.
https://ppantip.com/topic/40881205….. บทที่ 53
นาฬิกาปลุกดังขึ้นแปดโมงเช้าพรนภางัวเงียลืมตาตื่น มือควานหาโทรศัพท์เพื่อปิดเสียง และ พร้อมจะลุกตื่นไปอาบน้ำ เพราะวันนี้ต้องเดินทาง แม้ทราบว่ามีโรคระบาดหนัก พรนภาก็ยังดื้อด้านที่จะไป ใครจะมองจะว่าอย่างไรก็ช่าง อย่างไรเสียก็จะไป
เธอตื่นขึ้นมาเห็นเมธีแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย นั่งจิบกาแฟมองมายังตนเองที่เตียงนอน เมธีกระตุกยิ้มให้ พร้อมจิบกาแฟไปด้วย “คนอะไรอยากไปแต่ตื่นสายอ่ะ ใครน๊าบอกพี่ว่าล้อหมุนแต่เช้าน่ะ ฮา เจ็ดโมงเช้าเราออกไปเลยว่าซั่น แปดโมงเช้าพึ่งจะตื่นเนี่ย ฮา “ ไม่พอแถมโดนล้อไปอีก ดีที่พวกเธอเก็บกระเป๋ากันไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน
“แล้วทำไมพี่เมธีไม่ยอมปลุกนภาล่ะ ตัวเองตื่นก่อนยังไม่ยอมปลุกเค้าอีก ชิ” ค่อนขวับให้สามีรุ่นพ่อ ทำแก้เขินไปอย่างนั้นเอง ที่พูดเอาไว้แล้วทำไม่ได้ นั่งพับผ้าห่มเก็บหมอนให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำ นี่ก็สายมากแล้ว กว่าจะไปถึงปากช่องคงบ่าย จะไม่กลัวเสียเวลาเลยหากไม่อยากแวะเที่ยวข้างทางด้วย
เขาหัวเราะหึหึในลำคอ “ใครบอกพี่ไม่ปลุกน้องอ่ะ เค้าปลุกจนขี้เกียจปลุกละ ลืมตาตื่นนะแทนที่จะลุกไปอาบน้ำ หลับต่อเฉย “ พูดพร้อมหัวเราะเธอ “อือ พี่เมธีอาบก่อนเลยพะนะ ฮา “ พูดกลั้วหัวเราะให้
“พี่เมธี ฮ่วย… ! “ เธอเองก็ขำกับท่าทางล้อเลียนของเขา “ปลุกตอนไหน ทำไมไม่ปลุกให้ตื่นล่ะ ฮ่วย “ ยิ้มให้คนตรงหน้าแบบเขิน ๆ
“ปลุกตั้งแต่หกโมงเช้านู่น พี่ก็เลยปล่อยให้น้องนอนต่อ ยังไงก็เช็กอินบ่ายสองนู่นแหนะ” เขาพูดต่อพร้อมจิบกาแฟไปด้วย ปรายตามองคนนอนตื่นสายด้วยความเอ็นดู เมื่อนึกถึงคำพูดของเจ้าตัวว่าออกเดินทางแต่เช้ากัน เผยยิ้มออกมาด้วยความนึกตลก
“ยิ้มอะไร ! ที่ตัวเองไม่ปลุกเค้าให้ตื่นจริง ๆ เพราะไม่อยากพาแวะเที่ยวใช่มั้ยล่ะ นภารู้หรอก” จากยิ้ม ๆ ก็ทำหน้าบึ้งตึงให้ “อยากวิ่งตรงดิ่งไปปากช่องเลยใช่มั้ย ไม่อยากพาเค้าแวะเที่ยวก็พูดมา หึหึ”
“เฮ้ย ! โนค่ะ… อย่ามาหาเรื่องกันดิ “ เมื่อโดนกล่าวหากันแบบนี้ทำเอาเขาเกือบสำลักกาแฟ จึงรีบปฏิเสธไปโดยด่วน “ไปเลยรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเลยค่ะ เก้าโมงเช้าล้อหมุนนะ เข้าก่อนบ่ายสองก็ได้มั้ง ถ้าถึงก่อนแหมะ”
“ได้ค่ะ ! เขาก็เผื่อเวลาเก็บห้องให้เราเฉย ๆ แหละ ไปอาบน้ำแล้วนะ ไม่อยากคุยกับพี่เมธีต่อละ” พูดพร้อมลุกไปถอดชุดนอนออก นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“อ้าวไม่อยากคุยกับพี่แล้วน้องอยากคุยกับใคร บอกมานะ นภาบอกพี่มานะ” ได้ยินเสียงพูดแว่วมาตามหลัง ทว่าเธอไม่ได้ตอบกลับไป รีบอาบน้ำรีบแต่งตัวให้เสร็จดีกว่า จะได้ออกเดินทางกันโดยเร็ว
