จิบไวน์ดีต่อสุขภาพจริงไหม ?

การดื่ม “ไวน์” มีประโยชน์ต่อสุขภาพหรือส่งผลเสียกันแน่ดูเลย

ใกล้ปีใหม่อย่างนี้ สายดื่มแอลกอฮอล์คงต้องเลือกว่าจะดื่มอย่างไร ถึงจะดีต่อสุขภาพ บางคนติดหรู มีสไตน์ คนอย่างเราต้อง “ไวน์” เท่านั้น เพราะคิดว่าดื่มแล้วดูดี สุขภาพดี แต่มันจริงไหม?

จาการค้นหาพบข้อมูลจาก กรมสุขภาพจิต นำมาลงไว้ว่า “ไวน์วันละแก้วจิตแจ่มใส ช่วยสูบฉีดโลหิตชนชรา” ซึ่งในบทความ เขียนไว้ว่า เรื่องนี้ ยังคงมีข้อถกเถียงว่า ด้วยการ “ดื่มแอลกอฮอล์” สำหรับผู้สูงอายุ ควรจะหลีกเลี่ยงหรือ “รู้จักดื่ม” ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะผลการศึกษาและวิจัยยังปราศจากการยืนยันหรือข้อสรุปว่า “ไวน์” เป็นเครื่องดื่มมากประโยชน์

ซึ่งดร.เดวิด บราวน์ คณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันในเซนต์หลุยส์ ระบุว่า ใครที่เคยดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้วเป็นประจำ ไม่จำเป็นต้องหยุดดื่ม เพราะเขาวิจัยพบว่า คนที่ดื่มกับคนไม่ดื่มนั้น มีอายุยืนยาวที่แตกต่างกัน

คุณหมอบอกว่า คนไข้ที่มาพบกับเขานั้น มักจะตั้งคำถามว่าพวกเขาควรจะหยุดดื่มไหม ซึ่งคำตอบของหมอคือ ไม่จำเป็นต้องหยุด และไม่ควรหยุดด้วยซ้ำ แต่ในกรณีของคนที่ไม่เคยดื่มเลย ก็ไม่ควรลุกขึ้นมาดื่มเช่นกัน

“คนที่มีปัญหาโรคหัวใจมักจะตั้งคำถาม ทั้งๆ ที่ปัจจัยของการดื่มกับการเป็นโรคหัวใจนั้น ไม่พบว่าเกี่ยวเนื่องกันเสมอไป โดยเฉพาะคนที่มีอายุมาก 65 ปีขึ้นไปนั้น มีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ เช่น ภาวะโรคแทรกซ้อน ปัญหาเกี่ยวกับไต หรือการสูบฉีดของหลอดเลือด” คุณหมอบราวน์กล่าว
นอกจากนั้น คุณหมอยังได้เปิดเผยผลวิจัยว่า คนไข้ที่เคยดื่มและหยุดดื่มทันทีเมื่อตรวจพบปัญหาหัวใจนั้น สุขภาพจะทรุดโทรมเร็วกว่าคนไข้ในโรคเดียวกัน แต่ยังดื่มในปริมาณที่เหมาะสม จึงสามารถพิเคราะห์ได้ การดื่มอย่างถูกต้อง ปริมาณที่เหมาะสมก็จะเกิดคุณประโยชน์ต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะ “ไวน์” ที่เป็นผลผลิตจากองุ่น หรือผลไม้ชนิดต่างๆ ช่วยปกป้องโรคภัยได้หลายชนิด เนื่องจากอุดมไปด้วยสารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากกระบวนการผลิตไวน์ที่แตกต่างจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ และในไวน์แดงจะมีสาระสำคัญตัวนี้มากที่สุด
ผลจากการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารของฟินแลนด์ เมื่อปี 2007 ระบุว่า การดื่มไวน์วันละแก้วจะทำให้ร่างกายได้รับสารเรสเวอราทรอล ช่วยชะลอวัย ห่างไกลความแก่อย่างเห็นผลชัดเจน ชาวยุโรปทราบความลับข้อนี้ดี จึงนิยมดื่ม “ไวน์” วันละแก้วเป็นประจำ

นอกจากนี้ ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และมหาวิทยาลัยวียู อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ยังพบว่า การดื่มไวน์จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โดยสารเรสเวอราทรอลสามารถเปลี่ยนแปลงระดับไขมันคอเลสเทอรอลในเลือด โดยเพิ่มระดับของ HDL หรือคอเลสเทอรอลแบบดีให้สูงขึ้น เป็นการป้องกันไม่ให้เลือดเกาะกันเป็นก้อน การดื่มไวน์เพียงวันละหนึ่งแก้ว จึงช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดโรคหัวใจ และช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม แถมยังป้องกันโรคเบาหวานด้วย

นอกจากนี้ยังพบการศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า ไวน์แดงมีสาร Resveratrol (ที่พบในผิวหนังและเมล็ดองุ่น) ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด โดยการไปเพิ่ม HDL (“ดี” คอเลสเตอรอล) และเป็นการป้องกันไม่ให้เลือดเกาะกันเป็นก้อน เพราะฉะนั้นการดื่มไวน์แดง 1-2 แก้ว จะช่วยทำให้ลดความเสี่ยงที่เกิดโรคหัวใจได้ถึง 30-40%

ผลการศึกษาจากอาสาสมัคร 4,000 คน เป็นเวลา 1 ปี โดยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย 5 แห่ง พบว่า ผู้ดื่มไวน์มากกว่าวันละ 2 แก้ว จะเป็นหวัดน้อยกว่าผู้ไม่ดื่มไวน์ถึง 44% ส่วนการดื่มไวน์แดงวันละ 1 แก้ว จะช่วยป้องกันหวัดได้เหมือนกัน นอกจากนั้นนักวิจัยยังพบว่าไวน์แดงช่วยลดความจำเสื่อม บำรุงสมองส่วนความจำได้  โดยสาร resveratrol ในไวน์แดง มีผลในการป้องกันการเสื่อมของสมองในหนูทดลอง แต่ไม่ได้ทำการทดสอบในมนุษย์

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้สูงวัยแล้วควรดื่มไวน์แดงแต่พอเหมาะ ประมาณ 1-2 แก้ว เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากไวน์ 1 แก้ว มีประมาณ 120 มล. (4 ออนซ์) สำหรับไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ราวร้อยละ 12  แต่ดื่มได้มากกว่านี้ หากเป็นไวน์ไม่มีแอลกอฮอล์ ถึงอย่างไรทางสมาคมหัวใจอเมริกันยังเตือนผู้คนไม่ให้ดื่มไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ หากพวกเขายังไม่เคยดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาก่อน

เมื่อรู้แล้วสายดื่มทั้งหลายก็ควรเลือกดื่มแต่พอเหมาะเพื่อส่งผลดีต่อสุขภาพจริงๆ… ด้วยความเป็นห่วงหากดื่มเยอะก็ไม่ขับ เพราะตอนนี้มีโทษหนักสังสรรค์เอาความสนุกอย่าไปสร้างทุกข์ให้ผู้อื่นนะคะ....  อมยิ้ม04

สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/4225393/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่