เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.sanook.com/women/241949/
กระเทียมเป็นพืชล้มลุกในวงศ์พลับพลึง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Allium sativum
กระเทียมมีสรรพคุณทางยามากมาย เช่น
ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน
ช่วยย่อยอาหาร ขับลม แก้หวัด แก้ไอ และลดความดันโลหิต
ต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัลไซเมอร์
อย่างไรก็ตามกระเทียมก็มีโทษต่อสุขภาพเช่นกัน ดังนี้
สารในกระเทียมมีฤทธิ์ยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดแข็งตัวช้า ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด
กระเทียมมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน อาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ผู้ที่มีอาการกระเพาะอักเสบหรือกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยง
กระเทียมมีกลิ่นฉุนรุนแรง อาจทำให้กลิ่นตัวแรงขึ้น
อาจทำให้เกิดอาการแพ้สำหรับบางคน ซึ่งอาจมีอาการผื่นคัน หายใจลำบาก หรืออาเจียน
ปริมาณกระเทียมที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ คือ ไม่เกินวันละ 4 กรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชา ผู้ที่มีอาการแพ้กระเทียมหรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อน
ข้อควรระวังในการรับประทานกระเทียม
ไม่ควรรับประทานกระเทียมสดขณะท้องว่าง เพราะอาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
ไม่ควรรับประทานกระเทียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้า
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกระเทียมร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาเฮพาริน ยายาวาร์ฟาริน ยาแอสไพริน เป็นต้น
ผู้ที่มีอาการแพ้กระเทียมควรหลีกเลี่ยง
หากรับประทานกระเทียมแล้วมีอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก หรืออาเจียน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
วิธีปลูกกระเทียม
https://www.opsmoac.go.th/singburi-local_wisdom-files-402891791801
มักนิยมปลูกโดยใช้กลีบนอกในการปลูก จะให้กระเทียมหัวใหญ่และผลผลิตสูง วิธีการเลือก คือให้เลือกใช้หัวที่ แก่จัดและแห้งสนิท ไม่ควรเลือกใช้หัวเก่าที่เก็บไว้นาน แกะเปลือกและแต่งรากเล็กน้อย รดน้าใส่ดินให้ฉ่า จากนั้นนากลีบกระเทียมจิ้มลงไปโดยเอาส่วนรากลงลึกประมาณ 2 ใน 3 ส่วนของกลีบ หลังปลูกใช้ฟางคลุม เพื่อควบคุมวัชพืช เก้บความชื้น และช่วยลดความร้อนในตอนกลางวัน
การรดน้ำ
ควรให้น้าก่อนปลูก และหลังปลูกกระเทียมควรได้รับน้าอย่างเพียงพอ และสม่าเสมอในช่วงระหว่าง เจริญเติบโต 7-10 วัน/ครงั้ สรุปแล้วจะให้น้าประมาณ 10 ครั้ง/ฤดู ควรงดการให้น้าเมื่อกระเทียมแก่จัด ก่อน เก็บเกี่ยว 2-3 สัปดาห์
การเก็บเกี่ยวกระเทียม
ให้สังเกตว่าหัวกระเทียมแก่เต็มที่หรือไม่ โดยการดูว่าใบเริ่มแห้งหรือก้านดอกชูขึ้นมาหรือไม่ หากทิ้งไว้ให้แก่ นานเกินไป เมื่อขุดหัวออกมา กลีบจะร่วงหล่นออกจากกันได้ง่ายและคุณภาพก็จะลดลงด้วย
วิธีการเก็บเกี่ยวนั้นสามารถทาได้โดยการถอนหัวด้วยมือจากแปลงออกมา แล้วนามาผึ่งแดดประมาณ 4-5 วัน ในตอนกลางคืนควรป้องกันการถูกน้าค้างและฝนด้วย หลังจากผึ่งแดดแล้วให้นาเข้าไว้ในโรงเรือนที่โปร่ง มี
อากาศถ่ายเทได้สะดวก ทั้งนี้ก็เพื่อให้กระเทียมแห้งสนิท ต่อจากนั้นจึงทาความสะอาดและคัดขนาดไปพร้อมๆ กัน แล้วมัดไว้เป็นพวงๆ โดยจัดด้านปลายใบมัดจุกเข้าหากัน แล้วจึงนาไปแขวนไว้ในโรงเรือนเพื่อให้ลดโกรก แต่ต้องระวังไม่ให้โดนน้า ละอองน้า หรือความชื้นใดๆ
