.
https://ppantip.com/topic/40942859…..บทที่ 59
หลังจากนอนมาทั้งวัน ทั้งเธอและเขาต่างไม่ยอมออกไปไหน เย็นนี้พรนภาสุดที่รักของเขาชวนทานหมูกระทะอีกแล้ว ก็ต้องทานเป็นเพื่อนอีกตามเคย ไม่ได้ฝืนทุก ๆ อย่างเขาเต็มใจ แม้สุดท้ายคนชวนจะทานนิดเดียว และ อิ่มก่อน เป็นเขาทุกทีที่ตามเก็บกวาดให้ทั้งหมดเสมอ ๆ
“พี่เมธีปะเราไปตลาดกันเหอะ หกโมงเย็นแล้วเดี๋ยวของหมดก่อนนา” พรนภาเอ่ยชวน หลังจากตื่นนอน บิดขี้เกียจเสร็จลุกไปทาแป้งหวีผมจัดทรงใหม่ แค่นี้ก็พอไม่ห่วงสวยอะไรเลย แค่ไปเดินตลาด
“ซื้อที่ไหนคะ ตลาดหรือร้านข้าง ๆ คอนโด” เขาถาม
“ตลาดค่ะ ! ร้านข้างคอนโดของน้อย นภาจือคักซะ ! โคตรเสียเปรียบสู้เสียเวลาแป๊บเดียวไปตลาดดีกว่า” เธอพูดจริงจัง เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่หลวมตัวซื้อร้านนั้น เอาเปรียบผู้บริโภคเกินไป
“ตามใจค่ะ” แล้วเขาก็ลุกเดินไปสวมชุดกีฬาทีมโปรดเพื่อไปเดินตลาด เขาเองก็ไม่สันทัดในการแต่งตัวเท่าไหร่ สำหรับในวันหยุดแบบนี้ พรนภาปรายตามองอมยิ้มให้กับคนตรงหน้า
“ยิ้มอะไรคะ ไม่เคยเห็นซาร่าบ่ เมธีซาร่าเด้หนิ” เจ้าตัวพูดกลั้วหัวเราะ เธอเองเม้มปากหัวเราะหึหึกับคำพูดของสามี ก่อนที่จะโดนหอมไปอีก “ปะลูกหล่าเมียพ่อไปตลาดกัน ฮา “
“งือ… พี่เมธีพูดอะไรอ่ะ ฮา “ ทั้งเขาและเธอต่างหัวเราะลั่นห้องกับคำพูดของเขาเมื่อครู่ “พูดอะไรนะเมื่อกี้นี้”
เมธีหัวเราะอึกอัก วันนี้มันอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ที่ได้นอนกอดพรนภาทั้งวัน และ ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบเต็มที่ ทำแบบนี้ได้เพียงวันหยุดนี่แหละ วันทำงานก็ต้องห่างกันค่อนวันเลย “พูดอะไรคะ พี่พูดอะไร” ทำหน้าเอ๋อ ๆ ให้ ทว่าก็ยังปนไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่ “ก็บอกว่าปะไปตลาดกันได้แล้ว”
“แล้วอะไรต่อ ! ไปเอาคำพูดนี้มาจากไหน ฮะ ! พี่เมธีอ่ะ ฮ่วย ! ลูกหล่าเมียพ่อพะนะ” ไม่ได้จะต่อว่า เพียงนึกตลกและเอ็นดูกับคำพูดของเขาเท่านั้นเอง สรรหาแต่คำมาพูดนักพี่เมธี
เขาก็ยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปอีก ตลกตนเองเช่นกัน “พูดเล่นเฉย ๆ ค่ะ เค้าไปฟังเพลงมาก็เลยพูดตามเพลงเฉย ๆ ปะ ๆ ไปตลาดเหอะ จะมืดแล้วหนิ จะเหลืออะไรให้น้องกินบ้างหนิ” เขาทำเป็นบ่น ทว่าก็ยังแอบหัวเราะตนเองกับภรรยารุ่นลูกเมื่อสักครู่อยู่
