รับคำท้าฯ
ตอนที่ 50
ปริมามองหน้าหนุ่มหน้าหวานดูดุและจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่มีแววตาล้อเล่น ขี้แกล้งเหมือนเคย เขาบีบข้อมือเธอไว้แน่นมาก ร่างสูงขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ ก้าวเท้าเข้ามาประชิดตัวเธอ แม้ใจจะเริ่มรู้สึกฝ่อ ๆ แต่ก็ยังเฉิดหน้าพูดใส่เขา
“นายมีสิทธิ์อะไร! ห้ามฉันไม่ให้ไปเยี่ยมพี่ปราม!” เธอพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ พร้อมกับพยายามดึงข้อมือตัวเองกลับคืนมา แล้วรีบใช้อีกมือหนึ่งหยิกท่อนแขนของเขาอย่างแรง ที่มาจับมือถือแขนเธอแบบนี้ แต่ทว่าอีกฝ่ายรีบใช้มืออีกข้างมาฉวยมือของเธอไว้เสียก่อนอย่างรู้ทัน
หญิงสาวผงะ! เมื่อมองเห็นเขาล็อคมือของเธอไว้ทั้งสองข้าง
“ฉันใช้สิทธิ์เป็นเพื่อนของเธอ” น้ำเสียงนั้นดูขึงขังไม่น้อย แม้จะไม่ชอบคำว่าเพื่อนเอาเสียเลย แต่เวลานี้ก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง
“เพื่อน...ที่เป็นห่วงเธอ” น้ำเสียงนั้นอ่อนลง ไม่ได้ขึงขังเหมือนประโยคแรก แต่ทำให้คนฟังรับรู้ถึงความห่วงใยจากถ้อยคำทุกพยางค์ที่เอ่ยออกมา
“ถ้าอยากรู้ว่า ฉันจะห้ามเธอไม่ให้ไปเยี่ยมปรามได้มั้ย? ลองดูก็ได้นะ” กิริยาท่าทางของเขาเหมือนข่มขู่อยู่ในที พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“รู้แล้ว! จะไปกินข้าวเดี๋ยวนี้แหละ” ปริมาพูดประชดใส่เสียงดัง ยังพยายามดึงมือทั้งสองข้างตัวเองออกมาจากฝ่ามือของคนหนุ่ม แต่ทว่า ยังดึงคืนมาไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อยมือ
ก่อนหน้านั้น หนุ่มผมยาวเคยแกล้งเดินตามเธอทั้งที่บ้านยันมหาลัย เธออายมาก ทั้งโดนเพื่อนล้อ โดนแซวจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไม่อยากให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำอีก
“สัญญาก่อน ต้องกินข้าวให้ตรงเวลา ทั้งสามเวลา” หนุ่มจอมกวนตีหน้าตาย แกล้งเก๊กเสียงดุ ๆ
“ยุ่งกับชีวิตฉันจังเลย” สาวชาวสวนโวยวาย พลางเบนหน้าหนีใบหน้าของคนเอาเรื่องที่ยื่นเข้ามาใกล้เพิ่มขึ้นอีก จนปลายจมูกโด่งของเขาเกือบจะชนกับปลายจมูกของเธออยู่แล้ว
“สัญญาสิ!” คนเอาเรื่องย้ำอีกครั้ง ถ้าไม่มีคำสัญญาจากปากของยัยตัวแสบ เขาไม่เชื่อเด็ดขาด
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ทั้งคู่หันไปมองที่มาของเสียง
“คุณปริม ของเยี่ยมที่สั่งไว้ จัดเรียบร้อยแล้วค่ะ ให้เอาเข้าไปเลยไหมคะ” เสียงพนักงานของรีสอร์ตบอกอยู่หน้าประตูห้อง
“ปล่อยมือของนาย เดี๋ยวนี้!” สาวเจ้าเริ่มเลิ่กลั่ก กลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็นเขาจับมือเธออยู่
“ไม่! จนกว่าเธอจะรับปากและสัญญากับฉันก่อน” ชายหนุ่มยังคงนิ่วหน้าดุ ๆ ไว้
“ยังไม่ต้องเอาเข้ามา! ฉันจะออกไปดูเอง” ปริมารีบหันไปตะโกนสั่งพนักงานที่จะเข้ามาในห้อง ก่อนหันกลับมาพูดกับหนุ่มนักดนตรี
“ฉันรับปากนาย! ฉันสัญญา! พอใจรึยัง!” เธอกระแทกเสียงใส่เขา
“จริงนะ” หนุ่มหน้าหวานย้ำอีกครั้ง แอบซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้า
“ฉันเคยผิดคำพูดมั้ยล่ะ” เธอเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น และทำได้อย่างที่พูดเสมอ
หนุ่มผมยาวอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากอย่างพอใจ ค่อย ๆ ปล่อยมือคนหัวรั้นคืนเจ้าของ มองอีกฝ่ายรีบกระชากมือตัวเองคืนกลับไปอย่างรวดเร็ว สะบัดหน้าเดินออกจากห้องไปทันที เขารีบเดินตามไป
“นายตามมาทำไมอีก อย่าบอกนะ! ว่าจะมาคุมฉันกินข้าวด้วย!”