เมื่อเธอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ทุกอย่างพร้อม ก็ถึงเวลาเดินทางกันได้ พวกเธอจะเดินทางไปเขาใหญ่อำเภอปากช่องจังหวัดนครราชสีมา ความจริงต้องได้ไปตั้งแต่วันเข้าพรรษาแล้ว ทว่าติดปัญหาหลายอย่างจึงขอเลื่อนมาเป็นวันนี้แทน
“ดีใจมั้ยคะ” เขาถาม ระหว่างขับรถไปตามทาง พร้อมยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของเธอเบา ๆ
“ที่สุดค่ะ หายเมื่อยเลย ทำงานลากมายาว ๆ หลายวันเพื่อวันนี้เลยนะเนี่ย” พูดกลั้วยิ้มหันมาอมยิ้มให้สามี “พี่เมธีก่อนเข้ารีสอร์ตเราแวะกันหน่อยมั้ย นภาอยากไปวัดน่ะ วัดหลวงพ่อทวดอยู่ใกล้ ๆ รีสอร์ตนั่นแหละ นี่นภาใส่ชุดนี้มาเพื่อแวะที่วัดก่อนเลยนะ” พูดด้วยท่าทางตื่นเต้น
เธอสวมชุดกระโปรงสีแดง ผูกโบว์เล็ก ๆ ที่หน้าอก เพราะวางแผนการเดินทางเอาไว้หมดแล้ว ทว่าหากไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร ไม่ได้คาดหวัง ก็แค่ผลพลอยได้ จุดหมายของเธอคือรีสอร์ตที่จองไว้ต่างหาก นึกเสียดายที่ไม่ได้มาพร้อมญาติที่นัดกันไว้ ถ้าได้มาพร้อมกันคงจะไม่เหงาแน่
“นั่นว่าแล้วเชียว ! “ เขาหันมาตอบก่อนจะหันไปมองทางเช่นเดิม “จะทันมั้ยล่ะคะ จะไปถึงที่พักตอนไหน”
“ถ้าทันพี่เมธีไปมั้ย ! พูดถึงไม่แวะก็ได้ เอาไว้ขากลับค่อยแวะกันเนอะ แต่ตอนนี้ช่วยแวะปั๊มให้เค้าก๊อน ! อยากเข้าห้องน้ำ” พูดด้วยท่าทางตลก
เขาหันมาหัวเราะให้ภรรยาสาว พรนภาทำอะไรก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด โลกที่สดใสของเขา เป็นโลกทั้งใบของเขาเลยก็ได้ “เคค่า !” ขับรถไปสักพักก็ถึงปั๊มน้ำมัน เขาเข้าจอดเติมน้ำมันก่อน ๆ จะขับมาจอดหน้าห้องน้ำให้กับพรนภา ต่างคนต่างเข้าไปทำธุระของตนให้เสร็จสรรพ เพราะหลังจากนี้จะได้วิ่งกันยาว ๆ ไปเลย
เมื่อเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย เธอก็เดินไปร้านกาแฟอเมซอน สั่งแบล็กคอฟฟี่มาแก้วเดียว เพราะโทรถามเมธีแล้วบอกว่าไม่ทานอะไร พอหลังจากซื้อกาแฟเสร็จจึงเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อขนมเอาไว้เดินทางสักหน่อย กะจะไม่แวะอีกแล้ว หลังจากเสร็จทุกอย่างก็ออกเดินทางกันต่อ
“หืมม์ ขมแท้ ! “พูดพร้อมทำหน้าบอกรสชาติไม่ถูก หลังดูดกาแฟดำเข้าไปอึกใหญ่ หันไปมองสามีขอความเห็นใจ โดนหัวเราะให้อีก “ไม่น่าสั่งเลย เจเจ้ชอบได้ไงเนี่ย เจ้แป้งชอบได้ไง” พูดถึงพี่สาวลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง ซึ่งเมธีเองก็รู้จักดีว่าเป็นใคร เธอไม่ได้มีเชื้อจีนแค่เรียกกันเล่น ๆ ในหมู่พี่น้อง
“แล้วไม่สั่งหวานล่ะ จะได้กินได้ง่าย ๆ “ เขาพูดกลั้วยิ้ม หันมามองด้วยรอยยิ้มหวาน ๆ ยิ้มละมุนที่เธอชอบมาก
“อ่ะชิม ! “ ยื่นให้เขาดูด “พี่เมธีเอาไปกินเลย นภาไม่กินแล้ว “ ยกแบล็กคอฟฟี่ให้เมธีไปฟรี ๆ เลย