พวกเธอทั้งสองคนขับรถมาถึงตลาดใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที โดยขับรถมอเตอร์ไซค์กันมา จะได้ถึงเร็ว ๆ นาน ๆ ทีจะได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์กับเขามันก็โรแมนติกมาก “ปะน้องเข้าไปในตลาดกันเถอะ ระวังรถนะคะ” เขายื่นมือมาจับมือของเธอหลังจอดรถไว้ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามของตลาด
เธอจับมือกับเขาเดินข้ามถนนไป มาถึงร้านหมูกระทะก็ถอนหายใจ เผยยิ้มดีใจที่ของยังเหลือพอให้ได้เลือก นึกว่ามาเย็นขนาดนี้ของจะหมดไปก่อน
“น้องเลือกเลยค่ะ เอ๋าไม่มีตับเหรอครับวันนี้” ถามแม่ค้าเพราะเป็นของโปรดของเขาล่ะ แม่ค้ายิ้มส่ายหัวให้เป็นคำตอบ แถมแอบชำเลืองมองพวกเขากันด้วย “ไม่เป็นไร กินตับอย่างอื่นก็ได้” ทว่าก้มลงมากระซิบข้างหูของเธอเบา ๆ
“พี่เมธี ! ฮ่วย… ในตลาดนะ ในตลาดนะหนิ “ หันขวับมาต่อว่าด้วยความเขิน ไม่รู้แม่ค้ากับลูกค้าคนอื่น ๆ ได้ยินด้วยหรือเปล่า ทว่าแม่ค้าก็ยังมองพวกเธอด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะรีบตักเอาวัตถุดิบใส่ถุงต่อ ส่วนเขาหัวเราะยืนอยู่ทางด้านหลัง ไม่สนใจสายตาของใครทั้งนั้น
“เหล้าเหลืออยู่ใช่มั้ย” เขาถามเมื่อนึกขึ้นได้
“ของนภา ! “ หันมาค่อนขอดให้อีก ไม่ได้หวงอะไร พูดไปอย่างนั้นเอง
“พ่อซื้อให้ใหม่กะได้หรอกขั้นเมิด โอ๊ะ ! พี่ซื้อให้ใหม่กะได้จ้า” ก้มลงมาพูดแกล้งเธอในตลาด ระหว่างเดินซื้ออย่างอื่น
“พี่เมธี ! “ อุทานพร้อมตีไปที่แขนของเขาเบา ๆ เจ้าตัวหัวเราะชอบใจมาก ไม่เกรงใจคนเดินตลาดคนอื่น ๆ เลย “พูดอะไร ฮ่วย ! “
“เมีย ๆ ไม่ใช่ลูก !” เขาพูดกลั้วหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี ไม่ได้อายไม่ได้โกรธ แต่ เธอเขิน
“เซาเว้าเด้อ ! “ หันไปค่อนขอดให้คนที่เดินแตะไหล่อยู่ด้านหลัง
“เว้าหยอกซือ ๆ แหมะลูกหล่า เอ้ยเมีย ! ฮา “
เธอหันไปหัวเราะให้ ไม่มีคำจะพูดออกมา ดูท่าจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยสำหรับวันนี้ “พ่อใหญ่อันหนิแหมะ ปะกลับได้แล้ว หิวข้าว !”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ แค่นั้นมันไม่พอ เค้าขอเบียร์นะ” หลับตาปริบ ๆ ทำตาละห้อยอ้อนวอนภรรยารุ่นลูกอย่างตลก “น้องกินคนเดียวไปเลย พี่จะกินเบียร์ ให้ขอปานแม่เด้เดี๋ยวหนิ” ยกมือขึ้นมาจับศีรษะของเธอด้วยรอยยิ้ม
