รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 28 ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้!

รับคำท้าฯ
ตอนที่ 28
 
                คอมพิวเตอร์ถูกเปิดทิ้งไว้ทั้งคืน  บนหน้าจอปรากฏตัวอักษรตัวเดียวกันเต็มจอ  ฝ่ามือยังวางอยู่บนเมาส์ ใบหน้าขาวละมุนวางตะแคงราบแก้มแนบอยู่กับโต๊ะข้างจอคอมพิวเตอร์  เปลือกตาคู่นั้นปิดสนิท  ชายหนุ่มยังนั่งอยู่บนเก้าอี้  แต่ลำตัวกลับวางพาดอยู่กับโต๊ะคอมพิวเตอร์  เขายังอยู่ในชุดนอน

                นิ้วมือที่วางอยู่บนเมาส์กระดิก  ครู่หนึ่งใบหน้าที่วางแนบอยู่กับโต๊ะขยับตัว  เปลือกตาค่อย ๆ ลืมขึ้น  หนุ่มหน้าหวานยกศีรษะขึ้นมาจากพื้นโต๊ะเขียนหนังสืออย่างงัวเงีย  เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่?  มองบนหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว รีบยกมือออกจากแป้นพิมพ์ของคีย์บอร์ด นิ้วชี้ข้างซ้ายของเขากดค้างโดนตัวอักษรฟอฟัน จนบนหน้าจอมีแต่ตัวอักษรฟอฟันอยู่เต็มไปหมด   รีบขยับเมาส์คลุมดำตัวอักษรฟอฟันไว้ ก่อนจะกดปุ่มลบทีเดียว จัดการกดปุ่มบันทึกงานบนหน้าจอใหม่  ซึ่งเป็นลิงก์ต่าง ๆ ของงานวิจัยโรคหัวใจ เขาค้นงานวิจัยติดต่อกันมาหลายคืนแล้ว  เมื่อเมาส์คลิกกากะบาทที่มุมขวาบนปิดโปรแกรมเวิร์ด  บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นรูปเขากับยัยตัวแสบกำลังจ้องหน้าจับมือเตรียมงัดข้อกัน  เป็นภาพที่น่ารักมาก  รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก  ต้องยกความดีให้แป้งนวลซึ่งเป็นคนถ่ายภาพนี้ให้

               เขาได้พูดคุยขอคำแนะนำจากปิ่นขวัญเรื่องการรักษาโรคหัวใจด้วยวิธีแพทย์ทางเลือก  นอกจากเธอจะมีความรู้ต่าง ๆ ในการใช้อาหารเป็นยาแล้ว  สิ่งที่เธอพูดมีงานวิจัยในต่างประเทศรับรองอีกด้วย  หากเขาจะแนะนำพ่อของตัวเองที่เป็นศัลยแพทย์โรคหัวใจอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย  คงต้องมีงานวิจัยมารองรับจึงจะทำให้น่าเชื่อถือมากขึ้น

                งานวิจัยแรกที่เขาสนใจมากคือ  มีการนำคนมาร้อยกว่าคนแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่รักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบันไม่ปรับเปลี่ยนอาหาร กับกลุ่มที่ปรับเปลี่ยนชีวิตเป็นอาหารเป็นมังสวิรัติ  รวมถึงต้องออกกำลังกายสัปดาห์ละห้าครั้ง  และลดความเครียด  งานวิจัยนี้จะให้ทุกคนมาฉีดสี สวนหัวใจ ถ่ายรูปหลอดเลือดไว้ก่อน  พอครบหนึ่งปีจะสวนหัวใจ  ฉีดสีถ่ายรูปอีก  พอครบห้าปีก็สวนหัวใจ ฉีดสี ถ่ายรูปอีกครั้ง ผลงานวิจัยออกมา กลุ่มที่มีการปรับเปลี่ยนชีวิต  รอยตีบที่หัวใจโล่งขึ้น  ขณะที่กลุ่มที่อยู่เฉย ๆ รอยตีบเดินหน้าตีบแคบลง จะเจ็บหน้าอกบ่อยกว่า  เข้าโรงพยาบาลมากขึ้น 

                หลังจากที่เขาได้พูดคุยกับพ่อ  และนำงานวิจัยต่าง ๆ ให้ดูประกอบ สิ่งที่ทำให้แปลกใจมาก คือพ่อไม่โต้แย้งใด ๆ เหมือนรู้ดีว่า  แนวทางการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันนั้นไม่ใช่คำตอบ เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ หนำซ้ำยังมีอัตราคนป่วยเพิ่มขึ้น ๆ และอาการของโรคหนักขึ้นอีกด้วย

                ปฏิการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์  แล้วเดินเข้าห้องน้ำ  มองหุ่นของตัวเองในกระจก  เขาเริ่มออกกำลังกายมาระยะหนึ่งแล้ว  มองแผงอกและกล้ามเนื้อแน่นปึ้กของตัวเองอย่างพอใจ  หุ่นสวยพอ ๆ กับพระเอกหนังในเรื่องกัปตันอเมริกาก็ไม่ปาน  รีบอาบน้ำแต่งตัว  วันนี้เขามีนัดไปตีแบตกับพ่อ  

                “หน้าผากไปโดนอะไรมา”  ปัณณวัตร์มองเห็นรอยแดงบนหน้าผากของลูกชายคนเดียว
                หนุ่มผมยาวยิ้มแหย ๆ ก่อนตอบว่า “ผมเผลอหลับ หัวเลยโขกกับโต๊ะครับ”  

                “ยังค้นงานวิจัยอยู่อีกเหรอ”  หมอใหญ่มองหน้าลูกชายอย่างทึ่ง แม้จะไม่ได้เรียนแพทย์อย่างที่เขาฝันไว้ แต่สามารถค้นงานวิจัยทางการแพทย์อ่านงานวิจัยได้ แต่ละงานวิจัยล้วนเป็นภาษาอังกฤษและเป็นศัพท์เฉพาะทางของการแพทย์ทั้งนั้น  ภาษาอังกฤษของลูกชายไม่เลวเลย  อดเสียดาย ถ้าได้เรียนต่อแพทย์จะต้องเป็นแพทย์ที่เก่งมากแน่นอน  เขาไม่คิดมาก่อนว่า ลูกชายของเขาจะมีความสามารถขนาดนี้  พลางยกมือตบต้นแขนชายหนุ่มตรงหน้าที่อยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น และรองเท้าผ้าใบพร้อมแล้วที่จะไปออกกำลังกายด้วยกัน

                “มีงานวิจัยที่น่าสนใจมากเลยครับพ่อ เพราะโรคความดัน เบาหวานมันจะส่งผลให้เป็นโรคหัวใจด้วย  ผมส่งให้พ่อแล้วนะครับ  เรื่องโรคเบาหวานพ่อได้อ่านหรือยังครับ” 

                “อ่านแล้ว”  เขามองบุตรชายด้วยความภาคภูมิใจ  ทั้ง ๆ ที่เป็นหมอมาเกือบสามสิบปี ทำไมไม่เคยรู้เรื่องงานวิจัยนี้เลย ซึ่งมีการทำมานานเป็นสิบปีแล้ว ความน่าสนใจอยู่ที่ใช้คนจำนวนมากถึงสามพันกว่าคน  นำคนมีน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่าหนึ่งร้อย มาแบ่งกลุ่มสามกลุ่ม คือกลุ่มที่ให้ปรับการใช้ชีวิตคือ ปรับเรื่องอาหาร ออกกำลังกายและจัดการความเครียด  กลุ่มที่สองให้กินยาเบาหวาน  กลุ่มที่สาม ไม่ต้องทำอะไรใช้ชีวิตตามปกติ  แล้วตามดูผลเป็นเวลายาวนานถึงสี่ปี ดูว่าใครจะป่วยเป็นโรคเบาหวานมากกว่ากัน  ผลคือ กลุ่มไม่ทำอะไรเลยเป็นเบาหวานมากที่สุด  กลุ่มที่กินยาเบาหวานรองลงมา  ส่วนกลุ่มที่ปรับชีวิตเป็นเบาหวานน้อยที่สุด  และน้อยกว่ากลุ่มแรกเกินสองเท่าตัวเลยทีเดียว ทำให้เขามั่นใจว่า การปรับเปลี่ยนอาหารคือการรักษาโรคได้แน่นอน  เขาตัดสินใจจะทิ้งยาให้หมด  ปรับเปลี่ยนอาหารอย่างจริงจัง  จะไม่ยอมกินยาตลอดชีวิต  การรักษาที่เขาทำอยู่มันไม่ได้ทำให้หายจากโรคได้เลย

                “เมื่อคืนผมอ่านงานวิจัยเรื่องลดความดันอยู่ครับ  มีงานวิจัยเยอะมากเลยที่ลดความดันเลือดโดยไม่ต้องใช้ยา  เขาบอกว่า ถ้าลดน้ำหนักได้ 10 กก. ความดันตัวบนจะลดลง 20 มิล  ถ้ากินอาหารมังสวิรัติความดันตัวบนจะลดลง 14 มิล ถ้าออกกำลังกาย ความดันตัวบนจะลดลง 9 มิล  ถ้าเลิกกินเค็มความดันตัวบนจะลดลง 8 มิล  ถ้าบวกสี่อย่างนี้เข้าไปด้วยกัน ความดันตัวบนก็จะลดลงได้มากโดยที่ไม่ต้องใช้ยาเลยครับ”  