“ไม่เอาค่ะ พี่กินมาแล้วจากห้องไง เอาไว้แหละ เดี๋ยวหิวน้ำเมื่อไหร่ก็เอาไว้จิบ” เมธีเองก็ปฏิเสธ เธอจึงจำยอมเอาไว้กับตน ค่อย ๆ จิบไป ฝืนทานไม่ได้จริง ๆ จึงปล่อยให้น้ำแข็งละลาย นึกเสียดายทำไมตนเองไม่สั่งลาเต้ที่ชอบทานตลอด นึกอย่างไรไปสั่งอเมริกาโน่แบล็กคอฟฟี่ “แล้วก็ไม่สั่งลาเต้ ทุกทีเห็นกินแต่ลาเต้นะคะ นึกไงสั่งกาแฟดำ”
พรนภาหัวเราะ ไม่มีอะไรจะตอบคำถามของสามีเลย ไม่เข้าใจในตนเองเหมือนกัน ที่นึกอย่างไรถึงได้สั่งกาแฟดำ “นภากระแดะมั้ง อยากลองไง อยากลองว่ามันจะอร่อยไหม รู้แล้วว่าไม่รอด ! กลับไปกินลาเต้เหมือนเดิมดีกว่า ฮา “ พูดปนหัวเราะให้ จากนั้นก็นั่งเงียบ ๆ ฟังเพลง ส่วนเมธีก็ตั้งใจขับรถเช่นกัน
“เดี๋ยวถึงโคราชเราค่อยเปิดจีพีเอสก็ได้เนอะ” เขาพูด ขณะนี้พวกเธออยู่บนทางด่วน อยู่บนทางด่วนทับช้าง เห็นป้ายเขียนบอกเอาไว้
“โถ่พี่เมธี ! “ ปรายตามองด้วยรอยยิ้ม “พี่เมธีจะเปิดตั้งแต่อยู่บนทางด่วนก็ได้ ถ้าหาทางออกจากกรุงเทพไม่ได้อ่ะ ถ้าหาทางกลับบ้านตัวเองไม่ได้ค่อยเปิด ซังเฮ้ย ! ฮา “ พูดกลั้วหัวเราะ เขาเองก็หัวเราะตาม
“เอ๋าลืมน้อ ! บ่ค่อยได้มาทางหนิแหมะหล่า”
“นภาจำได้ ! เดี๋ยวนภาบอกทางเอง คิดถึงแม่เลยอ่ะ คิดถึงที่อยู่เก่าสมัยเด็ก ๆ แม่อยู่แถวนี้แหละ พาแวะลำลูกกาหน่อยดิ จะไปหายายดาว” พรนภาพูดถึงยายเจ้าของบ้านเช่าที่แม่เช่าอยู่มานมนาน ยังจำหน้าได้เสมอ
“จริงอ่ะ แวะเปล่า !” ชวนอะไรเขาก็ไม่เคยจะปฏิเสธเลย ยักคิ้วให้ทำหน้าทะเล้นให้อีก ทว่าเธอก็ชอบ อมยิ้มคืนให้ไป
“พูดเล่น ! พี่เมธีก็ขับตรงไปเลย เนี่ยเราจะไปบางปะอินนะ ถนนกาญจนาภิเษกบางปะอินเบี่ยงซ้ายจ้า ตรงไปเลยจ้า บางปะอินสระบุรีช่องนี้เด้อ นี่ไงถ้าไปหาแม่ก็ไปเส้นนี้เลย” พูดอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นป้ายลำลูกกา ความคิดถึงวันเก่า ๆ มันก็จุกในอกขึ้นมาดื้อ ๆ ความทรงจำที่เคยอยู่ที่นี่ยังชัดเจนทุกอย่าง ตอนเด็ก ๆ เคยตามแม่มาขายกับข้าวก็บ่อย ส่วนเมธีก็ฟังเธอพูดอย่างเพลิน ไม่มีขัดจังหวะอะไรเลย
“เฮ้ย ๆ บางปะอินตกลงเส้นไหน ขึ้นสะพานหรือลงข้างล่างเนี่ย” มัวแต่ฟังเธอพูดเพลินทำให้ลังเลในการตัดสินใจ สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจวิ่งตามถนนด้านล่าง ทว่ามันก็ยังมีป้ายชี้บอก “พลาดแล้ว ค่อยหาทางออกก็แล้วกัน “ เขาบ่นอุบอิบ
“เอ๋า… พี่เมธีจะตกใจทำไม มันก็มาทางเดียวกันแหละ เส้นนี้มันก็จะวิ่งวนขึ้นไปข้างบนเส้นเดียวกันอยู่ดีเห็นมั้ย นั่นน่ะเส้นที่เบี่ยงขวามันตรงไปขึ้นสะพานข้างบน ส่วนเราวิ่งมาจากข้างล่าง เนี่ยก็มาบรรจบกันอยู่ดี แล้วเราก็จะผ่านบริษัทเบียร์ช้างด้วย นภาจำได้ แล้วก็จะลงทางด่วนตรงรังสิต ตรงวังน้อยมั้ง” เธอพูดอย่างคนใจเย็น นึกตลกกับท่าทางตกใจของเขา พรนภาหันมองไปด้านหลัง เป็นถนนที่คุ้นเคย ถนนที่วิ่งไปยังบ้านเก่าที่แม่เคยอยู่