“เอ๋า ! ใครให้ขอล่ะ อยากกินก็ไปซื้อดิ ชิ !” ทำบึ้งตึงให้ มาว่ากันแบบนี้ได้อย่างไร
“พุ่นน่ะ ! ขั้นเพิ่นสิเครียดบ่ยากเลย” โดนเอ็ดเบา ๆ ทว่าก็ยังปนไปด้วยแววตาและรอยยิ้มที่ละมุน “เดี๋ยวพี่เข้าไปเซเว่นแป๊บ น้องรอนี่นะ”
“ค่ะ ! พี่เมธีเอาน้ำแข็งให้เค้าด้วยนะ” เขาพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ สักพักก็กลับออกมา เป็นอันเสร็จภารกิจในการซื้อหมูกระทะในวันนี้ “พี่เมธี !” เธอถามก่อนจะออกรถขับกลับบ้าน
“คะ ! “ เขาเลิกคิ้วเป็นคำถาม
“เมื่อกี้เค้าไม่ได้เข้าไปเซเว่นด้วย พี่เมธีพูดค่ะกับพนักงานหรือเปล่า มีใครส่งสายตาให้มั้ย” ถามชุดใหญ่ ถามเล่น ๆ ทว่าภายในใจของเธอคิดจริงจัง
“เอ๋า… ไม่มีหรอกค่ะ ไม่ได้พูดกับใครด้วย พี่เก็บไว้ใช้กับน้องคนเดียวนะคะ สบายใจได้ ! ถึงมีคนส่งสายตาให้ พี่ก็ไม่เอา พี่จะเอากับน้องคนเดียว” พูดพร้อมหัวเราะ เพราะพูดสองแง่สองง่าม เธอเองก็เข้าใจในคำพูดนั้น และ หัวเราะตามอุตส่าห์จะทำเป็นนิ่งขรึมสักหน่อย
“โอเค… ปะอี่พ่อกลับห้องเฮา” เธอล้อบ้าง
“นั่น ! พ่อที่ไหนล่ะ ผัวเด้หนิ หาว่าเด้อ” พูดกลั้วหัวเราะที่โดนเอาคืน โดนสาวเจ้าค่อนขอดกลับมาให้อีก “มาขึ้น ๆ เมธีจะพาแว้นแล้วหนิ เกาะเอวดี ๆ นะลูกหล่าเมียพ่อ” ก่อนจะมีเสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังขึ้น จากนั้นจึงขับรถกลับคอนโดของตนเอง
มาถึงห้องเช่นเคย พรนภาเป็นคนจัดเตรียมทุกอย่าง นึกขอบคุณสามีรุ่นพ่อคนนี้มาก ๆ ที่ตามใจไม่เคยดุเลย อยากทานอะไรก็ได้ทาน อยากไปที่ไหนก็ได้ไป ไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง ขอบคุณพรหมลิขิตที่ทำให้ตนเองมาเจอคนที่แสนอบอุ่นคนนี้ที่สุด
“เฮ้ย ! ไหนน้องลองกลืนน้ำลายใหม่ทีซิ ทำไมวันนี้มันใหญ่จังคะ” ขณะนั่งทานหมูกระทะกันอยู่ เขาก็สังเกตคอของเธอ รู้สึกว่ามันปูดขึ้นมาใหญ่กว่าทุกวัน
พรนภาทำตามที่เขาสั่ง “ถ้าวันไหนมันปวดรุม ๆ หน่อยมันก็จะปูดเห็นได้ชัด วันไหนมันไม่ปวดมันก็จะยุบนิดนึงค่ะ” เธอพูด ก็เพราะวันนี้มันรู้สึกปวดเบา ๆ ด้วย
“ทำยังไงมันถึงจะหายน๊า” แสดงสีหน้าออกมาด้วยความเป็นห่วงอย่างชัดเจน เธอเห็นก็อดยิ้มไม่ได้อีกแล้ว ที่เขาแสดงความเป็นห่วงเธอมากที่สุด รักมาก ๆ เลยผู้ชายคนนี้