“ก็หิว.... นี่...มันเที่ยงแล้ว กินข้าวด้วยคนน้า...” ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง สีหน้าและแววตาขณะนี้ออกอาการ
อ้อนเธอเต็มพิกัด
สาวชาวสวนแอบซ่อนยิ้มน้อย ๆ ไว้ในสีหน้า เมื่อกี๊เขายังดูดุดันจริงจังมากอยู่เลย แต่เวลานี้กลับกลายเป็นหนุ่มขี้อ้อนไปแล้ว
หญิงสาวสั่งอาหารมาวางบนโต๊ะ หนึ่งในนั้นมีแก้วน้ำทรงอ้วนที่มีเมล็ดเก๋ากี้สีแดงและลูกเกดสีเหลืองแช่น้ำอยู่ในแก้วใส
“นี่คืออะไรเหรอ” หนุ่มผมยาวจ้องมองแก้วน้ำทรงอ้วนด้วยความสงสัย
“เม็ดเก๋ากี้แช่ลูกเกด อร่อยมาก บำรุงสายตา ฉันทำมาให้นายโดยเฉพาะเลย” เธอมองนัยตาของเขายังแดงก่ำอยู่เลย
“ลองชิมดูสิ”
หนุ่มจอมกวนขยับถ้วยทรงอ้วนมาตรงหน้า ใช้ช้อนตักเข้าปาก เขาทำตาลุกวาว พลางพยักหน้าหงึก ๆ ขณะเคี้ยว
“หืม...อร่อยมาก ใส่น้ำตาลมั้ย เปรี้ยวหวานพอดี” เขารู้สึกถึงรสเปรี้ยวน้อย ๆ ของเก๋ากี๊และหวานเปรี้ยวของลูกเกดสีเหลือง
“ไม่ได้ใส่เลย ทำง่ายมาก เอามาล้างให้สะอาด ลวกน้ำร้อน แล้วแช่น้ำร้อนไว้ให้ทั้งสองอย่างนิ่ม ทิ้งให้เย็นเก็บเข้าตู้เย็นกินได้หลายวัน” แม่ครัวตัวแสบอธิบาย พลางมองคนถามกินเอา ๆ อย่างเอร็ดอร่อยเชียวจนแก้มขาวละมุนของเขาตุงเป็นก้อนกลมน่าหยิกเหลือเกิน
หนุ่มหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหญิงสาว แต่อีกฝ่ายรีบหลบสายตา ทำเป็นแกล้งก้มหน้าก้มตาทานข้าว ริมฝีปากสวยอมยิ้มเขิน เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายแอบมองเขา แม้เธอจะแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ก็ตาม
เก๋ากี้ (GOJI BERRY) หรือ Lycium Barbarum เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งในตระกูลเบอร์รีสีแดงมีลักษณะเป็นเมล็ดเล็กๆ ที่นิยมรับประทานในหมู่ชาวจีน ผลที่สุกแล้วจะมีสีแดงเหมือนเลือด จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ฮ่วยกี้" เป็นยาบำรุงชั้นดี มีฤทธิ์ปานกลาง จากการค้นคว้าและวิจัยของ Dr. Earl Mindell พบว่าผลเก๋ากี้ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีค่า ORAC (สมรรถภาพการดูดซับอนุมูลอิสระของออกซิเจน) ในปริมาณมากถึง 25,300 (ในขณะที่ลูกพรุนซึ่งมีค่า ORAC เป็นลำดับที่ 2 มีค่า ORAC เพียง 5,700 เท่านั้น) โดยอนุมูลอิสระเป็นอนุมูลที่หลงเหลือจากปฏิกิริยาทางเคมีชีวะภายในร่างกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรืออาจได้มาจากภายนอกร่างกายเช่นสภาวะอากาศที่เป็นพิษ หรือการสูบบุหรี่ อนุมูลอิสระสามารถทำปฏิกิริยากับสารอื่นได้ดีและมีพลังงานสูง ทำให้อนุมูลอิสระสามารถทำลายผนังเซลล์และทำลายสารพันธุกรรมของเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความแก่ ความเสื่อมของอวัยวะในร่างกาย หรือทำให้เซลล์เกิดการแบ่งตัวอย่างผิดปกติเกิดเป็นโรคมะเร็งตามส่วนต่างๆของร่างกายขึ้น
ข้อมูลจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า เมล็ดเก๋ากี้แต่ละเมล็ดประกอบด้วยกรดอะมิโน 18 จาก 20 ชนิด ที่ร่างกายใช้ในการสร้างโปรตีน อุดมไปด้วย Polysaccharides 22 ชนิด มีค่า Glycemic Index ต่ำ (Glycemic Index: GI= ดัชนีที่ใช้ตรวจ วัดคุณภาพของอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ซึ่งหลังรับประทาน และเข้าสู่ระบบการย่อยและดูดซึมของร่างกายจะสามารถเพิ่มระดับน้ำตาล ในเลือดได้มากหรือน้อยโดยเปรียบเทียบกับสารมาตรฐานคือ น้ำตาลกลูโคสซึ่งมีค่า GI เท่ากับ 100) อุดมไปด้วยสาร Antioxidant ในกลุ่ม Polyphenol และ Flavonoid สูงกว่าพืชทั่วๆไป