จริงๆเคยตั้งโรงกระทู้เกี่ยวกับโยโย่เอฟเฟคไปแล้ว เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเรากำลังเข้าข่ายโรค Eating disorders
เริ่มเมื่อ6-7เดือนก่อน พยายามลดน้ำหนัก เป็นครั้งที่ร้อนแล้วแหละ แต่รอบนี้ปิดเทอมเลยว่างยาว+โควิดอยู่แต่บ้าน ในตอนนั้นเริ่มแค่ออกกำลังกาย กินปกติ พอสักพักเริ่มคุมอาหาร กินข้าวน้อยลง หลังทำได้1เดือนน้ำหนักลงไป2กิโล
พอเริ่มรู้ว่าตัวเองทำได้ เริ่มเข้าศึกษา แต่เหมือนความอยากผอมมันเพิ่มขึ้นๆๆ กลายเป็นหาวิธีลัด เริ่มเลยคือ เราตัดแป้งค่ะ พอตัดแป้งกลายเป็นกินวันละ7-800แคล
แล้วทำif กินมื้อเดียวบ้าง 2 มื้อบ้าง ไม่รู้ว่าอดทนขนาดนั้นได้ไง รู้ตัวอีกทีผ่านไปแล้ว 2 เดือน งดแป้งคือกินบ้าง แต่กินน้อย กินเหมือนไม่กิน5555 ในระยะ2เดือน คือซูบลงมากๆ ลดไปเกือบ8กิโล
ที่นี่เข้าเดือนที่ 4 ของการลดน้ำหนัก หลังจาก3เดือนที่ผ่านมา เราลดไปได้10โล หน้าตอบแบบสุดๆ ตัวซีด ผมร่วง และประจำเดือนขาด เริ่มวิตกแล้ว แต่เพราะคิดว่านี่แหละการที่ได้ผอม น้ำหนักลงเลข5ครั้งแรกในชีวิต นี่แหละสิ่งที่พยายามมาตลอด เหมือนตอนนั้นหลอกตัวเองว่าผอม สวย แต่ไม่เลย ที่บ้านเป็นห่วงมากๆ พยายามให้เรากินให้เยอะขึ้น
พอเข้าเดือนที่ 5 เหมือนทุกอย่างมันนิ่ง ตอนนั้นคงระบบเผาผลาญพังแล้วจริงๆ พยายามกินน้อยลง ออกกำลังกายมากขึ้น ทำยังไงก็ไม่ลด วัดสัดส่วนทุกวัน วันละ2-3รอบ คือเริ่มรู้แล้วว่าเครียดมากๆ จุดพีคของเดือนนี้คือ วันเกิดของบรรดาญาติๆ 4 คน แบบคสละอาทิตย์กัน พอรู้ว่าต้องมีการจัดเลี้ยง เราเตรียมใจไม่กินแน่นอน พอเอาเข้าจริง คือตบะแตกแบบขั้นสุด ยัดอาหารสุดๆ และกินเค้กคนเดียวหมดเป็นปอนด์ หลังจากนั้นหลุดยาวยกเดือนเดือนเลย
พอขั่งน้ำหนัก คือขึ้นมา2-3กิโล เริ่มโทษตัวเอง แต่ยังมีการยัดอาหารเรื่อยๆ กลายเป็นเริ่มพยายามอ้วก ยัดอาหารเสร็จอ้วก เป็นวงจรที่เลวร้ายมากสำหรับเรา คือเราบังคับใจไม่ได้เลย เป็นแบบนี้มาจนเข้าเดือนที่ 7
เริ่มไม่โอเคแล้ว เริ่มเกลียดตัวเอง พยายามศึกษา และมันมีคนเป็นแบบเราเยอะมากๆ เราเข้าใจว่ามันคือ การรับผลกับที่ทำไว้กับร่างกาย ภาวะบิ้นจ์เกิดขึ้นกับเราเป็น1-2เดือน น้ำหนักเรากลับมาที่เลข6 ใน2เดือน ในช่วงนั้นเราพยายามทั้งออกกำลังกายหนักๆ คุมอาหาร แต่สุดๆแล้วคุมได้แค่2วันก็บิ้นจ์ยาวเลย กินครั้งล่ะไม่ต่ำกว่า 4000เเคลต่อวัน เคยลองนับเล่นๆจากซองขนมที่กินคือแอบกลัวตัวเองมาก กินเหมือนพรุ่งนี้จะตายเเล้ว