“ไม่หายหรอกถ้าไม่ผ่าออก ต้องรอดูวันที่สิบกับสิบสี่นี่แหละค่ะ หมอเขาจะว่ายังไงอ่ะ แต่ก็ไม่อันตรายนะคะ เพียงแค่มันจะอยู่กับนภาแบบนี้ตลอดไป”
“น้องอายมั้ย ! อยากผ่าหรือเปล่า” เขาถามจากใจจริง
“อยากผ่า ! อยากเอาออกแต่ไม่อายค่ะ”
“ถึงไม่ผ่า ถึงมันอยู่แบบนี้พี่ก็รักค่ะ เป็นแบบไหนพี่ก็รักของพี่ อ่ะ “ พูดจบยื่นตะเกียบที่คีบหมูสามชั้นมาป้อนเธออีก และ เธอก็รับเอาอย่างไม่อิดออด รักผู้ชายคนนี้ที่สุดในโลกเลย
พวกเธอนั่งทานหมูกระทะกันสองคน เมื่อไหร่นะจะมีสมาชิกมาเพิ่มสักที สักหนึ่งคนก็ยังดี ส่วนลูกของสามีก็ประสงค์จะอยู่กับฝั่งแม่ของเขานู่น เธอไม่ว่าอะไรเลยหากลูกชายจะมาอยู่กับพ่อ
เมธีดื่มเบียร์ เธอดื่มเหล้าโซดา พอเมาหน่อยพูดอะไรก็หัวเราะไปหมดทั้งสองคน ภายในคอนโดเล็ก ๆ คราวนี้ไม่พอเมธีเปิดเพลงที่พูดล้อเธอเมื่อตอนหัวค่ำให้ฟังไปอีก แถมยังร้องตามอีก ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เล่นกันเป็นเด็ก ๆ อยู่สองคน แค่นี้ก็มีความสุขที่สุดแล้ว…
จบบท…
*บทนี้มาเร็วหน่อยเพราะอยากเปลี่ยนปก อิอิ^^*
ฝันหวาน (Sweet Dream) 60
.
https://ppantip.com/topic/40942859…..บทที่ 59
หลังจากนอนมาทั้งวัน ทั้งเธอและเขาต่างไม่ยอมออกไปไหน เย็นนี้พรนภาสุดที่รักของเขาชวนทานหมูกระทะอีกแล้ว ก็ต้องทานเป็นเพื่อนอีกตามเคย ไม่ได้ฝืนทุก ๆ อย่างเขาเต็มใจ แม้สุดท้ายคนชวนจะทานนิดเดียว และ อิ่มก่อน เป็นเขาทุกทีที่ตามเก็บกวาดให้ทั้งหมดเสมอ ๆ
“พี่เมธีปะเราไปตลาดกันเหอะ หกโมงเย็นแล้วเดี๋ยวของหมดก่อนนา” พรนภาเอ่ยชวน หลังจากตื่นนอน บิดขี้เกียจเสร็จลุกไปทาแป้งหวีผมจัดทรงใหม่ แค่นี้ก็พอไม่ห่วงสวยอะไรเลย แค่ไปเดินตลาด
“ซื้อที่ไหนคะ ตลาดหรือร้านข้าง ๆ คอนโด” เขาถาม
“ตลาดค่ะ ! ร้านข้างคอนโดของน้อย นภาจือคักซะ ! โคตรเสียเปรียบสู้เสียเวลาแป๊บเดียวไปตลาดดีกว่า” เธอพูดจริงจัง เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่หลวมตัวซื้อร้านนั้น เอาเปรียบผู้บริโภคเกินไป
“ตามใจค่ะ” แล้วเขาก็ลุกเดินไปสวมชุดกีฬาทีมโปรดเพื่อไปเดินตลาด เขาเองก็ไม่สันทัดในการแต่งตัวเท่าไหร่ สำหรับในวันหยุดแบบนี้ พรนภาปรายตามองอมยิ้มให้กับคนตรงหน้า