“อ่อ จำได้แล้ว นึกว่าลงผิด ลงผิดชีวิตเปลี่ยนเลยนะเนี่ย” เขาพูด ส่วนเธอยิ้มให้อย่างนึกเอ็นดู
“เนี่ยบ้านแม่ไปทางนี้ก็ได้ วิ่งเส้นนี้ตรงไปก็เลี้ยวสนามกีฬาธูปะเตมีย์ ผ่านคูคตไปก็เป็นลำลูกกาบ้านแม่แล้ว คิดถึงว่ะพี่เมธี คิดถึงจริง ๆ นะ น้ำตาจะไหลแล้วเนี่ย บอกอาการไม่ถูก ถ้าตรงไปไม่เลี้ยวมันก็เป็นดอนเมือง แม่พาไปขายกับข้าวหมดแหละแถวนั้น ”
“อยากกลับมาอยู่มั้ย” จู่ ๆ เขาก็ถาม
“อือ มาก ! “ ยักคิ้วพร้อมตอบไปด้วย
“ฝันไปเถอะน้องหล่า มีตะอ้ายสิพากลับไปอยู่บ้านเฮานั่นล่ะ ฮา “ พูดปนหัวเราะให้เธอ เธอจึงค่อนขอดให้ทีหนึ่ง แล้วจะถามทำไมเนี่ย
“เวลาแม่กลับบ้าน กลับบ้านนอกน่ะ แม่ชอบพานภามาเส้นนี้ เส้นนี้แหละ ไม่ขึ้นทางด่วน แต่พอเวลาขามาจากบ้าน แม่ชอบพาขึ้นทางด่วน ทางที่เรามากันนั่นแหละ ก็ไปลงแยกเข้าลำลูกกาไง ที่นภาชี้ให้ดู” เธอพูดต่อด้วยรอยยิ้มแห่งความคิดถึง
เขาเองก็ปล่อยให้เธอเล่าให้ฟังสบาย ๆ ไม่เบื่อที่จะฟังเลยสักครั้ง เห็นแววตาและรอยยิ้มเวลาที่เธอเล่าเรื่องอะไรก็ตามให้ฟัง ดูเธอมีความสุขในการเล่าเสมอ มีหรือเขาจะไม่ตั้งใจฟัง เพื่อส่งเสริมความสุขนั้นแด่เธอ
“ได้บรรยากาศเหมือนเรากำลังกลับบ้านเลยเนอะน้อง ปะกลับบ้านกัน “ เขาพูดปนยิ้ม หันมายิ้มให้ก็รีบหันกลับไปมองถนนอีก
“นอนแค่คืนเดียวเนี่ยนะ แต่ ! นภาเอาชุดมาเยอะอยู่นะ ฮา “ พวกเธอทั้งสองคนหัวเราะให้กัน “กลับไปก็โดนกักตัวอยู่ดี ไม่กลับดีกว่า “
“เอ้า ใครจะมากักตัวเรา ถ้าเรากลับใช่มั้ยก็น่าจะถึงประมาณห้าโมงเย็น นอนคืนเดียว บ่าย ๆ ก็กลับมา “ เขายังพูดต่อ เธอเองก็ลังเล หรือจะเอาแบบนั้น หรือจะกลับบ้านดีนะ
“โห่ ไปกลับ ! พี่เมธีจะไม่เมื่อยเหรอ แต่ เอาไหมล่ะ ฮา “ พวกเธอหัวเราะให้กันอีกเมื่อพูดจบ “ไม่ดีกว่า เมื่อยแน่เลย “
“บรรยากาศมันได้มากเลยนะคะ นี่พี่คิดว่าพี่กำลังขับรถกลับบ้านมากเลยนะน้อง เราก็ไม่ต้องเข้าบ้านไง เราก็ไปสวนของแม่กันเลย มีไฟฟ้ามีอะไรแล้วหนิ ไปถึงเราก็นอนที่นาของน้องกัน ไม่มีใครมากักตัวเราหรอก ตื่นเช้าเราก็กลับ ฮา “ เมธีพูดถึงที่สวนของเธอ หลังจากที่แม่ของเธออำลาอาชีพแม่ค้าในกรุง ก็หันไปทำสวนที่บ้านนอก ปลูกผลไม้และพืชเศรษฐกิจมากมาย
“พูดไป ! เอามั้ยล๊า ฮา “ พูดอีกพวกเธอทั้งสองคนก็หัวเราะให้กันและกันอีก “พี่เมธีเดี๋ยวขับไปเรื่อย ๆ เลย พอเห็นป้ายอำเภอปากช่องก็เลี้ยวเลยนะ แล้วเราค่อยเปิดจีพีเอส”
“อือ ทางด่วนมันอยู่ตรงไหนนะน้อง เขาให้ขึ้นมั้ย เออว่าแต่ปากช่องกับสีคิ้วอันไหนมันถึงก่อนกันนะ” เขาถาม
“เอ๋า ! ก็ปากช่องตั้วน้อถึงก่อน ส่วนทางด่วนเหรอ นู่น ! ออกจากสระบุรีก่อน มันต้องขึ้นอยู่แถว ๆ ลำตะคองนะถ้านภาจำไม่ผิด ไม่ต้องขึ้นหรอก ว่าแต่ทำไมพี่เมธีถามถึงอำเภอสีคิ้วอ่ะ” เธอถามอย่างสงสัย
ฝันหวาน ( Sweet Dream) 54
.