ปัจจุบัน มีสติมากขึ้น เหมือนกลับมารักตัวเอง จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาคือรู้สึกแย่ ตอนนี้กินทุกอย่างที่อยากกิน แต่แอบกินเเย่มาก ไปกินปิ้งย่างยางวันเว้นวันเป็นอาทิตย์ เพราะรู้สึกโหยมากๆ ในรอบ7เดือน จัดยาวอาทิตย์เว้นอาทิตย์กันเลยทีเดียว555 พอได้กินทุกอย่างที่อยากกินจริงๆ ไม่ใช่กินเพราะบิ้นจ์หรือนัดอาหาร กลายเป็นไม่มีอาการล้วงคอ เริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่หมกมุ่น
ตอนนี้คือหยุดเรื่องลดน้ำหนักมา2เดือนแล้ว ประจำเดือนกลับมา ตัวนี้บวมขึ้นๆ5555 แต่รู้ส่าเราต้องหายจากอาการนี้ ถ้าแลกกันเรายอมอ้วนขึ้นเพื่อหายจากอาการต่างๆ ตอนนี้กลับมากินแบบคนปกติได้60% แบบไม่ยัดอาหาร รู้สึกอิ่มจากที่ไม้คยอิ่มเลย ยัดจนอ้วก ยัดจนจุก
มีความสุขขึ้นมาพอสมควร ตอนนี้น้ำหนักก็ยังดีดขึ้น แต่ตราบใดที่ยังไม่หาย เราก็คิดว่าจะไม่กลับไปลด รอให้โอเคขึ้น ร่างกาย ใจ พร้อมจริงๆ และจะกลับไปฟิตหุ่นใหม่แบบไม่ต้องอด ต้องลด
เราตั้งกระทู้เพื่ออยากเป็นตัวอย่าง ในวัยเราช่วงอายุวัยรุ่น พอทำอะไรมักจะสุดโต่ง เราเข้าใจความรู้สึกดีมากๆ ความรู้สึกที่อยากผอม อยากตัวเล็ก โดนบูลลี่ คำดูถูก
แต่การที่หาทางลัดผิดๆ ฝืน หักโหม สุดท้ายคือต้องชดใช้ให้ร่างกาย
ลดน้ำหนัก จนเป็นเรื่ิอง
เริ่มเมื่อ6-7เดือนก่อน พยายามลดน้ำหนัก เป็นครั้งที่ร้อนแล้วแหละ แต่รอบนี้ปิดเทอมเลยว่างยาว+โควิดอยู่แต่บ้าน ในตอนนั้นเริ่มแค่ออกกำลังกาย กินปกติ พอสักพักเริ่มคุมอาหาร กินข้าวน้อยลง หลังทำได้1เดือนน้ำหนักลงไป2กิโล
พอเริ่มรู้ว่าตัวเองทำได้ เริ่มเข้าศึกษา แต่เหมือนความอยากผอมมันเพิ่มขึ้นๆๆ กลายเป็นหาวิธีลัด เริ่มเลยคือ เราตัดแป้งค่ะ พอตัดแป้งกลายเป็นกินวันละ7-800แคล
แล้วทำif กินมื้อเดียวบ้าง 2 มื้อบ้าง ไม่รู้ว่าอดทนขนาดนั้นได้ไง รู้ตัวอีกทีผ่านไปแล้ว 2 เดือน งดแป้งคือกินบ้าง แต่กินน้อย กินเหมือนไม่กิน5555 ในระยะ2เดือน คือซูบลงมากๆ ลดไปเกือบ8กิโล
ที่นี่เข้าเดือนที่ 4 ของการลดน้ำหนัก หลังจาก3เดือนที่ผ่านมา เราลดไปได้10โล หน้าตอบแบบสุดๆ ตัวซีด ผมร่วง และประจำเดือนขาด เริ่มวิตกแล้ว แต่เพราะคิดว่านี่แหละการที่ได้ผอม น้ำหนักลงเลข5ครั้งแรกในชีวิต นี่แหละสิ่งที่พยายามมาตลอด เหมือนตอนนั้นหลอกตัวเองว่าผอม สวย แต่ไม่เลย ที่บ้านเป็นห่วงมากๆ พยายามให้เรากินให้เยอะขึ้น