                 “ส่งงานวิจัยนี้ให้พ่อแล้วใช่มั้ย?”  เขารู้สึกทึ่งที่ลูกสามารถจำตัวเลขได้แม่นยำมาตั้งแต่เด็กแล้ว  เป็นที่รู้กันดี ถ้าเป็นโรคความดันต้องกินยาตลอดชีวิต
                “ส่งแล้วครับ”  
                “เยี่ยมมาก”  คนเป็นพ่อยกนิ้วโป้งให้ 
 
                สองพ่อลูกเริ่มวอมร่างกายด้วยท่าต่าง ๆ  ก่อนจะตีลูกขนไก่กันอย่างสนุกสนานได้เหงื่อไปตาม ๆ กัน  เป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่ต้องมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา  ต้องให้รู้สึกหอบเป็นเวลาสามสิบนาทีจึงจะมีผลต่อร่างกาย และมีผลต่อการรักษาโรค
 
                **************************  
 
                หนุ่มผมยาวนั่งพักเหนื่อยเขายกผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดเหงื่อให้แห้ง  ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแก้กระหาย  แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู  หลังจากที่ได้ส่งผลการเรียนตั้งแต่ชั้นประถมยันมัธยมให้ยัยตัวแสบดู  อยากรู้ว่าเธอจะว่าอย่างไรบ้าง ป่านนี้คงรู้สึกหนาวเหน็บแย่แล้วเมื่อได้เห็นผลการเรียนของเขา  ใบหน้านั้นอมยิ้มตลอดเวลา แต่พอมองดูข้อความที่ส่งไปทางไลน์แล้วเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที  เพราะเธอยังไม่ได้เข้าไปอ่านไลน์เหมือนเดิม  
                ‘อะไรวะ! ยังไม่ยอมอ่านอีก ฉันจะต้องทำให้เธออ่านไลน์ และรับโทรศัพท์ของฉันให้ได้!’  คิ้วของเขาขมวดกันยุ่ง  ว่าแล้วรีบกดโทรศัพท์ไปหาปราม

                “เอิ่ม...ข้าจะถามว่า สเปกคอมพิวเตอร์ที่แกอยากจะเปลี่ยนมันโอเคไหม”  หนุ่มหน้าหวานพยายามหาข้ออ้างเพื่อโทรหาเพื่อน
                “ข้าก็บอกแกไปแล้วนี่” ปรามรู้สึกแปลกใจ เพราะเพื่อนของเขามีความจำเป็นเลิศ เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะจำไม่ได้
                “แกอย่าลืมโอนเงินให้ข้าด้วยนะ”
                “ข้าก็ส่งสลิปโอนให้แล้วไง”  ปรามขมวดคิ้วย่น เรื่องเงินเรื่องตัวเลข เพื่อนซี้นั้นแม่นมากไม่เคยพลาด ทำไมถึงมาถามอีก

                “เอ่อ...ปริมอยู่แถวนั้นมั้ย ขอพูดด้วยหน่อยสิ”
                “อยู่...มีไร”  ปรามรู้สึกถึงบางอ้อ...ขึ้นมา...ปกติเพื่อนคนนี้ไม่เคยถามถึงผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย  และมักจะออกอาการเบื่อสาว ๆ ที่มาตามสนใจเขาด้วยซ้ำไป  เอ๊ะ! มันหมายความว่าอย่างไร? ที่ถามถึงน้องสาวตัวดีของเขา
                “บอกกับข้าก็ได้ เดี๋ยวข้าบอกให้เอง”  ปรามเก๊กเสียงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  สีหน้านั้นอมยิ้มอยู่ในที
                “เอ่อ...ข้าจะถามเรื่องคอมของเขาหน่อย จะเอาสเปกไหน”

                “แล้วทำไมไม่โทรหาปริม โทรมาหาข้าทำไม?”
                “ก็...เขาไม่เคยรับสายข้าเลย”
                “หืม...ไม่เคยรับสายเลยเหรอ....”  ปรามรู้สึกแปลกใจ แสดงว่า หมอนี่โทรหาน้องสาวของเขาหลายครั้งแล้วหรือ?
                “ไม่ต้องแปลกใจ  ปริมไม่เคยรับสายผู้ชายหน้าไหนอยู่แล้ว มันเป็นปกติเลย ยกเว้นลูกค้านะ” ปรามพูดพลางหัวเราะ

                “เรื่องคอมของปริมเอาเหมือนกับข้านี่แหละ  เขาไม่รู้เรื่องคอมหรอก”  ปรามยังคงกันท่าไม่ให้เพื่อนซี้ได้พูดกับน้องสาวของเขาง่าย ๆ
                “เอ่อ...คือ...”  ปฏิการยังอ้ำอึ้ง   ทำไมถึงรู้สึกกลัวปรามขึ้นมาก็ไม่รู้ 
                “พูดมา! มีไร” ปรามถามย้ำด้วยน้ำเสียงเข้ม ๆ
                “ข้า...ชอบปริม...ได้มั้ย...”  หนุ่มนักดนตรีถามเพื่อนรักเสียงอ่อย