“ยิ้มอะไรคะ ไม่เคยเห็นซาร่าบ่ เมธีซาร่าเด้หนิ” เจ้าตัวพูดกลั้วหัวเราะ เธอเองเม้มปากหัวเราะหึหึกับคำพูดของสามี ก่อนที่จะโดนหอมไปอีก “ปะลูกหล่าเมียพ่อไปตลาดกัน ฮา “
“งือ… พี่เมธีพูดอะไรอ่ะ ฮา “ ทั้งเขาและเธอต่างหัวเราะลั่นห้องกับคำพูดของเขาเมื่อครู่ “พูดอะไรนะเมื่อกี้นี้”
เมธีหัวเราะอึกอัก วันนี้มันอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ที่ได้นอนกอดพรนภาทั้งวัน และ ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบเต็มที่ ทำแบบนี้ได้เพียงวันหยุดนี่แหละ วันทำงานก็ต้องห่างกันค่อนวันเลย “พูดอะไรคะ พี่พูดอะไร” ทำหน้าเอ๋อ ๆ ให้ ทว่าก็ยังปนไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่ “ก็บอกว่าปะไปตลาดกันได้แล้ว”
“แล้วอะไรต่อ ! ไปเอาคำพูดนี้มาจากไหน ฮะ ! พี่เมธีอ่ะ ฮ่วย ! ลูกหล่าเมียพ่อพะนะ” ไม่ได้จะต่อว่า เพียงนึกตลกและเอ็นดูกับคำพูดของเขาเท่านั้นเอง สรรหาแต่คำมาพูดนักพี่เมธี
เขาก็ยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปอีก ตลกตนเองเช่นกัน “พูดเล่นเฉย ๆ ค่ะ เค้าไปฟังเพลงมาก็เลยพูดตามเพลงเฉย ๆ ปะ ๆ ไปตลาดเหอะ จะมืดแล้วหนิ จะเหลืออะไรให้น้องกินบ้างหนิ” เขาทำเป็นบ่น ทว่าก็ยังแอบหัวเราะตนเองกับภรรยารุ่นลูกเมื่อสักครู่อยู่
พวกเธอทั้งสองคนขับรถมาถึงตลาดใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที โดยขับรถมอเตอร์ไซค์กันมา จะได้ถึงเร็ว ๆ นาน ๆ ทีจะได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์กับเขามันก็โรแมนติกมาก “ปะน้องเข้าไปในตลาดกันเถอะ ระวังรถนะคะ” เขายื่นมือมาจับมือของเธอหลังจอดรถไว้ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามของตลาด
เธอจับมือกับเขาเดินข้ามถนนไป มาถึงร้านหมูกระทะก็ถอนหายใจ เผยยิ้มดีใจที่ของยังเหลือพอให้ได้เลือก นึกว่ามาเย็นขนาดนี้ของจะหมดไปก่อน
“น้องเลือกเลยค่ะ เอ๋าไม่มีตับเหรอครับวันนี้” ถามแม่ค้าเพราะเป็นของโปรดของเขาล่ะ แม่ค้ายิ้มส่ายหัวให้เป็นคำตอบ แถมแอบชำเลืองมองพวกเขากันด้วย “ไม่เป็นไร กินตับอย่างอื่นก็ได้” ทว่าก้มลงมากระซิบข้างหูของเธอเบา ๆ
“พี่เมธี ! ฮ่วย… ในตลาดนะ ในตลาดนะหนิ “ หันขวับมาต่อว่าด้วยความเขิน ไม่รู้แม่ค้ากับลูกค้าคนอื่น ๆ ได้ยินด้วยหรือเปล่า ทว่าแม่ค้าก็ยังมองพวกเธอด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะรีบตักเอาวัตถุดิบใส่ถุงต่อ ส่วนเขาหัวเราะยืนอยู่ทางด้านหลัง ไม่สนใจสายตาของใครทั้งนั้น