มีใยอาหารสูงถึงร้อยละ 20 มีวิตามินซีสูงกว่าส้ม มีเบต้าแคโรทีน (Beta carotene) สูงกว่าแครอท ซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอและจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอจากเอนไซม์ที่ตับ จึงทำให้เก๋ากี้มีปริมาณวิตามินเอที่สูงมาก และมีแคลเซียมสูงกว่าบรอคโคลี มีแร่ธาตุที่สำคัญได้แก่ สังกะสี,เหล็ก,ทองแดง,แคลเซียม,เจอมันเนียม,เซเรเนียม และฟอสฟอรัส มีวิตามิน ซี เอ และบี 2 ยิ่งไปกว่านั้นเก๋ากี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนในหนังสือแพทย์แผนจีนร่วมสมัย The Pharmacopoeia of the People’s Republic of China ที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขจีนและเป็นยอมรับว่าเป็นสมุนไพรที่ใช้เป็นยาบำรุงร่างกายในวงกว้าง
สรรพคุณโดยรวมของเม็ดเก๋ากี้คือ
ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายจะสมบูรณ์ขึ้น เพราะมีสารต่างซึ่งทำหน้าที่เหมือนโมเลกุลหลักในร่างกาย ที่เมื่อเกิดการทำงานร่วมกันแล้วจะทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม และนำพาคำสั่งต่างๆ ที่เซลล์ของร่างกายใช้ในการติดต่อสื่อสารถึงกันได้ครอบคลุมทุกระบบ ทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานสัมพันธ์กันได้ดี ซึ่งจะช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง แก้อาการอ่อนเพลีย เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ช่วยให้หัวใจแข็งแรง ช่วยสร้างเม็ดเลือดที่แข็งแรงเพิ่มขึ้น เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยระบบเจริญพันธุ์ ลดอาการอักเสบของโรคไขข้ออักเสบ เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และกระดูก ช่วยให้เหงือกแข็งแรง ปรับปรุงระบบการย่อย ลดความเครียด อาการปวดศีรษะ แก้อาการวิงเวียนศีรษะ ช่วยในการนอนหลับ ช่วยในเรื่องความจำ ทำให้รู้สึกสดชื่น บรรเทาอาการนอนไม่หลับ ปรับปรุงคุณภาพของการนอน ช่วยให้การออกกำลังกายได้นานขึ้น ช่วยขจัดความเมื่อยล้าและความเฉื่อยชา
ใช้รักษาอาการทางด้านสายตา ผลวิจัยในต่างประเทศพบว่า อุดมด้วยแคโรทีนอยด์ และซีแซนทีน ช่วยเรื่องการมองเห็น หรือสายตา เพิ่มความสามารถในการมองเห็น รักษาโรคตาบอดกลางคืน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการรับภาพ และป้องกันแสง โดยเฉพาะแสงสีน้ำเงิน และสีฟ้า ทำให้ดวงตาเสื่อมช้าลง มักถูกแปรรูปเป็นเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ต้มเพื่อดื่มน้ำ และใช้ในเชิงสมุนไพรสำหรับประกอบอาหารด้วย"
การศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan) ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังแสดงให้เห็นว่า แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ชนิดซีแซนทิน(Zeaxanthin) ในเก๋ากี้ จะสามารถช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของดวงตา ช่วยส่งเสริมการทำงานของจอประสาทตา และการมองเห็นในผู้สูงอายุได้อีกด้วย
จากงานวิจัยพบว่าเมล็ดเก๋ากี้ยังมีสารจำพวก zeaxanthin และlutein อยู่สูงมาก มีสูงถึง162 มก./100 กรัมสูงกว่าสาหร่ายเกลียวทองประมาณ 5 เท่าซึ่งสารดังกล่าวเป็นสารจำพวก carotenoid ที่ช่วยป้องกัน ช่วยปรับสภาพแสง และกรองแสงสีน้ำเงินที่เข้าสู่ตาที่มีอันตรายต่อตา ป้องกันการเสื่อมของเลนส์ลูกนัยน์ตาและจอภาพเรตินาจากอนุมูลอิสระได้ ช่วยรักษาโรคตาบอดกลางคืน ช่วยบำรุงสายตาทำให้การมองเห็นเป็นปกติ นอกจากนี้ผลเก๋ากี้ยังมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ และจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอจากเอนไซม์ที่ตับ ซึ่งวิตามินเอมีประโยชน์ในการช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness) หากร่างกายขาดวิตามินเอจะทำให้มองเห็นได้ยากในเวลากลางคืนหรือในที่แสงสว่างน้อย เยื่อบุตาแห้ง กระจกตาเป็นแผล ในกรณีที่ร่างกายขาดวิตามินเออย่างรุนแรงอาจทำให้ตาบอดได้
เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ในผลเก๋ากี้มีสาร Polysaccharides ที่ช่วยกระตุ้นให้เซลเม็ดเลือดขาว (T & B lymphocyte) ปรับปรุงเซลล์เม็ดเลือดขาวให้ทำงานได้ดีขึ้น สร้างความแข็งแรงของเม็ดเลือด ป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ เก๋ากี้มีสารพวกฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ช่วยป้องกันเม็ดเลือดแดงไม่ให้อนุมูลอิสระมาทำลาย และช่วยกระตุ้นไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดได้
เก๋ากี้ มีวิตามิน B1, B2, C และสารพวกฟลาวานอยด์ในปริมาณที่สูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระโดยไปกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในร่างกายให้ทำงานต้านอนุมูลอิสระได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการกำจัดอนุมูลอิสระจะช่วยปกป้องผนังเซลล์ในร่างกาย ช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณชะลอความชรา กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต โดยต่อมใต้สมอง (human growth hormone)
ช่วยต่อต้านมะเร็งและสามารถหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง อนุมูลอิสระในผลเก๋ากี้มีผลช่วยทำลายป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง ทั้งยังพบว่าเบต้าแคโรทีนสามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายให้ทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น ซึ่งให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาวิจัยของจีนที่บ่งชี้ว่า ผลเก๋ากี้ช่วยต่อต้านมะเร็งและยังสามารถหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยในปี พ.ศ.2537 มีผลการศึกษาที่ได้รับการบันทึกลงในวารสารจีนเกี่ยวกับเนื้องอกว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็ง มีการตอบสนองในการรักษาโรคมะเร็งดีขึ้นเมื่อมีการนำผลเก๋ากี้มาเป็นส่วนหนึ่งในการรักษา และยังช่วยอาการข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีคีโมและฉายรังสีด้วย
ลดระดับน้ำตาลในเลือดผู้เป็นเบาหวาน ลดโคเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ยับยั้งการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยให้หัวใจแข็งแรง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น เพราะในเก๋ากี้มีสารพวกไซเพอโรน (cyperone) ซึ่งมีผลดีต่อหัวใจและความดันเลือด นอกจากไซเพอโรนยังมีสารแอนโทโซยานิน (anthocyanins) ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง มีเบต้า-ไซโตสเตอรอล (beta-sitosterol) ซึ่งสามารถช่วยรักษาระดับโคเลสเตอรอลที่ดีต่อร่างกาย ให้อยู่ในปริมาณสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยป้องกันไม่ให้โคเลสเตอรอลถูกเติมออกซิเจนและเกิดเป็นคราบอุดตันในเส้นเลือด นอกจากนี้ยังมีสารฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยยับยั้งปฏิกิริยาการเกิดโคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ที่ทำให้เกิดเป็นโรคหัวใจเนื่องจา