https://ppantip.com/topic/40881205….. บทที่ 53
นาฬิกาปลุกดังขึ้นแปดโมงเช้าพรนภางัวเงียลืมตาตื่น มือควานหาโทรศัพท์เพื่อปิดเสียง และ พร้อมจะลุกตื่นไปอาบน้ำ เพราะวันนี้ต้องเดินทาง แม้ทราบว่ามีโรคระบาดหนัก พรนภาก็ยังดื้อด้านที่จะไป ใครจะมองจะว่าอย่างไรก็ช่าง อย่างไรเสียก็จะไป
เธอตื่นขึ้นมาเห็นเมธีแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย นั่งจิบกาแฟมองมายังตนเองที่เตียงนอน เมธีกระตุกยิ้มให้ พร้อมจิบกาแฟไปด้วย “คนอะไรอยากไปแต่ตื่นสายอ่ะ ใครน๊าบอกพี่ว่าล้อหมุนแต่เช้าน่ะ ฮา เจ็ดโมงเช้าเราออกไปเลยว่าซั่น แปดโมงเช้าพึ่งจะตื่นเนี่ย ฮา “ ไม่พอแถมโดนล้อไปอีก ดีที่พวกเธอเก็บกระเป๋ากันไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน
“แล้วทำไมพี่เมธีไม่ยอมปลุกนภาล่ะ ตัวเองตื่นก่อนยังไม่ยอมปลุกเค้าอีก ชิ” ค่อนขวับให้สามีรุ่นพ่อ ทำแก้เขินไปอย่างนั้นเอง ที่พูดเอาไว้แล้วทำไม่ได้ นั่งพับผ้าห่มเก็บหมอนให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำ นี่ก็สายมากแล้ว กว่าจะไปถึงปากช่องคงบ่าย จะไม่กลัวเสียเวลาเลยหากไม่อยากแวะเที่ยวข้างทางด้วย
เขาหัวเราะหึหึในลำคอ “ใครบอกพี่ไม่ปลุกน้องอ่ะ เค้าปลุกจนขี้เกียจปลุกละ ลืมตาตื่นนะแทนที่จะลุกไปอาบน้ำ หลับต่อเฉย “ พูดพร้อมหัวเราะเธอ “อือ พี่เมธีอาบก่อนเลยพะนะ ฮา “ พูดกลั้วหัวเราะให้
“พี่เมธี ฮ่วย… ! “ เธอเองก็ขำกับท่าทางล้อเลียนของเขา “ปลุกตอนไหน ทำไมไม่ปลุกให้ตื่นล่ะ ฮ่วย “ ยิ้มให้คนตรงหน้าแบบเขิน ๆ
“ปลุกตั้งแต่หกโมงเช้านู่น พี่ก็เลยปล่อยให้น้องนอนต่อ ยังไงก็เช็กอินบ่ายสองนู่นแหนะ” เขาพูดต่อพร้อมจิบกาแฟไปด้วย ปรายตามองคนนอนตื่นสายด้วยความเอ็นดู เมื่อนึกถึงคำพูดของเจ้าตัวว่าออกเดินทางแต่เช้ากัน เผยยิ้มออกมาด้วยความนึกตลก
“ยิ้มอะไร ! ที่ตัวเองไม่ปลุกเค้าให้ตื่นจริง ๆ เพราะไม่อยากพาแวะเที่ยวใช่มั้ยล่ะ นภารู้หรอก” จากยิ้ม ๆ ก็ทำหน้าบึ้งตึงให้ “อยากวิ่งตรงดิ่งไปปากช่องเลยใช่มั้ย ไม่อยากพาเค้าแวะเที่ยวก็พูดมา หึหึ”
“เฮ้ย ! โนค่ะ… อย่ามาหาเรื่องกันดิ “ เมื่อโดนกล่าวหากันแบบนี้ทำเอาเขาเกือบสำลักกาแฟ จึงรีบปฏิเสธไปโดยด่วน “ไปเลยรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเลยค่ะ เก้าโมงเช้าล้อหมุนนะ เข้าก่อนบ่ายสองก็ได้มั้ง ถ้าถึงก่อนแหมะ”
“ได้ค่ะ ! เขาก็เผื่อเวลาเก็บห้องให้เราเฉย ๆ แหละ ไปอาบน้ำแล้วนะ ไม่อยากคุยกับพี่เมธีต่อละ” พูดพร้อมลุกไปถอดชุดนอนออก นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“อ้าวไม่อยากคุยกับพี่แล้วน้องอยากคุยกับใคร บอกมานะ นภาบอกพี่มานะ” ได้ยินเสียงพูดแว่วมาตามหลัง ทว่าเธอไม่ได้ตอบกลับไป รีบอาบน้ำรีบแต่งตัวให้เสร็จดีกว่า จะได้ออกเดินทางกันโดยเร็ว