“เหล้าเหลืออยู่ใช่มั้ย” เขาถามเมื่อนึกขึ้นได้
“ของนภา ! “ หันมาค่อนขอดให้อีก ไม่ได้หวงอะไร พูดไปอย่างนั้นเอง
“พ่อซื้อให้ใหม่กะได้หรอกขั้นเมิด โอ๊ะ ! พี่ซื้อให้ใหม่กะได้จ้า” ก้มลงมาพูดแกล้งเธอในตลาด ระหว่างเดินซื้ออย่างอื่น
“พี่เมธี ! “ อุทานพร้อมตีไปที่แขนของเขาเบา ๆ เจ้าตัวหัวเราะชอบใจมาก ไม่เกรงใจคนเดินตลาดคนอื่น ๆ เลย “พูดอะไร ฮ่วย ! “
“เมีย ๆ ไม่ใช่ลูก !” เขาพูดกลั้วหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี ไม่ได้อายไม่ได้โกรธ แต่ เธอเขิน
“เซาเว้าเด้อ ! “ หันไปค่อนขอดให้คนที่เดินแตะไหล่อยู่ด้านหลัง
“เว้าหยอกซือ ๆ แหมะลูกหล่า เอ้ยเมีย ! ฮา “
เธอหันไปหัวเราะให้ ไม่มีคำจะพูดออกมา ดูท่าจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยสำหรับวันนี้ “พ่อใหญ่อันหนิแหมะ ปะกลับได้แล้ว หิวข้าว !”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ แค่นั้นมันไม่พอ เค้าขอเบียร์นะ” หลับตาปริบ ๆ ทำตาละห้อยอ้อนวอนภรรยารุ่นลูกอย่างตลก “น้องกินคนเดียวไปเลย พี่จะกินเบียร์ ให้ขอปานแม่เด้เดี๋ยวหนิ” ยกมือขึ้นมาจับศีรษะของเธอด้วยรอยยิ้ม
“เอ๋า ! ใครให้ขอล่ะ อยากกินก็ไปซื้อดิ ชิ !” ทำบึ้งตึงให้ มาว่ากันแบบนี้ได้อย่างไร
“พุ่นน่ะ ! ขั้นเพิ่นสิเครียดบ่ยากเลย” โดนเอ็ดเบา ๆ ทว่าก็ยังปนไปด้วยแววตาและรอยยิ้มที่ละมุน “เดี๋ยวพี่เข้าไปเซเว่นแป๊บ น้องรอนี่นะ”
“ค่ะ ! พี่เมธีเอาน้ำแข็งให้เค้าด้วยนะ” เขาพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ สักพักก็กลับออกมา เป็นอันเสร็จภารกิจในการซื้อหมูกระทะในวันนี้ “พี่เมธี !” เธอถามก่อนจะออกรถขับกลับบ้าน
“คะ ! “ เขาเลิกคิ้วเป็นคำถาม
“เมื่อกี้เค้าไม่ได้เข้าไปเซเว่นด้วย พี่เมธีพูดค่ะกับพนักงานหรือเปล่า มีใครส่งสายตาให้มั้ย” ถามชุดใหญ่ ถามเล่น ๆ ทว่าภายในใจของเธอคิดจริงจัง
“เอ๋า… ไม่มีหรอกค่ะ ไม่ได้พูดกับใครด้วย พี่เก็บไว้ใช้กับน้องคนเดียวนะคะ สบายใจได้ ! ถึงมีคนส่งสายตาให้ พี่ก็ไม่เอา พี่จะเอากับน้องคนเดียว” พูดพร้อมหัวเราะ เพราะพูดสองแง่สองง่าม เธอเองก็เข้าใจในคำพูดนั้น และ หัวเราะตามอุตส่าห์จะทำเป็นนิ่งขรึมสักหน่อย