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 50
ตอนที่ 50
ปริมามองหน้าหนุ่มหน้าหวานดูดุและจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่มีแววตาล้อเล่น ขี้แกล้งเหมือนเคย เขาบีบข้อมือเธอไว้แน่นมาก ร่างสูงขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ ก้าวเท้าเข้ามาประชิดตัวเธอ แม้ใจจะเริ่มรู้สึกฝ่อ ๆ แต่ก็ยังเฉิดหน้าพูดใส่เขา
“นายมีสิทธิ์อะไร! ห้ามฉันไม่ให้ไปเยี่ยมพี่ปราม!” เธอพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ พร้อมกับพยายามดึงข้อมือตัวเองกลับคืนมา แล้วรีบใช้อีกมือหนึ่งหยิกท่อนแขนของเขาอย่างแรง ที่มาจับมือถือแขนเธอแบบนี้ แต่ทว่าอีกฝ่ายรีบใช้มืออีกข้างมาฉวยมือของเธอไว้เสียก่อนอย่างรู้ทัน
หญิงสาวผงะ! เมื่อมองเห็นเขาล็อคมือของเธอไว้ทั้งสองข้าง
“ฉันใช้สิทธิ์เป็นเพื่อนของเธอ” น้ำเสียงนั้นดูขึงขังไม่น้อย แม้จะไม่ชอบคำว่าเพื่อนเอาเสียเลย แต่เวลานี้ก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง
“เพื่อน...ที่เป็นห่วงเธอ” น้ำเสียงนั้นอ่อนลง ไม่ได้ขึงขังเหมือนประโยคแรก แต่ทำให้คนฟังรับรู้ถึงความห่วงใยจากถ้อยคำทุกพยางค์ที่เอ่ยออกมา
“ถ้าอยากรู้ว่า ฉันจะห้ามเธอไม่ให้ไปเยี่ยมปรามได้มั้ย? ลองดูก็ได้นะ” กิริยาท่าทางของเขาเหมือนข่มขู่อยู่ในที พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“รู้แล้ว! จะไปกินข้าวเดี๋ยวนี้แหละ” ปริมาพูดประชดใส่เสียงดัง ยังพยายามดึงมือทั้งสองข้างตัวเองออกมาจากฝ่ามือของคนหนุ่ม แต่ทว่า ยังดึงคืนมาไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อยมือ
ก่อนหน้านั้น หนุ่มผมยาวเคยแกล้งเดินตามเธอทั้งที่บ้านยันมหาลัย เธออายมาก ทั้งโดนเพื่อนล้อ โดนแซวจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไม่อยากให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำอีก
“สัญญาก่อน ต้องกินข้าวให้ตรงเวลา ทั้งสามเวลา” หนุ่มจอมกวนตีหน้าตาย แกล้งเก๊กเสียงดุ ๆ
“ยุ่งกับชีวิตฉันจังเลย” สาวชาวสวนโวยวาย พลางเบนหน้าหนีใบหน้าของคนเอาเรื่องที่ยื่นเข้ามาใกล้เพิ่มขึ้นอีก จนปลายจมูกโด่งของเขาเกือบจะชนกับปลายจมูกของเธออยู่แล้ว
“สัญญาสิ!” คนเอาเรื่องย้ำอีกครั้ง ถ้าไม่มีคำสัญญาจากปากของยัยตัวแสบ เขาไม่เชื่อเด็ดขาด
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ทั้งคู่หันไปมองที่มาของเสียง
“คุณปริม ของเยี่ยมที่สั่งไว้ จัดเรียบร้อยแล้วค่ะ ให้เอาเข้าไปเลยไหมคะ” เสียงพนักงานของรีสอร์ตบอกอยู่หน้าประตูห้อง
“ปล่อยมือของนาย เดี๋ยวนี้!” สาวเจ้าเริ่มเลิ่กลั่ก กลัวคนอื่นจะเข้ามาเห็นเขาจับมือเธออยู่
“ไม่! จนกว่าเธอจะรับปากและสัญญากับฉันก่อน” ชายหนุ่มยังคงนิ่วหน้าดุ ๆ ไว้
“ยังไม่ต้องเอาเข้ามา! ฉันจะออกไปดูเอง” ปริมารีบหันไปตะโกนสั่งพนักงานที่จะเข้ามาในห้อง ก่อนหันกลับมาพูดกับหนุ่มนักดนตรี
“ฉันรับปากนาย! ฉันสัญญา! พอใจรึยัง!” เธอกระแทกเสียงใส่เขา
“จริงนะ” หนุ่มหน้าหวานย้ำอีกครั้ง แอบซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้า
“ฉันเคยผิดคำพูดมั้ยล่ะ” เธอเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น และทำได้อย่างที่พูดเสมอ
หนุ่มผมยาวอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากอย่างพอใจ ค่อย ๆ ปล่อยมือคนหัวรั้นคืนเจ้าของ มองอีกฝ่ายรีบกระชากมือตัวเองคืนกลับไปอย่างรวดเร็ว สะบัดหน้าเดินออกจากห้องไปทันที เขารีบเดินตามไป
“นายตามมาทำไมอีก อย่าบอกนะ! ว่าจะมาคุมฉันกินข้าวด้วย!”