กระเทียม พืชมากประโยชน์ แต่ก็มีโทษหากทานเยอะไป
https://www.sanook.com/women/241949/
กระเทียมเป็นพืชล้มลุกในวงศ์พลับพลึง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Allium sativum
กระเทียมมีสรรพคุณทางยามากมาย เช่น
ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน
ช่วยย่อยอาหาร ขับลม แก้หวัด แก้ไอ และลดความดันโลหิต
ต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัลไซเมอร์
อย่างไรก็ตามกระเทียมก็มีโทษต่อสุขภาพเช่นกัน ดังนี้
สารในกระเทียมมีฤทธิ์ยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดแข็งตัวช้า ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด
กระเทียมมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน อาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ผู้ที่มีอาการกระเพาะอักเสบหรือกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยง
กระเทียมมีกลิ่นฉุนรุนแรง อาจทำให้กลิ่นตัวแรงขึ้น
อาจทำให้เกิดอาการแพ้สำหรับบางคน ซึ่งอาจมีอาการผื่นคัน หายใจลำบาก หรืออาเจียน
ปริมาณกระเทียมที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ คือ ไม่เกินวันละ 4 กรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชา ผู้ที่มีอาการแพ้กระเทียมหรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อน
ข้อควรระวังในการรับประทานกระเทียม
ไม่ควรรับประทานกระเทียมสดขณะท้องว่าง เพราะอาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
ไม่ควรรับประทานกระเทียมมากเกินไป เพราะอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้า
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกระเทียมร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาเฮพาริน ยายาวาร์ฟาริน ยาแอสไพริน เป็นต้น
ผู้ที่มีอาการแพ้กระเทียมควรหลีกเลี่ยง
หากรับประทานกระเทียมแล้วมีอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก หรืออาเจียน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
วิธีปลูกกระเทียม
https://www.opsmoac.go.th/singburi-local_wisdom-files-402891791801
มักนิยมปลูกโดยใช้กลีบนอกในการปลูก จะให้กระเทียมหัวใหญ่และผลผลิตสูง วิธีการเลือก คือให้เลือกใช้หัวที่ แก่จัดและแห้งสนิท ไม่ควรเลือกใช้หัวเก่าที่เก็บไว้นาน แกะเปลือกและแต่งรากเล็กน้อย รดน้าใส่ดินให้ฉ่า จากนั้นนากลีบกระเทียมจิ้มลงไปโดยเอาส่วนรากลงลึกประมาณ 2 ใน 3 ส่วนของกลีบ หลังปลูกใช้ฟางคลุม เพื่อควบคุมวัชพืช เก้บความชื้น และช่วยลดความร้อนในตอนกลางวัน
การรดน้ำ
ควรให้น้าก่อนปลูก และหลังปลูกกระเทียมควรได้รับน้าอย่างเพียงพอ และสม่าเสมอในช่วงระหว่าง เจริญเติบโต 7-10 วัน/ครงั้ สรุปแล้วจะให้น้าประมาณ 10 ครั้ง/ฤดู ควรงดการให้น้าเมื่อกระเทียมแก่จัด ก่อน เก็บเกี่ยว 2-3 สัปดาห์
การเก็บเกี่ยวกระเทียม
ให้สังเกตว่าหัวกระเทียมแก่เต็มที่หรือไม่ โดยการดูว่าใบเริ่มแห้งหรือก้านดอกชูขึ้นมาหรือไม่ หากทิ้งไว้ให้แก่ นานเกินไป เมื่อขุดหัวออกมา กลีบจะร่วงหล่นออกจากกันได้ง่ายและคุณภาพก็จะลดลงด้วย
วิธีการเก็บเกี่ยวนั้นสามารถทาได้โดยการถอนหัวด้วยมือจากแปลงออกมา แล้วนามาผึ่งแดดประมาณ 4-5 วัน ในตอนกลางคืนควรป้องกันการถูกน้าค้างและฝนด้วย หลังจากผึ่งแดดแล้วให้นาเข้าไว้ในโรงเรือนที่โปร่ง มี
อากาศถ่ายเทได้สะดวก ทั้งนี้ก็เพื่อให้กระเทียมแห้งสนิท ต่อจากนั้นจึงทาความสะอาดและคัดขนาดไปพร้อมๆ กัน แล้วมัดไว้เป็นพวงๆ โดยจัดด้านปลายใบมัดจุกเข้าหากัน แล้วจึงนาไปแขวนไว้ในโรงเรือนเพื่อให้ลดโกรก แต่ต้องระวังไม่ให้โดนน้า ละอองน้า หรือความชื้นใดๆ