนใจอย่างเคย แล้วพาตัวเองไปเดินเล่นในสวนผลไม้ อาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง พยายามดึงความสนใจให้อยู่กับสิ่งรอบตัว เอาใจจดจ่อกับสิ่งรอบข้าง
มะม่วงลูกโตกำลังห้อยเป็นพวงเล็กพวงน้อยดกเต็มต้นเชียว เป็นแต่ก่อนต้องรีบปีนป่ายไปเก็บมาทำน้ำปลาหวานจิ้มกินไปแล้ว แต่ตอนนี้…ทำไมรู้สึกเฉย ๆ ก็ไม่รู้ เงาะโรงเรียนสีแดงสดตัดกับใบสีเขียวเข้มห้อยระย้าเต็มต้นไปหมด มังคุดกำลังออกลูกสีม่วงอ่อน ๆ ผลไม้โปรดของเธอทีเดียว แต่ทว่าไม่ว่าจะเดินดูอะไร มันก็ไม่สดชื่นแจ่มใสเหมือนเคยเอาเสียเลย แถมยังมีแต่เงาของเขาปรากฎอยู่ทุกหนทุกแห่ง ภาพที่เขาเคยวิ่งไล่จับตัวเธอมาหวดตีจนต้องกระโดดกระหยองกระแหยงหลบไม้เรียว เธอยังจำได้ติดตา เรื่องราวของหนุ่มหน้าหวานกลับเข้ามารกสมองอีกแล้ว ยิ่งพยายามไม่คิด กลับยิ่งคิดมากขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ เธอไม่เข้าใจตัวเองเลย
นึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ รู้สึกตำหนิตัวเองอย่างแรง ทำไมต้องแสดงกิริยาโวยวายโกรธขึงบึ้งตึงกับหนุ่มจอมกวนขนาดนั้นด้วย แบบนี้คงรู้หมดว่าเธอมีใจให้กับเขาแล้ว
เฮ้อ….หมดกัน!!
“ฉันไม่ได้ชอบปริม”
คำพูดของชายหนุ่มผุดขึ้นมาในสมองอีกแล้ว พร้อม ๆ กับน้ำตารื้นขึ้นมาคลอขอบตาเอาไว้ เธอไม่เข้าใจตัวเองเลย ทำไมต้องเสียใจกับคำพูดประโยคนี้ ทำไมต้องรู้สึกผิดหวัง และน้อยใจเหลือเกิน เขาก็เหมือนกับเพื่อนคนนั้น ที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม เป็นอะไรก็ไม่พูด ไม่บอก เงียบไปเฉย ๆ แล้วเธอก็ต้องเสียใจอีกจนได้
ไม่! เธอจะไม่ยอมเสียน้ำตาให้กับผู้ชายคนนี้เด็ดขาด! รีบหายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้น้ำในดวงตาเหือดแห้งไป
“ไม่ชอบ! ก็ไม่ต้องชอบสิ!”
อยากจะลืมเขาให้ได้เดี๋ยวนี้!! ทำไมทำไม่ได้นะ เฮ้อ…
เธอได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
“ปริม…ฉันขอเวลาหน่อยนะ สักวันฉันจะต้องลืมได้แน่นอน” เธอบอกตัวเอง
ถ้าหนุ่มนักดนตรีมาหาอีกจะทำอย่างไรดี ถ้าเจอหน้ากันอีกจะทำอย่างไร ถ้า….ถ้า…ถ้าและถ้า…. ฯลฯ
เธอจะเป็นเพื่อนกับเขาต่อไปได้ไหม…เธอไม่รู้เลย รู้สึกแต่ว่า ตอนนี้ไม่อยากพบหน้าคนหลอกลวงคนนั้นอีกแล้ว…มันเจ็บที่หัวใจเหลือเกิน…
เสียงใบไม้แห้งบนพื้นดินเกิดเสียงดังกรอบแกรบ!! เหมือนมีคนกำลังเดินมา หญิงสาวรีบหันไปมอง
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 59 ฉันไม่ได้ชอบนายเหมือนกัน!