“ก็หิว.... นี่...มันเที่ยงแล้ว กินข้าวด้วยคนน้า...” ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง สีหน้าและแววตาขณะนี้ออกอาการ
อ้อนเธอเต็มพิกัด
สาวชาวสวนแอบซ่อนยิ้มน้อย ๆ ไว้ในสีหน้า เมื่อกี๊เขายังดูดุดันจริงจังมากอยู่เลย แต่เวลานี้กลับกลายเป็นหนุ่มขี้อ้อนไปแล้ว
หญิงสาวสั่งอาหารมาวางบนโต๊ะ หนึ่งในนั้นมีแก้วน้ำทรงอ้วนที่มีเมล็ดเก๋ากี้สีแดงและลูกเกดสีเหลืองแช่น้ำอยู่ในแก้วใส
“นี่คืออะไรเหรอ” หนุ่มผมยาวจ้องมองแก้วน้ำทรงอ้วนด้วยความสงสัย
“เม็ดเก๋ากี้แช่ลูกเกด อร่อยมาก บำรุงสายตา ฉันทำมาให้นายโดยเฉพาะเลย” เธอมองนัยตาของเขายังแดงก่ำอยู่เลย
“ลองชิมดูสิ”
หนุ่มจอมกวนขยับถ้วยทรงอ้วนมาตรงหน้า ใช้ช้อนตักเข้าปาก เขาทำตาลุกวาว พลางพยักหน้าหงึก ๆ ขณะเคี้ยว
“หืม...อร่อยมาก ใส่น้ำตาลมั้ย เปรี้ยวหวานพอดี” เขารู้สึกถึงรสเปรี้ยวน้อย ๆ ของเก๋ากี๊และหวานเปรี้ยวของลูกเกดสีเหลือง
“ไม่ได้ใส่เลย ทำง่ายมาก เอามาล้างให้สะอาด ลวกน้ำร้อน แล้วแช่น้ำร้อนไว้ให้ทั้งสองอย่างนิ่ม ทิ้งให้เย็นเก็บเข้าตู้เย็นกินได้หลายวัน” แม่ครัวตัวแสบอธิบาย พลางมองคนถามกินเอา ๆ อย่างเอร็ดอร่อยเชียวจนแก้มขาวละมุนของเขาตุงเป็นก้อนกลมน่าหยิกเหลือเกิน
หนุ่มหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหญิงสาว แต่อีกฝ่ายรีบหลบสายตา ทำเป็นแกล้งก้มหน้าก้มตาทานข้าว ริมฝีปากสวยอมยิ้มเขิน เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายแอบมองเขา แม้เธอจะแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ก็ตาม
เก๋ากี้ (GOJI BERRY) หรือ Lycium Barbarum เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งในตระกูลเบอร์รีสีแดงมีลักษณะเป็นเมล็ดเล็กๆ ที่นิยมรับประทานในหมู่ชาวจีน ผลที่สุกแล้วจะมีสีแดงเหมือนเลือด จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ฮ่วยกี้" เป็นยาบำรุงชั้นดี มีฤทธิ์ปานกลาง จากการค้นคว้าและวิจัยของ Dr. Earl Mindell พบว่าผลเก๋ากี้ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีค่า ORAC (สมรรถภาพการดูดซับอนุมูลอิสระของออกซิเจน) ในปริมาณมากถึง 25,300 (ในขณะที่ลูกพรุนซึ่งมีค่า ORAC เป็นลำดับที่ 2 มีค่า ORAC เพียง 5,700 เท่านั้น) โดยอนุมูลอิสระเป็นอนุมูลที่หลงเหลือจากปฏิกิริยาทางเคมีชีวะภายในร่างกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรืออาจได้มาจากภายนอกร่างกายเช่นสภาวะอากาศที่เป็นพิษ หรือการสูบบุหรี่ อนุมูลอิสระสามารถทำปฏิกิริยากับสารอื่นได้ดีและมีพลังงานสูง ทำให้อนุมูลอิสระสามารถทำลายผนังเซลล์และทำลายสารพันธุกรรมของเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความแก่ ความเสื่อมของอวัยวะในร่างกาย หรือทำให้เซลล์เกิดการแบ่งตัวอย่างผิดปกติเกิดเป็นโรคมะเร็งตามส่วนต่างๆของร่างกายขึ้น
ข้อมูลจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า เมล็ดเก๋ากี้แต่ละเมล็ดประกอบด้วยกรดอะมิโน 18 จาก 20 ชนิด ที่ร่างกายใช้ในการสร้างโปรตีน อุดมไปด้วย Polysaccharides 22 ชนิด มีค่า Glycemic Index ต่ำ (Glycemic Index: GI= ดัชนีที่ใช้ตรวจ วัดคุณภาพของอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ซึ่งหลังรับประทาน และเข้าสู่ระบบการย่อยและดูดซึมของร่างกายจะสามารถเพิ่มระดับน้ำตาล ในเลือดได้มากหรือน้อยโดยเปรียบเทียบกับสารมาตรฐานคือ น้ำตาลกลูโคสซึ่งมีค่า GI เท่ากับ 100) อุดมไปด้วยสาร Antioxidant ในกลุ่ม Polyphenol และ Flavonoid สูงกว่าพืชทั่วๆไป