“โอเค… ปะอี่พ่อกลับห้องเฮา” เธอล้อบ้าง
“นั่น ! พ่อที่ไหนล่ะ ผัวเด้หนิ หาว่าเด้อ” พูดกลั้วหัวเราะที่โดนเอาคืน โดนสาวเจ้าค่อนขอดกลับมาให้อีก “มาขึ้น ๆ เมธีจะพาแว้นแล้วหนิ เกาะเอวดี ๆ นะลูกหล่าเมียพ่อ” ก่อนจะมีเสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังขึ้น จากนั้นจึงขับรถกลับคอนโดของตนเอง
มาถึงห้องเช่นเคย พรนภาเป็นคนจัดเตรียมทุกอย่าง นึกขอบคุณสามีรุ่นพ่อคนนี้มาก ๆ ที่ตามใจไม่เคยดุเลย อยากทานอะไรก็ได้ทาน อยากไปที่ไหนก็ได้ไป ไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง ขอบคุณพรหมลิขิตที่ทำให้ตนเองมาเจอคนที่แสนอบอุ่นคนนี้ที่สุด
“เฮ้ย ! ไหนน้องลองกลืนน้ำลายใหม่ทีซิ ทำไมวันนี้มันใหญ่จังคะ” ขณะนั่งทานหมูกระทะกันอยู่ เขาก็สังเกตคอของเธอ รู้สึกว่ามันปูดขึ้นมาใหญ่กว่าทุกวัน
พรนภาทำตามที่เขาสั่ง “ถ้าวันไหนมันปวดรุม ๆ หน่อยมันก็จะปูดเห็นได้ชัด วันไหนมันไม่ปวดมันก็จะยุบนิดนึงค่ะ” เธอพูด ก็เพราะวันนี้มันรู้สึกปวดเบา ๆ ด้วย
“ทำยังไงมันถึงจะหายน๊า” แสดงสีหน้าออกมาด้วยความเป็นห่วงอย่างชัดเจน เธอเห็นก็อดยิ้มไม่ได้อีกแล้ว ที่เขาแสดงความเป็นห่วงเธอมากที่สุด รักมาก ๆ เลยผู้ชายคนนี้
“ไม่หายหรอกถ้าไม่ผ่าออก ต้องรอดูวันที่สิบกับสิบสี่นี่แหละค่ะ หมอเขาจะว่ายังไงอ่ะ แต่ก็ไม่อันตรายนะคะ เพียงแค่มันจะอยู่กับนภาแบบนี้ตลอดไป”
“น้องอายมั้ย ! อยากผ่าหรือเปล่า” เขาถามจากใจจริง
“อยากผ่า ! อยากเอาออกแต่ไม่อายค่ะ”
“ถึงไม่ผ่า ถึงมันอยู่แบบนี้พี่ก็รักค่ะ เป็นแบบไหนพี่ก็รักของพี่ อ่ะ “ พูดจบยื่นตะเกียบที่คีบหมูสามชั้นมาป้อนเธออีก และ เธอก็รับเอาอย่างไม่อิดออด รักผู้ชายคนนี้ที่สุดในโลกเลย
พวกเธอนั่งทานหมูกระทะกันสองคน เมื่อไหร่นะจะมีสมาชิกมาเพิ่มสักที สักหนึ่งคนก็ยังดี ส่วนลูกของสามีก็ประสงค์จะอยู่กับฝั่งแม่ของเขานู่น เธอไม่ว่าอะไรเลยหากลูกชายจะมาอยู่กับพ่อ
เมธีดื่มเบียร์ เธอดื่มเหล้าโซดา พอเมาหน่อยพูดอะไรก็หัวเราะไปหมดทั้งสองคน ภายในคอนโดเล็ก ๆ คราวนี้ไม่พอเมธีเปิดเพลงที่พูดล้อเธอเมื่อตอนหัวค่ำให้ฟังไปอีก แถมยังร้องตามอีก ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เล่นกันเป็นเด็ก ๆ อยู่สองคน แค่นี้ก็มีความสุขที่สุดแล้ว…
จบบท…
*บทนี้มาเร็วหน่อยเพราะอยากเปลี่ยนปก อิอิ^^*