เมื่อเธอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ทุกอย่างพร้อม ก็ถึงเวลาเดินทางกันได้ พวกเธอจะเดินทางไปเขาใหญ่อำเภอปากช่องจังหวัดนครราชสีมา ความจริงต้องได้ไปตั้งแต่วันเข้าพรรษาแล้ว ทว่าติดปัญหาหลายอย่างจึงขอเลื่อนมาเป็นวันนี้แทน
“ดีใจมั้ยคะ” เขาถาม ระหว่างขับรถไปตามทาง พร้อมยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของเธอเบา ๆ
“ที่สุดค่ะ หายเมื่อยเลย ทำงานลากมายาว ๆ หลายวันเพื่อวันนี้เลยนะเนี่ย” พูดกลั้วยิ้มหันมาอมยิ้มให้สามี “พี่เมธีก่อนเข้ารีสอร์ตเราแวะกันหน่อยมั้ย นภาอยากไปวัดน่ะ วัดหลวงพ่อทวดอยู่ใกล้ ๆ รีสอร์ตนั่นแหละ นี่นภาใส่ชุดนี้มาเพื่อแวะที่วัดก่อนเลยนะ” พูดด้วยท่าทางตื่นเต้น
เธอสวมชุดกระโปรงสีแดง ผูกโบว์เล็ก ๆ ที่หน้าอก เพราะวางแผนการเดินทางเอาไว้หมดแล้ว ทว่าหากไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร ไม่ได้คาดหวัง ก็แค่ผลพลอยได้ จุดหมายของเธอคือรีสอร์ตที่จองไว้ต่างหาก นึกเสียดายที่ไม่ได้มาพร้อมญาติที่นัดกันไว้ ถ้าได้มาพร้อมกันคงจะไม่เหงาแน่
“นั่นว่าแล้วเชียว ! “ เขาหันมาตอบก่อนจะหันไปมองทางเช่นเดิม “จะทันมั้ยล่ะคะ จะไปถึงที่พักตอนไหน”
“ถ้าทันพี่เมธีไปมั้ย ! พูดถึงไม่แวะก็ได้ เอาไว้ขากลับค่อยแวะกันเนอะ แต่ตอนนี้ช่วยแวะปั๊มให้เค้าก๊อน ! อยากเข้าห้องน้ำ” พูดด้วยท่าทางตลก
เขาหันมาหัวเราะให้ภรรยาสาว พรนภาทำอะไรก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด โลกที่สดใสของเขา เป็นโลกทั้งใบของเขาเลยก็ได้ “เคค่า !” ขับรถไปสักพักก็ถึงปั๊มน้ำมัน เขาเข้าจอดเติมน้ำมันก่อน ๆ จะขับมาจอดหน้าห้องน้ำให้กับพรนภา ต่างคนต่างเข้าไปทำธุระของตนให้เสร็จสรรพ เพราะหลังจากนี้จะได้วิ่งกันยาว ๆ ไปเลย
เมื่อเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย เธอก็เดินไปร้านกาแฟอเมซอน สั่งแบล็กคอฟฟี่มาแก้วเดียว เพราะโทรถามเมธีแล้วบอกว่าไม่ทานอะไร พอหลังจากซื้อกาแฟเสร็จจึงเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อขนมเอาไว้เดินทางสักหน่อย กะจะไม่แวะอีกแล้ว หลังจากเสร็จทุกอย่างก็ออกเดินทางกันต่อ
“หืมม์ ขมแท้ ! “พูดพร้อมทำหน้าบอกรสชาติไม่ถูก หลังดูดกาแฟดำเข้าไปอึกใหญ่ หันไปมองสามีขอความเห็นใจ โดนหัวเราะให้อีก “ไม่น่าสั่งเลย เจเจ้ชอบได้ไงเนี่ย เจ้แป้งชอบได้ไง” พูดถึงพี่สาวลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง ซึ่งเมธีเองก็รู้จักดีว่าเป็นใคร เธอไม่ได้มีเชื้อจีนแค่เรียกกันเล่น ๆ ในหมู่พี่น้อง
“แล้วไม่สั่งหวานล่ะ จะได้กินได้ง่าย ๆ “ เขาพูดกลั้วยิ้ม หันมามองด้วยรอยยิ้มหวาน ๆ ยิ้มละมุนที่เธอชอบมาก
“อ่ะชิม ! “ ยื่นให้เขาดูด “พี่เมธีเอาไปกินเลย นภาไม่กินแล้ว “ ยกแบล็กคอฟฟี่ให้เมธีไปฟรี ๆ เลย