มีใยอาหารสูงถึงร้อยละ 20 มีวิตามินซีสูงกว่าส้ม มีเบต้าแคโรทีน (Beta carotene) สูงกว่าแครอท ซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอและจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอจากเอนไซม์ที่ตับ จึงทำให้เก๋ากี้มีปริมาณวิตามินเอที่สูงมาก และมีแคลเซียมสูงกว่าบรอคโคลี มีแร่ธาตุที่สำคัญได้แก่ สังกะสี,เหล็ก,ทองแดง,แคลเซียม,เจอมันเนียม,เซเรเนียม และฟอสฟอรัส มีวิตามิน ซี เอ และบี 2 ยิ่งไปกว่านั้นเก๋ากี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนในหนังสือแพทย์แผนจีนร่วมสมัย The Pharmacopoeia of the People’s Republic of China ที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขจีนและเป็นยอมรับว่าเป็นสมุนไพรที่ใช้เป็นยาบำรุงร่างกายในวงกว้าง
สรรพคุณโดยรวมของเม็ดเก๋ากี้คือ
ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายจะสมบูรณ์ขึ้น เพราะมีสารต่างซึ่งทำหน้าที่เหมือนโมเลกุลหลักในร่างกาย ที่เมื่อเกิดการทำงานร่วมกันแล้วจะทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม และนำพาคำสั่งต่างๆ ที่เซลล์ของร่างกายใช้ในการติดต่อสื่อสารถึงกันได้ครอบคลุมทุกระบบ ทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานสัมพันธ์กันได้ดี ซึ่งจะช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง แก้อาการอ่อนเพลีย เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ช่วยให้หัวใจแข็งแรง ช่วยสร้างเม็ดเลือดที่แข็งแรงเพิ่มขึ้น เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยระบบเจริญพันธุ์ ลดอาการอักเสบของโรคไขข้ออักเสบ เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และกระดูก ช่วยให้เหงือกแข็งแรง ปรับปรุงระบบการย่อย ลดความเครียด อาการปวดศีรษะ แก้อาการวิงเวียนศีรษะ ช่วยในการนอนหลับ ช่วยในเรื่องความจำ ทำให้รู้สึกสดชื่น บรรเทาอาการนอนไม่หลับ ปรับปรุงคุณภาพของการนอน ช่วยให้การออกกำลังกายได้นานขึ้น ช่วยขจัดความเมื่อยล้าและความเฉื่อยชา
ใช้รักษาอาการทางด้านสายตา ผลวิจัยในต่างประเทศพบว่า อุดมด้วยแคโรทีนอยด์ และซีแซนทีน ช่วยเรื่องการมองเห็น หรือสายตา เพิ่มความสามารถในการมองเห็น รักษาโรคตาบอดกลางคืน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการรับภาพ และป้องกันแสง โดยเฉพาะแสงสีน้ำเงิน และสีฟ้า ทำให้ดวงตาเสื่อมช้าลง มักถูกแปรรูปเป็นเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ต้มเพื่อดื่มน้ำ และใช้ในเชิงสมุนไพรสำหรับประกอบอาหารด้วย"
การศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan) ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังแสดงให้เห็นว่า แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ชนิดซีแซนทิน(Zeaxanthin) ในเก๋ากี้ จะสามารถช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของดวงตา ช่วยส่งเสริมการทำงานของจอประสาทตา และการมองเห็นในผู้สูงอายุได้อีกด้วย
จากงานวิจัยพบว่าเมล็ดเก๋ากี้ยังมีสารจำพวก zeaxanthin และlutein อยู่สูงมาก มีสูงถึง162 มก./100 กรัมสูงกว่าสาหร่ายเกลียวทองประมาณ 5 เท่าซึ่งสารดังกล่าวเป็นสารจำพวก carotenoid ที่ช่วยป้องกัน ช่วยปรับสภาพแสง และกรองแสงสีน้ำเงินที่เข้าสู่ตาที่มีอันตรายต่อตา ป้องกันการเสื่อมของเลนส์ลูกนัยน์ตาและจอภาพเรตินาจากอนุมูลอิสระได้ ช่วยรักษาโรคตาบอดกลางคืน ช่วยบำรุงสายตาทำให้การมองเห็นเป็นปกติ นอกจากนี้ผลเก๋ากี้ยังมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ และจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอจากเอนไซม์ที่ตับ ซึ่งวิตามินเอมีประโยชน์ในการช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness) หากร่างกายขาดวิตามินเอจะทำให้มองเห็นได้ยากในเวลากลางคืนหรือในที่แสงสว่างน้อย เยื่อบุตาแห้ง กระจกตาเป็นแผล ในกรณีที่ร่างกายขาดวิตามินเออย่างรุนแรงอาจทำให้ตาบอดได้
เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ในผลเก๋ากี้มีสาร Polysaccharides ที่ช่วยกระตุ้นให้เซลเม็ดเลือดขาว (T & B lymphocyte) ปรับปรุงเซลล์เม็ดเลือดขาวให้ทำงานได้ดีขึ้น สร้างความแข็งแรงของเม็ดเลือด ป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ เก๋ากี้มีสารพวกฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ช่วยป้องกันเม็ดเลือดแดงไม่ให้อนุมูลอิสระมาทำลาย และช่วยกระตุ้นไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดได้
เก๋ากี้ มีวิตามิน B1, B2, C และสารพวกฟลาวานอยด์ในปริมาณที่สูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระโดยไปกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในร่างกายให้ทำงานต้านอนุมูลอิสระได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการกำจัดอนุมูลอิสระจะช่วยปกป้องผนังเซลล์ในร่างกาย ช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณชะลอความชรา กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต โดยต่อมใต้สมอง (human growth hormone)
ช่วยต่อต้านมะเร็งและสามารถหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง อนุมูลอิสระในผลเก๋ากี้มีผลช่วยทำลายป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง ทั้งยังพบว่าเบต้าแคโรทีนสามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายให้ทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น ซึ่งให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาวิจัยของจีนที่บ่งชี้ว่า ผลเก๋ากี้ช่วยต่อต้านมะเร็งและยังสามารถหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยในปี พ.ศ.2537 มีผลการศึกษาที่ได้รับการบันทึกลงในวารสารจีนเกี่ยวกับเนื้องอกว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็ง มีการตอบสนองในการรักษาโรคมะเร็งดีขึ้นเมื่อมีการนำผลเก๋ากี้มาเป็นส่วนหนึ่งในการรักษา และยังช่วยอาการข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีคีโมและฉายรังสีด้วย
ลดระดับน้ำตาลในเลือดผู้เป็นเบาหวาน ลดโคเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ยับยั้งการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยให้หัวใจแข็งแรง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น เพราะในเก๋ากี้มีสารพวกไซเพอโรน (cyperone) ซึ่งมีผลดีต่อหัวใจและความดันเลือด นอกจากไซเพอโรนยังมีสารแอนโทโซยานิน (anthocyanins) ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง มีเบต้า-ไซโตสเตอรอล (beta-sitosterol) ซึ่งสามารถช่วยรักษาระดับโคเลสเตอรอลที่ดีต่อร่างกาย ให้อยู่ในปริมาณสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยป้องกันไม่ให้โคเลสเตอรอลถูกเติมออกซิเจนและเกิดเป็นคราบอุดตันในเส้นเลือด นอกจากนี้ยังมีสารฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยยับยั้งปฏิกิริยาการเกิดโคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ที่ทำให้เกิดเป็นโรคหัวใจเนื่องจา