ตอนที่ 59
เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาจากในครัว ปริมาขมวดคิ้วอย่างสงสัย เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงผู้หญิง และมีผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่พี่ปรามของเธอจะพามาที่บ้าน ยังไม่ทันคิดอะไรต่อไป เพื่อนสาวของพี่ชายก็วิ่งออกมาที่ห้องรับแขก
“อ้าว! ปริมกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ มาเงียบเชียวนะ หิวมั้ย พวกพี่กำลังช่วยกันทำอาหารเย็นอยู่จ้ะ” ปิ่นขวัญทักทายด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
“ค่ะพี่ปิ่น” ปริมารับคำสั้น ๆ
“ปิ่นหายตัวไปไหน อย่าให้จับได้นะ!” เสียงพี่ชายตะโกนออกมาจากห้องครัว ก่อนที่จะพาร่างสูงก้าวตามเข้ามาทันที
“ปริมช่วยพี่ด้วยจ้ะ พี่ปรามของปริมจะรังแกพี่นะ” ปิ่นขวัญรีบวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังปริมาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
“ปริมขอตัวก่อนนะคะ” เธอเดินเลี่ยงออกมาจากห้องรับแขก
ทั้งสองมองปริมาอย่างรู้สึกงุนงง ว่าเกิดอะไรขึ้น? หน้าถึงบอกบุญไม่รับขนาดนี้
“ปิ่นตามไปดูปริมก่อนนะปราม” เธอรู้สึกถึงความผิดปกติของเด็กสาว
ปรามมองตามหลังไว ๆ ของน้องสาวด้วยสายตาห่วงใย
“ปล่อยให้ปริมเขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ ตอนนี้เขาอาจจะไม่อยากให้เราเข้าไปวุ่นวายนะ” ปรามพยักหน้าย้ำตามความหมายที่พูดไว้อีกครั้ง เพราะรู้นิสัยของน้องสาวดี ทั้งคู่จึงกลับไปทำอาหารในครัวกันต่อ…คอยดูแลอยู่ห่าง ๆ และเฝ้ารอเวลาที่อาจจะทำให้เรื่องหม่นหมองในหัวใจของปริมาดีขึ้น
ผิวน้ำกระเพื่อม เกิดคลื่นน้ำแผ่รัศมีกระจายตัวออกไปเป็นวงกว้างจากจุดศูนย์กลาง เมื่อปลาช่อนตัวโตโผล่ขึ้นมาฮุบเอาอากาศหายใจเหนือผิวน้ำ ก่อนมุดตัวหายลงไปใต้น้ำสีหยก กลีบดอกพลับพลึงสีขาวลอยไปตามน้ำในบึงที่เคลื่อนไหว ก้อนหินเล็ก ๆ ถูกขว้างไปกลางบึงก้อนแล้วก้อนเล่า คิ้วขมวดย่นอย่างกำลังใช้ความคิด ริมฝีปากเม้มสนิทราวกับกำลังตัดใจจากอะไรบ้างอย่าง ร่างของหญิงสาวที่สะท้อนเงาในน้ำไหวไปมาอย่างช้า ๆ
เรื่องราวเมื่อเช้านี้ยังวนเวียนอยู่ในสมอง บอกตัวเองให้ เลิกคิด! เลิกคิด! เลิกคิด! แต่ทำไม่ได้! ทำอย่างไรมันก็กลับมาคิดอีกอยู่ดี เบื่อตัวเองเหลือเกิน ที่ไม่อาจจะควบคุมความคิดของตัวเองได้ นี่เธอเผลอใจให้กับเขาแล้วหรือนี่!! ความหนักแน่น ความเข้มแข็ง มันหายไปไหนหมด