“ไม่เอาค่ะ พี่กินมาแล้วจากห้องไง เอาไว้แหละ เดี๋ยวหิวน้ำเมื่อไหร่ก็เอาไว้จิบ” เมธีเองก็ปฏิเสธ เธอจึงจำยอมเอาไว้กับตน ค่อย ๆ จิบไป ฝืนทานไม่ได้จริง ๆ จึงปล่อยให้น้ำแข็งละลาย นึกเสียดายทำไมตนเองไม่สั่งลาเต้ที่ชอบทานตลอด นึกอย่างไรไปสั่งอเมริกาโน่แบล็กคอฟฟี่ “แล้วก็ไม่สั่งลาเต้ ทุกทีเห็นกินแต่ลาเต้นะคะ นึกไงสั่งกาแฟดำ”
พรนภาหัวเราะ ไม่มีอะไรจะตอบคำถามของสามีเลย ไม่เข้าใจในตนเองเหมือนกัน ที่นึกอย่างไรถึงได้สั่งกาแฟดำ “นภากระแดะมั้ง อยากลองไง อยากลองว่ามันจะอร่อยไหม รู้แล้วว่าไม่รอด ! กลับไปกินลาเต้เหมือนเดิมดีกว่า ฮา “ พูดปนหัวเราะให้ จากนั้นก็นั่งเงียบ ๆ ฟังเพลง ส่วนเมธีก็ตั้งใจขับรถเช่นกัน
“เดี๋ยวถึงโคราชเราค่อยเปิดจีพีเอสก็ได้เนอะ” เขาพูด ขณะนี้พวกเธออยู่บนทางด่วน อยู่บนทางด่วนทับช้าง เห็นป้ายเขียนบอกเอาไว้
“โถ่พี่เมธี ! “ ปรายตามองด้วยรอยยิ้ม “พี่เมธีจะเปิดตั้งแต่อยู่บนทางด่วนก็ได้ ถ้าหาทางออกจากกรุงเทพไม่ได้อ่ะ ถ้าหาทางกลับบ้านตัวเองไม่ได้ค่อยเปิด ซังเฮ้ย ! ฮา “ พูดกลั้วหัวเราะ เขาเองก็หัวเราะตาม
“เอ๋าลืมน้อ ! บ่ค่อยได้มาทางหนิแหมะหล่า”
“นภาจำได้ ! เดี๋ยวนภาบอกทางเอง คิดถึงแม่เลยอ่ะ คิดถึงที่อยู่เก่าสมัยเด็ก ๆ แม่อยู่แถวนี้แหละ พาแวะลำลูกกาหน่อยดิ จะไปหายายดาว” พรนภาพูดถึงยายเจ้าของบ้านเช่าที่แม่เช่าอยู่มานมนาน ยังจำหน้าได้เสมอ
“จริงอ่ะ แวะเปล่า !” ชวนอะไรเขาก็ไม่เคยจะปฏิเสธเลย ยักคิ้วให้ทำหน้าทะเล้นให้อีก ทว่าเธอก็ชอบ อมยิ้มคืนให้ไป
“พูดเล่น ! พี่เมธีก็ขับตรงไปเลย เนี่ยเราจะไปบางปะอินนะ ถนนกาญจนาภิเษกบางปะอินเบี่ยงซ้ายจ้า ตรงไปเลยจ้า บางปะอินสระบุรีช่องนี้เด้อ นี่ไงถ้าไปหาแม่ก็ไปเส้นนี้เลย” พูดอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นป้ายลำลูกกา ความคิดถึงวันเก่า ๆ มันก็จุกในอกขึ้นมาดื้อ ๆ ความทรงจำที่เคยอยู่ที่นี่ยังชัดเจนทุกอย่าง ตอนเด็ก ๆ เคยตามแม่มาขายกับข้าวก็บ่อย ส่วนเมธีก็ฟังเธอพูดอย่างเพลิน ไม่มีขัดจังหวะอะไรเลย
“เฮ้ย ๆ บางปะอินตกลงเส้นไหน ขึ้นสะพานหรือลงข้างล่างเนี่ย” มัวแต่ฟังเธอพูดเพลินทำให้ลังเลในการตัดสินใจ สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจวิ่งตามถนนด้านล่าง ทว่ามันก็ยังมีป้ายชี้บอก “พลาดแล้ว ค่อยหาทางออกก็แล้วกัน “ เขาบ่นอุบอิบ
“เอ๋า… พี่เมธีจะตกใจทำไม มันก็มาทางเดียวกันแหละ เส้นนี้มันก็จะวิ่งวนขึ้นไปข้างบนเส้นเดียวกันอยู่ดีเห็นมั้ย นั่นน่ะเส้นที่เบี่ยงขวามันตรงไปขึ้นสะพานข้างบน ส่วนเราวิ่งมาจากข้างล่าง เนี่ยก็มาบรรจบกันอยู่ดี แล้วเราก็จะผ่านบริษัทเบียร์ช้างด้วย นภาจำได้ แล้วก็จะลงทางด่วนตรงรังสิต ตรงวังน้อยมั้ง” เธอพูดอย่างคนใจเย็น นึกตลกกับท่าทางตกใจของเขา พรนภาหันมองไปด้านหลัง เป็นถนนที่คุ้นเคย ถนนที่วิ่งไปยังบ้านเก่าที่แม่เคยอยู่