พอเข้าเดือนที่ 5 เหมือนทุกอย่างมันนิ่ง ตอนนั้นคงระบบเผาผลาญพังแล้วจริงๆ พยายามกินน้อยลง ออกกำลังกายมากขึ้น ทำยังไงก็ไม่ลด วัดสัดส่วนทุกวัน วันละ2-3รอบ คือเริ่มรู้แล้วว่าเครียดมากๆ จุดพีคของเดือนนี้คือ วันเกิดของบรรดาญาติๆ 4 คน แบบคสละอาทิตย์กัน พอรู้ว่าต้องมีการจัดเลี้ยง เราเตรียมใจไม่กินแน่นอน พอเอาเข้าจริง คือตบะแตกแบบขั้นสุด ยัดอาหารสุดๆ และกินเค้กคนเดียวหมดเป็นปอนด์ หลังจากนั้นหลุดยาวยกเดือนเดือนเลย
พอขั่งน้ำหนัก คือขึ้นมา2-3กิโล เริ่มโทษตัวเอง แต่ยังมีการยัดอาหารเรื่อยๆ กลายเป็นเริ่มพยายามอ้วก ยัดอาหารเสร็จอ้วก เป็นวงจรที่เลวร้ายมากสำหรับเรา คือเราบังคับใจไม่ได้เลย เป็นแบบนี้มาจนเข้าเดือนที่ 7
เริ่มไม่โอเคแล้ว เริ่มเกลียดตัวเอง พยายามศึกษา และมันมีคนเป็นแบบเราเยอะมากๆ เราเข้าใจว่ามันคือ การรับผลกับที่ทำไว้กับร่างกาย ภาวะบิ้นจ์เกิดขึ้นกับเราเป็น1-2เดือน น้ำหนักเรากลับมาที่เลข6 ใน2เดือน ในช่วงนั้นเราพยายามทั้งออกกำลังกายหนักๆ คุมอาหาร แต่สุดๆแล้วคุมได้แค่2วันก็บิ้นจ์ยาวเลย กินครั้งล่ะไม่ต่ำกว่า 4000เเคลต่อวัน เคยลองนับเล่นๆจากซองขนมที่กินคือแอบกลัวตัวเองมาก กินเหมือนพรุ่งนี้จะตายเเล้ว
ปัจจุบัน มีสติมากขึ้น เหมือนกลับมารักตัวเอง จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาคือรู้สึกแย่ ตอนนี้กินทุกอย่างที่อยากกิน แต่แอบกินเเย่มาก ไปกินปิ้งย่างยางวันเว้นวันเป็นอาทิตย์ เพราะรู้สึกโหยมากๆ ในรอบ7เดือน จัดยาวอาทิตย์เว้นอาทิตย์กันเลยทีเดียว555 พอได้กินทุกอย่างที่อยากกินจริงๆ ไม่ใช่กินเพราะบิ้นจ์หรือนัดอาหาร กลายเป็นไม่มีอาการล้วงคอ เริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่หมกมุ่น
ตอนนี้คือหยุดเรื่องลดน้ำหนักมา2เดือนแล้ว ประจำเดือนกลับมา ตัวนี้บวมขึ้นๆ5555 แต่รู้ส่าเราต้องหายจากอาการนี้ ถ้าแลกกันเรายอมอ้วนขึ้นเพื่อหายจากอาการต่างๆ ตอนนี้กลับมากินแบบคนปกติได้60% แบบไม่ยัดอาหาร รู้สึกอิ่มจากที่ไม้คยอิ่มเลย ยัดจนอ้วก ยัดจนจุก
มีความสุขขึ้นมาพอสมควร ตอนนี้น้ำหนักก็ยังดีดขึ้น แต่ตราบใดที่ยังไม่หาย เราก็คิดว่าจะไม่กลับไปลด รอให้โอเคขึ้น ร่างกาย ใจ พร้อมจริงๆ และจะกลับไปฟิตหุ่นใหม่แบบไม่ต้องอด ต้องลด
เราตั้งกระทู้เพื่ออยากเป็นตัวอย่าง ในวัยเราช่วงอายุวัยรุ่น พอทำอะไรมักจะสุดโต่ง เราเข้าใจความรู้สึกดีมากๆ ความรู้สึกที่อยากผอม อยากตัวเล็ก โดนบูลลี่ คำดูถูก
แต่การที่หาทางลัดผิดๆ ฝืน หักโหม สุดท้ายคือต้องชดใช้ให้ร่างกาย