สาวชาวสวนถอนหายใจยาว ก่อนลุกขึ้นจากท่าน้ำ ปลาในบึงเคยเป็นที่สนอกสนใจของเธอเสมอ ตอนนี้ทำไมถึงไม่น่าสนใจอย่างเคย แล้วพาตัวเองไปเดินเล่นในสวนผลไม้ อาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง พยายามดึงความสนใจให้อยู่กับสิ่งรอบตัว เอาใจจดจ่อกับสิ่งรอบข้าง
มะม่วงลูกโตกำลังห้อยเป็นพวงเล็กพวงน้อยดกเต็มต้นเชียว เป็นแต่ก่อนต้องรีบปีนป่ายไปเก็บมาทำน้ำปลาหวานจิ้มกินไปแล้ว แต่ตอนนี้…ทำไมรู้สึกเฉย ๆ ก็ไม่รู้ เงาะโรงเรียนสีแดงสดตัดกับใบสีเขียวเข้มห้อยระย้าเต็มต้นไปหมด มังคุดกำลังออกลูกสีม่วงอ่อน ๆ ผลไม้โปรดของเธอทีเดียว แต่ทว่าไม่ว่าจะเดินดูอะไร มันก็ไม่สดชื่นแจ่มใสเหมือนเคยเอาเสียเลย แถมยังมีแต่เงาของเขาปรากฎอยู่ทุกหนทุกแห่ง ภาพที่เขาเคยวิ่งไล่จับตัวเธอมาหวดตีจนต้องกระโดดกระหยองกระแหยงหลบไม้เรียว เธอยังจำได้ติดตา เรื่องราวของหนุ่มหน้าหวานกลับเข้ามารกสมองอีกแล้ว ยิ่งพยายามไม่คิด กลับยิ่งคิดมากขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ เธอไม่เข้าใจตัวเองเลย
นึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ รู้สึกตำหนิตัวเองอย่างแรง ทำไมต้องแสดงกิริยาโวยวายโกรธขึงบึ้งตึงกับหนุ่มจอมกวนขนาดนั้นด้วย แบบนี้คงรู้หมดว่าเธอมีใจให้กับเขาแล้ว
เฮ้อ….หมดกัน!!
“ฉันไม่ได้ชอบปริม”
คำพูดของชายหนุ่มผุดขึ้นมาในสมองอีกแล้ว พร้อม ๆ กับน้ำตารื้นขึ้นมาคลอขอบตาเอาไว้ เธอไม่เข้าใจตัวเองเลย ทำไมต้องเสียใจกับคำพูดประโยคนี้ ทำไมต้องรู้สึกผิดหวัง และน้อยใจเหลือเกิน เขาก็เหมือนกับเพื่อนคนนั้น ที่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม เป็นอะไรก็ไม่พูด ไม่บอก เงียบไปเฉย ๆ แล้วเธอก็ต้องเสียใจอีกจนได้
ไม่! เธอจะไม่ยอมเสียน้ำตาให้กับผู้ชายคนนี้เด็ดขาด! รีบหายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้น้ำในดวงตาเหือดแห้งไป
“ไม่ชอบ! ก็ไม่ต้องชอบสิ!”
อยากจะลืมเขาให้ได้เดี๋ยวนี้!! ทำไมทำไม่ได้นะ เฮ้อ…
เธอได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
“ปริม…ฉันขอเวลาหน่อยนะ สักวันฉันจะต้องลืมได้แน่นอน” เธอบอกตัวเอง
ถ้าหนุ่มนักดนตรีมาหาอีกจะทำอย่างไรดี ถ้าเจอหน้ากันอีกจะทำอย่างไร ถ้า….ถ้า…ถ้าและถ้า…. ฯลฯ
เธอจะเป็นเพื่อนกับเขาต่อไปได้ไหม…เธอไม่รู้เลย รู้สึกแต่ว่า ตอนนี้ไม่อยากพบหน้าคนหลอกลวงคนนั้นอีกแล้ว…มันเจ็บที่หัวใจเหลือเกิน…
เสียงใบไม้แห้งบนพื้นดินเกิดเสียงดังกรอบแกรบ!! เหมือนมีคนกำลังเดินมา หญิงสาวรีบหันไปมอง