“อ่อ จำได้แล้ว นึกว่าลงผิด ลงผิดชีวิตเปลี่ยนเลยนะเนี่ย” เขาพูด ส่วนเธอยิ้มให้อย่างนึกเอ็นดู
“เนี่ยบ้านแม่ไปทางนี้ก็ได้ วิ่งเส้นนี้ตรงไปก็เลี้ยวสนามกีฬาธูปะเตมีย์ ผ่านคูคตไปก็เป็นลำลูกกาบ้านแม่แล้ว คิดถึงว่ะพี่เมธี คิดถึงจริง ๆ นะ น้ำตาจะไหลแล้วเนี่ย บอกอาการไม่ถูก ถ้าตรงไปไม่เลี้ยวมันก็เป็นดอนเมือง แม่พาไปขายกับข้าวหมดแหละแถวนั้น ”
“อยากกลับมาอยู่มั้ย” จู่ ๆ เขาก็ถาม
“อือ มาก ! “ ยักคิ้วพร้อมตอบไปด้วย
“ฝันไปเถอะน้องหล่า มีตะอ้ายสิพากลับไปอยู่บ้านเฮานั่นล่ะ ฮา “ พูดปนหัวเราะให้เธอ เธอจึงค่อนขอดให้ทีหนึ่ง แล้วจะถามทำไมเนี่ย
“เวลาแม่กลับบ้าน กลับบ้านนอกน่ะ แม่ชอบพานภามาเส้นนี้ เส้นนี้แหละ ไม่ขึ้นทางด่วน แต่พอเวลาขามาจากบ้าน แม่ชอบพาขึ้นทางด่วน ทางที่เรามากันนั่นแหละ ก็ไปลงแยกเข้าลำลูกกาไง ที่นภาชี้ให้ดู” เธอพูดต่อด้วยรอยยิ้มแห่งความคิดถึง
เขาเองก็ปล่อยให้เธอเล่าให้ฟังสบาย ๆ ไม่เบื่อที่จะฟังเลยสักครั้ง เห็นแววตาและรอยยิ้มเวลาที่เธอเล่าเรื่องอะไรก็ตามให้ฟัง ดูเธอมีความสุขในการเล่าเสมอ มีหรือเขาจะไม่ตั้งใจฟัง เพื่อส่งเสริมความสุขนั้นแด่เธอ
“ได้บรรยากาศเหมือนเรากำลังกลับบ้านเลยเนอะน้อง ปะกลับบ้านกัน “ เขาพูดปนยิ้ม หันมายิ้มให้ก็รีบหันกลับไปมองถนนอีก
“นอนแค่คืนเดียวเนี่ยนะ แต่ ! นภาเอาชุดมาเยอะอยู่นะ ฮา “ พวกเธอทั้งสองคนหัวเราะให้กัน “กลับไปก็โดนกักตัวอยู่ดี ไม่กลับดีกว่า “
“เอ้า ใครจะมากักตัวเรา ถ้าเรากลับใช่มั้ยก็น่าจะถึงประมาณห้าโมงเย็น นอนคืนเดียว บ่าย ๆ ก็กลับมา “ เขายังพูดต่อ เธอเองก็ลังเล หรือจะเอาแบบนั้น หรือจะกลับบ้านดีนะ
“โห่ ไปกลับ ! พี่เมธีจะไม่เมื่อยเหรอ แต่ เอาไหมล่ะ ฮา “ พวกเธอหัวเราะให้กันอีกเมื่อพูดจบ “ไม่ดีกว่า เมื่อยแน่เลย “
“บรรยากาศมันได้มากเลยนะคะ นี่พี่คิดว่าพี่กำลังขับรถกลับบ้านมากเลยนะน้อง เราก็ไม่ต้องเข้าบ้านไง เราก็ไปสวนของแม่กันเลย มีไฟฟ้ามีอะไรแล้วหนิ ไปถึงเราก็นอนที่นาของน้องกัน ไม่มีใครมากักตัวเราหรอก ตื่นเช้าเราก็กลับ ฮา “ เมธีพูดถึงที่สวนของเธอ หลังจากที่แม่ของเธออำลาอาชีพแม่ค้าในกรุง ก็หันไปทำสวนที่บ้านนอก ปลูกผลไม้และพืชเศรษฐกิจมากมาย
“พูดไป ! เอามั้ยล๊า ฮา “ พูดอีกพวกเธอทั้งสองคนก็หัวเราะให้กันและกันอีก “พี่เมธีเดี๋ยวขับไปเรื่อย ๆ เลย พอเห็นป้ายอำเภอปากช่องก็เลี้ยวเลยนะ แล้วเราค่อยเปิดจีพีเอส”
“อือ ทางด่วนมันอยู่ตรงไหนนะน้อง เขาให้ขึ้นมั้ย เออว่าแต่ปากช่องกับสีคิ้วอันไหนมันถึงก่อนกันนะ” เขาถาม
“เอ๋า ! ก็ปากช่องตั้วน้อถึงก่อน ส่วนทางด่วนเหรอ นู่น ! ออกจากสระบุรีก่อน มันต้องขึ้นอยู่แถว ๆ ลำตะคองนะถ้านภาจำไม่ผิด ไม่ต้องขึ้นหรอก ว่าแต่ทำไมพี่เมธีถามถึงอำเภอสีคิ้วอ่ะ” เธอถามอย่างสงสัย