                “แกอยากได้แม่เพิ่มอีกคนเหรอ?”  ปรามแกล้งขู่เพื่อน
                “เขาจะยอมเป็นง่าย ๆ เหรอ?” ปฏิการหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจถาม
                “แก...ไม่ว่าไรใช่มั้ย?”  เขาถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ยังรู้สึกเกรงใจเพื่อนอยู่มาก

                “ว่า! แกยังเหลวไหล เกเรอยู่รึเปล่า” น้ำเสียงนั้นยิ่งเอาเรื่องหนักมากกว่าเดิม
                “ข้าจะกลับไปเรียนหนังสือ พ่อให้ข้าย้ายคณะได้แล้วนะ  ข้าจะเลิกเหล้าเด็ดขาดไม่ให้แกต้องลำบากเพราะข้าอีก”  
                “ข้าจะรอดูก่อน  เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ” 

                ปฏิการทำหน้างอที่เพื่อนกดวางสายไปหน้าตาเฉย  ไม่คิดว่าเพื่อนซี้จะหวงน้องสาวขนาดนี้  แต่ตอนนี้จมูกของเขาได้กลิ่นอาหารลอยมา  ท้องเริ่มร้องขออาหาร  คงต้องเดินตามกลิ่นไปดูหน่อยแล้ว 
  
                ปิ่นขวัญได้ส่งคลิปหนึ่งมาให้เขาดู เป็นคลิปที่น่าสนใจที่สุด เพราะมีการวัดผลเลือดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์  เป็นคลิปของผู้ชายคนหนึ่ง  ทำงานอยู่การไฟฟ้า  เป็นวิศวกร  อายุห้าสิบกว่า  เป็นโรคฮิตเหมือนกับพ่อของเขาเลย  ต้องกินยาเป็นกำ ๆ วิศวกรคนนี้ช่างสงสัย  เพราะเวลากินยาลดคลอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์  จะทำให้รู้สึกเจ็บร้าวลึก ๆ ที่ใต้ไหปลาร้า จึงลองค้นดู ปรากฏว่ามันมีผลข้างเคียงในการทำลายกล้ามเนื้อ และได้ถามหมอประจำการไฟฟ้า  หมอบอกว่า  มันทำลายกล้ามเนื้อจริง  ถ้ามีอาการแบบนี้ต้องหยุดยา  ยาทุกตัวที่กินมีผลข้างเคียงต่อร่างกายทั้งหมด  เช่น  ยาแอสไพริน ถ้ากินเกินสามร้อยยี่สิบห้ามิลกรัมจะมีผลต่อตับ  

                วิศวกรคนนี้คิดว่า โรคที่เขาเป็นนั้นไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค  งั้นมันควรเกิดจากอาหารที่กินเข้าไป  จึงเริ่มทำการทดลองด้วยตัวเอง  ทดลองเปลี่ยนการกินอาหารเป็นแบบนั้นแบบนี้  แล้วเจาะเลือดดูผล  ว่าออกมาเป็นอย่างไร เรียกว่า เจาะเลือดวัดค่าเลือดเดือนหนึ่งหลายครั้งมาก  เขากินมังสวิรัติก็แล้ว  กินข้าวกล้องก็แล้ว  กินผักผลไม้ก็แล้ว  ทดลองกินอาหารมาหลายแบบค่าเลือดก็ยังไม่ดี  เกือบสามเดือนกว่าจะหามันเจอ  เขาทดลองไม่กินน้ำมัน ใช้วิธีผัดด้วยน้ำ  ปรากฏว่า ค่าเลือดดีขึ้น  ตัวร้ายที่ว่า คือน้ำมันที่ผ่านกรรมวิธี ไม่ว่าจะทำมาพืชชนิดไหนก็ตาม  เพราะมันเป็นน้ำมันที่มีการตัดแต่งพันธุกรรมในระดับโมเลกุล  มีการเติมไฮโดรเจน มีการแต่งสีแต่งกลิ่น  มันจึงเป็น ไขมันทรานส์นั่นเอง  

                ถ้ายังกินน้ำมันชนิดนี้อยู่จะไม่หาย เพราะน้ำมันจะเคลือบกระเพาะกันการดูดซึม  ถ้าจะใช้น้ำมัน  ควรใช้น้ำมันมะพร้าวสกัดร้อน เขาเปิดคลิปนี้ให้ทุกคนในบ้านดู  บ้านของเขาจึงมีการปรับเปลี่ยน เลิกใช้น้ำมันผ่านกรรมวิธีทุกชนิด  เปลี่ยนเป็นน้ำมันมะพร้าวแทน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่